UAC โชว์ครึ่งปีแรก 64 EBITDA มาเกินคาด 219.88 ล้าน

บมจ. ยูเอซี โกลบอล (UAC) โชว์ผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก 2564 มี EBITDA รวม 219.88 ล้านบาท นับเป็น 62.82% ของแผนปี 64 และกำไรส่วนที่เป็นของบริษัท 133.85 ล้านบาท ชี้ธุรกิจเทรดดิ้งฟื้นตัว และบุ๊คกำไรเงินปันผลบริษัทร่วมทุน BBF อีก119.92 ล้านบาท ด้าน CEO “ ชัชพล ประสพโชค” ใส่เกียร์เดินหน้าลงทุนธุรกิจพลังงานทั้งโรงไฟฟ้าชุมชน และ โรงไฟฟ้าขยะในสปป.ลาว ควบคู่กับการให้บริการ Consulting Service และเร่งพิจารณาการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ  ตอกย้ำรายได้รวมปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 10% ขณะที่ EBITDA ตั้งเป้าไม่ต่ำกว่า 20%

นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ว่า บริษัทฯมีกำไรส่วนที่เป็นของบริษัท 133.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.93% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรส่วนที่เป็นของบริษัท 131.32 ล้านบาท โดย Gross Margin อยู่ที่ระดับ 18.61% ขณะที่ EBITDA งวด 6 เดือนแรกปี 2564 อยู่ที่  219.88 ล้านบาท คิดเป็น 62.82% จากเป้าหมายปี 2564 ที่ 350 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 374.92 ล้านบาท โดยกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 68.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.56% มากกว่างวดเดียวกันของปีที่แล้ว โดยรักษาความคงที่ของ Gross Margin ไว้ได้ใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ที่ 18.23% ทั้งนี้เป็นผลจากการฟื้นตัวของธุรกิจเทรดดิ้ง ตามภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงต้นปีที่ยังคงเป็นปัจจัยเชิงบวก ส่งผลให้มีการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น จาก Backlog ของธุรกิจเทรดดิ้งที่มีเข้ามาในช่วงครึ่งปีแรกกว่า 250 ล้านบาท และคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นอีกราว 230 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีหลังนี้

ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรสุทธิ และการเงินปันผลปันผลงวดครึ่งปีหลัง 2563 จากบริษัทร่วมทุน บจ.บางจากไบโอฟูเอล (BBF) จำนวน 119.92 ล้านบาท ซึ่งได้ประโยชน์จากการส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ทำให้การจำหน่ายและราคาขายเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้น จากความต้องการใช้นำมันดีเซลในภาคการขนส่งภาคการเกษตร ประกอบกับความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบในช่วงที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบปรับสูงขึ้น

นอกจากนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ UAC ยังได้กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลัง 2564 ว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสร้างโอกาสทางธุรกิจ โดยการนำ Business model ใหม่ อาทิ การทำ Consulting Service พร้อมทั้งพยายามรักษาการให้บริการและฐานะลูกค้าให้ดีอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งพิจารณาการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ ภายใต้นโยบายการลงทุนด้าน Energy Efficiency และ Bio Circular Economy ทั้งในประเทศ และกลุ่มประเทศ CLMV

ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนของบริษัทฯ ขณะนี้ได้ผ่านคุณสมบัติและข้อเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิคของการไฟฟ้าภูมิภาคแล้ว จำนวน 2 โครงการ ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมราว 6 เมกะวัตต์ และยังรอการพิจารณาอีก 4 โครงการประมาณ 12 เมกะวัตต์ หลังจากที่บริษัทฯ ได้ยื่นอุทธรณ์ไปก่อนนี้  ซึ่งคาดว่าจะทราบผลชัดเจนภายในเดือนกันยายนนี้

สำหรับแผนความคืบหน้าโครงการจัดการขยะ เพื่อผลิตพลังงานทดแทนและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ที่นำกลับมาใช้ใหม่ที่นครเวียงจันทน์ สปป.ลาว นั้น การลงทุนในเฟสแรกในโครงการบริหารจัดการขยะได้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้วกว่า 98% ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จได้ตามแผนที่วางไว้ในปี 2564 นี้ และหลังจากนั้นบริษัทฯ จะเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าขยะ ขนาด 6 เมกะวัตต์ในเฟสที่ 2 เป็นลำดับต่อไป ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯเชื่อมั่นใจว่าจะรักษาระดับอัตราการเติบโตรายได้ในปีนี้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% ขณะที่ EBITDA คาดว่าไม่ต่ำกว่า 20% ของรายได้อย่างแน่นอน

โรงงาน PPP สนับสนุนอุปกรณ์การแพทย์สู้โควิด

บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC และโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (PPP) มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความเป็นอยู่ที่ยั่งยืนให้กับชุมชน โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตโควิด-19 พร้อมเป็นกำลังใจให้ผ่านวิกฤตไปด้วยกัน โดยได้สนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น แอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย และน้ำยาไฮเตอร์สำหรับฆ่าเชื้อโรค ให้กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านปรักรัก และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านกกแรต ซึ่งเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล ที่อยู่ในพื้นที่โรงงาน PPP โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของแต่ละพื้นที่ เป็นผู้รับมอบ เพื่อนำไปใช้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในพื้นที่

UAC ยิ้ม โรงไฟฟ้าชุมชน ขอนแก่น-มหาสารคาม ผ่านฉลุย

บมจ. ยูเอซี โกลบอล (UAC) ปลื้มโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน 2 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 6 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดขอนแก่น – มหาสารคาม ผ่านคุณสมบัติทางเทคนิค ด้าน CEO “ชัชพล ประสพโชค” ระบุเตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานในโครงการที่ไม่ผ่าน มั่นใจด้วยศักยภาพ และความพร้อมทั้งนวัตกรรม-เสถียรภาพทางการเงิน-การจัดหาแหล่งเชื้อเพลิง ช่วยผลักดันธุรกิจเติบโตแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต และพร้อมเป็นที่ปรึกษาโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนก๊าซชีวภาพพืชพลังงานให้กับพันธมิตรทุกราย

นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยว่า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้ประกาศรายชื่อผู้ผ่านพิจารณาคุณสมบัติและข้อเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิค โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) พ.ศ. 2564 รับซื้อไฟฟ้าเข้าระบบ ไม่เกิน 150 เมกะวัตต์ บริษัทย่อยของบริษัทฯ ทั้ง 2 บริษัทฯผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าทางเทคนิค จากการผลิตโรงไฟฟ้าประเภทชีวภาพ จำนวน 2 โครงการ ประกอบด้วย บริษัทยูเอซี แอนด์ ทีพีที เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ที่ตั้ง ตำบล นาฝาย อำเภอภูผาม่าน จังหวัดขอนแก่น และ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ ครอป พาวเวอร์ 4 จำกัด ที่ตั้ง ตำบลหนองโก อำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมราว 6 เมกะวัตต์

“ UAC ยื่นประมูลไปทั้งสิ้น 6 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 18 เมกะวัตต์ เฉลี่ยโครงการละ 3 เมกะวัตต์ และผ่านคุณสมบัติ 2 โครงการ ส่วนอีก 4 โครงการที่ไม่ผ่านเกณฑ์ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุ และจะยื่นอุทธรณ์ในลำดับต่อไป ซึ่งคาดว่ากระบวนการพิจารณาจะเกิดขึ้นอีกครั้งในช่วง 1 เดือนถึงเดือนครึ่ง ก่อนจะแข่งขันในเชิงพาณิชย์ได้จริงช่วงประมาณเดือนก.ย.นี้”

ทั้งนี้ ภายหลังการพิจารณาจากยื่นอุทธรณ์แล้วเสร็จทาง กฟภ. จะประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการภายในวันที่ 9 กันยายน 2564 และกำหนดลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภายใน 120 วัน นับจากวันประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก หรือภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 และกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีความพร้อมด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี รวมถึงประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงานจากก๊าซชีวภาพมากว่า 10 ปี และยังมีโรงไฟฟ้าต้นแบบอยู่ที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นโครงการนำร่อง พร้อมทั้งยังได้ร่วมมือกับทางวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ในการจัดหาเชื้อเพลิงจะต้องมีสัญญารับซื้อเชื้อเพลิงในราคาประกันกับวิสาหกิจชุมชน หรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนตามเงื่อนไขที่ภาครัฐกำหนดไว้ ซึ่งจากศักยภาพดังกล่าวเป็นการการันตีได้กว่า UAC เป็นกำลังสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนเศรษฐกิจในระดับฐานรากเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคตต่อไป

“UAC มีศักยภาพและความพร้อม ทั้งเทคโนโลยี แหล่งเงินทุน รวมถึงด้านเชื้อเพลิง ที่สำคัญยังมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก และยังมีเครือข่ายความร่วมมือจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ดังนั้นจึงเชื่อว่าจากปัจจัยดังกล่าว UAC พร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาช่วยต่อยอดและผลักดันภาพรวมธุรกิจโรงไฟฟ้าชุมชนก๊าซชีวภาพพืชพลังงานของพันธมิตรทุกราย ให้เติบโตอย่างยั่งยืนมีนัยสำคัญในอนาคต ” นายชัชพล กล่าวทิ้งท้าย

LESS ยกย่องโครงการแม่แตง-โซลาร์รูฟ ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก 

นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ. ยูเอซี โกลบอล (UAC) สุดปลื้มกับโครงการภายใต้การบริหารจัดการของ UAC ถึง 3 โครงการ อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพจากพืชพลังงาน แม่แตง ช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้ถึง 1,344.629 tCO2eq โครงการ Solar roof สหไทย ช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้ถึง 216.361 tCO2eq และโครงการ Solar roof วงศ์บัณฑิต ช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้ถึง 184.974 tCO2eq ส่งผลให้ได้รับประกาศเกียรติคุณ จากโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme) หรือ LESS ครั้งที่ 4 ประจำปี 2564 โดยสำนักงานประเมินและรับรองโครงการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์กรมหาชน) ตอกย้ำการเป็นบริษัทเอกชนด้านธุรกิจพลังงานทางเลือกซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมุ่งเน้นความรับผิดชอบต่อสังคมเสมอมา

UAC ย้ำมีภูมิคุ้มกันการเงินแข็งแกร่ง เติบโตยั่งยืน

บมจ.ยูเอซี โกลบอล (UAC) ดีเดย์เข้าคำนวณดัชนี sSET ครึ่งปีหลัง สบช่องสร้างความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ตอกย้ำสภาพคล่องดีฐานะทางการเงินแกร่ง P/E ที่ 13.61 เท่า และ D/E อยู่ที่ระดับต่ำเพียง 0.98 เท่า ด้าน CEO “ชัชพล ประสพโชค” แจง UAC มีภูมิคุ้มกันทางการเงินและมีการบริหารต้นทุนความเสี่ยงที่ดี เร่งเครื่องเดินหน้าขยายการลงทุนอิงโครงการที่สร้างผลตอบแทน (ROE) ในระดับไม่ต่ำกว่า 20% ขึ้นไป เพื่อสร้างอัตราการเติบโตระยะยาวให้ครบทุกมิติด้านการลงทุน Energy Efficiency และ Bio Circular Economy ทั้งในประเทศ กลุ่มประเทศ CLMV และโรงไฟฟ้าชุมชน  

นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยถึงการได้รับการคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนี  sSET  ในครึ่งปีหลัง 2564  โดยจะมีผลตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2564 – 31 ธันวาคม 2564 ซึ่งการได้รับการเข้าคำนวณในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำความมั่นคงทางธุรกิจ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เมื่อพิจารณาจากระดับ P/E ในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 13.61 เท่า โดยถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจสำหรับการลงทุน เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมเดียวกัน

ดัชนี sSET เป็นการใช้เครื่องมือในการเปรียบเทียบผลตอบแทน (Benchmark) สำหรับหุ้นขนาดเล็ก และขนาดกลาง และใช้คัดกรองหุ้นที่มีพื้นฐานที่ดี และยังมีโอกาสที่จะนำไปอ้างอิงสำหรับการออก ตราสารทางการเงินในอนาคตได้

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการบุ๊กกำไรจากบริษัทร่วมทุน บางจาก ไบโอฟูเอล หรือ BBF งวดประจำปี 2563 ในส่วนที่เหลือ เข้ามาในไตรมาส 2/2564 นี้ จำนวน 119.92 ล้านบาท ยิ่งเป็นการสะท้อนถึงผลการดำเนินงานจากการลงทุนที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็จะส่งผลให้ฐานะทางการเงินของบริษัทฯมีความที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราหนี้ต่อทุนหรือ D/E Ratio อยู่ที่ 0.98 เท่า

พร้อมกันนี้ การที่บริษัทฯ มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีก็เปรียบเสมือนเรามีภูมิคุ้มกันด้านการเงินที่ดี โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวจากวิกฤตสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ ดังนั้นบริษัทฯ จะต้องให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมถึงการสร้างโอกาสทางธุรกิจ โดยปรับนำ Business model ใหม่ อาทิ การทำ consulting service มาใช้ พร้อมทั้งพยายามรักษาการให้บริการและฐานะลูกค้าให้ดีอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด บริษัทฯ เตรียมส่งมอบออเดอร์ (Backlog ) กว่า 250 ล้านบาท ให้กลุ่มลูกค้าธุรกิจเทรดดิ้ง อาทิ กลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน โรงงานปิโตรเคมี และเคมีภัณฑ์  เนื่องจากกลุ่มลูกค้าได้กลับมาเดินเครื่องผลิตได้ตามปกติ โดย Backlog ดังกล่าวจะทยอยส่งมอบภายในครึ่งปีหลังทั้งหมด

สำหรับแนวโน้มและแผนดำเนินการทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนั้น นายชัชพล กล่าวว่า บริษัทฯยังคงมุ่งเน้นนโยบายการลงทุนด้าน Energy Efficiency และ Bio Circular Economy ทั้งในประเทศ และกลุ่มประเทศ CLMV อย่างต่อเนื่อง โดยพิจารณาเลือกลงทุนในโครงการที่สร้างผลตอบแทน (ROE) ในระดับไม่ต่ำกว่า 20% ขึ้นไป จากที่ปัจจุบัน ROE อยู่ในระดับ 18.5% พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด ดังนั้นบริษัทฯต้องลงทุนอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้กระทบต่อบริษัทฯและผู้ถือหุ้น

ส่วนความคืบหน้ากรณีการเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าชุมชนนั้น บริษัทฯยังคงเดินตามแผนนโยบายของภาครัฐ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยบริษัทฯเข้าประมูล จำนวน 6 โครงการ กำลังการผลิตแห่งละ 3 เมกะวัตต์ รวมกำลังการผลิตทั้งสิ้น 18 เมกะวัตต์ คาดใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์  ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าจะได้รับการคัดเลือก เนื่องจากมีความพร้อมด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี รวมถึงประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงานจากก๊าซชีวภาพมากว่า 10 ปี และยังมีโรงไฟฟ้าต้นแบบอยู่ที่อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่

อย่างไรก็ตาม จากความมุ่งมั่นในแผนการดำเนินทางธุรกิจข้างต้น จะส่งผลให้อัตราการเติบโตของรายได้ในปีนี้ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบจากปีก่อน ขณะที่ EBITDA ตั้งเป้าไว้ไม่ต่ำกว่า 20% ของยอดขายอย่างแน่นอน

UAC ส่งโรงงาน PPP หนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์สู้โควิด-19

บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC และ โรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (PPP) ได้ร่วมสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ประเภทแอลกอฮอล์ เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และหน้ากากอนามัย ให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลกกแรต โดยมี นายอำภร รัดเลิศ นายก อบต.กกแรต พร้อมด้วย นางสาวฉวีวรรณ พงศทัต รองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้รับมอบ เพื่อใช้ในช่วงสถานการณ์การระบาดของดไวรัสโควิด-19 ณ องค์การบริหารส่วนตำบลกกแรต จังหวัดสุโขทัย