TITLE ร่วมอาสาให้บริการประชาชนฉีดวัคซีนโควิด-19

บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE พร้อมด้วยพนักงานร่วมเป็นอาสาสมัครในการให้บริการ และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มีสิทธิ์เข้ารับการฉีดวัคซีน Sinovac ในรอบที่ 1 เข็มที่ 2 ตลอดจนบริจาคอาหาร เครื่องดื่ม และของใช้ที่จำเป็น แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำหน่วยให้บริการ เพื่อเตรียมพร้อมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ฉีดวัคซีนโควิดครบโดส  ที่เดินทางด้วยไฟลต์บินตรงสู่จังหวัดภูเก็ต โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน หรือ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ในวันที่ 1 ก.ค. นี้ ตามนโยบายภาครัฐ กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ณ โรงแรมภูเก็ต ออคิด รีสอร์ท แอนด์ สปา

TPS มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์แก่ รพ.พระนั่งเกล้า

บริษัท เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TPS มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้กับโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ประกอบด้วย เครื่องวัดความดันโลหิตชนิดอัตโนมัติ และวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด จำนวน 1 เครื่อง ชุดอุปกรณ์ช่วยระบบการหายใจแบบฉุกเฉิน OXYLATOR (Automatic Resuscitator) จำนวน 1 ชุด และเครื่องคอมพิวเตอร์ Dell (PC) จำนวน 3 เครื่อง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ในการดูแลรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19) กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ณ รพ.พระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี

Jitta Ranking – เวียดนาม คัดหุ้นหัวกะทิ เน้นลงทุนระยะยาว

จิตตะ เวลธ์ ชูผลตอบแทน Jitta Ranking – เวียดนาม ย้อนหลัง 1   ปี  โตเกือบ 100% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามในช่วงเวลาเดียวกันถึง 37.14% ด้วยแนวทางการคัดเลือกหุ้นหัวกะทิของเทคโนโลยี AI มาบริหารจัดพอร์ตการลงทุน ด้าน ‘ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์’ ซีอีโอ ย้ำ ‘ตลาดหุ้นเวียดนาม’ มีมนต์เสน่ห์ เป็นตลาดหุ้นที่มีศักยภาพ  มีการเติบโตของกำไรสูงในขณะที่มูลค่าหุ้นยังถูก จึงมองว่าเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนไทย ลงทุนเพื่อผลตอบแทนระยะยาว 

นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด สตาร์ทอัพรายแรกของไทย ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการให้บริการกองทุนส่วนบุคคล เปิดเผยว่า Jitta Ranking – เวียดนาม มีผลตอบแทนที่โดดเด่น โดยตั้งแต่ พ.ค. ปีที่แล้วจนถึง พ.ค. ปีนี้ ทำผลตอบแทนรวมได้สูงถึง 93.47% สูงกว่าดัชนีผลตอบแทนรวมของตลาดหุ้นเวียดนาม (Vietnam Index Total Return – VNINDEXTR) ที่ทำได้ 56.33% หรือมากกว่า 37.14% ในช่วงเวลาเดียวกัน

ทั้งนี้ ผลตอบแทนรวมของ Jitta Ranking – เวียดนาม ที่ชนะผลตอบแทนรวมดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามได้นั้น มาจากการบริหารจัดการที่มี “จุดเด่น” และ “แตกต่าง” ในด้านต่างๆ ดังนี้

  1. ใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นเวียดนามทั้งตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (HOSE) และตลาดหลักทรัพย์ฮานอย (HNX)  โดยจะวิเคราะห์งบการเงินย้อนหลัง 10 ปี ไม่ว่าจะเป็นรายได้ กำไร งบดุล และงบกระแสเงินสด เพื่อนำมาประเมินความแข็งแกร่ง โอกาสการเติบโต และมูลค่าบริษัทนั้นๆ แล้วนำมาจัดอันดับ Jitta Ranking เพื่อค้นหาสุดยอด ‘หุ้นดีราคาถูก’
  2. เทคโนโลยีการบริหารจัดการพอร์ตฟอลิโอแบบอัตโนมัติ (Automated Management) กระจายความเสี่ยงลงทุนในหุ้นลำดับต้นๆ ของ Jitta Ranking และปรับพอร์ตอย่างสม่ำเสมอทุก 3 เดือน จึงทำให้ผลตอบแทนของ Jitta Ranking เวียดนามชนะดัชนีตลาดได้ไม่ยาก
  3. ผลตอบแทนคาดหวังได้ จากการใช้หลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investment – VI) นั่นคือ เน้นการลงทุนในในหุ้นดีราคาถูก ที่คัดสรรด้วยเทคโนโลยี Jitta Ranking ที่พิสูจน์ผลตอบแทนมาแล้วว่าสามารถชนะดัชนีตลาด เหมาะกับการลงทุนในระยะยาว ที่สร้างการเติบโตทบต้นไปเรื่อยๆ
  4. ค่าธรรมเนียมต่ำและยุติธรรม ค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการกองทุนส่วนบุคคลเพียง 5% ต่อปี เพื่อให้นักลงทุนมีต้นทุนที่ต่ำที่สุด และสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาว

“ข้อดีของเทคโนโลยี AI คือสามารถวิเคราะห์หุ้นได้ทั้งตลาดอย่างมีหลักการและปราศจากอคติ จึงสามารถเลือกหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตจริงๆ สะท้อนจากงบการเงินที่แข็งแกร่ง และการบริหารจัดการของ Jitta Wealth ที่ใช้เทคโนโลยีมาจัดพอร์ตอย่างอัตโนมัติ ลงทุนในหุ้นหัวกะทิอันดับต้นๆ ของ Jitta Ranking และดูแลจัดการปรับพอร์ตให้อย่างสม่ำเสมอนั้น ได้พิสูจน์ผลงานสร้างพอร์ตเติบโตเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก ให้กับนักลงทุนไทยมาแล้ว” นายตราวุทธิ์ กล่าว

ทางด้าน นายฟัน จิ้ ทัน เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย เผยว่า เวียดนามมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2559-2563) เฉลี่ยอยู่ที่ 5.9% สูงที่สุดในโลก ขณะที่กระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนาม (MPI) ได้รายงานว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2564 นักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในเวียดนามในรูปแบบต่างๆ มีมูลค่าการลงทุนทั้งหมดประมาณ 12,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือพุ่งขึ้น 99.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจของเวียดนามในปี 2564 สดใสเป็นอย่างมาก โดยองค์กรการเงินระหว่างประเทศ เช่น World Bank, International Monetary Fund และ Asian Development Bank คาดการณ์ไว้ว่า GDP จะเติบโตอยู่ที่ 6.5-7.0% เลยทีเดียว

“เวียดนามเป็นตลาดที่มีเสน่ห์ เป็นประเทศที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก เนื่องจากเศรษฐกิจเวียดนามเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ต่อเนื่อง ทำให้หุ้นเวียดนามมีการเติบโตของกำไรสูง ในขณะที่มูลค่าหุ้นยังถูก จึงมองว่าเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนไทยที่จะทำการปรับพอร์ต กระจายความเสี่ยง ลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม เพื่อผลตอบแทนระยะยาว สร้างพอร์ตเติบโตไปพร้อมกับประเทศเวียดนาม” นายตราวุทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth นโยบายการลงทุน Jitta Ranking – เวียดนาม ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด สามารถดูข้อมูลได้ที่ https://jittawealth.com/jitta-ranking/vietnam  หรือปรึกษาผู้แนะนำการลงทุนได้ที่ LINE @JittaWealth

MBK ร่วมสนับสนุนน้ำดื่ม หน้ากากอนามัย ให้กรมการขนส่งทางบก

นายสมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า (ที่ 6 จากซ้าย)  พร้อมด้วย นางสาวศตกมล วรกุล ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร (ที่ 8 จากซ้าย) นายพงศ์วิกรานต์ วิศรุตโชติสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารความปลอดภัย (ที่ 1 จากซ้าย) บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน ) นายประจักษ์ ตั้งคารวคุณ ประธานกรรมการ บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ที่ 4 จากซ้าย) และ นายวริน อิทธิโรจนกุล ประธานบริหาร บริษัท เรดิสัน แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (ที่ 2 จากซ้าย) ร่วมส่งมอบเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ น้ำดื่ม MBK จำนวน 5,000 ขวด และ หน้ากากอนามัย จำนวน 20,000 ชิ้น   ให้กับกรมการขนส่งทางบก โดยมี นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ที่ 5 จากซ้าย) ให้เกียรติรับมอบ  พร้อมนำไปจัดสรรส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ และพนักงานที่ปฏิบัติงานให้บริการประชาชน ที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส  โควิด – 19 ต่อไป  ณ ห้องเกียรติยศ อาคาร 1 กรมการขนส่งทางบก

SAPPE เปิดตัวเครื่องดื่ม Beauti Drink กลิ่นกัญชา

‘บมจ.เซ็ปเป้’ หรือ SAPPE เดินหน้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ กรีน รีแล็กซิ่งคาล์ม (Green Relaxing Calm) กลิ่นเทอร์ปีน นำเอากลิ่นเทอร์ปีนซึ่งเป็นกลิ่นลักษณะเดียวกับในใบกัญชามาใช้เป็นส่วนผสม ช่วยผ่อนคลายอารมณ์และบำบัดความเครียด ส่งผลดีต่อสุขภาพ ชิมลางก่อนที่กฎหมายจะปลดล็อกให้ใช้พืชกัญชา เพิ่มทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะสายเขียวทั้งหลาย พร้อมวางแผนทยอยออกสินค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 20 SKUs ในครึ่งปีหลัง ผลักดันให้ผลการดำเนินงานทั้งปีเติบโต 10-15%

ปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า ถือเป็นการตอกย้ำการเป็นผู้นำเครื่องดื่ม Functional Drink ในกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม ที่เน้นนำเอานวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในเครื่องดื่มอย่างแท้จริง โดยบริษัทฯ ได้หยิบเอาสินค้าที่เคยเป็นกระแสโด่งดังกลับมาเพิ่มสีสันด้วยการผสมนวัตกรรม กลิ่นกัญชา (เทอร์ปีน) ซึ่งเป็นกลิ่นลักษณะเดียวกับในใบกัญชามาใช้เป็นส่วนผสม นำมาสร้างความแปลกใหม่และเพิ่มทางเลือกใหม่ๆ ให้กับกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นหรือบุคคลทั่วไปที่สนใจ และอยากทดลองกลิ่นเทอร์ปีนในเครื่องดื่ม ถือเป็นการชิมลาง ก่อนที่กฏหมายจะปลดล็อกให้ใช้พืชกัญชาได้ในอนาคต

โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้เปิดตัว เครื่องดื่มเซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ กรีน รีแล็กซิ่งคาล์ม (Green Relaxing Calm) กลิ่นเทอร์ปีน และสารสกัดจากลาเวนเดอร์ คาโมไมล์ & แอล-ธีอะนีน ซึ่งทีมงานได้ใช้เวลาและความพยายามในการคิดค้นและพัฒนาสินค้าให้มีกลิ่นและรสชาติที่ใกล้เคียงกับของจริงมากที่สุด หวังเอาใจสายเขียวทั่วประเทศ ซึ่งกลิ่นเทอร์ปีนช่วยเสริมในเรื่องการผ่อนคลายอารมณ์และบำบัดความเครียด ส่งผลให้สุขภาพร่างกายและจิตใจดีขึ้น ​สารสกัดจากลาเวนเดอร์ทำให้คลายความวิตกกังวล และคาโมไมล์ & แอล-ธีอะนีน จะช่วยลดความเครียด ช่วยให้นอนหลับสบาย รวมถึงมีสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อร่างกาย ไม่มีส่วนผสมจากน้ำตาล แคลอรี่ต่ำ อร่อย สดชื่น ดื่มง่ายได้ทุกวัน ให้ความรู้สึกสนุกกว่าเดิม ในราคาเพียงขวดละ 20 บาท วางจำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ทุกสาขาทั่วประเทศ​

นางสาวปิยจิต กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ สูตรกรีน รีแล็กซิ่งคาล์ม (Green Relaxing Calm) ถือว่าได้รับผลตอบรับดีมาก สามารถเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ และขยายครอบคลุมได้หลากหลายกลุ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เตรียมทยอยออกสินค้าใหม่ต่อเนื่องกว่า 20 SKUs ในช่วงที่เหลือของปีนี้

ขณะที่ภาพรวมตลาดในต่างประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น แม้ยังต้องเผชิญกับปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน แต่หลายๆ ประเทศทั่วโลกได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น จึงคาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของตลาดต่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป โดยเฉพาะการส่งออกไปอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ที่เข้าสู่ช่วง High Season ขณะที่รายได้ในประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกยังคงทรงตัว อย่างไรก็ตามคาดว่าจะฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลัง และจะช่วยสนับสนุนเป้าหมายผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้มีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15%

TCP ส่งพลังสู่สังคมทุกมิติให้คนไทยผ่านวิกฤติ Covid-19 ไปด้วยกัน

กลุ่มธุรกิจ TCP เดินหน้าส่งพลังใจสู่สังคมไทยฝ่าวิกฤติในทุกมิติ ช่วยเหลือทั้งภาคชุมชน ผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงบุคลากรและหน่วยงานทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสนับสนุนคนไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 เปิดโครงการ TCP พลังสดชื่นเสริมภูมิ” จัดตู้แช่เย็นให้บริการเครื่องดื่มสดชื่นเพิ่มพลังและเสริมภูมิคุ้มกัน บริการฟรีแบบลดการสัมผัส ตอกย้ำความมุ่งมั่นเคียงข้างคนไทยผ่านวิกฤติโควิด-19         

นางประไพภักตร์ ไวเกิล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโกลเบิล (F&B) กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวว่า  กลุ่มธุรกิจ TCP ตระหนักว่าการสนับสนุนให้คนไทยรับวัคซีนมากที่สุด คือปัจจัยหลักที่จะทำให้ประเทศก้าวข้ามวิกฤติโควิด- 19 ไปได้จากการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่เพื่อลดอัตราความเสี่ยงในการติดเชื้อหรือเสียชีวิต เราจึงริเริ่มโครงการ TCP พลังสดชื่นเสริมภูมิ” มอบเครื่องดื่มที่มีวิตามินและสารอาหารช่วยเสริมภูมิของกลุ่มธุรกิจ TCP ให้กับผู้ที่เข้ารับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ณ หน่วยฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้ประชาชนและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง”  

เครื่องดื่มภายใต้กลุ่มธุรกิจ TCP ที่ได้แจกจ่ายในโครงการ มีจำนวนรวมกว่า 350,000 ขวด บริการฟรีจากตู้แช่เย็นวันละกว่า 2,000 ขวด เสริมภูมิคุ้มกันพร้อมปลุกพลังความสดชื่นไปกับเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลจากแบรนด์ “ไฮ่!” ซึ่งมีส่วนผสมของวิตามินซี ช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ “แมนซั่ม วิตามิน วอเตอร์” ประกอบด้วยส่วนผสมจากวิตามินบี 12 และ ซิงค์ ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำหน้าที่ตามปกติ และเครื่องดื่มเกลือแร่จาก “สปอนเซอร์ โก”  ขนาดบรรจุใหม่ขวดเพ็ท  ที่มีส่วนผสมของเกลือแร่และสารอาหาร ช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจ TCP ยังสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนรับบริการเครื่องดื่มอย่างปลอดภัย โดยหยิบสินค้าจากตู้แช่เย็นได้โดยตรงเพื่อลดการสัมผัส พร้อมกันนี้ทางพนักงานและทีมงานที่เข้าร่วมกิจกรรมยังปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัยสูงสุดต่อพนักงานและประชาชนผู้เข้ารับการบริการ

กลุ่มธุรกิจ TCP จัดตั้งจุดให้บริการเครื่องดื่มเสริมภูมิคุ้มกัน ณ หน่วยฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 ดังนี้

  • 7-11 มิ.ย. 64 ศาลากลางจังหวัดปราจีนบุรี (อบจ.ปราจีนบุรี)
  • 7-13 มิ.ย. 64 ศูนย์การค้า ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์
  • 7-13 มิ.ย. 64 เซ็นทรัลอิสต์วิลล์
  • 8-14 มิ.ย. 64 เซ็นทรัลมหาชัย
  • 9-15 มิ.ย. 64 เซ็นทรัลเวิลด์
  • 14-20 มิ.ย. 64 สถานีบริการน้ำมัน PTT Station พระราม 2 (ขาออก) กม.12
  • 14-20 มิ.ย. 64 ห้างสรรพสินค้าแลนด์มาร์ค มหาชัย
  • 16-20 มิ.ย. 64 เซ็นทรัลพระราม 9
  • 16-20 มิ.ย. 64 เซ็นทรัลปิ่นเกล้า
  • 21-27 มิ.ย. 64 โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ (จ.ปทุมธานี) อาคารยิมเนเซียม 4

กลุ่มธุรกิจ TCP มุ่งช่วยเหลือสังคมในทุกมิติ โดยเมื่อต้นปีได้ส่งความช่วยเหลือให้กับหน่วยงานแพทย์ภายใต้โครงการ TCP พลังอุปกรณ์สู้โควิด” บริจาคเครื่องช่วยหายใจ 15 เครื่อง และอุปกรณ์ทางการแพทย์กว่า 30,000 ชิ้น แก่สภากาชาดไทย พร้อมอาหารแห้งและเครื่องดื่มกว่า 1,500 ลัง แก่โรงพยาบาลสนาม 10 แห่งในจังหวัดที่มียอดผู้ป่วยโควิด-19 มากที่สุดจากรายงานของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.มท.) และส่งมอบเครื่องโมดูลวัดปริมาตรก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ในลมหายใจ จำนวน 5 เครื่องให้กับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อนำไปช่วยเหลือ ติดตามและประเมินอาการผู้ป่วยโควิด-19 หรือคนไข้โรคระบบหายใจ

นอกจากนี้ ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจ TCP ยังส่งต่อกำลังใจแก่ภาคชุมชนและผู้ประกอบการ ด้วยโครงการ “TCP พลังใจในทุกคำ” โดยส่งกำลังใจให้บุคคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลสนาม ซึ่งเป็นด่านหน้าที่แบกภาระหนักหน่วง ด้วยเครื่องดื่มของกลุ่มธุรกิจTCP และอาหารจากร้านอร่อย ซึ่งนอกจากจะเป็นกำลังใจให้นักรบเสื้อกาวน์ทั้งหลายแล้ว ยังสามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้กับร้านอาหารที่กำลังเผชิญพิษโควิด 19 ไปพร้อมกัน บ่งชี้ว่าโครงการช่วยเหลือและบรรเทาวิกฤติโควิด-19 ของกลุ่มธุรกิจ TCP คำนึงถึงทุกมิติทางสังคมอย่างแท้จริง

กลุ่มธุรกิจ TCP ยังคงยืนหยัดเคียงข้างคนไทยให้ผ่านวิกฤติโควิด-19 อย่างต่อเนื่องผ่านโครงการต่างๆ ที่ดำเนินงานมาตั้งแต่ช่วงต้นของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ตอกย้ำหัวใจหลักที่มุ่งสร้างสังคมไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นตามปณิธานที่สานต่อมาตั้งแต่ก้าวแรกขององค์กร

ซีพี ออลล์ ชูคาถาบรรษัทภิบาล ค่านิยม 3 ประโยชน์

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่นและเซเว่น เดลิเวอรี่ ตระหนักถึงความสำคัญของการกำกับดูแลกิจการที่ดี ประกาศเจตนารมณ์องค์กรธรรมาภิบาล ปี 64 ชูคาถาบรรษัทภิบาล “ซื่อสัตย์ โปร่งใส ยุติธรรม คำนึงถึงชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มทั้งภายในและภายนอกองค์กร บนพื้นฐานค่านิยมเครือเจริญโภคภัณฑ์ ‘3 ประโยชน์’ ตอบโจทย์ประเทศชาติ ประชาชน และองค์กร

นางสาวลาวัณย์ เตียงหงษากุล ประธานคณะอนุกรรมการบรรษัทภิบาล บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า ซีพี ออลล์ ได้กำหนดนโยบายบริหารองค์กรตามหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) โดยให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลกิจการที่ดี ส่งเสริมการต่อต้านคอร์รัปชัน เป็นแนวทางให้ผู้บริหารและพนักงานในบริษัททุกคนใช้เป็นกรอบในการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด อีกทั้งยังให้ทุกคนยึดมั่นในคาถาบรรษัทภิบาล ซื่อสัตย์ โปร่งใส ยุติธรรม คำนึงถึงชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมกันสร้างค่านิยมในการดำเนินงานที่ปราศจากการคอร์รัปชันให้เป็นวัฒนธรรมขององค์กร ซึ่งถือเป็นหนึ่งหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของซีพี ออลล์ ตลอดมา

นอกจากนี้ ซีพี ออลล์ ยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวไปสู่องค์กรแห่งความยั่งยืน ภายใต้ปณิธาน “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน” มาอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปี พร้อมตระหนักถึง 3 ประโยชน์บนพื้นฐานค่านิยมเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งประกอบไปด้วย

1. ประโยชน์ต่อประเทศชาติ ยืนหยัดความซื่อสัตย์ถือ ‘ทุจริตคอร์รัปชัน’ เป็นศัตรูในทุกส่วนงาน คำนึงถือผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างสมดุล รวมถึงได้เข้าร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) และเครือข่ายต่างๆ ในการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อแสดงพลังในการป้องกันการทุจริตที่กระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และประเทศชาติ

2. ประโยชน์ต่อประชาชน การขับเคลื่อนธุรกิจทำให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับพนักงานกว่า 170,000 คนทั่วประเทศและส่งเสริมอาชีพกลุ่มเปราะบาง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม นอกจากนี้ยังส่งเสริมผู้ประกอบการ SME จำหน่ายสินค้าผ่านร้านเซเว่น อีเลฟเว่น กว่า 1,000 ราย รวมทั้งมีการบริหารผลิตภัณฑ์เพื่อส่งเสริมสุขภาพและโภชนาการ เพื่อให้ประชาชนในสังคมเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย มีคุณค่าทางโภชนาการ มีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

3. ประโยชน์ต่อองค์กร ถือเป็นบทพิสูจน์ความเป็นองค์กรชั้นนำ ในฐานะภาคธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในทุกมิติ ปีที่ผ่านมา 2563 ซีพี ออลล์ได้รับการรับรองจากสถาบันชั้นนำระดับประเทศ และระดับโลก ถึง 4 สถาบัน ไม่ว่าจะเป็น ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์(DJSI) ซึ่งซีพี ออลล์ ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในกลุ่ม World Index ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 (2561-2563) และกลุ่ม Emerging Markets Index ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 (2560-2563) ในกลุ่มอุตสาหกรรม Food & Staples Retailing, ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิก FTSE4Good Index ในกลุ่ม Food & Drug Retailers ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 (2561-2563) อีกทั้งยังมีคะแนนสูงสุดติด 1 ใน 5 ของบริษัทชั้นนำทั่วโลกในกลุ่มค้าส่งค้าปลีกอาหาร และอุตสาหกรรมการให้บริการผู้บริโภค, สถาบันไทยพัฒน์ คัดเลือกซีพี ออลล์ ให้อยู่ใน Universe ของหลักทรัพย์ ESG 100 กลุ่มบริการ (Services) ต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 3 (2561-2563) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งประกาศรายชื่อหุ้นยั่งยืน หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ประจำปี 2563 ให้ซีพี ออลล์ เป็นหุ้นยั่งยืน ปีที่ 3 ติดต่อกัน (2561-2563) ในกลุ่มบริการ (Services)

ในช่วงที่ผ่านมา ซีพี ออลล์ ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับการวางมาตรการการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันภายในและภายนอกองค์กรอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 นี้ ซีพี ออลล์ ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าประกาศเป็นนโยบายสำคัญขององค์กร เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร และจัดอบรมให้ความรู้แก่บุคลากรทุกหน่วยงาน ทุกระดับชั้น พร้อมกำหนดแนวทางปฏิบัติต่อคู่ค้าหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทางธุรกิจทุกกลุ่มอย่างชัดเจน ตอกย้ำให้พนักงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอกได้รับรู้ถึงช่องทางในการรับแจ้งเบาะแสหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับการคอร์รัปชัน รวมทั้งมีการติดตามผลการดำเนินงานของทุกภาคส่วนเพื่อรายงานต่อคณะกรรมการความยั่งยืนและบรรษัทภิบาลทุกไตรมาส เพื่อดูแลควบคุมนโยบาย ปรับปรุง ให้คำแนะนำต่างๆ ในการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตลอดจนสร้างเครือข่ายผู้นำรุ่นใหม่ด้านธรรมาภิบาล ผ่านรูปแบบกิจกรรมเฟ้นหาสุดยอด Mister & Miss Good Governance เพื่อเป็นเวทีให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงออกถึงแนวคิดเรื่องธรรมาภิบาลที่ทันยุค ทันสมัย และให้ผู้ชนะดำรงตำแหน่งเป็น “แอมบาสเดอร์” ส่งเสริมธรรมาภิบาลขององค์กรอย่างยั่งยืน

“ธรรมาภิบาลนั้น เมื่อทุกคนในองค์กรร่วมกันยึดมั่นปฏิบัติ ตระหนักถึงความซื่อสัตย์ ความโปร่งใส จะทำให้เกิดความสุข ความไว้วางใจและเชื่อใจกันและกัน ทำให้องค์กรนั้นเกิดพลังในการสร้างสรรสิ่งใหม่ๆ ที่ดีต่อสังคม ชุมชน และประเทศชาติ มีแต่ความเจริญตราบใดที่ผู้คนไม่เริ่มทุจริต เห็นแก่ตัว หาผลประโยชน์เข้าตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เกิดการกัดกินองค์กร ทำให้เกิดการกัดกร่อน องค์กรเกิดความไม่มั่นคง และในที่สุดพลังขององค์กรก็จะหายไป ดังนั้น ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ซีพี ออลล์ ดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นและทุ่มเทนำเสนอสินค้าคุณภาพ และบริการความสะดวกมอบแด่ลูกค้า ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นธรรมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม และมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลเป็นสำคัญ รวมพลังผู้บริหารและพนักงานทุกคน เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนต่อไป” นางสาวลาวัณย์ กล่าวทิ้งท้าย

เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู เปิดแคมเปญ-พรีเซนเตอร์สุดปัง

เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู เดินหน้าลุยตลาดกาแฟปรุงสำเร็จ ทุ่มงบ 700 ล้านบาทส่งแคมเปญการตลาด “สิ่งดีๆ มีมากกว่าที่เห็น” ซึ่งเป็นแคมเปญยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 5 ปี พร้อมเปิดตัว ณเดชน์ คูกิมิยะ และ ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ คู่รักซุปตาร์นั่งแท่นพรีเซนเตอร์ ชวนฟินกาแฟซองรสชาติเหมือนกาแฟสด กับคอนเซ็ปต์ใหม่ “กลมกล่อม หอม ครบ จบในซอง” พร้อมประเดิมกิจกรรมเฟสแรกสร้างกระแส #กาแฟสดณเดชน์ญาญ่า มัดใจคอกาแฟและคนอยู่บ้านทั่วประเทศ

ปัจจุบัน เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู เป็นผู้นำตลาดกาแฟปรุงสำเร็จที่มีมูลค่า 14,900 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งการตลาด 55% ทั้งนี้ ตลาดกาแฟสำเร็จรูปยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เนื่องจากอัตราการบริโภคกาแฟในบ้านมีการเติบโตที่ดี เกิดจากปัจจัยหลักที่ผู้บริโภคอยู่บ้านมากขึ้น และกาแฟปรุงสำเร็จเป็นทางเลือกที่ดี ตอบโจทย์คอกาแฟในด้านความคุ้มค่า ความสะดวก ชงง่าย และอร่อย ไม่ต้องออกไปดื่มกาแฟนอกบ้าน (ที่มาข้อมูลจาก ดัชนีค้าปลีกนีลเส็น)

ศรีประภา จิงประเสริฐสุข ผู้จัดการธุรกิจกาแฟสำเร็จรูปและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด

นางสาวศรีประภา จิงประเสริฐสุข ผู้จัดการธุรกิจกาแฟสำเร็จรูปและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เราจับเทรนด์ความนิยมการดื่มกาแฟในบ้านที่เพิ่มสูงขึ้น มาสร้างสรรค์เป็นแคมเปญการตลาดของเนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรูในปีนี้ เพื่อสร้างความคึกคักให้กับตลาดในครึ่งปีหลัง เรายินดีมากกับการร่วมงานกันครั้งแรกของแบรนด์กาแฟอันดับหนึ่งของไทย กับ ณเดชน์ และ ญาญ่า ซึ่งเป็นนักแสดงขวัญใจมหาชน เนสกาแฟเป็นเจ้าแรก ๆ ในตลาดที่นำเอาเรื่องราวความผูกพันดี ๆ ที่มีมากกว่าที่เห็นของทั้งคู่มาสร้างเป็นแคมเปญใหญ่ ซึ่งเราคาดว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าไปสู่คอกาแฟสดและผู้บริโภคกลุ่มใหม่ ๆ พร้อมกระตุ้นการดื่มกาแฟในบ้าน

สำหรับกิจกรรมการตลาดเฟสแรก เนสกาแฟได้จัดทำภาพยนตร์โฆษณาชุด “กลมกล่อม หอม ครบ” ความยาว 30 และ 15 วินาที นำเสนอเรื่องราวความรู้ใจกันของคนสองคน ที่เป็นคอกาแฟเหมือนกัน ก็จะรู้ว่ากาแฟไหนดี และจะเลือกแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้กันและกันเท่านั้น อย่างณเดชน์ที่รู้ใจญาญ่าและเลือกชงเนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ในทุกเช้า มอบกลิ่นหอมของกาแฟแท้ ๆ และรสชาติกลมกล่อมจากเมล็ดกาแฟอาราบิก้าและโรบัสต้าคั่วบดละเอียดทั้ง 2 สายพันธุ์ โดยได้เริ่มออนแอร์
ทางสถานีโทรทัศน์และสื่อดิจิทัลชั้นนำทั่วประเทศ พร้อมทั้งช่องทางเฟซบุ๊กและยูทูบของเนสกาแฟ https://www.youtube.com/watch?v=zDQDXEAOPJE ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายนนี้เป็นต้นมา

นอกจากนี้ ยังมีสื่อโฆษณานอกบ้านสุดครีเอท ชูความหอมของผลิตภัณฑ์พร้อมข้อความโดนใจ ไม่ว่าจะเป็น “ซองนี้จะหอมไปถึงไหน” “พหอมโยธิน” “รัชดมภิเษก” หรือ “สูดขุมวิท” “มาภูเก็ต หาดก็เด็ด เนสกาแฟก็หอม” เป็นต้น ซึ่งมีการเปิดตัวพร้อมกันในเดือนนี้ในกรุงเทพฯ และในจังหวัดใหญ่ทั่วประเทศ เช่น ขอนแก่น นครราชสีมา อุดรธานี บุรีรัมย์ อุบลฯ หาดใหญ่ ภูเก็ต และนครศรีธรรมราช

นางสาวศรีประภา ทิ้งท้ายว่า จากกิจกรรมในเฟสแรก เราตั้งเป้าที่จะเข้าถึงผู้บริโภคกว่า 50 ล้านคนทั่วประเทศ และสร้างกระแส #กาแฟสดณเดชน์ญาญ่า ไปทั่วประเทศ พร้อมทั้งตอกหมุดการเป็นผู้นำในตลาดกาแฟปรุงสำเร็จอย่างเหนียวแน่น นอกจากนี้ เรายังเตรียมกิจกรรมการตลาดที่แปลกใหม่ เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับคอกาแฟในเร็ว ๆ นี้

คอกาแฟสามารถดื่มด่ำกับความกลมกล่อม หอม ครบ จบในซอง กับเนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ใน 4 รสชาติ ได้แก่ ริช อโรมา เอสเปรสโซ โรสต์ สูตรน้ำตาลน้อย สูตรไม่มีน้ำตาลทราย มีจำหน่ายในร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต และช่องทางออนไลน์ของเนสท์เล่ ลาซาด้า https://bit.ly/3rhWOQO และช้อปปี้ https://bit.ly/39cxkyl

สามย่านมิตรทาวน์ ฉลอง Pride Month เดือนแห่งความภาคภูมิใจ

เพราะเราเชื่อว่าความรักมีหลากหลาย ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ จึงร่วมฉลองเดือนแห่งความภาคภูมิใจหรือ Pride Month ตามแนวคิด ความรัก (LOVE) และ ความเป็นอิสระ (FREEDOM) พร้อมส่งเสริมให้ทุกคนภูมิใจในความเป็นตัวเอง และร่วมเฉลิมฉลองกับแคมเปญ “SAMYAN MITR PROUD 100% LOVE ส่งต่อความรักเต็มร้อย ให้คุณเป็นตัวเองได้เต็มที่” ตั้งแต่วันนี้ – 11 กรกฎาคม 2564

โดยได้นำ “สีรุ้ง” สัญลักษณ์แห่งวิถีความหลากหลายทางเพศ มาตกแต่งอย่างสวยงามทั่วศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ เพื่อสนับสนุนและเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความภาคภูมิใจนี้ ซึ่งหลังจากการเปิดตัวเพียงบางส่วนก็ได้รับการตอบรับที่ดี เรียกกระแสฮือฮาทางโลกออนไลน์ ตั้งแต่อุโมงค์เชื่อมมิตรจากรถไฟฟ้า MRT สถานีสามย่านมาที่สามย่านมิตรทาวน์ที่ถูกเนรมิตด้วยธงสีรุ้ง และส่งต่อความสดใสขึ้นมายังบันไดทางเชื่อมต่อกับทางเข้าศูนย์การค้าชั้น B1 หรือถ้าใครไม่ได้เดินทางด้วย MRT ก็จะเห็นความอลังการของสีสันจากทางเข้าศูนย์การค้าฯ ชั้น G ฝั่งถนนพญาไท และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้คือ Pride Night Lights การแสดงโชว์ไฟบนพื้นที่ผิวนอกอาคาร ฝั่งถนนพระราม 4 ซึ่งจัดแสดงทุกวัน เวลา 18.30 – 21.00 น. แถมยังแฝงกิมมิกเล็ก ๆ ลงบนสติ๊กเกอร์ Pride Month Edition ทุกจุดคัดกรอง สร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าที่ได้รับ ปิดท้ายด้วยการเติมอรรถรสด้วยการเปลี่ยนเพลงในศูนย์การค้าฯ ให้เป็น Pride Playlist ตลอดทั้งเดือน
นอกจากนี้ สามย่านมิตรทาวน์ยังร่วมผนึกพลังรักเต็มร้อยกับพันธมิตรร้านค้าภายในศูนย์ฯ เดินหน้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในเดือนแห่งความภาคภูมิใจนี้ด้วยเรื่องราวของสินค้าและโปรโมชั่นจากแบรนด์ต่าง ๆ อาทิ

Mind Space managed by นายอินทร์…ขอเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลอง “Pride Month” ปี 2021 ผ่านที่คั่น #อินทร์Y Collection สุดพิเศษเอาใจสาวกวาย จากนายอินทร์ด้วยสัญลักษณ์ “หัวใจสีรุ้ง” บนที่คั่น แจกให้สำหรับสมาชิกร้านนายอินทร์ ที่ซื้อหนังสือนิยายวายครบทุก 500 บาท รับฟรี ที่คั่น #อินทร์Y 1 ชิ้น ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2564

แบรนด์ Levi’s กับคอลเลคชั่น Levi’s® Pride 2021 ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ เชื่อในความสวยงามของทุกคน จึงร่วมผลักดันและให้ความสำคัญของความเท่าเทียมผ่านแฟชั่นยีนส์ โดยรายได้ส่วนหนึ่งจะมอบให้แก่องค์กร OurRight Action International (องค์กรดูแลและปกป้อง LGBTIQA+) พบคอลเลคชั่น Levi’s® Pride 2021 ได้วันที่ 14 มิ.ย. 64 นี้ ที่ร้านลีวายส์® สาขาสามย่านมิตรทาวน์ #LiveInLevis #LevisPrideHOUSE Samyan

สถาบัน ANGKRIZ ได้ปรับโลโก้เป็น Pride Month ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทน ‘ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ LGBTQIA’ อย่างเป็นสากล ซึ่งทางสถาบัน ได้ใช้เป็นรูป profie ในทุกช่องทางของสถาบัน

เช่นเดียวกันกับ โรงหนังขวัญใจผู้ชื่นชอบหนังทางเลือกอย่าง House Samyan ซึ่งถึงแม้จะปิดให้บริการตามนโยบายของภาครัฐจนถึงวันที่ 14 มิถุนายน นี้ แต่ก็ยังร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อความรักด้วยการปรับโลโก้แบรนด์ตลอดทั้งเดือน

ร้าน Party Animals Bangkok นอกจากปรับโลโก้ร่วมเฉลิมฉลองเดือน Pride Month แล้ว ยังมีคอลเลคชั่นเซ็ตลูกโป่งสายรุ้งหลากหลายสีสัน (Colorful Balloon Collection) เติมความสดใสให้แก่ผู้รับและผู้ให้ตลอดทั้งเดือนนี้

เพราะความรักไม่มีขีดจำกัด ทาโก้ เบลล์ จึงร่วมฉลองพลังแห่งรักไปกับความอร่อยที่ไม่มีที่สิ้นสุดกับเมนูพิเศษ Taco Supreme (ทาโก้ ซูพรีม) ไก่หมักเครื่องเทศ มาพร้อมซอสเผ็ดสูตรพิเศษ และซาวร์ครีม พร้อมผักสดและเชดด้าชีส ไม่ว่าจะจับคู่กับแป้งแบบกรอบ หรือแบบนุ่มก็อร่อยฟินได้ทั้งคู่

เสริมทัพด้วยโปรโมชั่นสุดปังกับร้าน Muteki ที่จัดหนักจัดเต็ม กับ Happy Set โปรโมชั่นต้อนรับ Pride Month อย่างเซ็ตสุดคุ้มเพียง 219 บาท ทุกเซ็ต! ซึ่งประกอบไปด้วยอาหารจานหลัก และเครื่องเคียงอีก 4 อย่างด้วยกัน เช่น เซ็ตข้าวหน้าปลาซาบะอย่างซีอิ๊ว Saba Don (Half), เซ็ตข้าวหน้าปลาแซลมอนย่างซีอิ๊ว Salmon Don (Half), เซ็ตข้าวแกงกะหรี่หมูทอด/ไก่ทอด Pork/Chicken Katsu Curry Rice,เซ็ตข้าวหน้าไก่ทอด Chicken Katsu และเมนูเซ็ตอื่น ๆ อีกมากมาย

รวมถึงโซเชี่ยลแคมเปญ ห่วงใยมิตรแจกสเปรย์แอลกอฮอล์ : เพียงโชว์สติ๊กเกอร์จุดคัดกรอง Pride Month Edition และกดรับสิทธิ์ผ่าน Mitr App รับฟรี! สเปรย์แอลกอฮอล์พกพา ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. – 11 ก.ค. 64 (41 วัน) จำกัดการแลกวันละ 50 ชิ้น , จำกัด 2,050 ชิ้น ตลอดแคมเปญตอกย้ำความสำเร็จอย่างต่อเนื่องด้วย Samyan Colorway ในระหว่างวันที่ 22-28 มิถุนายน 2564 พื้นที่โปรโมชั่นชั้น G งานที่รวบรวมสินค้า Pride Collection จากแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ พร้อมกับสินค้าเด็ดที่เป็น Rare Item จากกลุ่ม LGBTIAQ+ และจากกลุ่มคนทั่วไปที่ยอมรับและเข้าใจในความแตกต่าง พร้อมแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญของความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศ จากสินค้าแบบ Unisex ในรูปแบบที่หลากหลายตอบสนองทุกความต้องการในแบบไม่จำกัดเพศ

ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ เปิดให้บริการ 11.00 – 20.00 น. และโซน 24 ชม.เปิด 07.00 – 20.00 น. หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง พร้อมดำเนินมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

จุดตกแต่งภายใต้แคมเปญประกอบด้วย
1. จุดตกแต่งภายในศูนย์ ชั้น B1 บริเวณอุโมงค์ และทางเข้า MRT บริเวณทางเข้าศูนย์การค้าฯ ชั้น G ฝั่ง South
2. บริเวณหน้าศูนย์การค้าฯ พบกับ Pride Night Lights เวลา 18.30 – 21.00 น. ทุกวัน
3. สติ๊กเกอร์จุดคัดกรอง ปรับเป็น Pride Month Edition เป็นกิมมิกน่ารัก ๆ สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่ได้รับ
4. ปรับโลโก้สามย่านมิตรทาวน์ต้อนรับเดือนแห่งความภาคภูมิใจ ซึ่งประกอบไปด้วยสายรุ้งท้ง 6 สี การเปลี่ยนเพลงในศูนย์การค้าฯให้เป็น Pride Playlist และมี Online Content ต่าง ๆ ตลอดทั้งเดือนมิถุนายนนี้

พม. – ซีพีแรม ลุยเปิดครัวกลางในกระทรวง

ซีพีแรม เล็งเห็นความเดือดร้อนของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงได้ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดตั้งครัวกลาง พร้อมเร่งส่งมอบอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน เบเกอรี่และน้ำดื่ม ทุกวันพฤหัสบดี และศุกร์ ตลอดเดือนมิถุนายน 2564 จำนวนกว่า 3,000 ชุด เพื่อเป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพ และบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้าน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ย่านเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ฯ และชุมชนโดยรอบ

นางพัชรี อารยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  เปิดเผยว่า ในนามของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ผู้ให้การบริจาคทุกท่าน ห่วงใยผู้ประสบปัญหาทางสังคมที่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ระลอกใหม่ รวมถึงการขาดแคลนอาหาร และสิ่งของจำเป็นด้วย ซึ่งในวันนี้ เป็นโอกาสอันดีทุกท่านได้ร่วมส่งมอบกำลังใจไปยังพี่น้องประชาชนผู้เดือดร้อน ด้วยการมอบอาหารพร้อมทาน จำนวนกว่า 3,000 ชุด เพื่อมามอบให้ พม. ได้แจกจ่ายให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 COVID-19 ระลอกใหม่ ที่มีการขยายวงกว้างในพื้นที่หลายจังหวัดทั่วประเทศ

กระทรวง พม. ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและดูแลกลุ่มเป้าหมายตามภารกิจ โดยเฉพาะ เด็ก เยาวชน คนพิการ ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาสในสังคม โดยได้เปิดรับสิ่งของจำเป็นและอาหารเพื่อช่วยเหลือประชาชนในยามวิกฤติ  พร้อมทั้งได้ดำเนินโครงการบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ให้ครอบคลุมทุกมิติแบบองค์รวม และพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือนให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานของรัฐบาลที่มุ่งเน้นขจัดความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ พร้อมกับการพัฒนาคนในทุกช่วงวัย ซึ่งการขับเคลื่อนโครงการบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน

ทางด้าน นายสาธิต แสงเรืองอ่อน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด เปิดเผยต่อว่า ซีพีแรม มีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมส่วนหนึ่งในการช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ และความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยการจัดตั้ง ครัวกลาง ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ภายใต้แนวคิด พม. – ซีพีแรม เคียงข้างคนไทย “ห่วงใยไม่ห่าง” ณ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แห่งนี้ เพื่อเร่งส่งมอบอาหารพร้อมรับประทาน เบเกอรี่เลอแปง และน้ำดื่ม ให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อาทิ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ฯ และชุมชนโดยรอบ เป็นต้น

“พร้อมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการดังกล่าวนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อพี่น้องประชาชน และประเทศชาติ สามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ และความเดือดร้อนของประชาชนได้เป็นอย่างรูปธรรม ผมขอ     ขอบคุณทุกท่าน และขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องคนไทย  ผ่านพ้นวิกฤตดังกล่าวนี้ไปด้วยกัน” นายสาธิต แสงเรืองอ่อน กล่าว

ที่ผ่านมา ซีพีแรม ดำเนินโครงการ ซีพีแรม เคียงข้างคนไทย “ห่วงใยไม่ห่าง” อย่างต่อเนื่อง   โดยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชน จัดตั้งครัวกลางเพื่อประกอบอาหารและจัดเตรียม กระจายส่งไปยังโรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาล สถานที่ราชการ ชุมชน และประชาชน หวังเพื่ออำนวยความสะดวก และแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาล ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่ รวมถึงช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในชุมชน ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 โดยเริ่มต้นที่จังหวัดปทุมธานี กรุงเทพฯ และปริมณฑล ขณะเดียวกัน ซีพีแรมที่ตั้งอยู่ในจังหวัดต่างๆครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ก็ได้ส่งมอบอาหารพร้อมรับประทาน เบเกอรี่และน้ำดื่ม ให้กับโรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาล สถานที่ราชการ ชุมชน และประชาชน อย่างต่อเนื่องเช่นกัน  ทั้งนี้ ซีพีแรม ส่งมอบอาหารปรุงสุกในบรรจุภัณฑ์ปิดผนึก อาทิ อาหารพร้อมรับประทาน เบเกอรี่เลอแปง และน้ำดื่ม ภายใต้โครงการ ซีพีแรม เคียงข้างคนไทย “ห่วงใยไม่ห่าง” ทั้งที่ดำเนินการไปแล้ว และกำลังจะดำเนินการต่อไป กว่า 100,000 ราย ซีพีแรม เคียงข้างคนไทย “ห่วงใยไม่ห่าง”

“ทั้งนี้ขอให้ทุกท่านมั่นใจได้ว่า อาหารพร้อมทานท่านได้ให้การบริจาคในวันนี้นั้น จะเป็นประโยชน์และส่งถึงมือประชาชนผู้ที่มีความเดือดร้อนอย่างตรงตามความต้องการอย่างแท้จริง ประกอบกับ พม. เองยังคงให้ทุกหน่วยงานใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ Covid-19 ตามแนวทางมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อเตรียมพร้อมกรณีการลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนในยามฉุกเฉินเร่งด่วน ในโอกาสนี้ กระทรวง พม. ต้องขอขอบคุณในความมีน้ำใจของทุกท่าน” นางพัชรี อารยะกุล กล่าวปิดท้าย