SCN ย้ำผลงานเด่นจากทุกประเภทธุรกิจในเครือ

บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้นำด้านธุรกิจพลังงาน พลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือก กลับมาอีกครั้งกับกิจกรรมบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์ (Opportunity Day) ในวันที่ 16 มิถุนายน 2564 โดยนางสาว ยุกานดา วิทยานันท์ นักลงทุนสัมพันธ์ รายงานผลงานของบริษัทจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างน่าชื่นชมเมื่อช่วงไตรมาสที่ 1/2564  และผลงานใหม่ที่น่าจับตามอง

โดยในไตรมาสที่ 1/2564 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 377.3 ล้านบาท โดยคิดเป็น EBITDA จำนวน 83.8 ล้าบาท เพิ่มขึ้น 46.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลผลักดันกำไรสุทธิใน Q1/2564 เท่ากับ 23.2 ล้านบาท เติบโต 782% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลจากการที่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ในการดำเนินงาน เน้นการจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและหาช่องทางใหม่ๆสร้างโอกาสในการดำเนินงานเพื่อรายได้และผลกำไรที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทุกประเภทธุรกิจภายใต้เครือ SCN ต่างสร้างผลงานได้อย่างดีคือ

1.ธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น โดยเป็นปัจจัยบวกจากการที่ลูกค้าภาคอุตสาหกรรมสามารถรับมือกับสถานการณ์โควิดได้ดีขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้ผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติในภาพรวมดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจก๊าซธรรมชาติอัดสำหรับอุตสาหกรรม หรือ iCNG

2.ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ที่มีโรงไฟฟ้ามินบูและโรงไฟฟ้าแบบติดตั้งบนหลังคาภายใต้การดำเนินงานผ่านบริษัทย่อย “สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์” ต่างดำเนินงานได้ตามแผนและสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่อง

3.ธุรกิจยานยนต์ สามารถทำรายได้ให้อย่างต่อเนื่องจากการซ่อมบำรุงที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมทั้งบริษัทยังได้เริ่มดำเนินธุรกิจจำหน่ายอะไหล่ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจยานยนต์ ซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมผลประกอบการให้บริษัทนับจากนี้

4.ธุรกิจขนส่ง ที่สามารถทำรายได้ได้ดีกว่าไตรมาสก่อนหน้าถึง 7.5% และธุรกิจอื่นๆ ที่เสริมเข้ามาเพื่อช่วยสนับสนุนด้านการดำเนินงานของบริษัทให้มีสีสันและมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจมากขึ้น ได้แก่ บริษัท สแกน ไอซีที จำกัด (SCAN ICT) และ บริษัท สแกน เมดิเฮิร์บ จำกัด ซึ่ง Scan ICT ผลงานสะสมมูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาทแล้ว ในขณะที่ สแกน เมดิเฮิร์บ อยู่ระหว่างการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะเข้าไปมีส่วนร่วมในตลาดกัญชา-กัญชง ที่มีมูลค่าสูงและมีโอกาสการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

“ซัยโจ เด็นกิ” ชูนวัตกรรมป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อจากผู้ป่วยโควิด

ซัยโจ เด็นกิ ตระหนักถึงความรุนแรงของผลกระทบของสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ที่มีต่อการใช้ชีวิตของประชาชนและการให้บริการทางการแพทย์   เร่งพัฒนานวัตกรรมระบบแลกเปลี่ยนอากาศความดันลบ (Negative Pressure) เพื่อใช้ป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ให้ปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจนสำเร็จ พร้อมต่อยอดนวัตกรรมด้วยการขยายบริการไปยังหอผู้ป่วยทั่วไป สถานที่ทำงานและบ้านอยู่อาศัย  หวังช่วยลดโอกาสการติดเชื้อและการมีสุขภาวะด้านอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ของสังคมไทยแม้ภายหลังจากโรคระบาดผ่านพ้นไปแล้ว (Post Covid-19) เผยภูมิใจที่อุตสาหกรรมไทยสามารถพัฒนาเทคโนโลยีระบบแลกเปลี่ยนอากาศที่มีความซับซ้อนด้วยตนเอง

นายสมศักดิ์ จิตติพลังศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัยโจ เด็นกิ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า จากวิกฤติของโรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย “ซัยโจ เด็นกิ” มีความห่วงใยในความปลอดภัยของบุคคลกรทางการแพทย์และของประชาชน จึงเร่งพัฒนานวัตกรรมระบบแลกเปลี่ยนอากาศความดันลบ (Negative Pressure) เพื่อใช้ป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ให้ปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจนสำเร็จ โดยนวัตกรรมระบบแลกเปลี่ยนอากาศดังกล่าวพัฒนามาจากเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์ที่ “ซัยโจ เด็นกิ” มีประสบการณ์มากว่า 15 ปี  ซึ่งระบบนี้สามารถควบคุมทิศทางการไหลเวียนของอากาศภายในห้อง จากบุคลากรทางการแพทย์ (โซนสะอาด) ไปยัง ผู้ป่วย COVID-19 (โซนเชื้อโรค) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสเกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากผู้ป่วยมาสู่บุคลากรทางการแพทย์  ด้วยการนำอากาศใหม่ 100% (Fresh Air) เติมเข้าสู่ภายในห้องตลอดเวลา เพื่อลดปริมาณเชื้อโรคภายในห้องอย่างรวดเร็ว และทำให้ระบบดังกล่าวสามารถปรับความชื้นสัมพัทธ์ และมีประสิทธิภาพในการสร้างแรงดันลบ (Negative Pressure) ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานของ WHO และ CDC สหรัฐอเมริกา เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคจากภายในห้อง ไหลออกสู่บริเวณภายนอก เช่น ชุมชน หรือส่วนอื่นๆภายในโรงพยาบาล

ตั้งแต่ต้นปี 2564  ซึ่งอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิดแพร่ระบาด  บริษัท ‘ซัยโจ เด็นกิ’ ได้ติดตั้งระบบแลกเปลี่ยนอากาศด้วยระบบความดันลบให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ไปแล้วรวมกว่า 1,000 เตียงทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนอาคารท่านผู้หญิงประภาศรี กำลังเอก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่มีอายุร่วม 37 ปี ซึ่งเดิมรองรับได้แค่ผู้ป่วยธรรมดา ปรับให้ดีขึ้นเป็นหอรับผู้ป่วยวิกฤติ Covid-19 ได้จำนวนมากถึง 41 เตียง มูลค่ากว่า 26 ล้านบาท โดยใช้เวลาติดตั้งเพียงแค่ 10 วัน เท่านั้น

นอกจากการพัฒนานวัตกรรมระบบแลกเปลี่ยนอากาศเพื่อใช้ป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ให้ปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจากเชื้อโควิดจนสำเร็จแล้ว “ซัยโจ เด็นกิ” ยังได้ต่อยอดนวัตกรรมดังกล่าวด้วยการขยายบริการไปยังหอผู้ป่วยทั่วไป รวมถึงในสถานที่ทำงานและบ้านอยู่อาศัย    เพื่อช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อในสถานพยาบาล รวมถึงการมีสุขภาวะด้านอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ของสังคมไทย แม้ภายหลังจากโรคระบาดผ่านพ้นไปแล้ว  (Post Covid-19)

“นับเป็นความสำเร็จและความน่าภาคภูมิใจของอุตสาหกรรมไทยที่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่มีระบบแลกเปลี่ยนอากาศที่มีความซับซ้อนด้วยตนเอง ซึ่งทาง “ซัยโจ เด็นกิ” ได้จดสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญานี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  นอกจากนี้ระบบนี้ยังได้ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพโดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ว่ามีความปลอดภัยต่อบุคลากรทางการแพทย์และชุมชน อีกด้วย” นายสมศักดิ์ กล่าว

“สหพัฒน์” ร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยพ้นวิกฤตโควิด-19

นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ ประเทศไทยยังต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะจบลงเมื่อใด โดยมีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มขึ้นทุกวัน และโควิดยังส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งการดำเนินชีวิตและเศรษฐกิจ ช่วงนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่คนไทยทุกคนต้องร่วมใจช่วยกันหยุดยั้งการระบาด หากใครมีกำลังที่จะช่วยเหลือสังคมได้ก็อยากเชิญชวนให้มาร่วมกัน ในส่วนของสหพัฒน์ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มาตั้งแต่ปี 2563 ที่เริ่มมีการระบาด และปีนี้ยังได้ร่วมกับ 5 องค์กร คือ สำนักการแพทย์และสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร, สภากาชาดไทย, โรงพยาบาลวชิรพยาบาล, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และเดอะมอลล์ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ และช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด ผู้ป่วยติดบ้าน ผู้พิการ ผู้สูงวัย และผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ โดยได้มอบผลิตภัณฑ์และเงิน รวมมูลค่ากว่า 3.5 ล้านบาท

โดยความช่วยเหลือที่ส่งไปยัง สำนักการแพทย์ และสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร นั้น สหพัฒน์ได้มอบปลากระป๋องซื่อสัตย์ 1,000 กระป๋อง น้ำแร่มองต์เฟลอ 1,000 ขวด ในนามกลุ่ม SAHAGROUP Health Care & Wellness เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ในการดูแลผู้ป่วยในสถานพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร และชุมชนในเขตกรุงเทพมหานคร ในส่วนของ สภากาชาดไทย ได้สนับสนุนโครงการมอบธารน้ำใจสู่ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ทั่วประเทศ โดยมอบบะหมี่ซื่อสัตย์ 300,060 ซอง น้ำเต้าหู้โทฟุซัง 50,400 กล่อง เพื่อมอบให้กับผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยติดบ้าน ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทางด้าน โรงพยาบาลวชิรพยาบาล ได้มอบเงิน 1 ล้านบาท ให้กับโครงการเตียงต่อชีวิต ผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อสร้างห้องความดันลบรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ในภาวะวิกฤต

สำหรับการร่วมมือกับ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ได้ร่วมสนับสนุนในโครงการถุงปันยิ้ม โดยมอบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า 4,860 ซอง บิสชิน 690 กล่อง ปลากระป๋องซื่อสัตย์ 1,600 กระป๋อง นมถั่วเหลืองมารูซัน 960 กล่อง เจลแอลกอฮอล์ซื่อสัตย์เพื่อชาติ 720 หลอด เพื่อมอบให้ชุมชนในกรุงเทพมหานคร ส่วนความร่วมมือกับ เดอะมอลล์ ซึ่งได้จัดพื้นที่สาขาบางแค บางกะปิ เป็นสนามฉีดวัคซีนนั้น ทางสหพัฒน์ได้มอบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซื่อสัตย์ 180 ถ้วย ริวอง 2,400 ถ้วย นมถั่วเหลืองมารูซัน 1,440 กล่อง น้ำแร่มองต์เฟลอ 1,440 ขวด ทุกเดือน เพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ที่มาให้บริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน

“สหพัฒน์หวังว่าผลิตภัณฑ์และเงินบริจาคในครั้งนี้จะช่วยบรรเทาความเดือนร้อนให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบและเป็นกำลังใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ในการต่อสู้กับวิกฤตโควิด เราหวังว่าความร่วมมือร่วมใจของคนไทยในการช่วยเหลือกัน จะทำให้สถานการณ์การระบาดคลี่คลาย เพื่อที่ทุกคนจะได้เดินหน้าใช้ชีวิตตามปกติและเศรษฐกิจของไทยกลับมาฟื้นตัวโดยเร็ว” นายบุญชัย กล่าว

แนะวิธีสังเกต-ป้องกันผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมผู้สูงอายุ

โรคสมองเสื่อม หรือ ภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ คือโรคที่ผู้ป่วยมีความเสื่อมถอยของการทำงานของสมองในภาพรวมซึ่งเกิดจากการสูญเสียเซลล์สมองหลายส่วน ผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อมจะมีปัญหาในการทำงานของสมองขั้นสูง 6 ด้าน คือ ด้านสมาธิ ด้านการคิด ตัดสินใจ ด้านความจำ ด้านการใช้ภาษา ด้านมิติสัมพันธ์ และด้านการเข้าสังคม โรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุกำลังจะเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของไทย กรมสุขภาพจิตพบว่าผู้สูงวัยในไทยสมองเสื่อมกันมากถึง 8 แสนกว่ารายในปัจจุบัน ปู่ย่าตายายของเราที่อายุ 80 ขึ้นไป กว่าร้อยละ 50 มักมีอาการสมองเสื่อม ลูกหลานต้องช่วยกันดูแลอย่างเป็นพิเศษด้วยความใจเย็น

แพทย์หญิงรุ่งทิพย์ ชัยธีรกิจ แพทย์ชำนาญพิเศษด้านประสาทวิทยา ศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลนครธน

แพทย์หญิงรุ่งทิพย์ ชัยธีรกิจ แพทย์ชำนาญพิเศษด้านประสาทวิทยา ศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลนครธน เผยถึงวิธีการสังเกตเบื้องต้นว่าลูกหลานสามารถช่วยกันสังเกตผู้สูงอายุที่บ้านได้ว่าเข้าข่ายภาวะสมองเสื่อมหรือไม่ อาทิ ผู้สูงอายุมีอาการหลงลืม สับสนเรื่องเวลาหรือสถานที่อาจลืมว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ใดและเดินทางมายังสถานที่นั้นได้อย่างไร ไม่สามารถรับรู้หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ใช้ภาษาผิดปกติ บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง เช่น ซึมเศร้า เฉื่อยชา โมโหฉุนเฉียวง่ายโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน พฤติกรรมเหล่านี้อาจเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนการเข้าสู่ภาวะสมองเสื่อมของผู้สูงอายุในครอบครัวซึ่งผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมจะสูญเสียการทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอนไปและมีการสูญเสียความจำระยะสั้นย้อนกลับไปถามคำถามเดิมซ้ำ ๆ ทั้งที่เพิ่งพูดคุยกันภายใน 5-10 นาทีที่ผ่านมา มากกว่านั้น เกิดหลงทางขึ้นมาแม้เป็นเส้นทางที่ตนคุ้นเคยมาทั้งชีวิตและผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการทางจิตประสาท เช่น หูแว่ว ภาพหลอน เข้าใจว่ามีคนคิดจะมาทำร้ายตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นความอันตรายให้กับผู้สูงอายุในระดับนึง หากผู้สูงอายุมีอาการดังกล่าว แม้อย่างใดอย่างหนึ่งก็ตาม ลูกหลานควรดูแลและพาผู้สูงอายุมาพบพร้อมปรึกษาแพทย์ทันที ทั้งนี้โรคสมองเสื่อมสามารถป้องกันได้โดยควรกระตุ้นสมองให้ทำงานทั้ง 6 ด้าน ด้วยการทำกิจกรรมฝึกสมองบ่อย ๆ เช่น ทำกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ดูแลสุขภาพจิตให้ดีร่วมกิจกรรมทางสังคมที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ทำงานอาสาสมัคร  เข้าร่วมชมรมต่าง ๆ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ เดินในที่อากาศปลอดโปร่ง กิจกรรมเหล่านี้ก็สามารถช่วยให้ผู้สูงอายุห่างไกลจากโรคสมองเสื่อมได้ แพทย์หญิงรุ่งทิพย์ กล่าวสรุป

การรักษา แพทย์จากศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลนครธน จะทำการซักประวัติเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมที่บ่งบอกถึงความถดถอยด้านการทำงานของสมอง ทดสอบสมองเพื่อวัดสมรรถภาพการทำงานประเมินความบกพร่องในการรับรู้เพื่อใช้วินิจฉัยโรค ร่วมกับการตรวจร่างกายและเลือกการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการที่เหมาะสม เพื่อให้การวินิจฉัยแยกโรคที่ถูกต้องว่าผู้ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมหรือไม่ และมีสาเหตุจากอะไร โดยการตรวจในห้องปฏิบัติการจะประกอบไปด้วย การตรวจเลือด การตรวจภาพสมองด้วยเครื่อง Computed Tomography (CT) หรือ Magnetic Resonance Imaging (MRI) การรักษาจะประกอบด้วยการให้ยาที่ทำให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นและชะลอการดำเนินโรคให้ช้าลง ซึ่งมักจะได้ผลกับผู้ป่วยในระยะเริ่มแรก ร่วมกับการให้ยารักษาอารมณ์และพฤติกรรมที่ผิดปกติในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง การรักษาด้วยเครื่องกระตุ้นสมองด้วยกระแสไฟฟ้าอย่างอ่อนเพิ่มความจำและความสามารถของสมอง เป็นต้น

การมีคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการดูแลผู้ป่วย เพราะเป็นงานหนักที่เหนื่อยทั้งกายและใจ ศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลนครธน พร้อมให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม พร้อมให้ความรู้แก่ลูกหลานที่ต้องดูแลผู้สูงอายุในบ้าน มุ่งเน้นให้บริการตามมาตรฐานและการดูแลด้วยความใส่ใจ เพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาด้านสมองและระบบประสาทมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดีขึ้นไปพร้อม ๆ กัน โดยทีมแพทย์สหสาขาวิชาชีพ ที่มีความชำนาญการในการรักษาเฉพาะทาง ตลอดจนและบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวสมองและระบบประสาทโดยเฉพาะ

โรงพยาบาลนครธน ตั้งอยู่ในทำเลย่านพระราม 2 สะดวกเข้าถึงง่าย และเปิดการสื่อสารสะดวกหลากหลายช่องทางสำหรับทุกเจนเนอเรชันทั้งผ่านระบบโทรศัพท์ โทร02-450-9999บริการคอนแทคเซ็นเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมงและออนไลน์แพลตฟอร์มทางเว็บไซต์ www.nakornthon.com สามารถนัดหมายแพทย์เฉพาะทางและ บริการถาม-ตอบปัญหาสุขภาพผ่าน LINE official @Nakornthon Hospital และเฟซบุ๊กเพจ FB: Nakornthon Hospital บริการให้ข้อมูลรวมถึงติดตามข่าวสารและข้อมูลการรักษาเพิ่มเติมได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้โรงพยาบาลยังเข้าถึงผู้รับบริการต่างชาติ(กลุ่มคนจีน) ผ่านทางว็บไซต์ Weibo และ WeChat ตอบโจทย์คนในแต่ละพื้นที่บริการได้อย่างครบครัน   ด้วยการดูแลอย่างเข้าใจดุจญาติมิตรทุกขั้นตอนจากการตรวจรักษาไปจนถึงการฟื้นฟูด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ มุ่งเน้นให้ความคุ้มค่าเหนือราคา

เจ้าตูบสายพันธุ์ไหนบ้างนะที่พบปัญหา “โรคข้อสะโพก”

ทาสตูบทั้งหลายฟังทางนี้ โดยเฉพาะทาสมือใหม่ที่กำลังจะมองหาเจ้าตูบสักตัวมาเลี้ยง และกำลังตัดสินใจอยู่ แต่การที่จะเลี้ยงน้องหมาสักตัวใช่ว่าอยากเลี้ยงก็เลี้ยงได้เลยนะ เจ้าของสุนัขควรจะศึกษาก่อนว่ามีความเสี่ยงอะไรบ้างที่อาจเกิดขึ้นก่อนจะเริ่มเลี้ยงสุนัข วันนี้ทางโรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชันมีเรื่องราวเกี่ยวกับ “โรคข้อสะโพกเสื่อม” โรคที่เจ้าของสุนัขทุกคนไม่ควรมองข้ามมาฝาก

น.สพ.บูรพงษ์ สุธีรัตน์ (หมอตั๋ง) สัตวแพทย์แผนกระบบกระดูกและข้อต่อโรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน

โรคข้อสะโพกเสื่อม (Hip dysplasia)  เป็นโรคที่พบได้บ่อยในเพื่อนสี่ขาของเราทุกสายพันธุ์ โรคนี้เกิดจากความผิดปกติของข้อต่อบริเวณสะโพกซึ่งก่อให้เกิดการเสื่อมของข้อต่อตามมา และอาการจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละพันธุ์ เพศ และอายุของสุนัข โดย น.สพ.บูรพงษ์ สุธีรัตน์ (หมอตั๋ง) สัตวแพทย์แผนกระบบกระดูกและข้อต่อโรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน ให้ความรู้ว่า สุนัขทุกสายพันธุ์มีโครงสร้างกระดูกที่เหมือนกันหมด โดยส่วนขาหน้าและบริเวณเชิงกรานที่มีข้อสะโพกจะรับน้ำหนักได้ 60% และขาหลังจะรับน้ำหนักได้ 40% ของน้ำหนักตัว เมื่อสุนัขเริ่มมีปัญหาข้อสะโพกเสื่อมจนก่อให้เกิดการเจ็บปวดตามข้อต่อต่าง ๆ ในร่างกายทุกส่วน จะทำให้เขาไม่มีความสุขในการเดินหรือวิ่ง

หลังจากทำความรู้จักกับโรคข้อสะโพกเสื่อมกันไปคร่าว ๆ แล้ว เรามาดูกันว่าน้องหมาสายพันธุ์ไหนบ้างนะ? ที่มีโอกาสเสี่ยงจะเป็นโรคนี้ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมและเตรียมรับมือในการดูแลเจ้าตูบของเรากัน

โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)

1.โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)

ด้วยความเป็นสุนัขพันธุ์ใหญ่ พี่ใหญ่ใจดีอย่างโกลเด้นเลยมีโอกาสที่จะเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกได้ง่าย อีกทั้งยังเป็นสุนัขที่มีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างสายพันธุ์อยู่แล้ว คนที่เลี้ยงโกลเด้นยิ่งต้องเอาใจใส่มาก ๆ คอยหมั่นสังเกตพี่เด้นเขากันด้วยนะ

ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)

2.ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)

ลาบราดอร์เป็นสุนัขรักสนุก กระตือรือร้น ช่างเอาอกเอาใจ จึงไม่แปลกใจที่จะเห็นสุนัขพันธุ์นี้เป็นเพื่อนซี้สี่ขาคู่หูของหลายครอบครัว แน่นอนว่าด้วยพันธุกรรมของเขาจึงทำให้มีโอกาสเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคข้อสะโพกเสื่อม ถ้าครอบครัวไหนเห็นเขาเริ่มซึม ไม่ค่อยเดินหรือวิ่ง ควรพามาพบแพทย์เพื่อตรวจอาการ

ปอมเมอเรเนียน (Pomeranian)

3.ปอมเมอเรเนียน (Pomeranian)

สุนัขพันธุ์เล็กแสนดื้ออย่างปอมเมอเรเนียนก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคข้อสะโพกเสื่อมได้เหมือนกัน ปกติน้องจะมีพลังล้นเหลือ ร่าเริง เห่าเก่ง โดยเฉพาะเห่าใส่สุนัขพันธุ์ใหญ่ทั้งที่ตัวเองตัวเล็กกว่าเขา เพราะฉะนั้นถ้าเห็นเขาไม่ซ่าแบบปกติที่เคยเป็นเช่น เดินลากขา เดินโหย่งขา หรือไม่เดินเลย จึงควรนำมาพบแพทย์เช่นกัน

เยอรมัน เชพเพิร์ด (German Shepherd)

4.เยอรมัน เชพเพิร์ด (German Shepherd)

เยอรมัน เชพเพิร์ด เป็นสุนัขสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่และขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงว่องไว จึงมักได้เป็นสุนัขตำรวจ สุนัขอารักขา สุนัขช่วยในสงคราม หรือสุนัขที่ช่วยตรวจจับระเบิดและยาเสพติด แต่กลับมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาสุขภาพอย่างโรคข้อสะโพกเสื่อมสูง จึงทำให้เยอรมัน เชพเพิร์ด ต้องผ่านการตรวจรับรองข้อสะโพกก่อนที่จะทำหน้าที่ต่าง ๆ

ไซบีเรียน ฮัสกี้

5.ไซบีเรียน ฮัสกี้

ไซบีเรียนเป็นสุนัขร่าเริงตามปกติของสายพันธุ์ และเป็นพันธุ์ที่มักจะเป็นโรคข้อสะโพกเสื่อมเช่นกัน หากสังเกตเห็นถึงความผิดปกติในการเดินของเขา หรือเขาไม่สามารถนั่งท่าสุนัขปกติได้ จึงควรรีบมาพบแพทย์ก่อนที่อาการจะรุนแรงจนอาจถึงขั้นพิการได้หากไม่ได้รับการรักษา

นอกจากสายพันธุ์ดังกล่าวแล้ว สายพันธุ์อื่นๆไม่ว่าจะเป็นน้องหมาพันธุ์ใหญ่ พันธุ์เล็ก รวมไปถึงน้องแมว ก็สามารถพบปัญหา “โรคข้อสะโพกเสื่อม” ได้เช่นกัน  สัตว์ทุกตัวเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถเจ็บป่วยได้เหมือนกับมนุษย์ หากเจ้าของหมั่นเอาใจใส่สุนัขของตนและคอยสังเกตอาการก็จะสามารถพาน้องหมามารักษาโรคนี้ได้ทันการก่อนที่จะเกิดอาการป่วยมากขึ้นกับน้องหมาของทุกคนได้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-887-8321-3 , Facebook : https://www.facebook.com/talingchanpetfanpage   หรือทาง Line :  @Talingchanpet

ท็อปส์ สนับสนุนให้คนไทยฉีควัคซีนป้องกันโควิด-19

ท็อปส์ และ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งรณรงค์สนับสนุนให้คนไทยเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ลดการแพร่ระบาด หยุดเชื้อเพื่อชาติ ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้คนในประเทศ รวมถึงส่งผลบวกต่อความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจไทย ช่วยลดภาระหมอและพยาบาล รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์

ขอมอบสิทธิพิเศษแทนคำขอบคุณในการร่วมกันฝ่าฟันวิกฤติโควิด-19 นี้ สำหรับผู้ที่ผ่านการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพียงแสดงบัตรประชาชน พร้อมหลักฐานการฉีดวัคซีน รับฟรี! เครื่องดื่มเป๊ปซี่ ขนาด 22 ออนซ์ 1 แก้ว มูลค่า 25 บาท ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. – 31 ส.ค. 64 ที่จุดเครื่องดื่ม Tops Drink ท็อปส์ มาร์เก็ต สาขา เซ็นทรัลพลาซา พระราม 9, พระราม 2, พระราม 3, ปิ่นเกล้า, เวสต์เกต, รามอินทรา, โรบินสันฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, เซ็นทรัลฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, แฟชั่นไอซ์แลนด์, เอสพลานาด, ศรีนครินทร์, วันโอวันเดอะเทริ์ดเพลส, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ สาขา เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว, บางนา และอีสต์วิลล์

ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.tops.co.th , เฟซบุ๊ก TopsThailand และ Central Food Hall หรือ แอปพลิเคชันไลน์ @TopsThailand, Central Food Hall

อร่อยระดับตำนาน ร้านเด็ด ร้านดัง@เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์

ศูนย์อาหารฟู้ด  เลเจ้นด์ส บาย เอ็มบีเค  (Food Legends By MBK) แค่ชื่อก็ไม่ใช่ฟู้ดคอร์ท ธรรมดา!! เพราะเป็นศูนย์กลางความอร่อย รวมอาหารชื่อดังระดับตำนานไว้มากมาย ล่าสุดปักหมุดสาขาใหม่ เดอะไนน์ เซ็นเตอร์  ติวานนท์ พร้อมยกร้านอาหารชื่อดังระดับตำนาน ทั้งจากกรุงเทพฯ ปทุมธานี และจังหวัดใกล้เคียง บนพื้นที่กว่า 2,900 ตร.ม. ด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ตกแต่งที่จัดสรรพื้นที่ในแต่ละมุม ได้เป็นสัดส่วน บรยากาศภายในที่ตกแต่งศูนย์อาหารด้วยต้นไม้ ร่มรื่นสบายตา พร้อมเห็นวิวสนามกอล์ฟบางกอก กอล์ฟ คลับ มองเห็นทะเลสาบขนาดใหญ่

ร้านเล็กต้มเลือดหมู

ขอเริ่มที่ ร้านเล็กต้มเลือดหมู เจ้าเก่าสะพานควาย เปิดขายมากว่า 40 ปี เมนูเด็ด เกาเหลาเลือดหมู ก๋วยจั๊บน้ำใส  ทีเด็ดตรงเครื่องในจะไม่มีกลิ่นคาว ส่วนน้ำซุปรสชาติเข้มข้นกำลังดี หอมพริกไทย  ซดคล่องคอเลยทีเดียว สำหรับราคารเริ่มต้น ชามละ 50 บาท บอกเลยว่าเครื่องมาแน่น ๆ เน้น ๆ 

ร้านครัวป้าพร

ร้านครัวป้าพร อีกหนึ่งร้านอาหารใต้ที่อยากให้คุณได้ลิ้มลอง มีมากมายหลากหลายเมนู เน้นวัตถุดิบ สด ใหม่ รสชาติหรอยครบเครื่อง แต่ไม่เผ็ดมาก ด้วยเมนูที่หลากหลาย ปรุงด้วยสูตรเฉพาะของทางร้าน โดยเมนูยอดฮิต ปลาดุกผัดพริกขิง แกงส้มปลากระพงยอดมะพร้าวอ่อน ปลาทูต้มสมุนไพร ยิ่งทานคู่กับข้าวสวยร้อน อย่าง ข้าวหอมมะลิ 100% คัดพิเศษ “ข้าวมาบุญครอง” ที่ทางร้านเลือก บอกเลยว่าฟินทุกคำเลยจ้า

กุยช่ายเจ๊มล

กุยช่ายเจ๊มล ของดังแห่งวัดศาลเจ้าจังหวัดปทุมธานี  ตัวกุยช่ายทำสด ๆ ใหม่ ๆ ทุกวัน แป้งบางและนุ่ม มาพร้อมไส้แน่น ๆ เน้น ๆ  มีให้เลือกหลายไส้ ทั้งกุยช่าย เผือก หน่อไม้ มันแกว รสชาติอร่อยจริงสมคำร่ำลือ ที่สำคัญมาต้องรีบมานะ มาช้าของอาจจะหมดเร็ว เพราะของเขาดีจริง  

ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดเฮียแก้ว

คอก๋วยเตี๋ยวห้ามพลาด ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดเฮียแก้ว สูตรผักหวานสด มาพร้อมเป็ดเนื้อนุ่มละมุนลิ้น เครื่องใน คือ ดีงาม ทั้งไส้ และเลือดเป็ดที่มาเป็นก้อนกำลังดี ไม่มีกลิ่น ส่วน น้ำซุปเคี่ยวออกมากลมกล่อม ที่นอกจากก๋วยเตี๋ยวแล้วยังมีข้าวหน้าเป็ดพะโล้ผักหวาน ทานแล้วฟินไปอีก

ร้าน SayHi คอหมูย่าง

ร้าน SayHi คอหมูย่าง ของดีของเด็ดเมืองปทุม ทานได้ทั้งครอบครัว ทางร้านใช้คอหมูล้วน ๆ 100%  นำมาหมักสูตรพิเศษ หอม นุ่ม อร่อย ตั้งแต่คำแรก ทานพร้อมข้าวเหนียวและน้ำจิ้มแจ่ว บอกเลยว่าหยุดไม่ได้จริง ๆ โดยเมนูที่แนะนำ เป็น Duo size ราคา 169 บาท คอหมูย่างอย่างเดียว (ทานได้ 2 ท่าน) หรือจะเป็น Party size ราคา 279 บาท รายการหมูคละกันได้ (ทานได้ 3-5ท่าน )

ร้าน DARK ลอดช่องชาโคล

ปิดท้ายเอาใจสายหวาน กับ ร้าน DARK ลอดช่องชาโคล ยกระดับความอร่อยล้ำนำเทรนด์  ให้เป็นลอดช่องดำชาโคล เท่านั้นไม่พอ มีลอดช่องโกโก้ ลอดช่องมันม่วงให้ลิ้มลองอีก แถมเพิ่มวาไรตี้ในการทาน จะสูตรกะทิสดน้ำตาลมะพร้าวที่หอมหวาน กำลังดี หรือจะสูตรนมสด ที่กลมกล่อม หวาน มัน ก็อร่อย ตามด้วยท้อปปิ้งให้เลือก อาทิ วิปครีม วิปชีส คาราเมล หรือดาร์คโกโก้ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งความอร่อยที่ต้องลอง

นี่เป็นแค่บางส่วนของร้านเด็ด ร้านดัง ที่เรามาแนะนำ แต่อยากอิ่มแบบจุใจ แวะมานั่งทานไปพร้อมนั่งชมวิวหลักล้านที่ศูนย์อาหาร ฟู้ด เลเจ้นด์ส บาย เอ็มบีเค  (Food Legends By MBK) สาขาศูนย์การค้าเดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์  ชั้น บริเวณ นอร์ธ โซน ขณะเดียวกันทางศูนย์อาหาร ยังคงรักษามาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ โควิด – 19 อย่างเคร่งครัด ปฏิบัติตามนโยบายภาครัฐ โดยเปิดให้นั่งรับประทานอาหาร 25% ของพื้นที่ทั้งหมด มีบริการซื้อกลับบ้านและแบบเดลิเวอรี่อีกด้วย

SUN เสริมแกร่ง จับมือวิสาหกิจปักธงธุรกิจปลูกพืชมูลค่าสูง

บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN ประกาศจับมือวิสาหกิจ เซ็น MOU ครึ่งหลังปี 2564 เตรียมลุยพัฒนาการทำการเกษตรสมัยใหม่ นวัตกรรมการเพิ่มมูลค่าผลผลิตเกษตร และการปลูกพืชมูลค่าสูง อาทิ สมุนไพร กัญชง กัญชา เป็นต้น พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อสุขภาพ ต่อยอดธุรกิจให้เติบโตแบบก้าวกระโดด เชื่อมั่นว่าสัดส่วนรายได้ปี 2564 พุ่งตามเป้าหมาย

นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) หรือ SUN เปิดเผยว่า แนวโน้มผลงานครึ่งหลังปี 2564 ไปในทิศทางดี โดยคาดว่าบริษัทจะมีรายได้จากการขายสินค้าทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น สำหรับในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นสินค้าพร้อมรับประทานเพื่อสุขภาพ วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อเพิ่มอีกหลายไอเทม ได้แก่ ซุปข้าวโพด มันส้มญี่ปุ่นเผา และข้าวต้มมัด ซึ่งมาเสริมสร้างการเติบโตร่วมกับธุรกิจหลักสินค้าข้าวโพดหวานได้เป็นอย่างดี ประกอบกับโครงการอาคารผลิตขนาดเล็กสำหรับสินค้าพร้อมทาน  (Mini Factory) ที่ใกล้แล้วเสร็จและพร้อมเดินหน้าผลิตสินค้าได้ในเดือนมิถุนายนนี้ ก็จะเข้ามาช่วยผลักดันให้ธุรกิจให้มั่นคงแข็งแรงยิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อไตรมาสที่ 2 และไตรมาสที่ 3

ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2564 บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ผลิตลำไยแพะประทาน โดยมี นายอุ่นเรือน คำภิโล ประธานวิสาหกิจ เป็นผู้แทนกลุ่ม ในการลงนามครั้งนี้ กลุ่มวิสาหกิจจะให้ความร่วมมือในการปลูกพืชมูลค่าสูง อาทิ สมุนไพร กัญชง และกัญชา โดย บริษัทจะสนับสนุนพื้นที่ปลูก ในพื้นที่ไร่ตะวันหวาน บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) และการอบรมให้ความรู้ ซึ่งได้ทาบทาม นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ มาถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการด้านการเกษตรและเทคโนโลยีการเกษตร ให้แก่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อยกระดับสู่การเป็นต้นแบบให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนอื่น ๆ

ความร่วมมือในครั้งนี้จะสามารถช่วยต่อยอดธุรกิจ และเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่ง  ในการเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมการเกษตรที่ครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มศักยภาพวิสาหกิจชุมชนให้สามารถเติบโตอย่างเข้มแข็ง เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป

มนต์เสน่ห์มัดใจ : วัฒนธรรมเหนือกาลเวลาของ ‘ฮ่องกง’

ฮ่องกง ถือเป็นเมืองแห่งเอกลักษณ์ที่ผสานรวมความทันสมัยเข้ากับประเพณีอันล้ำค่า แม้เมืองแห่งนี้จะมีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี การเงิน และความพร้อมสรรพด้านสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการด้านสุขภาพที่ไม่เคยตกยุค แต่ฮ่องกงก็ยังรักษาเสน่ห์ของสิ่งเล็กๆ อย่างอาหาร งานฝีมือ และวัฒนธรรมไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าคุณจะเป็นคนฮ่องกงแท้ๆ แต่ดั้งเดิม นักท่องเที่ยว หรือชาวต่างชาติที่ลงหลักปักฐานอยู่ในเมืองแห่งนี้ คุณก็ย่อมมีสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นประเพณีโดยแท้ของฮ่องกงติดตราตรึงใจอยู่แน่นอน

ลินด์เซย์ วาร์ตี นักเขียน นักข่าว และนักรักบี้

ร้านรวง เข่งไม้ไผ่ และไพ่นกกระจอก

ลินด์เซย์ วาร์ตี (Lindsay Varty) เป็นนักเขียน นักข่าว และนักรักบี้ แม้จะเป็นลูกครึ่งมาเก๊า-อังกฤษโดยกำเนิด แต่ก็สามารถพูดได้เต็มปากว่าเธอมีความเป็นชาวฮ่องกงอยู่เต็มหัวใจ และได้ฝากผลงานการเขียนไว้กับหนังสือชื่อ “Sunset Survivors” ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการค้าและเหล่าช่างฝีมือของฮ่องกง สำหรับเธอแล้วสิ่งที่จะทำให้เราได้ดื่มด่ำกับรสชาติที่แท้จริงของฮ่องกงก็คือการได้ไปเยือน ถนนต่ายผ่ายตอง (Dai Pai Dong) “ร้านอาหารอันเป็นเอกลักษณ์เหล่านี้มักจะตั้งอยู่ตามตรอกซอกซอยและลานโล่ง โดยกางกันสาดคลุมด้านบน ตั้งโต๊ะเก้าอี้กันง่ายๆ ใต้กันสาด และเสิร์ฟอาหารฮ่องกงสุดคลาสสิกทุกประเภท ตั้งแต่ขนมปังฝรั่งเศสไตล์ฮ่องกง ไปจนถึงน้ำซุปมะเขือเทศเคี่ยวสำหรับทานคู่กับมักกะโรนีที่อร่อยจนวางไม่ลง”

ลินด์เซย์ ซึ่งเป็นผู้ที่เคยเดินทางไปแล้วทั่วโลก เชื่อว่าอาหารและการตกแต่งที่เรียบง่ายนี้คือสิ่งที่ทำให้ร้านรวงในฮ่องกงมีความพิเศษและแตกต่างจากร้านอาหารที่คุณอาจพบตามที่ต่างๆ ทั่วโลก “ฉันขอแนะนำให้ทุกคนไปเที่ยวที่ต่ายผ่ายตอง! ถ้าได้ไปแล้ว ต้องอย่าพลาดร้านแซงเฮิ้งหยูน (Sing Heung Yuen) ในย่านเซ็นทรัล (Central) เพราะอาหารและการบริการที่นี่เรียกได้ว่าชั้นยอด แถมเจ้าของร้าน คุณไอรีน ลี (Irene Lee) ยังเป็นเพื่อนของฉันเองค่ะ!”

หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตท่ามกลางอาหารเลิศรสและของอร่อยนับไม่ถ้วนในฮ่องกง ลินด์เซย์ยอมรับว่าเธอเป็นแฟนตัวยงของติ่มซำ (ใครบ้างล่ะที่จะไม่ชอบติ่มซำ?) ติ่มซำมักจะนึ่งในเข่งไม้ไผ่ ที่มักผลิตในประเทศจีน แต่ถ้าหากคุณอยากสัมผัสเข่งไม้ไผ่ในรูปแบบศิลปะท้องถิ่นที่หาไม่ได้จากที่ไหน ขอให้คุณได้แวะเวียนไปที่บริษัท Tuck Chong Sum Kee Bamboo Steamer ในไซ้เหย่งผู่น (Sai Ying Pun) เพราะนอกจากจะได้สิทธิพิเศษในการมองดูการสานเข่งของช่างฝีมือแบบใกล้ๆ ผ่านหน้าต่างบานเล็กๆ ของร้าน คุณจะอยากหิ้วเข่งไม้นี้ติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วยซ้ำ! ลินด์เซย์เล่า                  “อาจารย์เรย์มอนด์ แลม บริหารธุรกิจครอบครัวนี้มานานกว่า 40 ปี! โดยเป็นเจ้าของธุรกิจรุ่นที่ 5 เขาทำงานทุกวันตั้งแต่เช้าจรดค่ำเพื่อผลิตเข่งไม้ไผ่ให้กับโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า และครัวเรือนต่างๆ ทั่วฮ่องกง รวมถึงผู้ประกอบการในต่างประเทศ” ลินด์เซย์สังเกตว่า ผู้คนเริ่มมองว่าเข่งไม้เหล่านี้เป็นงานศิลป์ แทนที่จะนำไปใช้นึ่งติ่มซำแบบปกติ หลายคนจึงนำไปใช้เป็นเชิงเทียนบ้าง โคมไฟบ้าง ภาชนะเก็บของบ้าง หรือแม้แต่นำไปประดับผนัง

เธอยังกล่าวเสริมอีกด้วยว่า “เป็นเรื่องที่ดีมากที่ได้เห็นว่าผู้คนหันมาอนุรักษ์งานชิ้นนี้ด้วยการนำไปใช้ ไม่ว่าจะเพื่ออะไรก็ตาม เพราะมันเป็นการทำให้พวกเขาเห็นคุณค่าของความงามและความพิเศษของวัฒนธรรมฮ่องกง อย่างไรก็แล้วแต่ฉันคิดว่าผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังคงจะนำไปใช้นึ่งอาหาร เพื่อสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมเช่นนี้ไม่ให้สูญไปค่ะ”

เมื่อพูดถึงการนำเครื่องจักรมาแทนที่งานฝีมือของมนุษย์แล้ว สิ่งที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือการทำ ไพ่นกกระจอก การเล่นไพ่นกกระจอกเป็นที่นิยมมากในฮ่องกง หลายๆ คนมักจะเล่นกันทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ทราบหรือไม่ว่า ในปัจจุบัน ไพ่นกกระจอกพลาสติกราคาถูกกำลังมาแทนที่ไพ่นกกระจอกทำด้วยมือแบบดั้งเดิม

“การวาดภาพมักใช้เวลาและต้องใช้ความพยายามสูง แถมไพ่นกกระจอกทำมืออาจมีราคาสูงถึงประมาณ 4,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 16,000 บาท) หนึ่งในนักวาดไพ่นกกระจอกแบบดั้งเดิมที่ยังมีชีวิตอยู่คือ อาจารย์ชวง ชุน คิง หรือ “คุณลุงคิง” ที่เรามักเรียกกัน เขาทำงานที่ Biu Kee Mahjong ในจอร์แดน ทุกๆ วันเขาจะแต่งแต้มชุดไพ่นกกระจอก บรรจงลงสีอย่างประณีต และแกะสลักไพ่แต่ละตัวด้วยตัวเองโดยใช้วิธีการแบบดั้งเดิมที่สืบทอดจากบรรพบุรุษของเขามาหลายชั่วอายุ สิ่งที่น่าสนใจก็คือ อาจารย์คิงไม่ทราบวิธีการเล่นไพ่นกกระจอกด้วยซ้ำ เขาบอกว่าเขาต้องอยู่กับไพ่พวกนี้ทั้งวัน ก็เลยไม่อยากจะต้องมานั่งจ้องมันอีกเวลาอยู่ที่บ้าน”

หากคุณสนใจการวาดลวดลายไพ่นกกระจอกแบบดั้งเดิม อย่าลืมมาร่วมเวิร์กชอปกันดูสักครั้ง เพราะศิลปะนี้กำลังค่อยๆ ฟื้นคืนกลับมา คุณสามารถติดต่อไปที่คุณลุงคิง หรือคาเรน อารูบา (Karen Aruba) ได้โดยตรง มาร่วมบ่มเพาะความสัมพันธ์ของคุณกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนานของฮ่องกงไปพร้อมกัน  ขนมกินเล่น กะปิ และเครื่องลายคราม 

คริสติน แคปปิโอ นักเขียนและนักวาดภาพประกอบชาวฝรั่งเศส

ในขณะที่ลินด์เซย์เติบโตในฮ่องกง คริสติน แคปปิโอ (Christine Cappio) นักเขียนและนักวาดภาพประกอบชาวฝรั่งเศสได้บินลัดฟ้ามาตามเสียงหัวใจ หนังสือของเธอ “Gweimui’s Hong Kong Story” บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางของหญิงสาวชาวฝรั่งเศสที่ได้พบเห็นตลาดสดต่างๆ การตกแต่งสีสันสดใส และอาหารที่น่าทึ่ง และแม้ว่าเธอจะยืนกรานว่าไม่ใช่นักกิน (แต่เป็นนักออกแบบเครื่องเคลือบมืออาชีพ) แต่เธอก็ไม่สามารถห้ามใจที่จะไม่ตกหลุมรักไปกับประเพณีด้านอาหารมากมายในเมืองแห่งนี้ได้เลยสักครั้ง

“ฉันชอบเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมอาหารของฮ่องกงและการใช้วัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น อาหารจานพิเศษอย่างหนึ่งที่ฉันชอบทำมากเลยก็คือ ขนมเมีย (Wife Cake)

ตำนานเกี่ยวกับขนมชิ้นนี้เล่าว่า มีภรรยาที่ยอมขายตัวเองเป็นทาสเพื่อช่วยเหลือครอบครัวของเธอ ผู้เป็นสามีจึงเริ่มขายพายชิ้นเล็กๆ สอดไส้แตงโมหวานและอัลมอนด์ จนกระทั่งได้เงินมาพอที่จะนำไปไถ่ตัวของเธอคืน ลองคิดภาพตามกันดูว่า ขนมที่เบานุ่มเช่นนี้จะอร่อยขนาดไหน! ขนมอบดั้งเดิมสไตล์กวางตุ้งนี้สามารถหาซื้อได้ตามร้านเบเกอรี่ฮ่องกง แต่เราขอแนะนำให้คุณเก็บไว้ทานเป็นของว่างคู่กับน้ำชาร้อนๆ สักแก้ว

สิ่งที่คริสตินชอบอีกอย่างหนึ่งก็คือ “เมื่อสองสามปีก่อนฉันได้เรียนทำขนมแป้งนึ่งที่เรียกว่า Tea Cake ซึ่งเป็นหนึ่งในอาหารขึ้นชื่อของชาวฮากกา (หรือ “จีนแคะ”) พวกเขาตั้งรกรากอยู่ทางตอนใต้ของผืนแผ่นดินจีนมายาวนาน และเผยแผ่วัฒนธรรมอาหารมาถึงฮ่องกง อาหารชนิดนี้เป็นแป้งนึ่งชิ้นเล็กๆ ที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว สอดไส้คาวหรือหวานแล้วนำไปนึ่งบนใบตอง โดยแต่ละชิ้นจะแต้มด้วยถั่วลิสงหรือถั่วแดงอยู่ด้านบน”

ขนมแป้งนึ่ง

ขนมแป้งนึ่ง มักจะมาในรูปแบบพร้อมทาน และจะเป็นที่นิยมกันในช่วงเทศกาลเช็งเม้ง หรือเทศกาลเก้าคู่ (Double Ninth) แม้ว่าขนมแป้งนึ่งของชาวจีนแคะจะไม่ได้เป็นที่นิยมทานกันทั่วไปเหมือนขนมเมีย แต่คุณก็สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขนมหวานในไทโอ หรือโรงอาหารในตลาดไทโป

ฮ่องกง มักจะมีความเชื่อมโยงกับอาหารทะเลอยู่เสมอ และส่วนประกอบพื้นฐานในเมนูอาหารมากมาย นับตั้งแต่ข้าวผัดไปจนถึงผัดผักก็คือซอสกะปิรสโอชา แม้ว่าจะเคยเป็นที่นิยมในฮ่องกงอยู่ช่วงหนึ่ง แต่การทำซอสกะปิได้ค่อยๆ สูญไปหลังจากการลากอวนกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายในปี 2556 เนื่องจากทางการต้องการปกป้องทรัพยากรมีค่าทางทะเล ซอสกะปิจึงถือเป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมของฮ่องกงมาตั้งแต่ปี 2557

ณ วันนี้ ยังมีผู้ผลิตท้องถิ่นอีกสองสามรายที่ยังผลิตซอสจากกุ้งเคยที่จับได้จากในท้องถิ่นทั้งหมด และ Sing Lee Shrimp Sauce & Paste Manufacturer ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวอันมีประวัติยาวนานกว่า 80 ปี ถือเป็นหนึ่งในนั้น โดยธุรกิจนี้ตั้งอยู่ในไทโอ  อดีตหมู่บ้านชาวประมงที่โด่งดังในเรื่องบ้านไม้ยกสูง หรือบางครั้งเราก็จะเรียกกันว่าลิตเติลเวนิสแห่งฮ่องกง

ไทโอ อดีตหมู่บ้านชาวประมงที่โด่งดังในเรื่องบ้านไม้ยกสูง

ถ้าคุณมีโอกาสได้เดินทางไปที่ไทโอในช่วงเดือนมิถุนายนถึงตุลาคม คุณก็จะได้เห็นถังสีน้ำเงินที่ปริ่มไปด้วยซอสกะปิเข้มข้น  รวมถึงถาดหวายขนาดใหญ่ที่บรรจุซอสข้นและก้อนสีชมพูตากแห้ง กลิ่นคาวปลานั้นช่างทรงพลังจนคุณจะรู้เลยล่ะว่าคุณมาถูกที่แล้วแน่!

หากคุณมาเที่ยวที่ ไทโอ อย่าลืมซื้อซอสกะปิ (ในโหลแก้ว) และเคย (เป็นก้อนห่อด้วยพลาสติกใส) ของร้าน Sing Lee และเจ้าอื่นๆ ไปฝากคนที่บ้านจากร้านขายของชำแบบดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ในตัวเมือง

สำหรับนักออกแบบเครื่องเคลือบอย่างคริสติน ฮ่องกงนับว่าเป็นสถานที่ที่น่าอัศจรรย์ใจ พรั่งพร้อมด้วยเครื่องลายครามสวยสดจำนวนมากจัดเรียงรายอยู่ในร้านต่างๆ ทั่วเมือง

ฉันชอบ เครื่องลายครามฮ่องกง หรือที่เรียกว่ากวางโจวมากค่ะ ย้อนกลับไปก่อนยุค 60 ที่ฮ่องกงมีผู้ผลิตเครื่องลายครามเจ้าใหญ่อยู่ 4 เจ้า ที่ผลิตงานทำมือ แต่ตอนนี้ Yuet Tung China Works เป็นเจ้าเดียวที่เหลืออยู่

เครื่องเคลือบวาดมือ

Yuet Tung China Works ก่อตั้งขึ้นในฮ่องกงเมื่อปี 2471 โดยตระกูลโซที่อพยพมาจากกวางโจว วันนี้โรงงานได้ดำเนินการมาจนถึงผู้สืบทอดรุ่นที่สามนามว่า โจเซฟ โซ นับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1960 เป็นต้นมา ลวดลายของเครื่องลายครามจะสร้างสรรค์ผ่านการพิมพ์โดยใช้ตรายางและการติดสติกเกอร์ทีละชิ้น (ไม่มีการวาดมืออีกแล้ว) โดย Yuet Tung ส่งมอบบริการประทับใจให้กับลูกค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นสำนักวาติกัน ราชวงศ์ และข้าราชการในต่างประเทศ แถมยังผลิตสินค้าตามสั่งให้กับโรงแรม องค์กร และบุคคลที่มีชื่อเสียงจากทั่วทุกมุมโลกมาจนถึงทุกวันนี้

โจเซฟ โซ Yuet Tung China Works

คริสติน บอกเล่าเรื่องราวถึงเอกลักษณ์และชิ้นงานอันทรงคุณค่า ศิลปะกวางโจวเป็นงานฝีมือแบบดั้งเดิมและเป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมของฮ่องกง ภายในร้านจะอัดแน่นไปด้วยสินค้ามากมาย (ทั้งแบบกวางโจวและแบบโมเดิร์น) และถ้าหากคุณลองใช้เวลาในการค่อยๆพินิจสินค้าเหล่านี้ คุณจะต้องได้พบกับสิ่งที่โดนใจของคุณอย่างแน่นอนอย่างเช่น งานกวางโจววาดมือที่รังสรรค์โดยคุณปู่ของโจเซฟ โซ! แถมคุณยังสามารถลงมือทำของขวัญที่มีชิ้นเดียวในโลกได้ด้วยการออกแบบลายและสั่งพิมพ์พิเศษลงบนจานหรือเครื่องเคลือบอื่นๆ ซึ่งฉันชอบมากเลยล่ะค่ะ! อยากลองดูไหม? หลายๆ คนหันมาวาดภาพเครื่องเคลือบเป็นงานอดิเรก และตอนนี้คุณก็สามารถหากิจกรรมเวิร์กชอปแบบนี้ในฮ่องกงได้ง่ายๆ และหนึ่งในนั้นคือเวิร์กชอปสอนการวาดภาพลงบนเครื่องเคลือบตามสถานที่ต่างๆ ทั่วฮ่องกง (ทั้งเดี่ยวและกลุ่ม) โดยภรรยาของโจเซฟ โซ

คัตสึยะ ก้าวสู่ปีที่ 7 ลุยเดลิเวอรี่-ขยายสาขา

คัตสึยะ (KATSUYA) หนึ่งในผู้นำตลาดทงคัตสึยอดนิยมอันดับ 1 จากญี่ปุ่น รสชาติแท้ เจแปนนิส สไตล์ บริหารงานโดย บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG)  ก้าวสู่ปีที่ 7 ในประเทศไทย พร้อมเดินหน้าธุรกิจมุ่งสร้างการเติบโต รุกเดลิเวอรี่เต็มพิกัด เร่งขยายสาขาฝ่าวิกฤตโควิดในปีนี้ (2021) ตั้งเป้าเปิด 12 สาขา พร้อมจับมือพันธมิตรร่วมกันขยายช่องทางขายใหม่ มั่นใจเติบโต 30-40 %

เด่นชัย เพชรชมรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจอาหารญี่ปุ่น บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด

นายเด่นชัย เพชรชมรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจอาหารญี่ปุ่น บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า แบรนด์คัตสึยะตอกย้ำความเป็นเจ้าตลาดทงคัตสึอันดับ 1 ที่ลูกค้านึกถึง ด้วยกลยุทธ์มุ่งเน้นถึงความคุ้มค่าของอาหารกับเงินที่ลูกค้าจ่าย (value for money) เป็นสำคัญ จัดเสิร์ฟทงคัตสึรสเลิศในความอร่อยแบบดั้งเดิม ด้วยวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม สดใหม่ ทุกชิ้น กับเนื้อหมูคุณภาพดี ผ่านกระบวนการ Tenderizer ทำให้หมูนุ่มละมุนลิ้น และเทคนิคการทอดในแบบเฉพาะตัว ทำให้ทุกเมนูที่เสิร์ฟ มอบประสบการณ์การทานทงคัตสึที่อร่อยไม่เหมือนใคร จึงได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบทงคัตสึเป็นอย่างดีเสมอมา รวมถึงการรุกขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด เน้นโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าของคัตสึยะ และพัฒนาเมนูใหม่ ๆ ทุก 2 เดือน ทั้งเมนูที่ส่งตรงมาจากญี่ปุ่น และเมนูที่พัฒนาขึ้นเองเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนไทย แต่ยังคอนเซ็ปต์ความเป็นทงคัตสึต้นตำรับจากญี่ปุ่น ทำให้ลูกค้าได้ลิ้มลองเมนูใหม่ ๆ จากคัตสึยะได้แบบไม่มีเบื่อ

ภาพรวมของแบรนด์ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยรวมการเติบโตยังคงมีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าในส่วนของหน้าร้านจะได้รับผลกระทบจากการปิดศูนย์การค้า แบรนด์จึงปรับแผนมุ่งเน้นการเพิ่มยอดขายผ่านช่องทางเดลิเวอรี่ พร้อมทั้งพัฒนาเมนูทุกเมนูที่จัดส่งถึงลูกค้า ให้ยังคงมีคุณภาพดี อร่อย และคุ้มค่า ไม่ต่างกับที่ลูกค้ามาทานที่ร้าน ส่งผลให้แบรนด์มีการเติบโตในส่วนของตลาดเดลิเวอรี่เป็นอย่างมาก และเป็นสัดส่วนรายได้กว่า 50% ของยอดขายรวมทั้งหมดของคัตสึยะ

โดยในปีที่ผ่านมา (63) มีการเติบโตกว่า 60%  สูงเป็นอันดับที่ 1 ในกลุ่มธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นของกลุ่มซีอาร์จี และคาดว่าในปีนี้จะมีการเติบโตไม่ตํ่ากว่า 30-40%

สำหรับแผนงานในปี 2564 แบรนด์ตั้งธงลุยในช่องทางเดลิเวอรี่แบบเต็มพิกัด ขยายไปยังทุกแพลตฟอร์ม เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทั้ง Grabfood, Line Man, Food Panda, Gojek, True Food, Robinhood รวมถึงแพลตฟอร์มของ ซีอาร์จี Food hunt 1312 นำเสนอเมนูพิเศษที่จำหน่ายเฉพาะในช่องทางเดลิเวอรี่ และโปรโมชั่นสุดคุ้มที่เน้นให้ความสำคัญถึงแม้ไม่ได้มาทานที่ร้าน แต่ความคุ้มค่า ราคา รสชาติ ไม่ต่างกับการมาทานที่ร้านคัตสึยะ

ในขณะเดียวกัน ยังจับมือกับแบรนด์ในเครือ ลุยกลยุทธ์ Cross Sale เพื่อเพิ่มทางเลือกใหม่ ๆ และตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบถ้วนมากขึ้น อาทิ ร่วม Collaboration กับแบรนด์ บราวน์ ทั้งในส่วนของการทำโปรโมชั่นพิเศษ และนำเมนูซิกเนเจอร์อย่างชานมไข่มุก จำหน่ายที่คัตสึยะทั้งในแบบทานที่ร้าน, ซื้อกลับ (Take away) และ เดลิเวอรี่ นอกจากนี้ ยังมีแผนนำเมนูพิเศษของแบรนด์ไปจำหน่ายที่ร้าน มิสเตอร์ โดนัท ในช่วงเดือนมิถุนายนนี้อีกด้วย

ส่วนแผนการขยายสาขา เน้นกลยุทธ์การขยายสาขาโมเดลใหม่ที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ลูกค้า ไปยังโลเคชั่นใหม่ ๆ รวมถึงขยายไปยังจังหวัดตามหัวเมืองใหญ่ ที่มีกลุ่มลูกค้าของคัตสึยะอยู่ เช่น ขอนแก่น, อุดรธานี เป็นต้น และเน้นการเปิดสาขาในรูปแบบที่เอื้อต่อรูปแบบเดลิเวอรี่ อาทิ ไฮบริด คลาวด์ คิทเช่น (Hybrid Cloud Kitchen) และ คลาวด์ คิทเช่น (Cloud Kitchen) โดยความแตกต่างของร้านในแต่ละรูปแบบ จะอยู่ที่ขนาดร้าน จำนวนที่นั่งในร้าน รูปแบบการบริการ รวมไปจนถึงเมนูอาหาร ซึ่งปัจจุบันร้านคัตสึยะมีจำนวนสาขาทั้งหมด 42  สาขา แบ่งเป็นร้านแบบ Full Shop  จำนวน  37  สาขา, แบบ ไฮบริด คลาวด์ คิทเช่น จำนวน 4 สาขา และ แบบ คลาวด์ คิทเช่นจำนวน 1 สาขา โดยมีแผนการที่จะขยายสาขาเพิ่มเติมในปีนี้ทั้งหมด 12 สาขา รวมสิ้นปีนี้จะมี 54 สาขา