ZEN Group คว้า SHA สร้างความมั่นใจลูกค้า

“เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป” หรือ ZEN ตอกย้ำความมั่นใจผู้ใช้บริการร้านอาหารในเครือ ZEN Group ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย SHA จากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระทรวงสาธารณะสุข โดยกรมควบคุมโรคและกรมอนามัย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว มั่นใจกระตุ้นอัตราการเข้าใช้บริการแบบนั่งทานในร้านเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 15-20 %  

นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN ผู้ประกอบธุรกิจบริการอาหาร (Food Services) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส Covid-19 ที่ยังมีการแพร่กระจายของโรคไปยังหลายพื้นและเกิดคลัสเตอร์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และเพื่อยกระดับมาตรฐานร้านอาหารให้มีมาตรฐานปลอดภัยด้านสุขอนามัยที่ดียิ่งขึ้น ZEN Group ได้เข้าร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกระทรวงสาธารณะสุข โดยกรมควบคุมโรคกรมอนามัย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพและหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภายใต้โครงการมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (Amazing Thailand Safety & Health Administration : SHA) เพื่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยในร้านอาหาร

ล่าสุดร้านอาหารในเครือ ZEN Group ทุกแบรนด์ ได้แก่ เซ็น เรสเตอรองค์, ตำมั่ว, ลาวญวน, เขียง, ออนเดอะเทเบิ้ล, อากะ และ ดินส์ ได้รับตราสัญลักษณ์ SHA ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ที่ยืนยันว่าทุกแบรนด์อาหารของ ZEN Group ได้ผ่านหลักเกณฑ์ด้านสุขอนามัยและอนามัยสิ่งแวดล้อมของกรมอนามัยอย่างเคร่งครัด เช่น สุขลักษณะอาคารและอุปกรณ์เครื่องใช้ที่มีอยู่ในอาคาร การจัดอุปกรณ์ทำความสะอาด เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค การป้องกันสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน การจัดการขยะ และสุขาภิบาลอาหารในร้านอาหาร เป็นต้น นับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวชาติที่จะกลับเข้ามาที่จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ หลัง ททท. เตรียมเปิดให้เป็นพื้นที่นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสในเดือนกรกฎาคมนี้

ทั้งนี้ ZEN Group มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความสุขการนั่งทานในร้านอาหารทุกแบรนด์ให้กับลูกค้าคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กำลังเข้ามาในประเทศ ให้มั่นใจในความปลอดภัยด้านสุขอนามัยทั้งอาหารและบริการที่เราต้องการยกระดับให้ดียิ่งขึ้น และการได้รับตราสัญลักษณ์ SHA จะเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ลูกค้ากลับเข้ามาใช้บริการนั่งรับประทานภายในร้านเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 15-20% หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัส Covid-19 ระลอก 3 พร้อมทั้งคาดการณ์ว่าหลังจากประเทศไทยเริ่มทยอยฉีดวัคซีนให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจร้านอาหารในช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวอย่างโดดเด่น  และเชื่อว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคจะกลับมาใช้บริการนั่งทานในร้านอาหารเครือเซ็นกรุ๊ปเช่นเดิม

แม็คโคร จับมือ กรมปศุสัตว์ เข้มมาตรการรับซื้อและบริโภคเนื้อสัตว์

บริษัท กัด (มหาชน) ผนึกกรมปศุสัตว์หนุนการบริโภคเนื้อสัตว์คุณภาพปลอดภัย ตรวจสอบแหล่งที่มาได้  เพิ่มความเชื่อมั่นผ่านสัญลักษณ์ “ปศุสัตว์ OK” และ 7 มาตรการเข้มตั้งแต่ฟาร์มจนถึงมือผู้บริโภค  ตอกย้ำผู้นำด้านอาหารสด

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดจนโรคระบาดในสัตว์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายจังหวัด ทำให้ผู้บริโภคมีความกังวลในการเลือกซื้อเนื้อสัตว์เป็นอย่างมาก แม็คโครในฐานะผู้นำในการจำหน่ายสินค้าอาหารสด จึงร่วมกับกรมปศุสัตว์ รณรงค์ให้ผู้บริโภคตระหนักถึงการเลือกซื้อเนื้อสัตว์ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ซึ่งแม็คโครมีมาตรการในการตรวจสอบอย่างเข้มข้น และได้การรับรองเครื่องหมายปศุสัตว์ OK  ในทุกสาขา

แม็คโคร ไม่ได้นิ่งนอนใจกับการควบคุมมาตรฐานต่างๆ เราให้ความสำคัญต่อการบริโภคอาหารสดปลอดภัย และได้คุมเข้มมาตรการต่างๆ อย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ฟาร์มจนถึงมือผู้บริโภค โดยคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยของลูกค้า และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นสำคัญ รวมทั้งได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมปศุสัตว์ในการเข้มงวดการป้องกันในด้านคนหรือผู้สัมผัสอาหาร สถานที่ผลิตและสินค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงรณรงค์อย่างต่อเนื่องให้ลูกค้าบริโภคเนื้อสัตว์ที่ปรุงสุกด้วย

ทั้งนี้ 7 มาตรการสำคัญ ที่แม็คโครเน้นย้ำเพื่อตรวจสอบเนื้อสัตว์ปลอดภัยที่วางจำหน่ายในสาขา ประกอบด้วย

  • สินค้ากลุ่มเนื้อสัตว์ต้องผ่านมาตรฐานการรับรองฟาร์มเพาะเลี้ยงจากกรมปศุสัตว์
  • สถานที่ผลิตต้องผ่านการประเมินด้านสุขลักษณะอาหารจากกระทรวงสาธารณสุข
  • สินค้าต้องผ่านการตรวจความปลอดภัยทางจุลินทรีย์และเคมี โดยห้องปฎิบัติการ ISO17025 ซึ่งมีการตรวจสอบลึกระดับ DNA เพื่อเฝ้าระวังสินค้าปลอมปน
  • มีระบบการตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มา โดยใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับ Makro i-Trace
  • กระบวนการจัดเก็บสินค้าและขนส่งสินค้าที่สะอาด ถูกสุขอนามัยเป็นไปตามมาตรฐานระดับสากล
  • เข้าร่วมในระบบ e-Privilege Permit  ของกรมปศุสัตว์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมกระบวนการเคลื่อนย้ายเนื้อสัตว์ ก่อนเข้าจำหน่ายในสาขาแม็คโคร
  • แม็คโครทุกสาขาได้เครื่องหมาย ปศุสัตว์ OK ซึ่งหมายถึงการเป็นสถานที่จัดจำหน่ายที่ผ่านมาตรฐานการควบคุมเรื่องสุขลักษณะที่ดี และความปลอดภัยสินค้าเนื้อสัตว์ อันเป็นไปตามมาตรฐานของกรมปศุสัตว์

“ขอให้ลูกค้าทุกคน มั่นใจได้ว่าเนื้อสัตว์ที่จำหน่ายภายในสาขาของแม็คโคร ได้รับการตรวจสอบและป้องกันด้วยมาตรการขั้นสูงสุด ในทุกช่องทางจัดจำหน่าย  ทั้งแม็คโครทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ 3 ช่องทางสั่งสะดวก คือ แม็คโครแอปพลิเคชั่น, แม็คโครคลิก,  LINE สาขา หรือโทร.สั่งกับสาขา” นางศิริพร กล่าว

กองทรัสต์ AIMIRT เพิ่มทุนครั้งที่ 2

การเพิ่มทุนครั้งที่ 2 ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท (‘AIMIRT’) หรือ กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ซึ่งจะเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมรวมมูลค่าไม่เกิน 2,280 ล้านบาท ในกรรมสิทธิ์ในอาคารคลังสินค้าจำนวน 12 ยูนิต และสิทธิการเช่าอาคารคลังสินค้าระยะเวลา 30 ปี จำนวน 4 ยูนิต จาก 3 โครงการคุณภาพในจังหวัดสมุทรปราการและจังหวัดระยอง ที่เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ภาคการผลิตและการขนส่งของประเทศ ชูศักยภาพกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ด้วยอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม 100% หนุนประมาณการผลตอบแทนในปีแรกเป็นอย่างน้อย 7.50%/1 ประกาศอัตราส่วนใช้สิทธิ์จองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีสิทธิ์จองซื้อที่ 1 หน่วยทรัสต์เดิมต่อ 0.3233 หน่วยทรัสต์ใหม่ เสนอขายแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีสิทธิ์จองซื้อวันที่ 5 – 9 กรกฎาคมนี้ และเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปในวันที่ 5 – 9 และ 12 – 13 กรกฎาคมนี้ ที่ราคาเสนอขายสูงสุดไม่เกิน 11.90 บาทต่อหน่วย   

นายอมร จุฬาลักษณานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์ ในฐานะผู้ก่อตั้งทรัสต์และผู้จัดการกองทรัสต์ AIMIRT เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้จัดการกองทรัสต์อิสระรายแรกในประเทศไทย โดยวางแนวทางนำกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ขยายการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินใหม่อย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นคัดเลือกทรัพย์สินในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพและอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างรายได้และสามารถจ่ายผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่องให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ นับตั้งแต่กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จนถึงไตรมาสที่ 1/2564 กองทรัสต์ AIMIRT ได้จ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอทุกไตรมาสเป็นจำนวนรวมกว่า 2.6010 บาทต่อหน่วย โดยในไตรมาสที่ 1/2564 ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานในอัตรา 0.2200 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นการจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสที่สูงที่สุดและเพิ่มขึ้นทุกไตรมาสอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด กองทรัสต์ AIMIRT ได้เดินหน้าเพิ่มทุนครั้งที่ 2 โดยจะเข้าลงทุนเพิ่มเติมในกรรมสิทธิ์อาคารคลังสินค้า จำนวน 12 ยูนิต และสิทธิการเช่าอาคารคลังสินค้าระยะเวลา 30 ปี จำนวน 4 ยูนิต รวมมูลค่าไม่เกิน 2,280 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 172,268,908 หน่วย เป็นมูลค่าไม่เกิน 1,980 ล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินประมาณ 300-600 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 นี้ จะทำให้มูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ เพิ่มขึ้นแตะระดับประมาณ 10,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวมประมาณ 7,500 ล้านบาท และเป็นหนึ่งในกองทรัสต์กลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำในประเทศไทย

จรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด

นายจรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวต่อว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมถือว่าได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยมากเมื่อเทียบกับกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ เช่น ธุรกิจสนามบิน โรงแรม ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์การค้า และอาคารสำนักงาน ฯลฯ อีกทั้งกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเป็นกลุ่มที่มีความต้องการเช่าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) ธุรกิจค้าปลีก อุตสาหกรรมการผลิต การส่งออก รวมทั้งการบริโภคภายในประเทศ ที่ยังสามารถขยายตัวและเติบโตได้ดีในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ มีผลการดำเนินงานที่มั่นคงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจุดเด่นของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ คือการผสมผสานการลงทุนในทรัพย์สินประเภทอุตสาหกรรมที่หลากหลายทั้งอาคารคลังสินค้า อาคารโรงงาน อาคารคลังห้องเย็น และถังเก็บสารเคมีเหลว และทำเลที่ตั้งของทรัพย์สินที่กระจายตัวอยู่ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญด้านการผลิตและโลจิสติกส์ของประเทศ ทำให้อุตสาหกรรมปลายทางของผู้เช่ามีความหลากหลาย ไม่ได้กระจุกตัวแค่อุตสาหกรรมกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง ซึ่งปัจจุบัน กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ มีพื้นที่ให้เช่ารวมทั้งสิ้นกว่า 151,026 ตารางเมตร และมีความจุของถังเก็บสารเคมีเหลวให้เช่ารวม 85,580 กิโลลิตร โดยทุกโครงการมีอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม 100% ต่อเนื่องมาโดยตลอด

ส่วนการลงทุนเพิ่มเติม ในทรัพย์สินใหม่ 3 โครงการ มีพื้นที่ให้เช่ารวมทั้งสิ้น 117,338 ตารางเมตร ได้แก่ 1) กรรมสิทธิ์ในอาคารคลังสินค้าจำนวน 8 ยูนิต ของโครงการทิพย์ 5 และโครงการทิพย์ 8 (ส่วนลงทุนเพิ่มเติม) จังหวัดสมุทรปราการ จากกลุ่มบริษัท ทิพย์ โฮลดิ้ง จำกัด (‘กลุ่มทิพย์’) มีพื้นที่ให้เช่ารวม 35,774 ตารางเมตร ซึ่งกลุ่มทิพย์ ได้เป็นผู้ขายทรัพย์สินแก่กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ มาก่อนหน้านี้เป็นจำนวน 9 ยูนิต 2) กรรมสิทธิ์ในอาคารคลังสินค้า จำนวน 4 ยูนิต ของโครงการเอ็มเอส แวร์เฮ้าส์ จังหวัดสมุทรปราการ จากบริษัท ทู ไทเกอร์ พร็อพ จำกัด พื้นที่ให้เช่ารวม 43,481 ตารางเมตร และ 3) สิทธิการเช่าระยะเวลา 30 ปี ในอาคารคลังสินค้า จำนวน 4 ยูนิต ของโครงการไทยแทฟฟิต้า จังหวัดระยอง จากบริษัท ไทยแทฟฟิต้า จำกัด พื้นที่ให้เช่ารวม 38,083 ตารางเมตร โดยทุกโครงการมีอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม 100% และอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ของอุตสาหกรรมการผลิตและขนส่งของประเทศ ซึ่งภายหลังเข้าลงทุนเพิ่มเติม จะมีพื้นที่ให้เช่ารวมเพิ่มขึ้นเป็นทั้งหมด 268,364 ตารางเมตร และมีความจุของถังเก็บสารเคมีเหลวให้เช่ารวม 85,580 กิโลลิตร

ธนาเดช โอภาสยานนท์ กรรมการผู้จัดการร่วม บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด

นายธนาเดช โอภาสยานนท์ กรรมการผู้จัดการร่วม บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ประมาณการการจ่ายประโยชน์ตอบแทน (Dividend Yield) แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ภายหลังกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ เข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม อ้างอิงข้อมูลจากประมาณการการจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ต่อหน่วย สำหรับงวด 12 เดือน ในช่วงเวลาประมาณการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 อยู่ที่ 0.8927/1 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่ประมาณ 7.50%/1

ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าลงทุนเพิ่มเติม กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ จะมีโครงสร้างของประเภททรัพย์สินซึ่งมีความหลากหลายและกลุ่มผู้เช่าที่กระจายตัวอย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น โดยจะมีสัดส่วนรายได้มาจากอาคารคลังสินค้าให้เช่า 49% ถังเก็บสารเคมีเหลว 31% อาคารคลังห้องเย็น 15% และอาคารโรงงาน 5% ซึ่งการลงทุนเพิ่มเติมนี้จะเป็นการเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มผู้เช่าและอุตสาหกรรมปลายทางได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ในรูปแบบกรรมสิทธิ์ (Freehold) เป็น 61% และในรูปแบบสิทธิการเช่าระยะยาว (Leasehold) ที่ 39%

วีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวเพิ่มเติมว่า กองรีทส์ (REITs) ในช่วงที่ผ่านมายังคงเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ แม้ว่ามีสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยเฉพาะกองทรัสต์ในกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยจากสถานการณ์ COVID-19  โดยส่วนใหญ่มีผลการดำเนินงานและอัตราค่าเช่าอยู่ในระดับที่ดี เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมในบางกลุ่มธุรกิจ เช่น ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ (Logistics) และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก เป็นต้น

จุดเด่นของ กองทรัสต์ AIMIRT คือมีการกระจายตัวของทรัพย์สินในกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ตั้งอยู่บนพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่เป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าและการคมนาคมขนส่งที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของไทย มีสัดส่วนการลงทุนของทรัพย์สินทั้งประเภทกรรมสิทธิ์ (Freehold) และสิทธิการเช่าระยะยาว (Leasehold) อีกทั้ง มีประวัติผลการดำเนินงานและการจ่ายผลตอบแทนในระดับที่ดีอย่างสม่ำเสมอ

“AIMIRT ถือเป็นหนึ่งในกองทรัสต์กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการจ่ายเงินปันผลโดดเด่นมาตลอด แม้ในปีที่ผ่านมาที่มีสถานการณ์ COVID-19 แต่ยังคงมีอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม 100% และสามารถจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอเพิ่มขึ้นทุกไตรมาส ตอกย้ำถึงคุณภาพทรัพย์สินที่เข้าลงทุน จึงเป็นกองทรัสต์ที่เหมาะสมกับผู้ที่ต้องการลงทุนในระยะกลางและระยะยาวเพื่อรับผลตอบแทนจากเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง” นางสาววีณา กล่าว

นายกฤชกร นนทะนาคร ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ผู้บริหารฝ่าย สายงานตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า หลังจากกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 2 และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์ (Filing) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ปัจจุบันได้รับการอนุมัติและมีผลใช้บังคับแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนแก่นักลงทุน โดยการลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้จะมีมูลค่ารวมไม่เกิน 2,280 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนจำนวน
ไม่เกิน 172,268,908 หน่วย มูลค่าไม่เกิน 1,980 ล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงินประมาณ 300-600 ล้านบาท

สำหรับการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 2 จำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 172,268,908 หน่วย แบ่งเป็น (1) เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปที่เป็นผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิม (Preferential Public Offering: PPO) ที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนทะเบียนผู้ถือหน่วยทรัสต์ (Record Date) ในวันที่ 21 มิถุนายน 2564 ในสัดส่วนประมาณ 80% ของจำนวนหน่วยทรัสต์ที่เสนอขายในครั้งนี้ หรือประมาณ 137,815,126 หน่วย กำหนดอัตราส่วนใช้สิทธิ์จองซื้อที่ 1 หน่วยทรัสต์เดิม ต่อ 0.3233 หน่วยทรัสต์ใหม่ เสนอขายในวันที่ 5 – 9 กรกฎาคมนี้ ในเวลาทำการ ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขาทั่วประเทศ โดยการจองซื้อผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด  (มหาชน) ผู้จองซื้อที่เป็นบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT หรือผ่านระบบจองซื้อออนไลน์ ที่ https://moneyconnect.krungthai.com ได้อีกหนึ่งช่องทาง โดยผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมสามารถจองซื้อตามสิทธิ เกินกว่า น้อยกว่า หรือสละสิทธิไม่จองซื้อก็ได้ และ (2) เสนอขายประชาชนทั่วไป (Public Offering: PO) ซึ่งรวมถึงนักลงทุนสถาบัน บุคคลธรรมดา และนิติบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย โดยสามารถจองซื้อได้ในวันที่ 5 – 9 และ 12 – 13 กรกฎาคมนี้ ในเวลาทำการ ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขาทั่วประเทศ (สำหรับช่องทางการจองซื้อผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT และระบบจองซื้อออนไลน์ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สามารถจองซื้อได้ตั้งแต่วันที่ 5 – 13 กรกฎาคมนี้)

ทั้งนี้ หลังจากจัดสรรหน่วยทรัสต์ให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมตามสิทธิที่ได้รับจัดสรรแล้ว บริษัทฯ จะจัดสรรหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมที่เหลือให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่จองซื้อหน่วยทรัสต์เกินกว่าสิทธิที่ได้รับจัดสรรตามที่เห็นสมควร พร้อมกับหรือภายหลังการจัดสรรให้แก่ประชาชนทั่วไปหรือไม่ก็ได้

สำหรับผู้จองซื้อทุกรายจะต้องชำระเงินจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนที่ราคาเสนอขายสูงสุดที่ไม่เกิน 11.90 บาทต่อหน่วย และจะประกาศราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) วันที่ 14 กรกฎาคมนี้ ภายหลังจากการสำรวจความต้องการจองซื้อจากนักลงทุนสถาบัน (Book building) โดยกรณีที่ราคาเสนอขายหน่วยทรัสต์สุดท้ายต่ำกว่าราคาเสนอขายสูงสุด ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายจะคืนเงินส่วนต่างแก่ผู้จองซื้อทุกราย และคาดว่าบริษัทฯ จะนำหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในเดือนกรกฎาคม 2564

GBS จับตาประชุมเฟดชี้ชะตาดอกเบี้ย ชู PTT- PTTEP – PTTGC   

บลโกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยยัง Sideway รอผลเฟดกำหนดทิศทางนโยบายอัตราดอกเบี้ยหลังประชุม 16 มิ.ย.นี้ พร้อมจับตากรรมการบาเซิลเล็งบังคับแบงก์ทั่วโลกตั้งสำรองเงินทุนรองรับกรณีขาดทุนจากบิตคอยน์ และปัญหาการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า จึงให้กรอบดัชนี 1,600-1,660 จุด พร้อมแนะลงทุนหุ้นได้ประโยชน์ราคาน้ำมันพุ่ง หลังโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ มีแนวโน้มพุ่งแตะระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล ชู PTT PTTEP – PTTGC   

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวในลักษณะ Sideway โดยนักลงทุนจับตาการประชุมเฟดวันที่ 15-16 มิ.ย. นี้ เพื่อรอดูทิศทางนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่จะประกาศออกมา รวมทั้งภาพรวมเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มชะลอตัวชัดเจนมากขึ้น จากการขาดแคลนชิปทั่วโลก และจากการที่รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมโควิด

ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการบาเซิลฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคาร (Basel Committee on Banking Supervision) วางแผนกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ทั่วโลกกันสำรองเงินทุนให้เพียงพอ หากเกิดกรณีการขาดทุนจากการถือครองสกุลเงินบิตคอยน์ ซึ่งหากมีการประกาศใช้มาตรการดังกล่าวธนาคารพาณิชย์ทั่วโลกก็จะเผชิญกับข้อกำหนดในการตั้งสำรองเงินทุนที่เข้มงวดมากขึ้น

ขณะเดียวกันในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้พบ 4 คลัสเตอร์ใหม่ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ของเขตจตุจักร-ห้วยขวาง-บางนา-คันนายาว ส่วนใหญ่เป็นแคมป์คนงาน ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 3 พันราย จากในช่วงปลายสัปดาห์ก่อนได้ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2 พันรายบ้างแล้ว  อีกทั้งยังประสบปัญหาการเลื่อนการฉีดวัคซีนของ รพ.เอกชนหลายแห่งส่งผลให้เกิดความกังวลต่อระยะเวลาในการเปิดสถานที่ท่องเที่ยวอาจล่าช้าออกไป จึงคาดการณ์การเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ในกรอบ 1,600-1,660 จุด

ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตาต่อ อาทิ การพิจารณาของศาลล้มละลายนัดฟังคำสั่งแผนฟื้นฟู บมจ.การบินไทย(THAI) การเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ค. ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนมิ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรมพ.ค. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย.ของสหรัฐ ทาง EIA สหรัฐรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ ทาง  FOMC แถลงมติอัตราดอกเบี้ย ทาง จีน รายงานยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.และสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น โดยปัจจุบันโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ มีแนวโน้มพุ่งแตะระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรลในฤดูร้อนปีนี้ จากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก จึงแนะนำลงทุนในหุ้น PTT, PTTEP และPTTGC

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่าจากความผันผวนของราคาทองคำ ฝ่ายวิจัยประมาณการกรอบราคาทองคำในสัปดาห์นี้ไว้ที่ระดับ 1,840-1,900 $/Oz  โดยแนะนำให้รอซื้อเมื่ออ่อนตัวเนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นมากว่า 7.6% ในเดือนที่ผ่านมาทำให้เป็นเป้าหมายในการทำกำไร อย่างไรก็ตามในระยะยาวหากอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น เราคาดว่าทองคำจะกลับมา outperform สินทรัพย์อื่นๆ อีกครั้ง

บุญถาวร ทุ่ม 400 ล้าน เปิดโครงการ Design Village เกษตร-นวมินทร์

บริษัท บุญถาวร เซรามิค จำกัด ทุ่มเกือบ400 ล้านบาท เดินหน้าพัฒนาโครงการ “Design Village เกษตร-นวมินทร์” ใจกลางทำเลสายครีเอทีฟ ตอบโจทย์วิถีชีวิตรูปแบบใหม่รับ New Normal Lifestyle แม้ยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแต่ได้รับการตอบรับที่ดีจากแบรนด์ต่างๆทั้ง ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้า ร้านอาหาร ทั้งที่ร่วมเปิดให้บริการแล้วอย่าง Tops market, Choongman Chicken และ KT Optic และแบรนด์ชั้นนำที่เข้ามาจับจองพื้นที่เช่าเพื่อเตรียมเปิดภายในเดือนมิ.ย. – ส.ค.นี้กันอย่างคึกคัก ปิดการขายพื้นที่ได้แล้วกว่า 70% ของพื้นที่เช่าภายในโครงการทั้งหมด คาดว่าจะพร้อมให้บริการเต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนกันยายนปีนี้

นายสิทธิศักดิ์ ทยานุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญถาวรกรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า โครงการ Design Village สาขาเกษตร-นวมินทร์ ได้ดำเนินการมาก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยแบ่งออกเป็น 2 เฟส คือเฟสแรกเป็นการรีโนเวทสาขาเดิมของบุญถาวร เป็นการสร้างศูนย์รวมวัสดุตกแต่งบ้านที่ให้ประสบการณ์ใหม่ ทำให้บรรยากาศในการมาเดินเลือกสินค้าในรูปแบบที่ตอบโจทย์ Lifestyle คนยุคใหม่มากขึ้น และเฟส 2ได้พัฒนามาเป็นโครงการ Design Village ต่อยอดความสำเร็จจากสาขาราชพฤกษ์ และพุทธมณฑล ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากคู่ค้าและผู้บริโภค ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงวิกฤตของโรคระบาด แต่เรามีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศไทย ว่ายังสามารถที่จะสร้างธุรกิจให้เติบโตได้ และเราต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมผลักดันให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการจ้างงาน เราจึงเดินหน้าพัฒนาพื้นที่กว่า 50ไร่ เกิดเป็นโครงการ Design Village สาขาเกษตร-นวมินทร์ ที่ครบวงจรและลงตัวที่สุด

สเตฟาน คูม  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล

นายสเตฟาน คูม  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า บริษัทฯ มีความมั่นใจในการเปิดท็อปส์ มาร์เก็ต สาขาลำดับที่ 123 บนพื้นที่ 1,600 ตารางเมตร กับดีไซน์ วิลเลจ เกษตร-นวมินทร์ ด้วยทำเลที่มีศักยภาพ ประกอบกับบริเวณโดยรอบมีความหนาแน่นของครัวเรือนซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อในระดับกลาง-สูง และแนวคิดในการออกแบบโครงการที่ยึดความสะดวกของผู้บริโภคเป็นหลัก จึงเป็นเหตุผลที่เราเชื่อมั่นในแบรนด์ Design Village เกษตร-นวมินทร์ อีกทั้งตำแหน่งของ ท็อปส์ มาร์เก็ต ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการ สามารถจอดรถและเดินเข้าซุปเปอร์มาเก็ตได้ทันที ตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้าในปัจจุบันที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว ด้วยบริการที่ครบครันของสินค้าคุณภาพที่เราคัดสรรจากในประเทศและต่างประเทศ กว่า 21,000 รายการ

อริยะ ชิบาต้า กรรมการผู้จัดการบริษัท ชุงมัน (ไทยแลนด์) จำกัด

อีกหนึ่งแบรนด์ดังอย่างร้านอาหารสไตล์เกาหลี Choongman Chicken (ชุงมัน ชิคเค่น) โดย นายอริยะ ชิบาต้า กรรมการผู้จัดการบริษัท ชุงมัน (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า เรามีความเชื่อมั่นในแบรนด์ Design Village อยู่แล้ว  ประกอบกับเราเห็นความสำเร็จของโครงการที่ผ่านๆมา ยิ่งมีความมั่นใจว่าจะสามารถสร้างธุรกิจให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว สาขานี้เป็นสาขารูปแบบใหม่ที่สวย และมีเมนูที่ครบตามแบบฉบับสาขาต้นแบบที่เกาหลีมากที่สุด ซึ่งเรามั่นใจว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีมาก เพราะตั้งแต่เปิดขายวันแรก ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะอยู่ในช่วงนี้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 แต่สำหรับธุรกิจร้านอาหารของชุงมัน มียอดขายหน้าร้านที่ยังขายได้ดี ด้วยทำเลที่สะดวกสบายง่ายต่อการเดินทาง ขณะเดียวกันยอดการขายแบบเดลิเวอรี่ออนไลน์ ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย

สาโรจน์ เจิมธเนศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บุญถาวร แอสเซท จำกัด “Boon Asset”

ด้าน นายสาโรจน์ เจิมธเนศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บุญถาวร แอสเซท จำกัด “Boon Asset” ผู้ดูแลการพัฒนาโครงการ Design Village กล่าวเพิ่มเติมว่า Design Village สาขาเกษตร-นวมินทร์ เป็นการรวมข้อดีของคอมมูนิตี้มอลล์ และศูนย์การค้าเข้าด้วยกัน คือมีทั้งความสะดวกสบายในการจอดรถ เข้าถึงร้านค้าต่างๆได้ง่าย มีสินค้าหลากหลายครบครัน รูปแบบของที่นี่เรียกได้ว่าเป็น คอนเซ็ปต์โครงการที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตรูปแบบใหม่ New Normal Lifestyle ได้อย่างลงตัว โดยผู้บริโภคยุคนี้ต้องการสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ ซึ่งเราสามารถเติมเต็มความต้องการของชุมชนในย่านนี้ได้แบบจบครบในที่เดียว เราให้ความสำคัญกับการออกแบบ Car-To-Door Access ที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงร้านค้าได้ด้วยระยะเดิน เพียงไม่กี่ก้าวจากที่จอดรถรอบตัวอาคาร และยังเป็นพื้นที่ซึ่งรวบรวมความต้องการของทุกคนในบ้านมาไว้ที่เดียว ทั้งวัสดุอุปกรณ์แต่งบ้านที่ครบวงจร ช้อปของกินของใช้ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ตลอดจนร้านค้าสุดชิค ร้านอาหารเด็ดๆ และร้านไลฟ์สไตล์อื่นๆ อีกมากมายไว้บริการ ซึ่งเรามั่นใจว่าโครงการ Design Village สาขาเกษตร-นวมินทร์ จะเป็นแหล่งรวบรวมทุกความต้องการของทุกคนในบ้านที่เต็มไปด้วยไอเดียสร้างสรรค์ ตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบครันและครบวงจรที่สุดในย่านเกษตร-นวมินทร์

SELIC ขายหุ้นเพิ่มทุน 28 ล้านหุ้น PP จำนวน 3 ราย

ที่ประชุมบอร์ด บมจ.ซีลิค คอร์พ หรือ SELIC ไฟเขียวจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement : PP) 3 ราย จำนวน 28 ล้านหุ้น โดยจัดสรร ดังนี้ 1. บมจ. สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง (SPI) จำนวน 16.66 ล้านหุ้น 2. บจ. บีเอสซี โซ อิน จำนวน 5.66 ล้านหุ้น และ 3. บจ. บี ที เอ็น สิบสองศูนย์เจ็ด จำนวน 5.66 ล้านหุ้น เสริมสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์และรองรับแผนการลงทุนของบริษัท

นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2564 เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2564 มีมติอนุมัติการจัดสรรและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 28,000,000 หุ้นให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 3 บาทต่อหุ้น โดยจัดสรรให้ 3 ราย ดังนี้ 1. บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ (SPI) ได้รับจัดสรร 16,666,000 หุ้น คิดเป็น 49,998,000 บาท 2. บริษัท บีเอสซี โซ อิน จำกัด ได้รับจัดสรร 5,667,000 หุ้น คิดเป็น 17,001,000 บาท และ 3. บริษัท บี ที เอ็น สิบสองศูนย์เจ็ด จำกัด ได้รับจัดสรร 5,667,000 หุ้น คิดเป็น 17,001,000 บาท

ทั้งนี้ กำหนดระยะเวลาจองซื้อและชำระเงินค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนในวันที่ 11- 15 มิถุนายน 2564 โดยราคาเสนอขาย 3 บาทต่อหุ้น เป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาดในปัจจุบันที่เท่ากับ 2.95 บาท/หุ้น (ราคาตลาดคำนวณจากราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักจากหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ย้อนหลังเป็นระยะเวลาเท่ากับ 15 วันทำการก่อนวันประชุมคณะกรรมการบริษัทที่มีมติอนุมัติให้ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ระหว่างวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 ถึงวันที่ 9 มิถุนายน 2564

นายเอก กล่าวอีกว่า ประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับจากการเพิ่มทุนครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีเงินทุนสำหรับการลงทุนในโครงการต่าง ๆ เพื่อขยายกิจการตามแผนธุรกิจของกลุ่มบริษัท ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัท และทำให้บริษัทสภาพคล่องมากขึ้น รวมถึงช่วยให้โครงสร้างเงินทุนของบริษัทมีความแข็งแกร่งและมั่นคงยิ่งขึ้น

ภายหลังเพิ่มทุนครั้งนี้ ส่งผลให้ บมจ. สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้งหรือ (SPI) มีสัดส่วนการถือหุ้น SELIC อยู่ที่ 3.64% ซึ่ง SPI และอีก 2 บริษัทข้างต้นนั้น เป็นผู้ลงทุนที่มีฐานะการเงินมั่นคงและมีศักยภาพในการลงทุนในบริษัท รวมทั้งมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่ช่วยส่งเสริมการดำเนินงานของบริษัทได้ และการเข้ามาถือหุ้นครั้งนี้ ยังเป็นการเสริมพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระยะยาวของกลุ่มกิจการ

“โกลเบล็ก” ปรับโมเดลให้ครบทุกมิติด้านการลงทุน

บล. โกลเบล็ก เดินหน้าปรับยุทธ์ศาสตร์ทางธุรกิจ เพิ่มช่องทางความหลากหลายในการให้บริการแบบครบทุกมิติด้านการลงทุน  ล่าสุดผนึก ฟินเทค (ประเทศไทย) เปิดให้บริการ “GLOBLEX ROBOTRADE” ดีเดย์ 14 มิ.ย.นี้ มั่นใจขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่ม ชูจุดเด่น 4 โมเดลการลงทุนในหุ้น SET100 ตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกรายย่อยมากขึ้น หนุนผลการดำเนินงานปี2564 เติบโตก้าวกระโดดจากปีก่อนที่มีรายได้ 553 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 47 ล้านบาท

นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า จากภาพรวมการแข่งขันในธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ ที่ยังคงมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งมีการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ โดยเพิ่มช่องทางการลงทุนให้มีความหลากหลายและครบวงจรมากขึ้น ส่งผลให้ บล.โกลเบล็ก เดินหน้าปรับกลยุทธ์การให้บริการ
ให้มีความหลากหลายด้านการลงทุน เพื่อรองรับความต้องการให้กับกลุ่มลูกค้าเดิม และมุ่งสู่การขยายไปยังฐานลูกค้าในกลุ่มใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ให้ครบทุกมิติด้านการลงทุน

ล่าสุด บล. โกลเบล็ก ได้ผนึกความร่วมมือกับ บริษัท ฟินเทค (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวโปรดักส์ใหม่ด้านการลงทุน ภายใต้ GLOBLEX ROBOTRADE ซึ่งเป็นโมเดลการลงทุนดังกล่าว จะเป็นการสร้างและบริหารพอร์ตการลงทุน โดยการนำเทคโนโลยีระบบ AI มาช่วยบริหารพอร์ต และส่งคำสั่งซื้อขายแบบอัตโนมัติ โดยระบบจะวิเคราะห์ และประมวลผลเชิงสถิติ เพื่อจับสัญญาณการลงทุน ให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเองได้

ทั้งนี้ สำหรับ โปรแกรมเทรด GLOBLEX ROBOTRADE ถูกออกแบบสำหรับการลงทุนในกลุ่ม SET100 เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงด้านการลงทุน โดยนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งหมด 4 โมเดล ได้แก่

1. Growth Factor Model ซึ่งเน้นการลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตแบบมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านรายได้ยอดขาย กำไร และกระแสเงินสด รวมทั้งราคาของหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.Quality Factor Model โดยเน้นการลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตที่ดี มีศักยภาพในการทำกำไร บริหารต้นทุน และจัดการกระแสเงินสดที่ดี 3. Valuation Factor Model เน้นการลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพในการบริหารสินทรัพย์ของบริษัทให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด และ 4. Dividend Factor Model เน้นการลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงและต่อเนื่อง รวมทั้งสามารถบริหารจัดการหนี้สินของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโปรแกรมเทรดดังกล่าวเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการวันนี้ (14 มิ.ย.)

“ เชื่อว่า “GLOBLEX ROBOTRADE” จะสามารถเข้ามาเพิ่มศักยภาพในการลงทุนให้กับนักลงทุน และสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ได้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก ROBOTRADE มีความรวดเร็ว และความแม่นยำด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติ รวมถึงในเรื่องคำสั่งซื้อ-ขาย และยิ่งเป็นความร่วมมือกับ บริษัท ฟินเทค (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีศักยภาพในการพัฒนาระบบโปรแกรมเทรดในรูปแบบดังกล่าว ยิ่งเป็นการช่วยสร้างความตอกย้ำความน่าเชื่อถือการเทรดในรูปแบบดังกล่าวมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้หากนักลงทุนสนใจ สามารถเลือกเปิดบัญชีกับ บล.โกลเบล็ก แล้วเลือกลงทุนใน 4 โมเดลดังกล่าวข้างต้น โดยใช้เงินลงทุนขั้นต่ำ 100,000 บาทต่อโมเดล และสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท ซึ่งในแต่ละโมเดลทางระบบจะบริหารจัดสรรเงินลงทุนให้ โดยเน้นการลงทุนในหุ้น SET 100 ซึ่งมีทิศทางการเติบโตที่ดีเป็นตัวการันตีได้อยู่แล้ว”

ทั้งนี้ นอกจากโปรแกรมดังกล่าวในข้างต้นแล้ว บล.โกลเบล็ก ยังมีให้บริการด้านการเป็นตัวแทนซื้อขายกองทุนรวม (Wealth Management) โดยเน้นกับลูกค้ากลุ่ม High Net Worth , การออกหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง หรือ Structured Note ซึ่งมุ่งเน้นลงทุนในหุ้นใน SET 50 ปัจจัยพื้นฐานดี, การให้บริการด้านวาณิชธนกิจมีการเติบโตที่ดีขึ้นจากการเป็นที่ปรึกษาในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และการให้บริการตราสารทุน (Bond), Options และการรักษาความเสี่ยงด้านการลงทุนของฝ่ายค้าตราสารทุนและอนุพันธ์ (Proprietary Trading), เครดิตบาลานซ์, Margin Loan, Block Trade ที่มีการเติบโตที่ดีขึ้น

ดังนั้น บริษัทฯ มองว่า หลังจากเพิ่มศักยภาพการด้านการให้บริการที่ครบทุกมิติด้านการลงทุน จะส่งผลเชิงบวกต่อภาพรวมของบริษัทฯในอนาคต ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2564 ที่สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด เมื่อเทียบจากปี 2563 ที่มีรายได้รวม 553 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 47 ล้านบาท

 

พบกับ ASW ในงาน Opportunity Day 18 มิ.ย. นี้

เตรียมตัวให้พร้อม…กับงาน Opportunity Day  ของ บมจ.แอสเซทไวส์ หรือ ASW ผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง เติบโตด้วยกลยุทธ์ “Best Choice” บิ๊กบอส “กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์” ผู้บริหารรุ่นใหม่-ไฟแรงงงงง จะมาอัพเดทแผนธุรกิจพร้อมตอบทุกคำถามของนักลงทุน หลังประกาศงบไตรมาสแรกกำไรพุ่งกระฉูด! 361.8% และอัตรากำไรสุทธิถึง 25.7% บอกเลยว่าแผนธุรกิจเขาน่าสนใจมากๆนะคร้า … วันที่ 18 มิ.ย. นี้ ห้ามพลาด!เวลา 9.15 – 10.00 น. ผ่านรูปแบบออนไลน์ Link: https:// www.set.or.th/oppday ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

COLOR แตกไลน์ธุรกิจพลังงานทดแทน เสริมแกร่ง

พีรพันธ์ จิวะพรทิพย์ (ขวา) กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วย กรรณิกา บุญรอด (ซ้าย) ผู้จัดการฝ่ายบัญชีการเงิน บริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน) หรือ COLOR นำเสนอข้อมูลผลประกอบการไตรมาส 1/2564 และแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ ในงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน  (Opportunity Day)  บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เผยแนวโน้มธุรกิจในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า โตแกร่ง หลังแตกไลน์ธุรกิจพลังงานทดแทน เสริมแกร่งธุรกิจเดิม โดยเตรียมส่งมอบทุ่นลอยน้ำให้กับลูกค้าภายในไตรมาส 4/64 พร้อมบุกตลาดโซลาร์รูฟ   ท็อปโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ก เพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ  จัดขึ้น ณ ห้องประชุมสำนักงานบริษัท ในจังหวัดสมุทรปราการ

UPA หลังปรับทัพ ธุรกิจติดปีก!

บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย หรือ UPA หลังปรับทัพทุกอย่างเป๊ะ-เป๊ะ-เป๊ะ!!! จะหยิบจะจับอะไรก็ดูดีราศีจับไปหมด ไม่ว่าจะธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ทยอย COD สะสมมาเรื่อยๆ กว่า 50 MW แล้ว จร้า…ส่วนธุรกิจอสังหาฯ สาธารณูปโภค และธุรกิจใหม่ “อินเทรนด์” อย่างการผลิตและจำหน่ายกัญชง-กัญชา หนุนธุรกิจติดปีกแน่นอนคร้า “วิชญ์ สุวรรณศรี “ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แย้มมีอะไรดีๆ ให้ติดตามกันอีกเพียบ