UBE ตอกย้ำความมั่นใจเดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง

บมจ. อุบล ไบโอ เอทานอล หรือ UBE ผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจร ตอกย้ำความมั่นใจแก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน พร้อมรุกขยายธุรกิจต่อเนื่อง ผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตไม่ต่ำกว่า 20-30% รุกสู่การเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในธุรกิจอาหารระดับโลก (Food Tech) พร้อมมองหาโอกาสลงทุนใหม่ทั้ง JV หรือ M&A เพื่อเสริมศักยภาพเติบโตอย่างยั่งยืน  

นายเดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันสำปะหลังรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทฯ จะเร่งเดินหน้าตามแผนงาน เพื่อเป้าหมายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในธุรกิจอาหารระดับโลก (Food Tech) จากเดิมที่บริษัทฯ เริ่มต้นจากการดำเนินธุรกิจเอทานอลและแป้งมันสำปะหลัง โดยปัจจุบัน UBE ได้ปรับกลยุทธ์ด้านพอร์ตสินค้า เน้นสินค้าที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ทั้งการผลิตเอทานอลที่เป็นเกรดอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถนำมาใช้ในสเปรย์และเจลเแอลกอฮอล์ ภายใต้แบรนด์ UBON BIO และ Klar ซึ่งมีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ 70% นำมาใช้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ได้เป็นอย่างดี

ขณะเดียวกัน จะขยายพอร์ตสินค้าแป้งมันออร์แกนิค แป้งฟลาวมันสำปะหลังที่เป็นสินค้าเติบโตสูง ซึ่งเป็น High Value Product ภายใต้แบรนด์ “Tasuko” และ “Savvy” สามารถใช้ทดแทนแป้งสาลีในอุตสาหกรรมขนมและเบเกอรี่ โดยวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อทดแทนการใช้แป้งสาลีในทุกมิติ เช่น ขนมปัง เบเกอรี่ เส้นพาสต้า เส้นราเมน ขนมขบเคี้ยว พิซซ่า แป้งชุบทอด เป็นต้น รวมถึงแป้งทางเลือกเพื่อสุขภาพใหม่ที่ไม่มีกลูเตน ปัจจุบันได้พัฒนาผลิตภัณฑ์แป้งผสมสำเร็จรูป แพนเค้ก คุกกี้ และบราวนี่ จำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ ทำให้ UBE ก้าวสู่ธุรกิจปลายน้ำมากขึ้น จากเดิมที่ทำธุรกิจกลางน้ำ และมีมาร์จิ้นที่เติบโตขึ้นต่อเนื่อง

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้มีจากการขายรวม 2,946.11 ล้านบาท เติบโต 40%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,104.23 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเอทานอล 47% ธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง 50% และธุรกิจเกษตรอินทรีย์ 3% โดยการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 เป็นตัวเร่งให้กลุ่มผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ขณะที่กำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ 106.6 ล้านบาท สูงกว่าปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิทั้งปี 99.3 ล้านบาท ซึ่งแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2564 คาดว่ายังดีอย่างต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไร และตั้งเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่องปีละ 20-30% ซึ่งจะทำให้นักลงทุนและผู้ถือหุ้นได้เห็นพัฒนาการของบริษัทฯ อย่างแน่นอน

ขณะที่แผนงานระยะยาวภายใน ปีข้างหน้า จะขยายกลุ่มธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ (Food Tech) มากขึ้น สอดคล้องกับเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพและความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งสามารถต่อยอดเพื่อสร้างการเติบโตได้อีกมากและเป็นสินค้าที่มีอัตรามาร์จิ้นดี ตลอดจนมองโอกาสลงทุนใหม่ๆ ทั้งร่วมลงทุน (JV) และเข้าควบรวมกิจการ (M&A) โดยเฉพาะธุรกิจปลายน้ำ และอาจพิจารณาแบรนด์สินค้าที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศเพื่อต่อยอดสินค้ากลางน้ำอีกด้วย

เรามีความมั่นใจในผลการดำเนินงานของบริษัทฯ  เนื่องจากเราได้ปรับพอร์ตธุรกิจให้มีความหลากหลาย ทั้งธุรกิจเอทานอล ธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง ธุรกิจเกษตรอินทรีย์ รวมถึงมีทีมผู้บริหารและทีมงานที่แข็งแกร่ง พร้อมมุ่งมั่นบริหารงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ สะท้อนจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกที่มีรายได้เติบโต 40% โดยเงินที่ได้จาก IPO เราก็จะนำไปลงทุนขยายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโต และขอบคุณนักลงทุน ผู้ถือหุ้น ที่เชื่อมั่นและให้ความไว้วางใจบริษัทฯ ทีมผู้บริหาร ตลอดจนพนักงานทุกคน โดยบริษัทฯ จะมุ่งมั่นทำผลงานให้ดีและขอให้มั่นใจได้ว่าจะทำงานตามแผนงานต่าง ๆ เพื่อทำให้ UBE เติบโตอย่างยั่งยืน” นายเดชพนต์ กล่าว 

UBE ดีเดย์ลงสนามเข้าเทรดใน SET วันแรก 30 ก.ย.นี้

บมจ. อุบล ไบโอ เอทานอล หรือ UBE ผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังครบวงจร พร้อมนำหุ้นเข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 30 กันยายนนี้ ใช้ชื่อย่อ ‘UBE’ ในการซื้อหลักทรัพย์ มั่นใจนักลงทุนตอบรับดี ปลื้มยอดจองซื้อหุ้น IPO ล้นหลาม ชูพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง มุ่งมั่นยกระดับเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในธุรกิจอาหารระดับโลก (Food Tech) เพื่อเติบโตอย่างมั่นคงในระยาว       

นายเดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันสำปะหลังรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 30 กันยายนนี้ บริษัทฯ พร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยใช้ชื่อย่อ ‘UBE’ ในการซื้อขายหลักทรัพย์ และเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของบริษัทฯ ที่มีกำลังการผลิตและส่งออกมันสำปะหลังเป็นอันดับต้นของโลก ทำให้มีความได้เปรียบที่จะต่อยอดสู่ความสำเร็จในอนาคต ผ่านการดำเนินธุรกิจที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งทั้ง 3 ธุรกิจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ

สำหรับการเสนอขายหุ้น IPO ในช่วงที่ผ่านมาจำนวน 1,370,000,000 หุ้น  ประกอบด้วย (1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวน  1,174,286,000 หุ้น (2) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บริษัท ไทยออยล์ เอทานอล จำกัด จำนวน 97,857,000 หุ้น และ (3) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บมจ.บีบีจีไอ (BBGI) จำนวน 97,857,000 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 2.40 บาท ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเกินกว่าความคาดหมาย ตอกย้ำถึงศักยภาพและความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ รวมถึงโอกาสการเติบโตในอนาคต ทำให้ UBE เป็นหุ้น IPO น้องใหม่ที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ UBE มุ่งมั่นเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ฯ ผ่านการขยายธุรกิจเอทานอล ธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง และธุรกิจเกษตรอินทรีย์ เพื่อยกระดับสู่การเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในธุรกิจอาหารระดับโลก (Food Tech) เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงในระยาว โดยแผนการลงทุน ประกอบด้วย (1.) การขยายธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง ภายในปี 2565-2566 ผ่านการลงทุนขยายกำลังการผลิตแป้งฟลาวมันสำปะหลัง ให้เป็น 300 ตันต่อวัน หรือเทียบเท่า 90,000 ตันต่อปี ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตแป้งฟลาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 100 ตันต่อวัน คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 300 ล้านบาท และการลงทุนสร้างสายการผลิตสารให้ความหวาน (Sweetener) เช่น ไซรัป (Syrup) และมอลโทเดกซ์ทริน (Maltodextrin) กำลังการผลิต 300 ตันต่อวัน จำนวน 300 ล้านบาท รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแป้งมันสำปะหลัง โดยจะลงทุนในเครื่องจักรใหม่ต่างๆ เช่น เครื่องโม่หัวมันสำปะหลัง และเครื่องสลัดแป้ง เป็นต้น คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท

(2.) การขยายธุรกิจเกษตรอินทรีย์ ภายในปี 2565ผ่านการลงทุนก่อสร้างโรงสีเชอร์รี่กาแฟออร์แกนิค โดยได้เริ่มส่งเสริมการปลูกกาแฟออร์แกนิค ซึ่งเป็นสินค้าทางการเกษตรที่มีมูลค่าสูงกับเกษตรกรในพื้นที่แขวงสาละวัน สปป.ลาว ซึ่งการลงทุนก่อสร้างโรงสีเชอร์รี่กาแฟ นอกจากจะช่วยลดต้นทุนการผลิต ยังช่วยควบคุมคุณภาพของเมล็ดกาแฟออร์แกนิค และช่วยวางแผนการรับซื้อวัตถุดิบและแผนการผลิตได้อย่างคล่องตัวตามแผนการขาย เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดกาแฟออร์แกนิคโดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา (USA) และกลุ่มประเทศแถบยุโรป (EU) ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการตรวจสอบเพื่อรับรองมาตรฐานออร์แกนิคสากล คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 65 ล้านบาท สามารถรองรับวัตถุดิบเชอร์รี่กาแฟได้ 200 ตันต่อวัน เทียบเท่า 12,000 ตันต่อปี และการลงทุนก่อสร้างโรงคั่วกาแฟออร์แกนิคในประเทศไทย เพื่อใช้เป็นช่องทางการจำหน่ายและสถานที่รับรองลูกค้าในการชมกระบวนการผลิตและทดลองชิมกาแฟ ที่ผลิตจากเมล็ดกาแฟออร์แกนิค ปัจจุบันอยู่ระหว่างออกแบบโครงการ เบื้องต้นคาดว่าใช้เงินลงทุนประมาณ 35 ล้านบาท

และ (3.) ขยายธุรกิจเอทานอล ภายในปี 2566-2567 ผ่านการลงทุนขยายกำลังผลิตเอทานอลในระยะสั้น โดยการมุ่งปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพกระบวนการผลิตเอทานอล เพื่อรองรับความต้องการใช้เอทานอลที่อาจเพิ่มขึ้นในระยะใกล้ โดยมีแผนขยายกำลังการผลิตโรงงานเอทานอลผ่านการทำ De-bottlenecking Capacity 40,000 ลิตรต่อวัน เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ยังคงนโยบายลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัสดุเหลือใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อลดการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินเพิ่มเติมในอนาคต

“จะเห็นได้ว่าภายในระยะ 5 ปีข้างหน้า (2564-2568) UBE จะปรับลดการผลิตแป้งมันสำปะหลังแบบทั่วไป (Native Starch) จากปัจจุบัน 1.1 แสนตันต่อปี เหลือเพียง 4-5 หมื่นตันต่อปี และจะเพิ่มการผลิตแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิค (Organic Starch) มาทดแทน ซึ่งมีอัตรากำไรต่อหน่วยที่สูงกว่า รวมถึงขยายกำลังการผลิตแป้งฟลาวมันสำปะหลังให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม โดยวางเป้าหมายในอนาคตหรือปี 2569 คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคเพิ่มเป็น 80% จากปัจจุบันอยู่ที่ 33% ของรายได้จากธุรกิจแป้งมันสำปะหลังทั้งหมด เพื่อรองรับอาหารเพื่อสุขภาพแห่งอนาคต ตอบรับกลุ่มผู้บริโภคที่รักสุขภาพ และจะเป็นส่วนช่วยสำคัญที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับเกษตรกรไทยให้เติบโตควบคู่กันไปด้วย ถือเป็นหนึ่งในโมเดลของธุรกิจสร้างการเติบโตในภาคธุรกิจและช่วยเหลือชุมชนให้เติบโตไปด้วยกัน” นายเดชพนต์ กล่าว

นางรัชดา เกลียวปฏินนท์  ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บมจ.อุบล ไบโอ เอทานอล หรือ UBE เป็นผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง หรือ Well-Integrated Tapioca Player และหลังจากนี้ UBE จะขยายเข้าสู่การเป็นผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์ ที่พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัตถุดิบทางการเกษตรอย่างครบวงจร เพื่อส่งเสริมวิถีการเกษตรอินทรีย์และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คู่ขนานสู่การเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพชั้นนำของโลก โดยจะดำเนินการควบคู่กับธุรกิจพลังงาน เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงในระยะยาว ภายใต้นโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมการเกษตร และพัฒนาชุมชน ให้สามารถดำเนินธุรกิจอยู่ร่วมกันกับสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน จึงเชื่อว่า UBE จะเป็นหนึ่งในหุ้น IPO น้องใหม่ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน

“นอกจากเป้าหมายสร้างผลการดำเนินงานที่ดีแล้ว ธุรกิจของ UBE ยังมีส่วนช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วย เพราะการลงทุนของ UBE จะเข้าไปดูถึงการผลิตของเกษตรกร ช่วยยกระดับสินค้าให้เป็นออร์แกนิค 100% เพื่อให้ได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากลซึ่งเป็นที่ยอมรับของลูกค้า สามารถสร้างรายได้ที่มากกว่าปกติ แถมยังช่วยเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้เกษตรกร ผ่านโครงการอุบลโมเดล ทำให้การผลิตที่ได้มีประสิทธิภาพสูงสุด” นางรัชดา กล่าว

UBE เคาะราคาขายหุ้น IPO 2.40 บาท เปิดจองซื้อ 21-23 ก.ย. นี้

‘บมจ. อุบล ไบโอ เอทานอล หรือ UBE ผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจร เคาะราคาขายหุ้น IPO ที่ 2.40 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อวันที่ 21-23 ก.ย. 2564 พร้อมเตรียมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในเดือนกันยายนนี้ ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “UBE” เตรียมเดินหน้าเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันรองรับโอกาสทางธุรกิจในอนาคต พร้อมวางเป้าหมายการเติบโตในระยะสั้น และระยะกลาง ผ่านการลงทุนทั้ง 3 ธุรกิจ  

บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย พร้อมแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์อีก 7 ราย เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ UBE ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)

นายเดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) หรือ UBE ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันสำปะหลังรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยจุดเด่นการเป็น Well-Integrated Tapioca Player หรือ ผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และเป็นผู้นำนวัตกรรมการผลิตที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยมุ่งขยายการผลิตและจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรที่มีมูลค่าสูง (High Value Product หรือ HVP) และสร้างธุรกิจภายใต้นโยบายความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การดำเนินธุรกิจอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

ปัจจุบัน UBE ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันสำปะหลังรายใหญ่ของประเทศ ประกอบธุรกิจหลัก 3 ประเภท ได้แก่ 1) ธุรกิจเอทานอล บริษัทฯ ถือเป็นผู้ผลิตเอทานอลรายใหญ่ของประเทศ และเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง ด้วยกำลังการผลิต 400,000 ลิตรต่อวัน หรือ 146 ล้านลิตรต่อปี สามารถผลิตเอทานอลได้ทั้งเกรดเชื้อเพลิง (Fuel Grade Alcohol) 99.8% ที่ใช้วัตถุดิบในการผลิตที่หลากหลาย ทั้งมันสด มันเส้น น้ำตาลทรายดิบและกากน้ำตาล รวมทั้งเอทานอลเกรดอุตสาหกรรม (Industrial Grade  Alcohol) 95% ซึ่งบริษัทฯ ได้รับอนุญาตชั่วคราวจากกรมสรรพสามิต ให้สามารถจำหน่ายเอทานอลเกรดอุตสาหกรรม เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับทำความสะอาดมือ และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ ภายใต้แบรนด์ “UBON BIO” และ “KLAR” ซึ่งมียอดขายสูงสุดบนแพลตฟอร์มออนไลน์

2) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง เกรดอาหารและเกรดอุตสาหกรรม ภายใต้แบรนด์ “อุบลซันฟลาวเวอร์” มีผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ แป้งมันสำปะหลังออร์แกนิค ซึ่งบริษัทฯ ถือเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก มีปริมาณการส่งออกมากกว่า 20,000 ตันต่อปีและเป็นผู้ผลิตเพียงไม่กี่รายในโลกที่สามารถผลิตแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิคที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสินค้าออร์แกนิคสากล ที่ปลอดสารเคมีตั้งแต่การเพาะปลูกจนถึงกระบวนการแปรรูป ปัจจุบันมีการวิจัย และพัฒนาสามารถสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ “แป้งฟลาวมันสำปะหลัง” ภายใต้แบรนด์ “Tasuko” และ “Savvy” ที่สามารถใช้ทดแทนแป้งสาลีในอุตสาหกรรมขนม และเบเกอรี่  ได้ในทุกมิติ เช่น ขนมปัง เบเกอรี่ เส้นพาสต้า เส้นราเมน ขนมขบเคี้ยว พิซซ่า แป้งชุบทอด เป็นต้น มีคุณสมบัติเด่น คือ Organic Gluten-Free Non GMO High Fiber Low GI  โดยได้ร่วมมือกับสถาบันสวทช. ผลิตผลิตภัณฑ์นำร่องเป็นแป้งฟลาวผสมเสร็จ (Premix Flour) 3 สูตรได้แก่ แพนเค้ก คุกกี้ และ บราวนี่ จำหน่ายในในซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ และร้านขายส่วนผสมวัตถุดิบสำหรับทำเบเกอรี่ทั่วประเทศ

และ 3) ธุรกิจเกษตรอินทรีย์ UBE ถือเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเกษตรอินทรีย์ มีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มจากวัตถุดิบทางการเกษตรประเภทต่างๆ ได้แก่ การผลิตกาแฟออร์แกนิค (Organic Coffee) และข้าวออร์แกนิค (Organic Rice) ที่ได้รับมาตรฐานออร์แกนิคสากล มีการบริหารจัดการครบวงจรตั้งแต่แปลงปลูกจนถึงมือลูกค้า โดยใช้เทคโนโลยีในการตรวจรับรอง และผลิตปัจจัยการเกษตรครบวงจร เช่น ปุ๋ยอินทรีย์ และสารชีวภัณฑ์ และคาดว่าจะมี R&D เพื่อพัฒนาสินค้าเกษตรอินทรีย์มูลค่าสูงอื่นๆ เพิ่มขึ้นในอนาคต

ปัจจุบันบริษัทฯ มีพื้นที่เกษตรอินทรีย์ในประเทศราว 7,000 ไร่ และมีเครือข่ายเกษตรกรที่เป็น Contract Farming 100% ด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน เกษตรกร ภาคประชาสังคม ในกระบวนการที่เรียกว่า “อุบลโมเดล” เป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจเกิดความสำเร็จอย่างยั่งยืน

กรรมการผู้จัดการใหญ่ UBE กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าระดมทุนครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันเพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจในอนาคต โดยบริษัทฯ วางเป้าหมายการเติบโตในระยะสั้นและระยะกลาง จากแผนลงทุนเพื่อขยายธุรกิจทั้งในส่วนของธุรกิจเอทานอล ธุรกิจแป้งมันสำปะหลังและธุรกิจเกษตรอินทรีย์ แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจเอทานอลในระยะสั้น จะมุ่งปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพกระบวนการผลิตเอทานอล เพื่อรองรับความต้องการใช้เอทานอลที่อาจเพิ่มขึ้นในระยะอันใกล้ โดยมีแผนขยายกำลังการผลิตของโรงงานเอทานอลผ่านการทำ De-bottlenecking Capacity โดยยังคงนโยบายลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัสดุเหลือใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ขณะที่ในระยะสั้นถึงระยะกลาง บริษัทฯ จะมุ่งเน้นขยายธุรกิจแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิค ซึ่งปัจจุบันมีการผลิต 4 หมื่นตันต่อปี จะเพิ่มเป็น 1 แสนตันต่อปี ภายในระยะ 5 ปีข้างหน้า (2564-2568) และจะลดการผลิตแป้งมันสำปะหลังแบบทั่วไป (Cassava Starch) ลงจากปัจจุบันผลิตอยู่ 1.1 แสนตันต่อปี เหลือเพียง 4-5 หมื่นตันต่อปี เนื่องจากอัตรากำไรต่อหน่วยการขายจากธุรกิจผลิตแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิคสูงกว่า 3 เท่า รวมถึงการขยายโครงการลงทุนเพื่อเพิ่มสายการผลิตผลิตภัณฑ์สารให้ความหวาน เช่น ไซรัป (Syrup) และมอลโทเดกซ์ทริน (Maltodextrin) ถือเป็นการตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพตามเทรนด์การบริโภคอาหารแห่งอนาคต สำหรับธุรกิจเกษตรอินทรีย์ ปัจจุบันมีการผลิตและจำหน่ายสินค้ากาแฟออร์แกนิค และข้าวออร์แกนิคที่ได้รับมาตรฐานออร์แกนิกสากล เพื่อเน้นส่งออกไปยังต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งในปี 2565 บริษัทฯ มีแผนนำกาแฟ และข้าวออร์แกนิคมาพัฒนาเป็นแบรนด์ของตัวเอง เพื่อต่อยอดไปสู่จุดหมายการเป็นผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์ และพร้อมมุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารปลอดภัยชั้นนำของโลก โดยจะดำเนินการควบคู่กับธุรกิจพลังงาน เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคงในระยะยาว

คุณชุณห์ โภไคศวรรย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบัญชีและการเงิน UBE กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ  มีรายได้มีจากการขายรวม 2,946.11 ล้านบาท เติบโต 40%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,104.23 ล้านบาท โดยธุรกิจเอทานอลมีสัดส่วนรายได้ 47% ธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง 50% และธุรกิจเกษตรอินทรีย์ 3% ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ถือเป็นตัวเร่งให้กลุ่มผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ใส่ใจในการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ปลอดสารพิษ หรือที่เรียกว่า Organic Food ส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 15,600 ตันในปี 2562 เป็น 22,000 ตันในปี 2563 และเพิ่มเป็น 26,100 ตันในครึ่งปีแรกของปี 2564

ขณะเดียวกันธุรกิจเอทานอล ยังคงมีรายได้จากการจำหน่ายเอทานอลที่เพิ่มต่อเนื่อง โดยมีการกระจายฐานผู้ค้าน้ำมันให้หลากหลายมากขึ้นในการจำหน่ายเอทานอลเกรดเชื้อเพลิง ประกอบกับบริษัทฯ มีรายได้จากการจำหน่ายเอทานอลเกรดอุตสาหกรรมจากการได้รับอนุญาตเป็นการชั่วคราวจากภาครัฐให้สามารถจำหน่ายเอทานอลเกรดอุตสาหกรรม เพื่อนำไปใช้ผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่วนกำไรสุทธิใน 6 เดือนแรกของปี 2564 มีผลกำไร 106.6 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้วทั้งปี ซึ่งอยู่ที่ 99.3 ล้านบาท หลังกำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตอย่างโดดเด่น

นางยอดฤดี สันตติกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย กล่าวว่า บมจ.อุบล ไบโอ เอทานอล ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 2.40 บาทต่อหุ้น โดยเตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้น IPO ในวันที่ 21-23 กันยายน 2564 และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนและซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในเดือนกันยายนนี้ โดยจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งหมดคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 35 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการรระดมทุนครั้งนี้ไปลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อลดการใช้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน

“การกำหนดราคาหุ้น IPO ของ UBE ที่ราคา 2.40 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จากศักยภาพการเติบโตและแผนการลงทุนที่ชัดเจน ประกอบกับโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต ทำให้ UBE มีความสามารถเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว” นางยอดฤดี กล่าว

ปัจจุบัน UBE มีทุนจดทะเบียน 3,914,286,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 3,914,286,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาทต่อหุ้น โดยมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 2,740,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 2,740,000,000 หุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 1,370,000,000 หุ้น ประกอบด้วย (1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 1,174,286,000 หุ้น (2) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บริษัท ไทยออยล์ เอทานอล จำกัด จำนวนไม่เกิน 97,857,000 หุ้น และ (3) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บมจ.บีบีจีไอ (BBGI) จำนวนไม่เกิน 97,857,000 หุ้น

นางรัชดา เกลียวปฏินนท์  ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ของ UBE ถือเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มศักยภาพและฐานะการเงินเพื่อรองรับแผนขยายการลงทุนต่างๆ จากประสบการณ์ในธุรกิจที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 16 ปี ด้วยการเป็นผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังรายใหญ่ของประเทศ มีกำลังการผลิต 146 ล้านลิตรต่อปี ผ่านการใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Hybrid สามารถรองรับวัตถุดิบได้หลากหลาย ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนสินค้าได้ดี และสามารถเสนอราคาขายที่แข่งขันได้กับผู้ประกอบการรายอื่น นอกจากนี้ UBE ยังเป็นผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิคและแป้งฟลาวที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง จากการที่ผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรองมาตรฐานออร์แกนิคสากล ประกอบกับแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมามุ่งเน้นอาหารเพื่อสุขภาพ โดย UBE เรียกได้ว่าเป็นผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ที่มีการใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตแป้งมันสำปะหลังและเอทานอล และปัจจุบันได้มีการต่อยอดไปสู่ธุรกิจเกษตรอินทรีย์ โดย UBE มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มจากวัตถุดิบทางการเกษตรประเภทต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการพัฒนาเครือข่ายเกษตรกรที่เข้มแข็ง ผ่านการส่งเสริมการเกษตรที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ UBE มีจุดเด่นที่แตกต่างจากบริษัทอื่นๆในอุตสาหกรรมเดียวกัน