WHAUP ครึ่งหลังธุรกิจสาธารณูปโภค-ไฟฟ้าหนุนผลงานโต

บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) ส่งซิกครึ่งปีหลังธุรกิจสดใส ทั้งธุรกิจสาธารณูปโภค – ไฟฟ้าในประเทศ และต่างประเทศ จากความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นตามการเปิด COD โครงการของ GSRC หน่วยผลิตที่ 2 ในไตรมาส 4 ของปีนี้ และไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้า IPP – SPP เหมือนครึ่งปีแรก พร้อมเตรียมเปิดให้บริการระบบการซื้อขายไฟฟ้าแบบ P2P Energy Trading จาก Blockchain ในเร็วๆนี้ และมองหาโอกาสการทำ M&A เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโต ปูทางสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจพลังงานของภูมิภาค

ดร.นิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลัง 2564 ว่า ผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่อง จากการดำเนินการให้บริการด้านสาธารณูปโภคและไฟฟ้าให้กับลูกค้าของบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยแนวโน้มความต้องการใช้น้ำจากลูกค้าที่เพิ่มขึ้น เพราะมีการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้า GSRC เพิ่มเติมในหน่วยผลิตที่ 2 ในไตรมาส 4 ของปีนี้ ขณะที่ครึ่งปีแรกมีปริมาณการจำหน่ายและบริหารน้ำทั้งในประเทศ และประเทศเวียดนามที่จำหน่ายน้ำในโครงการดวง ริเวอร์ เซอร์เฟส วอเตอร์แพลนท์ (Duong River Surface Water Plant: SDWTP) เพิ่มขึ้นทำให้ยอดปริมาณการใช้น้ำรวมเท่ากับ 67 ล้านลูกบาศก์เมตร

รวมทั้งบริษัทฯ พัฒนาการนำน้ำเสียที่ได้จากกระบวนการบำบัด และใช้ใหม่ (Wastewater Reclamation) ไปผลิตเป็นน้ำปราศจากแร่ธาตุ     (Demineralized  Water) และน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value added product) เพิ่มขึ้นใน 6 เดือนแรกของปี 2564 เป็นจำนวน 2 ล้านลูกบาศก์เมตร

ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้ามีการเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้น จากการดำเนินการของโรงไฟฟ้า IPP และ SPP ที่คาดว่าจะดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนดังเช่นในครึ่งปีแรก รวมถึงธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่จะยังคงมีการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นกำลังการผลิตไฟฟ้า โดยในไตรมาส 2/2564 โครงการ Solar Rooftop ที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 46 เมกะวัตต์ และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการ Solar Rooftop รวมแล้วทั้งสิ้น 62 เมกะวัตต์ จากเป้าปี 2564 ที่วางไว้ 90 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าในปี 2566 จะขยายธุรกิจ Solar Rooftop ได้ครบ 300 เมกะวัตต์ตามแผนที่วางไว้

ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าการพัฒนาโครงการด้านนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ระบบการซื้อขายไฟฟ้าแบบ P2P Energy Trading โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain รวมถึงการนำระบบกักเก็บพลังงาน Battery Energy Storage System (BESS) มาใช้ควบคู่กับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในเร็วๆนี้รวมทั้งยังคงแสวงหาโอกาสในการลงทุนเข้าซื้อกิจการ (M&A opportunity) ต่างๆ เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโต

“จากความมุ่งมั่นการเติบโตทางธุรกิจทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมโซลูชั่นทั้งด้านพลังงานทดแทนและสาธารณูปโภครูปแบบใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง  เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจพลังงานของภูมิภาค”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  WHAUP กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลประกอบการประจำไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ รับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ และกำไรจากการดำเนินงานปกติ ซึ่งเป็นดัชนีหลักที่สะท้อนผลการดำเนินงานจำนวน 789 ล้านบาท และ 265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% และ 44% จากไตรมาส 2 ปี 2563 ในขณะที่มีกำไรสุทธิจำนวน 246 ล้านบาท ลดลง 23% จากไตรมาส 2 ปี 2563 เนื่องจากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยน

ส่วนผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ และกำไรจากการดำเนินงานปกติ จำนวน 1,571 ล้านบาท และ 454 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% และ 12% เมื่อเทียบกับ 6 เดือนแรกของปี 2563 ในขณะที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 376 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สะท้อนการเติบโตของปริมาณยอดขายและบริหารจัดการน้ำ และการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์

WHAUP กำไรไตรมาส2 โต 44% ดันกำไรครึ่งปีแรกแตะ 454 ล้าน

บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ 789 ล้านบาท และกำไรจากการดำเนินงานปกติ 265 ล้านบาท  ส่งผลให้ครึ่งปีแรกของปี 2564  บริษัทฯ มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ 1,571 ล้านบาท และกำไรจากการดำเนินงานปกติ 454 ล้านบาท ธุรกิจสาธารณูปโภค-ไฟฟ้าทั้งในไทย-เวียดนามเติบโตแข็งแกร่ง ด้าน CEO “นิพนธ์ บุญเดชานันทน์” แย้มครึ่งปีหลังเดินหน้าสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจสาธารณูปโภค-พลังงานทั้งในในไทยและเวียดนามเพิ่มต่อเนื่อง เร่งปูทางสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจพลังงานของภูมิภาค

บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP  รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ปี 2564 บริษัทฯ รับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ และกำไรจากการดำเนินงานปกติ ซึ่งเป็นดัชนีหลักที่สะท้อนผลการดำเนินงานจำนวน 789 ล้านบาท และ 265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% และ 44% จากไตรมาส 2 ปี 2563 ในขณะที่มีกำไรสุทธิจำนวน 246 ล้านบาท ลดลง 23% จากไตรมาส 2 ปี 2563 เนื่องจากผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยน

สำหรับผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานปกติ และกำไรจากการดำเนินงานปกติ จำนวน 1,571 ล้านบาท และ 454 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% และ 12% เมื่อเทียบกับ 6 เดือนแรกของปี 2563 ในขณะที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 376 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สะท้อนการเติบโตของปริมาณยอดขายและบริหารจัดการน้ำ และการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์

ดร.นิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ หรือ WHAUP เปิดเผยถึงการเติบโตของผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 2 ปี 2564 ว่า สาเหตุหลักมาจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจสาธารณูปโภค โดยบริษัทฯ มีปริมาณการจำหน่ายและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมกันเท่ากับ 35 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น 28% จาก    ไตรมาส 2 ปี 2563 และเพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาส 1 ปี 2564  สำหรับ 6 เดือนแรกของปี 2564 ปริมาณการจำหน่ายน้ำและบริหารน้ำทั้งในประเทศและต่างประเทศ เท่ากับ 67 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับ 6 เดือนแรกของปี 2563 เนื่องจากความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิมที่มีการขยายกำลังการผลิต และลูกค้ารายใหม่เริ่มทยอยเปิดดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เช่น โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ GSRC ของ บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ขนาด 2,650 เมกะวัตต์ ที่ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในส่วนของหน่วยผลิตที่ 1 ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา อีกทั้งในไตรมาสที่ 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ ไม่ได้ผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งเหมือนกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังรับรู้รายได้จากการนำน้ำเสียที่ได้จากกระบวนการบำบัด และใช้ใหม่(Wastewater Reclamation) ไปผลิตเป็นน้ำปราศจากแร่ธาตุ (Demineralized Water) และน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value added product) ดังกล่าวในไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2564 จำนวน 1 ล้านลูกบาศก์เมตร และ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 139% และ 170% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2563

ในส่วนของธุรกิจสาธารณูปโภคในต่างประเทศก็มีการเติบโตเช่นเดียวกัน เนื่องจากความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยยอดจำหน่ายน้ำในโครงการดวง ริเวอร์ เซอร์เฟส วอเตอร์แพลนท์ (Duong River Surface Water Plant: SDWTP) ที่ประเทศเวียดนามในไตรมาส 2 ปี 2564 เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2564  ในขณะที่ยอดจำหน่ายน้ำ 6 เดือนแรกของปี 2564 เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

สำหรับผลการดำเนินงานของธุรกิจไฟฟ้านั้น ในไตรมาส 2 ปี 2564 บริษัทฯ มีส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าจำนวน 275 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 62% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ โดยมีปัจจัยหลักมาจากกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ทั้ง 8 แห่งที่มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในขณะที่กลุ่มโรงไฟฟ้า IPP ก็มีผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า จากการที่โรงไฟฟ้าถ่านหิน Gheco-One ได้กลับมาดำเนินงานหลังจากที่ได้หยุดซ่อมบำรุงตามแผนเป็นเวลา 37 วันในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งกำไรปกติจากธุรกิจไฟฟ้าของ 6 เดือนแรกของปี 2564 จำนวน 445 ล้านบาท ลดลง 10% เมื่อเทียบกับ 6 เดือนแรกของปี 2563 โดยมีสาเหตุหลักจากการหยุดซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้า Gheco-One แม้ว่ากลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ทั้ง 8 แห่ง มีส่วนแบ่งกำไรปกติเพิ่มขึ้น 43% จากยอดจำหน่ายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนการดำเนินการโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) นั้น ก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยในไตรมาส 2 ปี 2564 มีรายได้ 53 ล้านบาท จากโครงการ Solar Rooftop ที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งสิ้น 46 เมกะวัตต์  โดย ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2564 บริษัทฯมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการ Solar Rooftop รวมแล้วทั้งสิ้น 62 เมกะวัตต์ จากเป้าปี 2564 ที่วางไว้ 90 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าในปี 2566 จะขยายธุรกิจ Solar Rooftop ได้ครบ 300 เมกะวัตต์ตามแผนที่วางไว้

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHAUP  ยังได้กล่าวถึงความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2564 มูลค่ารวม 3,500 ล้านบาท ว่าการเสนอขายหุ้นกู้ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากนักลงทุนทั้งนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่เป็นอย่างดี แม้ว่าจะอยู่ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 โดยหุ้นกู้ดังกล่าวแบ่งออกเป็น 3 ชุด อายุ 2-5 ปี และมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.91-2.75 ต่อปี ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อพื้นฐานธุรกิจ ความแข็งแกร่งทางการเงิน ตลอดจนศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ ซึ่งยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงการเป็นผู้นำในธุรกิจสาธารณูปโภค และธุรกิจพลังงานอย่างครบวงจร

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHAUP  ยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้ว่าในปัจจุบันจะมีปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่บริษัทฯ มีความมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการให้บริการด้านสาธารณูปโภคและไฟฟ้าให้กับลูกค้าของบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่อง  และคาดว่าภาพรวมในครึ่งปีหลังจะมีผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยมีปัจจัยหนุนจากทั้งธุรกิจสาธารณูปโภคที่มีแนวโน้มความต้องการใช้น้ำจากลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้า GSRC เพิ่มเติมในหน่วยผลิตที่ 2 ในไตรมาส 4 ในขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้าก็ยังได้รับแรงหนุนจากทั้งธรุกิจ IPP และ SPP ที่คาดว่าจะดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนดังเช่นในครึ่งปีแรก รวมถึงธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่จะยังคงมีการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นกำลังการผลิตไฟฟ้า

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการด้านนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ระบบการซื้อขายไฟฟ้าแบบ P2P Energy Trading โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain รวมถึงการนำระบบกักเก็บพลังงาน Battery Energy Storage System (BESS) มาใช้ควบคู่กับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้นรวมทั้งยังคงแสวงหาโอกาสในการลงทุนเข้าซื้อกิจการ (M&A opportunity) ต่างๆ เพื่อเสริมศักยภาพการเติบโต

ดังนั้นจากแผนการขยายธุรกิจดังกล่าว เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นการเติบโตทางธุรกิจทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการพัฒนานวัตกรรมโซลูชั่นทั้งด้านพลังงานทดแทนและสาธารณูปโภครูปแบบใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง  เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจสาธารณูปโภคและธุรกิจพลังงานของภูมิภาค

WHAUP ขายหุ้นกู้ 3.5 พันล้านบาท เกลี้ยง

บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) ประกาศความสำเร็จในการปิดการขายหุ้นกู้อายุ 2-3 ปี วงเงินรวม 3,500 ล้านบาท ชูอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.91-2.75 นักลงทุนสถาบัน-รายใหญ่แห่จองซื้อล้นหลาม ชี้มั่นใจศักยภาพและปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจโตต่อเนื่อง  ตอกย้ำความแข็งแกร่งการเป็นผู้นำในธุรกิจสาธารณูปโภค และธุรกิจพลังงานอย่างครบวงจร   

ดร. นิพนธ์ บุญเดชานันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการเสนอขายหุ้นกู้ ครั้งที่ 2/2564 มูลค่ารวม 3,500 ล้านบาท ให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่  หลังจากที่เปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 15 – 19 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา โดยแม้ว่าจะมีปัจจัยลบจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19  แต่หุ้นกู้ของบริษัทฯ ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนด้วยยอดจองซื้อกว่า 2.4 เท่าจากเป้าหมายที่กำหนดไว้  ซึ่งการเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวได้แบ่งออกเป็น 3 ชุด  ประกอบด้วยหุ้นกู้ชุดที่ 1 จำนวน 1,500 ล้านบาท มีอายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 1.91 ต่อปี หุ้นกู้ชุดที่ 2 จำนวน 1,300 ล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 2.09 ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 3 จำนวน 700 ล้านบาท อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 2.75 ต่อปี ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อพื้นฐานธุรกิจ ความแข็งแกร่งทางการเงิน ตลอดจนศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ ซึ่งยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงการเป็นผู้นำในธุรกิจสาธารณูปโภค และธุรกิจพลังงานอย่างครบวงจร

สำหรับเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ นอกจากบริษัทฯ จะนำเงินไปชำระคืนหนี้เดิมที่ครบกำหนดและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทฯ แล้ว เงินอีกส่วนหนึ่งจะนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินก่อนกำหนดเพื่อเป็นการลดภาระต้นทุนทางการเงินของบริษัทฯ

ทั้งนี้ หุ้นกู้ของบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ระดับ A-  โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงผลการดำเนินงาน ภาพรวมธุรกิจ และสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง รวมถึงกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอของบริษัทฯ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และยังคงมุ่งเน้นการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและโซลูชั่นที่หลากหลายให้แก่ลูกค้า ทั้งในด้านพลังงานหมุนเวียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) และสาธารณูปโภครูปแบบใหม่ๆ