NRF เผยไตรมาส 3 โชว์ฟอร์มดี ทำรายได้เพิ่มขึ้น 30%

NRF เผยผลดำเนินงานไตรมาส 3/2566 โชว์ฟอร์มดี ทำรายได้ 782.9 เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยการเพิ่มขึ้นของรายได้ มาจากการเติบโตของกลุ่มธุรกิจอาหารชาติพันธุ์ (Ethnic food)  ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และธุรกิจOmni-Channel Asian Grocery Storeในสหราชอาณาจักร ในขณะเดียวกัน NRF แย้มข่าวดีพร้อมจับมือกับว่าที่ Hectocorn รายที่ 3 ของโลก ที่มีมูลค่าบริษัทกว่า 3.3 ล้านล้านบาท เพื่อต่อยอดธุรกิจแบมบู มาร์ท เตรียมรุกหนักขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เสริมกลยุทธ์ Direct to consumer อย่างแข็งแกร่ง มุ่งมั่นการกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคอย่างครอบคลุมบนแพลตฟอร์มระดับโลก

นายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์จำกัด (มหาชน) หรือ NRF ผู้ผลิตจัดหา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงรสอาหาร อาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงสำหรับประกอบอาหาร เผยถึงผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2566 ว่าจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายโตขึ้น 30% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งรายได้จากการขาย 782.9 ล้านบาท มาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารไทยและอาหารท้องถิ่นธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจร้านค้าปลีกและค้าส่งสินค้าเอเชีย กลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซเป็นหลัก อีกทั้งการเติบโตในไตรมาสนี้เป็นผลมาจากกำไรการดำเนินงานในไตรมาส3 ที่ลดลง 14.1 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งเป็นที่พอใจกับผลลัพธ์เนื่องจากสภาวะเงินเฟ้อที่สูงทั่วโลก แม้มีการสวนทางกับสภาสะเงินเฟ้อ ในขณะเดียวกันเรามีการจัดตั้ง Bamboo Mart Limited โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเพื่อเป็นการขยายและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันธุรกิจค้าปลีก ทั้งเรายังเล็งเห็นว่า ความต้องการที่มากขึ้นของผู้บริโภคเป็นโอกาสสำคัญที่จะเราจะพัฒนาและมุ่งที่จะมอบสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคอย่างรวดเร็วและเข้าถึงยิ่งขึ้น อีกทั้งมุ่งมั่นพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อรองรับการกระจายสินค้า โดยนี่จึงเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่เราจับมือกับพันธมิตร ที่ได้ถูกขนานนามว่า ว่าที่Hectocorn รายที่ 3 โดยแผนดำเนินงานในขณะนี้สอดรับกับกลยุทธ์ Direct to consumer เพื่อการเติบโตในระยะยาว ส่งผลให้รายได้จากการขายในช่วง 9 เดือนแรก ทำรายได้รวม 1,891.8ล้านบาท

การร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นสตาร์ทอัพที่เชี่ยวชาญด้านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ที่ได้รับการขนานนาม ว่าที่ Hectocorn รายที่ 3 นั้น นับว่าเป็นแพลตฟอร์มชื่อดังระดับโลก ที่มีมูลค่าบริษัทกว่า 3.3 ล้านล้านบาท หวังดันยอดขายให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัท

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวเสริมว่า “การจับมือกับสตาร์ทอัพชื่อดัง จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างโอกาสให้แก่บริษัท ทั้งนี้การร่วมมือกันครั้งนี้มีแผนจะพัฒนาร้านซูเปอร์ในรูปแบบVirtual Shop ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการดันยอดขายให้แก่ผลิตภัณฑ์ของบริษัท” สำหรับในไตรมาส4/2566 เราจะสามารถโชว์เพอร์ฟอแมนซ์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการรับรู้ผลการดำเนินงานซูเปอร์ที่อังกฤษ โดยมีแผนการเพิ่มสาขาของแบมบู มาร์ท และมีแผนเข้าซื้อซูเปอร์มากขึ้น ซึ่ง ณ ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา และจากการเติบโตของกลุ่มธุรกิจดั้งเดิม สำหรับแผนกลยุทธ์การรุกหนักด้านการขยายธุรกิจ Omni Channel เรามีแผนที่จะขยายสาขาแบมบู มาร์ทและเข้าซื้อซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่ง ณ ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจา นอกจากนี้เรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาร้านค้าออฟไลน์ SeeWoo ที่ตั้งอยู่ใน ไชน่าทาวน์ ณ กรุงลอนดอน เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับสินค้าเอเชียในตลาดระดับสากล ทั้งยังส่งเสริมสินค้าเกษตรท้องถิ่นได้อีกด้วย

DTCENT โชว์โซลูชั่นงาน Thailand Smart City Expo 2023

 

บมจ.ดี.ที.ซี. เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT) ผู้นำ GPS Tracking อันดับ 1 ในไทยและระบบ  IoT Solutions เตรียมยกทัพโซลูชั่นสุดล้ำ ทั้ง  เสาไฟอัจฉริยะ (Smart Pole) ระบบแจ้งเหตุฉุกเฉิน (Emergency System) แอปพลิเคชันสำหรับเมืองอัจฉริยะ (Smart City Application) ระบบบริหารจัดการการระบายน้ำ (Smart Water Management) และระบบจัดการการขนส่งอัจฉริยะ (Smart Logistics) ในงาน Thailand Smart City Expo 2023 ระหว่างวันที่ 22-24 พฤศจิกายนนี้ เวลา 10.00-18.00 น. ที่บูธ F02 ฮอลล์ 3-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แม่ทัพใหญ่ “ทศพล คุณะเพิ่มศิริ” พร้อมโชว์ศักยภาพเต็มที่ เพื่อยกระดับการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารเมืองอัจฉริยะ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกยุคใหม่จาก การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ของ DTCENT ผู้บริหารขยันแบบนี้ อีกไม่นานคงมีเรื่องดีๆ ให้แฟนคลับได้ปลื้มปริ่มกันอีกแน่นอน

ขายเหมาชุดเครื่องเก่า 4.5 แสนบาท

ขายเหมาเครื่อจักรเก่าสำหรับทำโรงพิมพ์ ได้แก่ เครื่องตัด115EMC, เครื่องพิมพ์moระบบพิมพ์ตรงผ้าลูกน้ำ, เครื่องเย็บ, ตีธงปุ่มแดงล๊อคกาว

ทั้งหมดราคา 450,000  บาท สนใจ ติดต่อ 0879281900 (คุณเพลินครับ บุญมี)

แพ็คพริ้นท์ 2022 โชว์เทคโนโลยีการพิมพ์และการบรรจุภัณฑ์อนาคต

นายเกอร์นอท ริงลิ่ง ประธานเมสเซ่ฯ

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยบริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย สมาคมการพิมพ์ไทย สมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย และสมาคมบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกไทย เปิดมหกรรมการพิมพ์ บรรจุภัณฑ์นานาชาติ และบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกครั้งยิ่งใหญ่แห่งภูมิภาคเอเชีย หรือ “Pack Print International 2022 and Corrutec Asia 2022” ชูไฮไลท์นวัตกรรมแห่งโลกอนาคตจากกว่า 200 บริษัทยักษ์ใหญ่จาก 28 ประเทศ เพื่อให้ผู้ประกอบการในหลากอุตสาหกรรมพร้อมนำนวัตกรรมใหม่ ๆ ไปใช้กับการแข่งขัน อีกทั้งยังมุ่งยกระดับการพิมพ์ การบรรจุภัณฑ์ และการผลิตกระดาษลูกฟูกรับนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอนเพื่อรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 22 ตุลาคม 2565 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค

คุณเกรียงไกร เธียรนุกุล เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานในพิธีเปิด กล่าวว่า การรวมตัวจัดมหกรรมการพิมพ์ บรรจุภัณฑ์นานาชาติ และบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกครั้งยิ่งใหญ่แห่งภูมิภาคเอเชีย ดำเนินมากว่า 20 ปี เพื่อให้ผู้ประกอบการที่อยู่ในห่วงโซ่ของการพิมพ์ บรรจุภัณฑ์ และกระดาษลูกฟูกได้ตระหนักถึงการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้มากขึ้น รวมทั้งชี้ให้ต่างชาติมั่นใจถึงนโยบายของภาครัฐในการสนับสนุนเศรษฐกิจ เช่น การส่งเสริมอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เมืองและเครือข่ายนวัตกรรม การส่งเสริมการลงทุน โมเดลเศรษฐกิจบีซีจี ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมุ่งผลักดันให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมในงานได้มีโอกาสเลือกนวัตกรรมที่ตรงกับความต้องการจากทั่วโลกได้ในงานนี้ เช่น เทคโนโลยี AI บิ๊กดาต้า ระบบอัตโนโมติ ความปลอดภัย ดิจิทัล การยืดอายุสินค้า การรักษาสิ่แวดล้อม

คุณเกอร์นอท ริงลิ่ง กรรมการผู้จัดการบริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย กล่าวว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในส่วนภูมิภาคเอเชีย รวมถึงประเทศไทยกำลังกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นตัวขับเคลื่อนความต้องการบรรจุภัณฑ์ การพิมพ์ และการใช้กระดาษลูกฟูกให้เติบโตมากขึ้น โดยนอกจากในด้านสิ่งแวดล้อมแล้วยังคาดว่าภาพรวมการเติบในระดับเอเชียจะมีทิศทางใหม่ ๆ ที่ผู้ประกอบการไทย จะนำไปใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจได้ดี

“คุณปฐม”จัดแพ็คเกจทัวร์บุญ ประจำปี 2565

คุณปฐมจัดแพ็คเกจทัวร์บุญ ประจำปี 2565 ชวนหมู่มิตรในอุตสาหกรรมการพิมพ์ไทย ร่วมบริจาคเงิน ข้าวของเครื่องใช้ หรือเดินทางไปร่วมกิจกรรมสร้างบุญกุศลด้วยกัน นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงพฤศจิกายน รวม 6 โครงการ

คุณปฐม สุทธาธิกุลชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ด่านสุทธาการพิมพ์ จำกัด จัดโครงการทำบุญใหญ่ประจำปี พ.ศ.2565 จำนวน 6 รายการ เพื่อความเป็นสิริมงคลในวัย 79 ปี ซึ่งได้ตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่า จะส่งเสริมและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้คงอยู่จนกว่าชีวิตจะหาไม่ โดยจะเป็นสะพานบุญให้พุทธศาสนิกชนทุกท่านอีกเช่นเคย ซึ่งได้วางแผนไว้ดังนี้

1.โครงการแจกเงิน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้สังคมคนไทยที่เดือดร้อนและด้อยโอกาส ไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ในช่วงสถานการณ์โรคโควิด-19 ยังระบาดไม่หยุด  ซึ่งโครงการนี้ได้ดำเนินการไปแล้วเมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา

2.โครงการไถ่ชีวิตโคกระบือ สืบสานพระราชดำริธนาคารโค-กระบือของในหลวงรัชกาลที่ 9 มีกำหนดจัดกิจกรรมในปลายเดือนกรกกฎาคม

3.โครงการบริจาคเงิน ข้าวสารอาหารแห้ง เครื่องอุปโภคบริโภค ถวายหลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี กำหนดจัดกิจกรรมในเดือนสิงหาคม

4.โครงการบริจาคเงินร่วมสมทุนสร้างฌาปนสถาน(เมรุ)เผาศพ ของวัดโบสถ์ จังหวัดปราจีนบุรี ให้สำเร็จเสร็จสิ้นต่อเนื่องจากที่เริ่มไว้เมื่อปีที่แล้ว

5.บริจาครถกอล์ฟ 2 ตอน สีแดง จำนวน 1 คัน ให้กับทางวัดโบสถ์ เพื่อใช้ในศาสนกิจของวัด กำหนดจัดกิจกรรมในวันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม 2565 ซึ่งตรงกับวัดเกิดครบรอบ 80 ปี

6.ถวายรถกอล์ฟ 3 ตอนสีขาว จำนวน 1 คันเพิ่มเติมให้แก่ทางวัดโบสถ์ เพื่อใช้ในศาสนกิจของวัด กำหนดการไว้ในเดือนพฤศจิกายน 2565

จึงขอเชิญชวนมวลหมู่มิตรและเพื่อนพ้องน้องพี่ในอุตสาหกรรมการพิมพ์ไทย ที่มีจิตศรัทธาและร่วมกิจกรรมบุญในครั้งนี้ ด้วยการบริจาคเงิน ข้าวของเครื่องใช้ โดยแจ้งผ่านบริษัท ด่านสุทธาการพิมพ์ จำกัด โทรศัพท์ 0-2966-1600-6 หรือ โอนเงินเข้าร่วมโครงการ ผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว เลขที่บัญชี 224-294050-5 ขอให้กุศลผลบุญจากการทำบุญในครั้งนี้ ดลบันดาลให้ท่านและครอบครัวประสบแต่ความสุขความเจริญทุกประการด้วยเทอญ

ขอแสดงความยินดี ‘คุณเกรียงไกร เธียรนุกุล’ ดำรงตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมฯ คนใหม่

คุณเกรียงไกร เธียรนุกุล ปัจจุบันอายุ 62 ปี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง สถาบันวิทยาการตลาดทุน รุ่นที่ 2 , การอบรมหลักสูตรป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน (วปอ.52) รวมทั้งหลักสูตรการอบรมที่จัดโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ได้แก่ Director Certification Program (DCP) และ Audit Committee Program (ACP)

ด้านการงานธุรกิจ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นิวไวเต็ก จำกัด, กรรมการบริหาร บริษัท เพรสทิจ ไดเรคท์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด, บริษัท เพรสทิจ แอนด์ พรีเมี่ยม จำกัด, บริษัท มิลค์พลัส จำกัด, บริษัท มีเดีย เซคเกอร์ จำกัด และ บริษัท บางกอก บายน์ดิ้ง จำกัด

มีประสบการณ์การทำงานเพื่อสังคมที่โดดเด่น ได้แก่ นายกสมาคมการพิมพ์ไทย 4 สมัย, ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ (ส.อ.ท.) 2 สมัย, ประธานสหพันธ์อุตสาหกรรมการพิมพ์, รองประธาน ส.อ.ท., ประธานสภาธุรกิจไทย-รัสเซีย และกรรมการมูลนิธิและสมาคมต่าง ๆ อีกหลายแห่ง

ทั้งนี้ คณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดให้มีการประชุมใหญ่ เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ.2565 และทำการเลือกประธานสภาอุตสาหกรรมฯ คนใหม่ แทนคุณสุพันธุ์ มงคลสุธี ที่หมดวาระลง ผลปรากฏว่า คุณเกรียงไกร เธียรนุกุล ได้รับคะแนนโหวตแบบท้วมท้น  ให้ดำรงตำแหน่งในวาระปี 2565-2567 เป็นประธานสภาฯคนที่ 16

เครื่องไดคัทสติ๊กเกอร์ม้วนระบบดิจิตอล

1. เครื่องไดคัทสติ๊กเกอร์ม้วนระบบดิจิตอล ( 1 เครื่องสุดท้าย )
>> หน้ากว้างกระดาษเข้า 40-350 มม.
>> ความกว้างสูงสุดของฉลาก 330 มม.
>> ความกว้างต่ำสุดของฉลาก 10 มม.
>> ความเร็ว 9 ม./นาที ( ขึ้นอยู่กับรูปเเบบการตัด )

2. เครื่องตัดกระดาษจากม้วนมาเป็นเเผ่น ( 2 เครื่องสุดท้าย )
>> หน้ากว้างสูงสุด 350 มม.
>> ความเร็วการตัดสูงสุด 150 ครั้ง/นาที
………………………………………………………………………
สนใจสินค้าเเละบริการ สอบถามเพิ่มเติม
ติดต่อ – 02-409-5256
🏣บริษัท จีเนียส พรินต์ โซลูชั่น จำกัด📧 Email : [email protected]
🌏 www.geniusprintsolution.com

“กบจำศีล” เบื้องหลัง OptiBreath® แพคเกจจิ้ง มหัศจรรย์ยืดอายุผักผลไม้

                                                           Cr.ประชาสัมพันธ์ SCG

ใครจะคิดว่าแค่ “ถุง” จะช่วยยืดอายุความสดใหม่ของมะพร้าวบนชั้นวางสินค้าได้นานถึง 60 วัน นอกจากลดการเน่าเสียของขยะ (Food Waste) นั่นหมายถึง “โอกาส” ของผลไม้ไทยในการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น

วันนี้เราอาจจะเริ่มคุ้นหน้าคุ้นตากับถุงยืดอายุผักผลไม้ สินค้าประเภทบรรจุภัณฑ์น้องใหม่บนชั้นวางตามซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือบนตลาดสินค้าออนไลน์ OptiBreath ® เป็นหนึ่งในนวัตกรรมจาก SCGP ที่มุ่งพัฒนานวัตกรรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ให้ผู้บริโภค รวมถึงเจ้าของแบรนด์มีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดการใช้ทรัพยากรตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนไปด้วยกัน  ตามแนวทาง ESG 4 Plus เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ได้แก่ “1.มุ่ง Net Zero  2.Go Green 3.Lean เหลื่อมล้ำ 4.ย้ำร่วมมือ Plus เป็นธรรม โปร่งใส”

บรรจุภัณฑ์ Go Green ยืดอายุได้ สวยงามด้วย

เบื้องหลังของถุงยืดอายุผักผลไม้ OptiBreath® คุณชญานิษฐ์ วงศ์ประดิษฐ์ นักวิจัยด้านเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ SCGP บอกว่ามาจากโจทย์ที่ คุณณรงค์ศักดิ์ ชื่นสุชน เจ้าของสวนมะพร้าวที่อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี     ต้องการยืดอายุมะพร้าวเจีย (มะพร้าวที่ปอกเปลือกนอกออกเหลือชั้นกะลา) เพื่อรองรับการส่งออกทางเรือที่ต้องใช้เวลาขนส่งนานกว่าปกติ

ปกติมะพร้าวส่งออกมีทั้งมะพร้าวควั่น ซึ่งผลสดมีอายุการเก็บรักษา 60 วัน และมะพร้าวเจียมีอายุ 30 วัน ความที่ต้องการขยายตลาดเพิ่มปริมาณการส่งออก โดยเน้นมะพร้าวเจียเนื่องจากใน 1 ตู้คอนเทนเนอร์สามารถบรรจุมะพร้าวเจียได้มากกว่ามะพร้าวควั่นถึง 4 เท่า SCGP และลูกค้าจึงร่วมกันพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อยืดอายุมะพร้าวดังกล่าว โดยได้พัฒนาออกมา 2 เวอร์ชั่น

เวอร์ชั่นแรกสามารถยืดอายุมะพร้าวสดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ คือยืดอายุมะพร้าวเจียจาก 30 วันเป็น 60 วัน ช่วยลดความกังวลในการส่งออกได้มาก โดยเฉพาะกับการขนส่งทางเรือ เพราะกว่าสินค้าจะผ่านด่านศุลกากรใช้เวลานาน ถ้าเกิดความเสียหายสินค้าจะถูกเคลมทั้งตู้คอนเทนเนอร์ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้สามารถยืดอายุมากขึ้น จึงเป็นการลดความกังวลใจของผู้ส่งออกซึ่งประเมินค่าไม่ได้

อย่างไรก็ตาม บรรจุภัณฑ์ในเวอร์ชั่นแรกมีข้อจำกัดในด้านการพิมพ์ จึงมีการพัฒนาเวอร์ชั่น 2 ร่วมกับบริษัทในเครือของ SCGP ได้แก่ โรงงานบาติโก ประเทศเวียดนาม บริษัท พรีแพคประเทศไทย และทีมดีไซเนอร์ได้ออกมาเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ไม่เพียงยืดอายุมะพร้าวไม่ให้เน่าเสีย เพื่อโอกาสในการขายและลดขยะอาหาร แต่ยังสามารถพิมพ์ลวดลายสีสันสวยงาม นอกจากนี้ในเวอร์ชั่น 2 ยังสามารถต่อยอดการยืดอายุมะพร้าวสดแบบควั่นจาก 60 วัน เป็น 90 วัน จนได้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของคุณณรงค์ศักดิ์ได้อีกด้วย

จาก “มะพร้าวสด” ถึง “ผักสลัด”

คุณชญานิษฐ์ เล่าว่าจากโจทย์การพัฒนาถุงบรรจุภัณฑ์เพื่อยืดอายุความสดให้กับมะพร้าว ได้พัฒนาต่อยอดไปยังมะม่วงน้ำดอกไม้ส่งออก ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 ที่ส่งผลกระทบให้สายการบินหยุดบินเป็นการชั่วคราว การส่งออกสินค้าต้องอาศัยทางเรือเป็นหลัก ผู้ส่งออกมะม่วงน้ำดอกไม้จึงติดต่อมาที่ SCGP ให้ช่วยพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ซึ่งมะม่วงมีเปลือกบาง ไม่แข็งเหมือนมะพร้าว จึงต้องการความแข็งแรงของบรรจุภัณฑ์ที่ไม่เพียงแต่ต้องช่วยยืดอายุ แต่ยังต้องสามารถบรรจุมะม่วงน้ำดอกไม้สำหรับขนส่งครั้งละ 5-10 กิโลกรัมได้ซึ่งบรรจุภัณฑ์ที่ SCGP พัฒนาขึ้นสำหรับมะพร้าวสามารถนำมาต่อยอดพัฒนาบรรจุภัณฑ์สำหรับผักและผลไม้อื่น ๆ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างดี และเป็นที่ยอมรับในคุณภาพของลูกค้าปลายทาง

ปัจจุบันไม่เพียงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์สำหรับมะม่วงน้ำดอกไม้ส่งออกเท่านั้น แต่ OptiBreath® ยังสามารถใช้กับผักและผลไม้ชนิดอื่น อย่างแก้วมังกร เงาะ และลิ้นจี่ ยังช่วยส่งเสริมการตลาดจากเจ้าของธุรกิจสู่เจ้าของธุรกิจ เป็นเจ้าของธุรกิจสู่ผู้บริโภค มีการวางจำหน่ายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตและตลาดออนไลน์ โดยที่ถุงยืดอายุ OptiBreath® สามารถใช้กับผักบุ้ง คะน้า กวางตุ้ง ผักชี โหระพา ฯลฯ ทั้งผู้ประกอบการรายย่อยยังนำไปใช้บรรจุผักสลัดจำหน่าย

เมื่อถึงมือผู้บริโภคสามารถยืดอายุการเก็บรักษาในตู้เย็นได้อีก 7 วัน นับเป็นก้าวสำคัญของผู้พัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อยืดอายุผักผลไม้“เชื่อว่าอนาคตการขนส่งทั่วโลกจะเปลี่ยนไป ทั้งค่าระวางสินค้าก็ดีจากจำนวนรอบบินที่ลดลงทำให้การขนส่งทางเรือมีมากขึ้น หรือถ้าส่งไปจีนตอนนี้มีสายรถยนต์และรถไฟ ถุงยืดอายุจะเป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้น เพราะมันเปลี่ยนวิถีชีวิตของเขา” คุณชญานิษฐ์บอก

ทำไมต้อง “กบจำศีล”

ย้อนกลับมาที่ความลับของ OptiBreath®  ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่แตกต่างจากถุงทั่วไป แต่ซ่อนความมหัศจรรย์ สามารถยืดอายุผักผลไม้ให้สดใหม่ได้นานวัน อะไรคือความพิเศษนั้น?

คุณทศพล เจริญเอม นักวิจัยด้านเทคโนโลยีชีวภาพ SCGP บอกว่า OptiBreath®  ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Modified Atmosphere Packaging (MAP) เป็นเทคนิคการถนอมอาหารเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาอาหารสดด้วยบรรจุภัณฑ์ที่มีการปรับสัดส่วนสภาพบรรยากาศภายในให้มีอัตราส่วนของก๊าซชนิดต่าง ๆ แตกต่างไปจากสภาพบรรยากาศปกติ อาศัยหลักการการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวและสรีรวิทยา เรารู้ว่ามะพร้าวเมื่อเก็บมาจากต้นลูกมะพร้าวสดยังมีชีวิตอยู่ด้วยอัตราการหายใจที่เป็นอิสระ ถ้าสามารถชะลอการสุก/แก่จะทำให้มะพร้าวมีอายุนานขึ้น

คุณทศพลกล่าวว่า การควบคุมบรรยากาศร่วมกับอุณหภูมิจะควบคุมการเน่าเสีย ความสุก/แก่ได้ เพราะจุลินทรีย์ต้องการอากาศในการหายใจ ฉะนั้นการยืดอายุผักผลไม้สดจึงทำได้เมื่อมีการสร้างสมดุลของสภาพก๊าซ เป็นการชะลอการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ไม่ให้อยู่ในจุดที่เกิดความเสียหาย

“Modified Atmosphere Packaging เหมือนกับภาวะกบจำศีล หรือเวลาที่ร่างกายมนุษย์เมื่อเข้าสู่ภาวะหลับลึก อุณหภูมิร่างกายจะลดลง หายใจช้าลง ทำให้ลดความเสื่อมของสภาพร่างกาย มะพร้าวก็เช่นกัน ทำให้การสุก/แก่ช้าลงด้วย การขนส่งที่ใช้เวลานานจึงไม่เป็นอุปสรรค เท่ากับลดการสูญเสียต้นทุนสินค้า ช่วยลดขยะ และเมื่อขยะลดลงนั่นหมายความว่าก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่จะปล่อยสู่
ชั้นบรรยากาศก็ลดลงด้วย” คุณทศพลกล่าว

นี่คือตัวอย่างจากความตั้งใจของทีมนักวิจัยจาก SCGP ถือเป็นแรงบันดาลใจในการคิดค้น สร้างนวัตกรรม เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าทั้งเชิงธุรกิจและยังช่วยแก้วิกฤตขยะล้นโลกเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน

“ปฐม”เชื่อมั่น“เกรียงไกร”เหมาะสมนั่งตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

คุณปฐม สุทธาธิกุลชัย อดีตนายกสมาคมการพิมพ์ไทย 4 สมัย กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมการพิมพ์ไทยว่า ทุกฝ่ายพร้อมให้การสนับสนุนคุณเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมฯ วาระปี 2565-2567 ต่อจากคุณสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาฯคนปัจจุบันที่จะหมดวาระลงในปลายเดือนมีนาคม ศกนี้  ซึ่งมีกำหนดให้มีการประชุมใหญ่และเลือกตั้งกรรมการชุดใหม่ในวันจันทร์ที่ 28 มีนาคม 2565 ณ ห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม

บทบาทที่ผ่านมาของคุณเกรียงไกร ในฐานะอดีตนายกสมาคมการพิมพ์ไทย 3 สมัย เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ได้สร้างคุณูปการให้แก่อุตสาหกรรมการพิมพ์ไทยไว้มาก ซึ่งคนทั่วไปรู้จักกันดี และยิ่งมีโอกาสได้ไปช่วยงานการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมของประเทศ ในฐานะรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รับหน้าที่เป็นประธานสายงานส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรม 45 กลุ่มและ 11 คลัสเตอร์ ทำให้เห็นบทบาทและความสามารถมากยิ่งขึ้น

เกรียงไกร เธียรนุกุล

“อุตสาหกรรมการพิมพ์ไทย จะต้องคึกคักและมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจอย่างแน่นอน เพราะการเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ย่อมจะต้องสามารถผลักดันกิจกรรมต่าง ๆ ได้คล่องตัว  เพราะคุณเกรียงไกรเกิดและเติบโตมาจากอุตสาหกรรมการพิมพ์ย่อมต้องเข้าใจพื้นฐานความต้องการได้เป็นอย่างดี ยิ่งในสภาพการณ์ปัจจุบันที่เกิดผลกระทบจากโรคโควิด-19 ทำให้โรงพิมพ์ล้มหายตายจากไปกว่าครึ่งในระยะ 2 ปีที่ผ่านมา  ผมคนหนึ่งล่ะที่คิดว่า คุณเกรียงไกร จะเป็นผู้ที่จะมาช่วยอุตสาหกรรมการพิมพ์ไทยได้ไม่มากก็น้อย” คุณปฐมกล่าว

สิ่งพิมพ์บุญ กายเนรมิต‘ปิยโสภณ’ เครื่องมือปลูกรากแก้วให้แผ่นดิน

ทุกครั้งคราที่เอ่ยถึง “สิ่งพิมพ์และธุรกิจการพิมพ์” เชื่อว่าผู้คนส่วนหนึ่งก็มักจะนึกถึงการค้าการขายที่มีผลกำไรเป็นเป้าหมาย อีกส่วนหนึ่งก็คงจะนึกถึงความเป็น “สื่อ” ที่มีภารกิจแจ้งข่าว,เรื่องราวและนำเสนอแนวคิดจากคนหนึ่งเผยแพร่ไปสู่อีกหลายคน

แต่คงมีคนจำนวนน้อยที่จะนึกถึงสิ่งพิมพ์บุญในบวรพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะที่มีการนำไปใช้ในลักษณะผสมผสานทั้ง 2 สิ่งเข้าด้วยกัน นั่นคือ ใช้เพื่อการค้าขายก็ได้ และใช้เพื่อการเผยแพร่ความคิดก็ได้ด้วย ดังเช่นที่ท่านเจ้าคุณพระราชญาณกวี (สุวิทย์ ปิยวิชฺโช) หรือนามปากกา “ปิยโสภณ” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก ได้เลือกใช้“สิ่งพิมพ์” เป็นเครื่องมือร่วมปลูกรากแก้วให้แก่แผ่นดิน!

@ สิ่งพิมพ์ : กายทิพย์แยกร่าง

ท่านปิยโสภณถือเป็นหนึ่งในพระภิกษุสงฆ์นักพัฒนา ผู้คนในสังคมบุญของเมืองไทยรู้จักในฐานะผู้ปลูกรากแก้วให้แก่แผ่นดิน เป็นผู้ร่วมสร้างโรงเรียนปลูกรากแก้วแผ่นดิน (สำหรับฝึกอบรมสามเณรและเยาวชนของชาติ) ในนามมูลนิธิส่งเสริมสามเณร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก กรุงเทพมหานคร

แต่สิ่งที่ต้องกล่าวถึงในที่นี้ซึ่งมีคุณค่าและสำคัญมากคือ การเขียนหนังสือแนวสอนใจและพิมพ์ออกมาเป็นรูปเล่มเพื่อใช้เป็น“เครื่องมือ”สื่อประสานแนวคิดไปสู่ผู้รับสาร ซึ่งมีทั้งญาติโยมผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา และเยาวชนที่ยังคงต้องการฟูมฟักด้วยสิ่งที่ดีงาม  โดยในช่วงที่ผ่านมาได้รับการตอบรับและกล่าวถึงกันมากทั้งในกลวิธีการเขียน. การสอดแทรกสาระและประเด็นการนำเสนอ ฯลฯ

ท่านปิยโสภณให้เหตุผลที่เป็นแรงบันดาลใจให้ดำเนินงานเขียน และผลิตเป็นสิ่งพิมพ์ต่างๆ ออกมา ทั้งหนังสือ แผ่นพับ ใบปลิว ซีดีภาพ ซีดีเสียง เพราะต้องการอยากจะเนรมิตคน ๆ เดียวให้เป็นร้อยคนพันคน ซึ่งเรียกว่า กายทิพย์  กล่าวคือ ถ้าท่านพูดด้วยคน ๆ คนเดียว ก็ทำได้แค่นั้น แต่ถ้าทำเป็นสิ่งพิมพ์ออกไป คนก็เอาไปอ่าน   ก็เหมือนมีคนนั่งดูท่านอยู่เช่นกันว่า กำลังพูดอะไรและคิดอะไร

หรืออย่าง “พระอาจารย์พูดคุยกัน 2 คนก็ได้รับสาร 2 คน ถ้าพูดห้องโถงใหญ่มีคนฟัง 100 คนก็ได้ 100 คน แต่ทีนี้พระอาจารย์คนเดียวพูดเหนื่อยไม่ไหวแล้ว ก็เนรมิตตัวเองเลย โดยพิมพ์เป็นหนังสือ 5,000 เล่ม  ก็เป็น 5,000 คนที่รับฟังหรือมากกว่า รวมกับแผ่นพับใบปลิวด้วย  แจกกระจายออกไป ก็ง่ายขึ้น แบ่งเบาภาระได้ มีผู้รับสารมากขึ้นแบบเป็นดาวกระจาย”

@ เอกสารA4 : จุดเริ่มใช้สิ่งพิมพ์

การใช้สิ่งพิมพ์เผยแพร่แนวคิดของท่านปิยโสภณ เริ่มขึ้นครั้งเมื่อปี พ.ศ.2541 หรือ 16 ปีที่แล้ว โดยเริ่มจากการใช้กระดาษ A4 พับครึ่ง พิมพ์ข้อคิดลงไปแล้วแจกให้ญาติโยมอ่าน วันหนึ่งๆ  คนไปวัด 100 คนก็พิมพ์ 100 แผ่น แจกหมดแล้วก็ถ่ายเอกสารใหม่  มีเครื่องถ่ายเอกสารเล็กๆ ให้ทำทุกวัน  วันเวลาผ่านไป 1 ปี ความคิดของท่านปิยโสภณที่หลั่งไหลออกมาใหม่ทุกวันผ่านแผ่นกระดาษ A4 นั้นก็มีมากขึ้นๆ  ญาติโยมที่เห็นคุณค่าและคิดว่าเป็นประโยชน์ ก็เอาไปเผยแพร่ต่อ บางคนก็รวบรวมส่งเข้าโรงพิมพ์ทำออกมาเป็นเล่มหนังสือ

“สื่อทีวี อาทิ ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. พิธีกรรายการธรรมมะช่วงเช้าๆ ได้เอาบางถ้อยบางตอนที่เป็นข้อคิดไปอ่านออกอากาศ คนฟังชอบ ก็มาหาอ่านหนังสือ   จึงเป็นจุดเริ่มจุดหนึ่งที่มีคนสนใจขึ้นมา มีคนนิมนต์ไปบรรยาย ไปสอนหนังสือ จากคนที่ไม่รู้จักเราก็เริ่มรู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ จากแนวคิดที่ก่อตัวผ่านกระดาษ A4 แผ่นเดียว”

ด้วยเหตุเริ่มต้นที่มาจากกระดาษ A4 แผ่นเดียว ท่านปิยโสภณก็มาคิดว่า มนุษย์ถ้าจะทำงานใหญ่ก็ต้องเริ่มจากงานเล็กที่สุด เหมือนกับโพธิ์ต้นใหญ่ก็เริ่มจากต้นเล็กที่สุด ไม่ต้องไปรอว่า งานใหญ่ต้องทำด้วยคนหมู่มาก ไม่ต้องรอการประชุมที่มีคนจำนวนมากแล้วเรียกเป็นงานใหญ่ แต่เป็นงานที่เริ่มแล้ว“จุดประกาย”ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปฏิรูปประเทศหรือปฏิรูปตนเอง ก็เริ่มจากสิ่งที่เล็กที่สุด “สิ่งที่เล็กที่สุดพระพุทธเจ้าบอกว่าคือความคิด ความคิดอยู่ที่ไหน อยู่ในตัวตนเรา มองไม่เห็นด้วยตา แต่มีความคิด ถ้าเป็นกายภาพเริ่มต้นที่ลมหายใจ ถ้าเป็นจิตวิญญาณเริ่มต้นที่ความคิด”

@เสน่ห์ผ้าขี้ริ้ว : หนังสือเรื่องแรก

สิ่งพิมพ์ของท่านปิยโสภณ   ที่มีญาติโยมเอาไปรวบรวมพิมพ์เป็นเล่มนั้น  ทำด้วยทุนส่วนตัวของญาติโยมเอง  เนื่องจากมีความศรัทธา ส่วนหนึ่งนิยมเอาไปพิมพ์แจกงานศพบ้างอะไรบ้าง เช่น เรื่อง “ตายไม่มี” เขียนสั้นๆ ใครอ่านแล้วชอบ ก็เอาไปพิมพ์ต่อแล้วแจกๆๆๆ เขียนเรื่อง “อภัยทาน” คนชอบก็เอาไปพิมพ์แจกเอง ต่อมาสำนักพิมพ์และโรงพิมพ์ที่พิมพ์หนังสือด้านศาสนาจำหน่ายโดยตรง เห็นก็เอาไปพิมพ์ขาย  หนังสือของท่านปิยโสภณก็ได้รับการตีพิมพ์และเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ

หนังสือเล่มแรกที่เขียนอย่างเป็นเรื่องเป็นราวชื่อว่า“เสน่ห์ผ้าขี้ริ้ว” นำเสนอชีวิตเริ่มต้นสมัยเด็กๆ  ของท่านปิยโสภณ ซึ่งได้ไปเล่าให้เด็กนักเรียนฟังที่โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ บดินทร์เดชา  ว่าอะไรเป็นแรงบันดาลใจให้อยากทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ อะไรที่ทำให้อยากบวช ซึ่งเด็กนักเรียนที่นั่งฟังอยู่นั้นมีโอกาสเรียนหนังสือ บางคนมีโอกาสแต่ไม่อยากเรียน  มีโรงเรียนดี มีครูดี มีอุปกรณ์ครบทุกอย่าง แต่ขี้เกียจเรียน ไม่เข้าเรียนบ้างอะไรบ้าง  ขณะที่เด็กบางคนไม่มีโอกาสเรียนแต่อยากเรียน ดั่งเช่นท่านปิยโสภณ

แม้ที่มาของการเขียนหนังสือเรื่อง “เสน่ห์ผ้าขี้ริ้ว” เริ่มขึ้นจากเรื่องเล่าให้เด็กนักเรียนฟัง แต่เนื้อหาในหนังสือไม่ใช่การถอดเทปคำบรรยาย  เป็นการเขียนขึ้นเพื่อใช้พิมพ์เป็นหนังสือ ซึ่งจะใช้ภาษาแตกต่างกัน จึงปรากฏว่า ได้รับการตอบรับและคำชมจากญาติโยมและพระผู้ใหญ่ว่า เป็นหนังสือที่อ่านง่ายและเข้าใจได้ดี จึงเหมาะสำหรับพิมพ์ให้เด็กอ่าน และญาติโยมก็มีการนำไปพิมพ์ซ้ำพิมพ์แจกเรื่อยมา โดยท่านปิยโสภณไม่ได้เป็นผู้ออกทุนพิมพ์เองอีกเช่นเคย

@ โรงพิมพ์ใหญ่เล็ก : แบ่งงาน

ท่านปิยโสภณไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณาเลือกโรงพิมพ์หรือส่งงานเข้าโรงพิมพ์ ขึ้นอยู่กับว่า ญาติโยมจะนำไปพิมพ์ที่ไหน เจ้าภาพบางคนรู้จักโรงพิมพ์ไหนก็นำไปพิมพ์ ดังมีรายชื่อโรงพิมพ์ปรากฏในหนังสือแต่ละเล่มแตกต่างกันไป อาทิ โรงพิมพ์พลัสเพรส ถนนประชาสงเคราะห์, แสงศิลป์การพิมพ์ ถนนรางน้ำ, โรงพิมพ์บริษัท ไซเบอร์พริ้นท์ กรุ๊ป จำกัด, โรงพิมพ์บริษัท คอมฟอร์ม จำกัด ฯลฯ  ทั้งนี้ อาจพิมพ์ฟรีบ้าง พิมพ์ราคาถูกบ้าง และบางโรงพิมพ์ก็ยังช่วยเก็บสต็อกไว้ให้ด้วย โดยที่ไม่ต้องขนหนังสือไปเก็บที่วัด

นอกจากท่านปิยโสภณ จะเป็นผู้เขียนเรื่องเองแล้ว ยังวาดภาพสีน้ำประกอบเองด้วย โดยที่ท่านบอกว่า เรียนวิชาวาดภาพมาจากยูทูป รวมทั้งการวางเลย์เอ้าต์หน้าตาของหนังสือ ก็จะเป็นผู้กำหนดและตรวจเองทั้งหมด

@ อภัยทานฯ : ยอดพิมพ์ 5 แสน!

ยอดพิมพ์หนังสือแต่ละเล่มอยู่ในช่วง 5,000-10,000 เล่ม หนังสือของท่านปิยโสภณส่วนมากเป็นหนังสือเล่มเล็ก สามารถอ่านจบได้ในเวลาอันสั้น ส่วนหนังสือที่มีความหนามาก มีจำนวนน้อย  อย่างเช่น หนังสือชื่อ “ความลับในอารมณ์” และ “แม่…ชีวิตคืออะไร” ถือว่าเป็นเล่มใหญ่แล้ว

ถ้านับจำนวนปกหนังสือหรือชื่อเรื่อง นับตั้งแต่ปี 2541ถึงปัจจุบัน น่าจะรวมได้ประมาณ 35 เรื่อง ประเภทนวนิยายก็เคยเขียนแต่ไม่ได้พิมพ์ เพราะเคยเอาไปให้คนทดลองอ่านแล้วรู้สึกว่า เป็นงานเขียนแบบเสียดสีคันๆ อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นได้ จึงเก็บไว้เฉยๆ ไม่เผยแพร่

ทั้งนี้ ในจำนวนหนังสือกว่า 35 เรื่องที่พิมพ์ออกมาแล้วนี้  เรื่อง “อภัยทาน รักบริสุทธิ์” พิมพ์แล้วประมาณ 500,000 เล่ม ถือว่ามียอดสูงมากสำหรับหนังสือของท่านปิยโสภณ  โดยทำการพิมพ์ออกมาแจกครั้งแรกเมื่อปี 2546  แต่ในปัจจุบันมีทั้งการพิมพ์แจกและพิมพ์จำหน่าย

@ สิ่งพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ : แจกแถม

นอกจากหนังสือแล้ว ท่านปิยโสภณ ยังมีการจัดทำสิ่งพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์(ซีดี) สอดแทรกแจกแถมไปพร้อมกับหนังสือบางเรื่องบางเล่มด้วย เผื่อเป็นทางเลือกให้ผู้คนว่า “ใครอยากอ่านก็ได้อ่าน ใครอยากฟังก็ได้ฟัง ใครอยากดูก็ได้ดู” เรียกว่าเป็นสื่อ 3 สัมผัส

“วิธีคิดเรื่อง คิดจากธรรมะและเหตุการณ์จริง คิดเอาจากคนที่มาหานี่เอง เพราะมีญาติโยมมาหาทุกวัน บางวันมาเป็นร้อยคน บางคนกำลังคิดจะฆ่าตัวตายก็มี บางคนก็กำลังพลัดพราก บางคนสูญเสีย บางคนรวยแต่มีทุกข์ บางคนจนแต่มีสุข อะไรอย่างนี้ เราก็คุยๆ เสร็จก็ประมวลเป็นธรรมะ คอนเซ็ปต์แต่ละเรื่องมีมาจากสิ่งแวดล้อมเป็นแรงบันดาลใจ เอาตัวอย่างของคนนี้ไปสอนคนโน้น เอาตัวอย่างคนโน้นมาสอนคนนี้ เก็บๆ ไว้เป็นข้อมูล  ซึ่งธรรมะเกิดจากทุกข์”

“สิ่งพิมพ์ดิจิตอล(ซีดี) ก็ทำมานานแล้วพร้อมๆ กับหนังสือ สมัยก่อนมีกล้องวิดีโอเล็กๆ ตัวหนึ่ง แต่เดี๋ยวนี้ก็ดีขึ้น มีห้องทำงาน มีห้องตัดต่อเสียงทุกอย่างอยู่ที่มูลนิธิส่งเสริมสามเณรฯ แห่งนี้ ผลิตรายการโทรทัศน์ อาทิ รายการ“เณรปลูกปัญญา”  “เณรรากแก้ว” ฯลฯ ของสถานีโทรทัศน์ทรู ก็ผลิตที่ห้องสตูดิโอซึ่งอยู่ชั้นบนของสำนักงาน”

ท่านปิยโสภณ กล่าวว่า แนวของเรื่องการทำสิ่งพิมพ์ดิจิตอล ไม่ได้ผูกติดว่าจะต้องเหมือนกับหนังสือ หรือหนังสือจะไม่ได้เกิดจากการถอดเทปเสียงบรรยายหรือละครในซีดี เพราะภาษาต่างกัน หนังสือจะใช้ภาษาเขียน ไม่ใช่ภาษาพูด จะเน้นเรื่องภาษาในการเขียนพอสมควร หนังสือจึงมีออกมาไม่มาก

@ ลิขสิทธิ์หนังสือ : ใครๆ ก็พิมพ์ได้

ดังที่กล่าวแล้วว่า หนังสือของท่านปิยโสภณมีทั้งการพิมพ์แจกและจำหน่าย อาทิ บางเล่มก็เป็นการพิมพ์จำหน่ายโดยสำนักพิมพ์ธรรมสภา,สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียงฯ ฯลฯ  โดยราคาจำหน่ายก็กำหนดตามที่ผู้จัดพิมพ์เห็นควร ซึ่งหนังสือของท่านปิยโสภณทั้ง 35 เล่มไม่มีค่าลิขสิทธิ์ ดังนั้น หากสำนักพิมพ์หรือโรงพิมพ์อื่นใดจะนำไปพิมพ์แจกเพิ่มหรือพิมพ์ขายอย่างไรก็ได้ การเขียนหนังสือขึ้นมาไม่ได้ต้องการเป็นตัวเงิน การที่หนังสือและแนวคิดได้มีการเผยแพร่ก็เป็นการดีแล้ว

“ถ้าโรงพิมพ์อื่นๆ ต้องการนำไปพิมพ์เป็นของชำร่วยก็นำไปพิมพ์ได้ จะมาผ่านที่มูลนิธินี้หรือไม่ผ่านก็ได้ไม่ติดใจ หรือถ้าพิมพ์เสร็จแล้วอยากจะนำมาแบ่งปันผ่านที่นี่บ้างก็นำมาได้ จะได้นำส่งต่อไปวัดบ้านนอกที่อยู่ไกลและยังขาดแคลนหนังสือกลุ่มนี้ ซึ่งวัดจะใช้แจกในงานกฐินหรืองานบุญต่างๆของท้องถิ่น”

@ สิ่งพิมพ์&โรงพิมพ์ : ไม่มีวันตาย

ท่านปิยโสภณได้กล่าวถึงการพิมพ์และธุรกิจโรงพิมพ์ว่าไม่มีทางตาย  ยกเว้นบางแห่งที่ไม่ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยบ้างก็อาจจะตาย แต่“สิ่งพิมพ์”นั้น อย่างไรเสียก็ต้องมีอยู่   เพราะมนุษย์เราความสุขส่วนหนึ่งอยู่ที่ประสาทสัมผัส อย่างเช่น  ระหว่างรูปภาพที่ส่งมาให้ดูทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นรูปภาพความงามอันเดียวกันกับที่จัดแสดงอยู่ที่หอศิลป์ แต่คนก็อยากดูของจริงด้วยตา จึงต้องดั้นด้นเดินทางไปดูของจริงที่พิพิธภัณฑ์ ดูแล้วดื่มด่ำกว่า หรือกรณีของกาแฟ การดื่มจะต้องได้รสได้กลิ่น แต่ถ้าไม่ได้กลิ่นการดื่มก็ไม่มีความสุขแล้ว

“อย่างหนังสือก็เช่นกัน จับต้องแล้วได้กลิ่นหมึก ได้กลิ่นอะไรต่าง ๆ   สาระอยู่ที่ไหน อยู่ประสาทสัมผัส หรือกรณีนิตยสารบ้านอารีย์ เขามีเว็บไซต์เผยแพร่เนื้อหาเหมือนกันหมด แต่คนส่วนใหญ่ก็อยากอ่านอยากจับต้องในส่วนที่เป็นหนังสือ ก็มีการไปสมัครสมาชิก หรือกรณีนิตยสารซีเคร็ตของอมรินทร์ฯ เป็นหนังสือธรรมะ ก็มีในสื่ออินเตอร์เน็ตเหมือนกัน แต่คนก็อยากจะอ่านหนังสือเล่มนี้..สื่อสิ่งพิมพ์ไม่ตายหรอก โรงพิมพ์ไม่มีทางตาย!

พิสูจน์ด้วยการที่ท่านปิยโสภณ ยกสิ่งพิมพ์เปรียบเป็น “กายทิพย์” ที่มีแต่จะต้องเพิ่มจำนวนขึ้นๆ เพื่อให้ช่วยเผยแพร่ขยายแนวคิดปลูกรากแก้วให้แผ่นดิน อย่างไม่รู้กาลจบสิ้น!


หมายเหตุ : สิ่งพิมพ์บุญ กายเนรมิต‘ปิยโสภณ’ / นายขันติ ลาภณัฐขันติ ผู้สัมภาษณ์/เรียบเรียง/ถ่ายภาพ ตีพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรก : Thaiprint magazine  เผยแพร่ครั้งที่ 2 : www.PrintingnewsTH.com