UPA เข้าซื้อกิจการ GTG ลุยตลาดกัญชง-กัญชาครบวงจร

บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) ประกาศลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ ขยายธุรกิจกัญชง-กัญชา สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด เข้าซื้อกิจการ บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป หรือ ‘GTG’ ผู้ประกอบการต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำด้านกัญชง-กัญชาแบบครบวงจร และเป็นผู้พัฒนากัญชงสายพันธุ์ Raksa® ‘รักษา’ เพื่อใช้ในวงการแพทย์และเป็นส่วนผสมผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค โดยออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 8,449.7 ล้านหุ้น เพื่อจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) แก่กลุ่มผู้ถือหุ้น GTG เพื่อร่วมสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ หนุนบริษัทก้าวสู่ผู้ประกอบการตัวจริงในอุตสาหกรรมกัญชง-กัญชาของไทย

นายกวิน เฉลิมโรจน์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ UPA ผู้ประกอบธุรกิจในกลุ่มธุรกิจพลังงาน กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภค ในภูมิภาค CLMV+T เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญ จากการบรรลุข้อตกลงกับผู้ถือหุ้นใหญ่ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด หรือ GTG โดยมีเป้าหมายที่จะเข้าซื้อหุ้น 100% ทั้งนี้ GTG เป็นผู้ประกอบการต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำด้านธุรกิจกัญชง-กัญชาแบบครบวงจรในประเทศ และเป็นผู้พัฒนากัญชงสายพันธุ์ Raksa® (รักษา) โดยได้รับใบอนุญาตนำเข้าเมล็ดพันธุ์ เพาะปลูก และมีโรงสกัดสาร CBD ภายใต้มาตรฐาน GHP (Good Hygiene Practice) และ HACCP (Hazards Analysis and Critical Control Points) เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมการแพทย์ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม และอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เป็นต้น

การลงทุนครั้งนี้ ช่วยให้ UPA ก้าวสู่ธุรกิจกัญชง-กัญชาแบบครบวงจร และสร้างโอกาสเติบโตทางธุรกิจเพิ่มเติมจากธุรกิจหลักของบริษัทในปัจจุบัน ดังจะเห็นได้จากการให้การตอบรับและให้ความสนใจของธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ต้องการนำผลิตภัณฑ์ของ GTG ไปใช้ในการผลิตสินค้าของตน ซึ่งขณะนี้ GTG ก็ได้ร่วมทดลองและพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่กับบริษัทหลายแห่ง ซึ่ง GTG มีเป้าหมายจะทำตลาดทั้งในประเทศและส่งออกต่างประเทศด้วย โดย UPA จะเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 4,224 ล้านบาท และออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 8,449.7 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น เพื่อจัดสรรให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement: PP) แก่กลุ่มผู้ถือหุ้น GTG ทุกราย นอกจากนี้ UPA ก็จะเตรียมความพร้อมด้านเงินทุนไว้ขยายธุรกิจเพิ่มเติม รวมถึงธุรกิจที่ UPA ดำเนินการอยู่แล้ว

ทั้งนี้ UPA จะทำการเพิ่มทุนด้วยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ และออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นของ UPA ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ UPA และผู้ถือหุ้นจากการจองซื้อหุ้น PP ในอัตราส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่สำหรับหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 4,645 ล้านหุ้น และอัตราส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่ง UPA จะออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิอีก 3,716 ล้านหุ้น รวมเป็นการเพิ่มทุนทั้งหมด 16,810.7 ล้านหุ้น คิดเป็นทุนจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 8,405.4 ล้านบาท โดยบริษัทฯ พร้อมกำหนดจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 เพื่อขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นต่อไป

“ด้วยเป้าหมายที่ต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่องค์กรเพื่อความเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน เราจึงตัดสินใจลงทุนซื้อกิจการ GTG ซึ่งเป็นผู้ประกอบการตัวจริงในวงการอุตสาหกรรมกัญชง-กัญชาของไทย ที่มีองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และมีโรงสกัดสาร CBD ด้วยเทคนิคการสกัด CO2 ที่ทันสมัย ซึ่งเราเชื่อมั่นว่ากลุ่มธุรกิจนี้จะมีบทบาทสำคัญต่อการผลักดันการเติบโตของ UPA ในอนาคต จากปัจจุบันที่เรามีความแข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจพลังงาน ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจสาธารณูปโภคในกลุ่มประเทศ CLMV+T ” นายกวิน กล่าว

นายกฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด หรือ (GTG)

นายกฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด หรือ (GTG) กล่าวว่า GTG เป็นผู้ประกอบการธุรกิจกัญชง-กัญชาแบบครบวงจรของไทย ที่เห็นโอกาสเติบโตของอุตสาหกรรม โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย ลงทุนก่อสร้างศูนย์วิจัยกัญชง-กัญชามาตรฐาน GMP ครอบคลุมต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ตั้งแต่การพัฒนาสายพันธุ์ ขั้นตอนการเพาะปลูก การจัดตั้งโรงสกัด ไปจนถึงการส่งออก โดยในปี 2561 GTG ได้รับอนุญาตจากภาครัฐให้นำเข้าสายพันธุ์กัญชง-กัญชาจากต่างประเทศจำนวน 12 สายพันธุ์เพื่อมาทำการศึกษาและพัฒนาสายพันธุ์โดยแลกเปลี่ยนเทคนิคทางวิชาการด้านการเพาะปลูก กับมหาวิทยาลัยมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 2 ปี จน GTG ประสบความสำเร็จในการพัฒนากัญชงสายพันธุ์ Raksa® (รักษา) ที่เหมาะสมกับสภาพดินและอากาศของไทย อีกทั้งยังให้สารสกัด CBD ในดอกแห้งคุณภาพสูงถึง 15.8% ซึ่งถือว่ามากกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมกัญชา-กัญชงโลกที่อยู่เพียง 10% และยังให้ปริมาณ THC ต่ำกว่า 1% ตามที่กฎหมายไทยกำหนด

ทั้งนี้ กัญชงสายพันธุ์ Raksa® ของ GTG ยังสามารถให้สารสกัดในรูปแบบ Full Spectrum CBD ที่ได้มาตรฐาน GMP รายแรกของประเทศไทย ซึ่งมีความเหมาะสมที่จะนำไปใช้ในทางการแพทย์ อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่กำลังจะมีการออกกฎหมายตามมา GTG พร้อมนำองค์ความรู้การเพาะปลูกช่วยสร้างความมั่นคงด้านผลผลิตทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ โดยมีแผนงานก่อสร้างโรงเรือนระบบปิดมาตรฐาน ISO 8 cleanrooms, เพื่อเพิ่มการเพาะปลูกกัญชงขึ้นอีก 2 แห่งในจังหวัดเชียงราย พร้อมจะเริ่มดำเนินการปลูกได้ในสิ้นเดือนสิงหาคม และยังมีโรงเรือนระบบปิดในกรุงเทพฯ อีกแห่งที่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ เพื่อรองรับความต้องการเชิงพาณิชย์ต่อไป

GTG จับมือพันธมิตรใหม่ ลุยตลาดกัญชา-กัญชง

บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด หรือ GTG ผู้ประกอบการต้นน้ำด้านธุรกิจกัญชา-กัญชง ผู้พัฒนาสายพันธุ์ ‘รักษา’ (Raksa) และผู้ผลิตสารสกัด CBD ที่ผ่านมาตรฐาน GMP ได้เปิดเผยข้อมูลล่าสุดจากการระดมทุนครั้งใหญ่ โดยการออกหุ้นเพิ่มทุนที่มีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 250 ล้านบาท โดยได้ผู้ลงทุนยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI ที่ 70 ล้านบาท และ บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ UPA ที่ 50 ล้านบาท ของมูลค่าบริษัทกว่า 2,000 ล้านบาทมาร่วมอยู่ด้วย

โดย นายกฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด หรือ GTG เผยว่า เม็ดเงินลงทุนนี้จะสามารถนำมาเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาด ณ ปัจจุบันได้ อีกทั้งในด้านอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องสำอางเองล่าสุดทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้มีกฎหมายฉบับแรกที่มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2564 คือ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การใช้กัญชงในเครื่องสำอาง และในครั้งนี้มีความคืบหน้าในการจัดทำ (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การใช้สารสกัดที่มีสารแคนนาบิไดออลจากกัญชาและกัญชงในเครื่องสำอาง และ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการเครื่องสำอาง เรื่อง ฉลากของเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารแคนนาบิไดออล (CBD) จากกัญชาและกัญชงในเครื่องสำอาง ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้สาร CBD ได้เต็มที่ 1% ของน้ำหนัก และมีสาร THC ต่ำกว่า 0.2%  จากกัญชาและกัญชงที่ปลูกในประเทศเป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง และการกำหนดเงื่อนไขการแสดงฉลาก จึงทำให้ผู้ประกอบการรายต่างๆ ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางหันมาให้ความสนใจกับ GTG และเป็นที่ต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น”

ปัจจุบันตลาดมีความเข้าใจถึงผลิตภัณฑ์ CBD ของ GTG มากขึ้นพร้อมทั้งยังมีความต้องการนำสารสกัดไปใช้กับผลิตภัณฑ์ในเครื่องสำอางเนื่องจากตัวสารสกัดของ GTG เองให้ประสิทธิภาพที่สูงกว่าสารสกัดในท้องตลาดทั่วไปจากการสกัดออกมาในรูปแบบของ Full Spectrum นั่นเอง

ธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาและลงทุนในพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของประเทศไทย ที่รวมถึง กัญชงและกัญชานั้น กำลังเป็นที่นิยมและเป็นที่ยอมรับในสังคมไทยปัจจุบันเป็นอย่างมาก หลังจากภาครัฐปลดล๊อคกัญชาและกัญชง ออกจากการเป็นยาเสพติด แม้จะไม่ได้ปลดล๊อคครบทุกส่วน แต่ธุรกิจหลายธุรกิจก็เริ่มนำประโยชน์ของกัญชงและกัญชามาใช้ในการประกอบธุรกิจได้ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเพื่อบริโภค หรือ สินค้าเพื่ออุปโภค หรือนำไปใช้กับทางการแพทย์

การร่วมพันธมิตรครั้งนี้ของทาง GTG และสองบริษัทยักษ์ใหญ่ อาจจะส่งผลให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ และสินค้าอุปโภค บริโภค ที่มาจากกัญชงและกัญชา ความแปลกใหม่และประโยชน์ของสินค้านั้นอาจทำให้เกิดความหลากหลายในการเลือกใช้สินค้าของผู้บริโภคได้มากขึ้น