SNNP ปักธงบุกเวียดนามสร้างการเติบโตในอาเซียน

บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง หรือ SNNP รุกตลาดเวียดนาม ตามแผนยุทธศาสตร์สร้างการเติบโตในภูมิภาคอาเซียน เปิดแคมเปญ  Bento set yourself free, fire !!! และโปรโมชั่น “Bento Adrenaline & Extreme Amazing Thailand Tours” ร่วมจับมือกับ ททท. เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทย พร้อมดึงแนนโน๊ะ ‘คิทตี้ – ชิชา อมาตยกุล’ เป็นพรีเซ็นเตอร์ สร้างปรากฎการณ์ความเผ็ช Extreme Snack กระตุ้นยอดขายเติบโต 20% พร้อมเร่งเกมขยายดิสทริบิวเตอร์ 80 แห่งทั่วประเทศเวียดนาม นำผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวาง

นายฐากร ชัยสถาพร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจต่างประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP หนึ่งในผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของประเทศไทยเปิดเผยว่า หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ SNNP มีฐานทุนที่แข็งแกร่งเพื่อรองรับแผนการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ โดยประเทศเวียดนามถือเป็นตลาดที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการผลักดันการเติบโต หลังเข้าลงทุนผ่าน S.T. Food Marketing Co., Ltd. เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ในประเทศเวียดนาม ซึ่งล่าสุดได้วางแผนทำตลาดเชิงรุกผ่านแคมเปญการตลาดเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์สินค้าและผลักดันการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทุกช่องทางจำหน่าย

ทั้งนี้ กลยุทธ์หลักที่บริษัทฯ ใช้ในการรุกตลาดเวียดนามคือการประยุกต์และพัฒนาธุรกิจให้สอดรับกับตลาดท้องถิ่น (Localization strategy) โดยดำเนินกลยุทธ์ในหลายด้านๆพร้อมกัน ทั้งการตั้งฐานการผลิต การกระจายสินค้าที่เข้าถึงช่องทางการจัดจำหน่ายในวงกว้าง และการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์สินค้าให้อยู่ในใจของผู้บริโภคในพื้นที่ โดยได้เปิดตัวแคมเปญอย่างยิ่งใหญ่ “Bento set you self free, fire!!!” และโปรโมชั่น “Bento Adrenaline & Extreme Amazing Thailand Tours” ในช่วงไตรมาส 4/2564 โดยได้รับเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ณ นครโฮจิมินห์ ในฐานะตัวแทนสินค้าไทยที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศเวียดนามเพื่อช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยที่น่าจะเริ่มฟื้นตัวกลับมาได้ในปีหน้าหลักจากสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลาย พร้อมดึงแนนโน๊ะ “คิทตี้ – ชิชา อมาตยกุล” นักแสดงนำจากซีรีส์ Girl From Nowhere ที่โด่งดังไปทั่วโลก ขึ้นแท่นเป็นพรีเซ็นเตอร์เบนโตะในเวียดนามอีกด้วย

สำหรับ แนนโน๊ะ “คิทตี้ – ชิชา อมาตยกุล” เป็นไอดอลที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ในประเทศเวียดนามชื่นชอบ และซีรีส์เรื่องดังกล่าวกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศเวียดนาม จนขึ้นเทรนด์ Netflix อันดับหนึ่ง โดยคิทตี้จะเป็นตัวแทนของแบรนด์เบนโตะที่มาถ่ายทอดความเผ็ชในแบบฉบับของเบนโตะ ที่มีความเเป็นตัวของตัวเอง ผ่านไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เพื่อตอกย้ำผลิตภัณฑ์ขนมทานเล่นที่มีเอกลักษณ์ความเผ็ดสไตล์เอเชียนสไปซี่ และเป็น Extreme Snack ที่ส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ค้นพบศักยภาพสุด Extreme ของตนเอง ซึ่งเป็นการสร้างประสบการณ์ร่วมระหว่างเบนโตะและผู้บริโภค

รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจต่างประเทศ กล่าวว่า บริษัทฯ ยังได้เตรียมจัดกิจกรรมสื่อสารการตลาดแบบครบวงจรเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่ม ผ่านสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Zalo ซึ่งเป็น Chat Application ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศเวียดนาม  รวมทั้งสื่อโฆษณานอกบ้าน (OHM) และสื่อโฆษณา ณ จุดขาย โดยคาดว่ากิจกรรมดังกล่าวจะสร้างการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากกว่า 40 ล้านคน และคาดว่าจะสร้างยอดขายให้เติบโตได้ประมาณ 20% จากการขยายฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น

ปัจจุบัน ‘เบนโตะ’ เป็นแบรนด์ขนมทานเล่นที่มีความแข็งแกร่งและได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดเวียดนาม  ทำให้ล่าสุด Gojek ผู้ให้บริการฟูดส์เดลิเวอรี่ในระดับอาเซียน ได้นำผลิตภัณฑ์ ‘เบนโตะ’ จัดจำหน่ายและสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านโฆษณา สำหรับเป็นอาหารว่างในระหว่างรับชมซีรีส์ในช่วง Work From Home ที่เริ่มเป็นกระแสที่เพิ่มขึ้นมากในเวียดนามในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเร่งกระจายสินค้าในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากยิ่งขึ้น โดยร่วมกับบริษัท Chance and Challenge Co., Ltd. พันธมิตรหลักของบริษัทฯ ในการพัฒนาการกระจายสินค้าในประเทศเวียดนาม ขยายตัวแทนจำหน่ายในช่องทางการค้าปลีกแบบดั้งเดิมในประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นช่องทางการกระจายสินค้าที่ครองสัดส่วนกว่าร้อยละ 80 ของการกระจายสินค้า FMCG ในเวียดนามให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ เพื่อให้การกระจายสินค้าของบริษัทฯ มีศักยภาพครอบคลุมได้ครบทั้งช่องทางร้านค้าปลีกดั้งเดิมและร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ทั้งนี้หลังจาก SNNP เริ่มดำเนินการผลิตและจัดจำหน่ายในเวียดนาม จะช่วยสร้างความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตและค่าขนส่งที่ลดลง รวมทั้งการผสมผสานการทำตลาดอย่างต่อเนื่องจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันรายได้รวมจากตลาดต่างประเทศให้เติบโต เป็น 3 เท่าภายใน 5 ปี ตามแผนระยะยาวที่วางไว้

“SNNP พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจในอาเซียนด้วยแบรนด์พอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย รวมถึงการวางรากฐานการผลิตและระบบจัดจำหน่ายสินค้าทั้งในประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนาม เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่มีฐานประชากรกว่า 250 ล้านคนในกลุ่มประเทศ CLMVและไทย และยังจะเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออกไปยังตลาดใหม่ๆ ทั่วโลกในอนาคต โดยใช้เวียดนามเป็นประเทศยุทธศาสตร์เพื่อสร้างการเติบโตของเรา เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยผลักดันรายได้จากต่างประเทศให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด”  นายฐากร กล่าว 

SNNP โชว์ผลงาน ครึ่งปีแรกปี 2564 มีกำไรสุทธิ 254.7 ล้าน

‘บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง’ หรือ SNNP โชว์ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2564 ทำรายได้รวม 2,312.1 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย 2,170.4 ล้านบาท เติบโต 5.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ทำได้ 254.7 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดกว่า 4,000% ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวอันดับหนึ่ง มีคุณภาพและแบรนด์เป็นหนึ่งในใจของผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย พร้อมมีฐานการผลิตและระบบจัดจำหน่ายสินค้าที่แข็งแกร่งครอบคลุมภูมิภาคอาเซียน มั่นใจศักยภาพทางธุรกิจเติบโตแข็งแกร่งพร้อมฝ่าวิกฤต Covid-19 และส่วนหนึ่งมาจากกำไรพิเศษจากการสูญเสียการควบคุมในบริษัทย่อยในช่วงไตรมาส 1/64 ที่ผ่านมา  

นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP  ผู้นำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการผลักดันการเติบโตของผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 (เมษายน-มิถุนายน) ทำรายได้ในส่วนที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯเติบโตได้ทั้งรายได้จากการขายในประเทศและต่างประเทศ เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 (มกราคม – มีนาคม) ภายใต้สถานการณ์ภายนอกที่มีความผันผวนจาก COVID-19 และมีอัตราการทำกำไรที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากฐานธุรกิจที่พัฒนาขึ้นมาตลอดช่วง 5 ปี ให้มีความเข้มแข่ง ทั้งต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการที่ดีขึ้น ประกอบกับงบการเงินรวมของบริษัทฯในไตรมาส 2/2564 ได้มีการปรับเปลี่ยนวิธีการบันทึกบัญชีโดยไม่ได้รวมรายได้หรือค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับเงินลงทุนของบริษัทฯในธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศอีกต่อไป ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ลดลง ทำให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 เป็นผลการดำเนินงานที่สะท้อนให้เห็นศักยภาพในธุรกิจหลักของบริษัทฯ ที่เป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าที่มีฐานธุรกิจในประเทศที่เข้มแข็งพร้อมที่จะเติบโตต่อไปในต่างประเทศในอนาคต

ทั้งนี้ ผลดำเนินการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เป็นผลมาจากความมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว ทั้งในด้านคุณภาพและการบริการตลอดกว่า 30 ปี โดยการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่หนึ่งในใจของผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย รวมทั้งการมีฐานการผลิตและระบบจัดจำหน่ายสินค้าที่แข็งแกร่งครอบคลุมภูมิภาคอาเซียน ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารจัดการต้นทุน ซึ่งผลักดันให้แบรนด์พอร์ตโฟลิโอมีการเติบโตในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ทั้งกลุ่มเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว โดยผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์สินค้าหลักอย่างเจเล่และเบนโตะสามารถขยายตัวได้อย่างโดดเด่นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

นายวิวรรธน์ กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจจัดจำหน่ายและการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในเชิงรุก หลังจากได้ลงทุนก่อตั้งธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าภายใต้บริษัท สิริโปร จำกัด ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา จนปัจจุบันมีศูนย์กระจายสินค้า 11 แห่งทั่วประเทศ พัฒนาคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทีมหน่วยรถเงินสดและบุคลากร เพื่อเข้าถึงกลุ่มร้านค้าปลีกได้ประมาณ 70,000 ร้านค้า และร้านค้าส่งดั้งเดิม 3,600 ร้านค้า เพื่อรองรับการให้บริการกระจายสินค้ากับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กได้อย่างกว้างขวางทั่วประเทศ รวมการมีพันธมิตรที่เข้มแข็งทั้งทีมผู้บริหารที่ร่วมก่อตั้งบริษัทฯมาด้วยกันตั้งแต่ปี 2562 และพันธมิตรรายใหม่อย่าง บริษัท บุญรอด เทรดดิ้งค์ จำกัด ที่เข้ามาร่วมทุนในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถนำพาให้ธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าเติบโตมาเป็นผู้เล่นแนวหน้าในธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าระดับประเทศได้ในอนาคต

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ในส่วนที่ธุรกิจหลักของบริษัทฯที่เป็นผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าในกลุ่มขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มที่หลากหลายนั้น มีรากฐานทางธุรกิจของบริษัทฯ ที่วางไว้อย่างแข็งแกร่งในประเทศไทย โดยยังให้ความสำคัญในการต่อยอดธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ที่จะมีฐานธุรกิจที่ประกอบด้วย โรงงานผลิตสินค้า ช่องทางการกระจายสินค้าที่ครอบคลุม และการสร้างภาพลักษณ์สินค้าให้เป็นที่หนึ่งในใจของผู้บริโภคในพื้นที่ และยังเตรียมตัววางแผนที่จะขยายการขายสินค้าในกลุ่มประเทศอื่นๆที่เป็นฐานประเทศส่งออกให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยแม้ว่าสถาณการณ์ภายนอกยังมีความเสี่ยง ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 แต่เราเชื่อว่าเรามีความมุ่งมั่นและมีความพร้อมในเชิงธุรกิจในหลายๆ ที่พร้อมจะฟันฝ่าอุปสรรคให้ผ่านพ้นไปและจะสามารถเติบโตให้อย่างก้าวกระโดดเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย  

SNNP เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันแรก 

‘บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง’ หรือ SNNP ผู้นำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของประเทศไทย เดินหน้าขยายแผนการลงทุน หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โชว์ศักยภาพเป็นหุ้นในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว ที่ลงทุนสร้างรากฐานการผลิตและจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งในภูมิภาคอาเซียน ส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพสู่ผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวาง พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตคนเมืองและครอบคลุมทุกช่วงเวลาในการบริโภค ตั้งเป้ารายได้ 8,000 ล้านบาทภายในปี 2569 ก้าวสู่ผู้นำตลาดเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวแห่งอาเซียน   

นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP  เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม โดยใช้ชื่อย่อว่า ‘SNNP’ ซึ่งเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของบริษัทฯ ที่วางรากฐานอย่างแข็งแกร่ง จะช่วยสนับสนุนให้ SNNP เป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน จากแผนธุรกิจที่มุ่งสู่การเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวแห่งอาเซียน  ตั้งเป้าหมายมีรายได้แตะ 8,000 ล้านบาท ภายในปี 2569 หรือมีอัตราการเติบโต 2 เท่าใน 5 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ SNNP มีแผนสร้างรากฐานการผลิตและระบบจัดจำหน่ายสินค้าให้ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ โดยในประเทศไทยจะลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์โรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน ส่วนการลงทุนในต่างประเทศนั้นจะลงทุนผ่านบริษัทย่อยทั้งในกัมพูชาและเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันโรงงานในกัมพูชาได้เริ่มดำเนินการเชิงพานิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตภัณฑ์ประเภทขนมปังขึ้นรูปและขนมปังแท่ง ผลิตภัณฑ์เยลลี่พร้อมดื่มและเยลลี่คาราจีแนน และผลิตภัณฑ์ปลาหมึกอบ ปลาหมึกเส้นและปลาเส้น ในประเทศเวียดนาม  เพื่อเป็นฐานการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าในภูมิภาคอาเซียน

ส่วนแผนการดำเนินงานนั้น บริษัทฯ จะมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รองรับเทรนด์ของผู้บริโภค เช่น  ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากกัญชงและกัญชา และการต่อยอดแบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาด อาทิ เจเล่ เบนโตะ โลตัสขาไก่ เมจิกฟาร์ม และเครื่องดื่มอควาวิตซ์ เป็นต้น ทั้งด้านรสชาติ ขนาดและราคา ให้เหมาะกับความต้องการและกำลังซื้อของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ (Localization) เพื่อเสริมสร้างพอร์ตโฟลิโอให้มีความหลากหลาย

“เราเป็นหนึ่งในผู้สร้างเทรนด์ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของไทย ด้วยแบรนด์พอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย การมีฐานการผลิตและระบบจัดจำหน่ายสินค้าทั้งในประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนาม สามารถรองรับความต้องการของตลาดที่มีประชากรกว่า 250 ล้านคน และยังเป็นฐานส่งออกไปยังตลาดใหม่ๆ จากในปัจจุบันที่ส่งออกกว่า 35 ประเทศทั่วโลก จะช่วยให้ SNNP ก้าวสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลกในสเต็ปต่อไป” นายวิวรรธน์ กล่าว 

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า SNNP มีศักยภาพและการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง จากแผนลงทุนสร้างรากฐานการผลิตและระบบจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ สร้างความได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตและการกระจายสินค้าได้หลากหลายช่องทาง อีกทั้งจุดแข็งแบรนด์พอร์ตโฟลิโอและตราสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมทีมวิจัยและพัฒนาที่มีความมุ่งมั่นสร้างสรรค์สินค้าใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค จะส่งผลให้ SNNP เป็นบริษัทฯ ที่มีศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวในภูมิภาคอาเซียน

SNNP เทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ 20 ก.ค.นี้

‘บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง’ หรือ SNNP ผู้นำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของประเทศไทย  พร้อมนำหุ้นเข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 20 ก.ค. นี้ พร้อมโชว์ศักยภาพมุ่งสู่ผู้นำตลาดในภูมิภาคอาเซียน จากแผนสร้างรากฐานการผลิตและระบบจัดจำหน่ายรับการส่งออกทั่วโลก เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชงเสริมพอร์ตโฟลิโอ ตอบโจทย์เมกะเทรนด์โลก ผลักดันสู่เป้าหมายยอดขายแตะ 8,000 ล้านบาท ภายในปี 2569  

นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน)  (“บริษัทฯ”) หรือ SNNP หนึ่งในผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของประเทศไทย เปิดเผยว่าบริษัทฯ พร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 โดยใช้ชื่อย่อ ‘SNNP’ หลังปิดการเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 240 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ ที่ราคาเสนอขายสุดท้าย 9.20 บาท ต่อหุ้น ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย ที่เชื่อมั่นในพื้นฐานทางธุรกิจและศักยภาพการดำเนินงานในอนาคต โดยมีนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อเป็นจำนวนมากกว่า 17 เท่าของจำนวนหุ้นที่เสนอขายต่อนักลงทุนสถาบัน  

ทั้งนี้ หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทฯ มุ่งสร้างการเติบโตเป็น 2 เท่า หรือมีรายได้ 8,000 ล้านบาทภายในปี 2569 โดยสร้างรากฐานการผลิตและระบบจัดจำหน่ายสินค้าให้ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทั้งในแง่ของกำลังการผลิตและการบริหารจัดการต้นทุนโดยรวม รวมถึงขยายการจัดจำหน่ายสินค้าให้ครอบคลุมภูมิภาคอาเซียน ผ่านบริษัทย่อยในทั้ง กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันโรงงานในกัมพูชาได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานในประเทศเวียดนาม ซึ่งคาดว่าโรงงานในส่วนที่ 1 จะแล้วเสร็จในปี 2565 และโรงงานทั้งหมดจะแล้วเสร็จช่วงสิ้นปี 2566 ส่งผลให้ SNNP มีฐานการผลิตครอบคลุมทั้งในประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนาม รองรับกับแผนการส่งออกสู่ตลาดใหม่ๆ จากปัจจุบันที่ส่งออกไปยัง 5 ทวีป รวมกว่า 35 ประเทศทั่วโลก

นอกจากนี้ SNNP ยังมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากกัญชงและกัญชา รวมทั้งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างพอร์ตโฟลิโอให้มีความหลากหลาย รวมถึงแผนต่อยอดแบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาด อาทิ  เจเล่ เบนโตะ โลตัสขาไก่ เมจิกฟาร์ม และเครื่องดื่มอควาวิตซ์ เป็นต้น โดยมุ่งพัฒนาทั้งรสชาติ ขนาดและราคา ให้เหมาะกับความต้องการและกำลังซื้อของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ (Localization)

“เราพร้อมรุกขยายธุรกิจสู่การเติบโตแบบก้าวกระโดดในทุกมิติ เพื่อขับเคลื่อนให้ SNNP ก้าวสู่ผู้นำในภูมิภาคอาเซียน ด้วยแผนงานที่ได้วางรากฐานทั้งการผลิตและระบบจัดจำหน่าย เพื่อขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคอาเซียนและส่งออกสินค้าไปสู่ตลาดใหม่ๆ ทั่วโลก และด้วยศักยภาพทางธุรกิจที่บริษัทฯ วางไว้อย่างแข็งแกร่งนี้ จะผลักดันให้ผลการดำเนินงานของ SNNP  เติบโตอย่างยั่งยืน” นายวิวรรธน์ กล่าว 

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย  กล่าวว่า SNNP มีศักยภาพและพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยสนับสนุนการดำเนินงานไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ ด้วยข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันจากการมีแบรนด์พอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายและตราสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค พร้อมกับมีทีมวิจัยและพัฒนาที่มีความมุ่งมั่นสร้างสรรค์สินค้าใหม่ที่หลากหลาย รวมถึงมีฐานการผลิตและระบบจัดจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยผลักดันให้ SNNP เติบโตได้อย่างยั่งยืน เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวแห่งอาเซียนในอนาคต

SNNP เคาะราคาขายสุดท้าย IPO หุ้นละ 9.20 บาท

บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง หรือ SNNP ผู้นำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของประเทศไทย เคาะราคาเสนอขายสุดท้ายหุ้น IPO ที่ 9.20 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขาย หลังสำรวจความต้องการจองซื้อจากนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding) เกินกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรไว้กว่า 17.0 เท่า ขณะที่นักลงทุนรายย่อยตอบรับจองซื้อหุ้น IPO กันอย่างคึกคักคาดนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนก.ค. นี้ เดินหน้าลงทุนสร้างรากฐานผลิตและระบบจัดจำหน่ายส่งออกทั่วโลก พร้อมลุยพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากกัญชงรับเทรนด์ผู้บริโภค มุ่งสู่ผู้นำเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวแห่งอาเซียน ตั้งเป้าปี 69 ทำยอดขายแตะ 8,000 ล้านบาท

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า หลังจาก บมจ. ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง กำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 8.70 – 9.20 บาทต่อหุ้น โดยเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อระหว่างวันที่ 7-9กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนรายย่อย เช่นเดียวกับนักลงทุนสถาบันที่แสดงความสนใจจองซื้อที่ราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) ที่ราคา 9.20 บาท มากกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรกว่า 17.0 เท่า สะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและเชื่อมั่นถึงศักยภาพการเติบโตในอนาคต โดยคาดการณ์ว่าจะนำหลักทรัพย์ SNNP เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกรกฎาคม 2564

วิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง หรือ SNNP

นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง หรือ SNNP ผู้นำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของประเทศไทย กล่าวว่าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มศักยภาพและฐานะทางการเงิน เพื่อรองรับแผนขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ที่มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ มุ่งเน้นความเป็นเลิศทั้งในด้านคุณภาพและการบริการ และสร้างแบรนด์ให้เป็นหนึ่งในใจผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเข้าถึงผู้บริโภคในทุกช่วงเวลาและโอกาสในการบริโภค ก้าวสู่ผู้นำเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวแห่งอาเซียน โดยตั้งเป้ารายได้แตะ 8,000 ล้านบาท ภายในปี 2569 จากแผนการลงทุนดังนี้

1.แผนลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในประเทศ โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพที่ดีได้มาตรฐานระดับสากล เพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตรวมถึงลดต้นทุน สร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันให้ดียิ่งขึ้น

2.แผนการลงทุนในบริษัทย่อยของบริษัทฯ เพื่อดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนาม ที่มุ่งเพิ่มกำลังการผลิตและขยายการจัดจำหน่ายสินค้าให้ครอบคลุมภูมิภาคอาเซียน โดยบริษัทฯ ได้ลงทุน ผ่าน S.T. Food Marketing Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มเยลลี่สำเร็จรูปในประเทศเวียดนาม ซึ่งได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้วในไตรมาส 3 ปี 2564 โดยโรงงานจะแบ่งการก่อสร้างเป็นทั้งหมด 3 ช่วงเวลา และคาดว่าโรงงานในส่วนที่ 1 จะแล้วเสร็จในปี 2565 และโรงงานทั้งหมดตามแผนการลงทุนในเบื้องต้นจะแล้วเสร็จช่วงสิ้นปี 2566 ซึ่งจะทำให้ SNNP มีฐานการผลิตจำนวนทั้งสิ้น 6 แห่ง ทั้งในประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนาม ครอบคลุมตลาดที่มีประชากรกว่า 250 ล้านคน และเป็นฐานการส่งออกสินค้าไปตลาดอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ส่งออกไปยัง 5 ทวีป รวมกว่า 35 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ยังจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศจีนและกลุ่มประเทศในทวีปยุโรปโดยวางเป้าหมายรายได้จากตลาดต่างประเทศเติบโต 3 เท่าในอีก 5 ปีข้างหน้า

3.แผนลงทุนพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดย SNNP ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา และทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาด้านการวิจัยผลิตภัณฑ์อาหารจากกัญชงและกัญชา และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่นๆ รวมถึงโครงการวิจัยเรื่องการคัดเลือกพันธุ์กัญชงสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ รวมทั้งบริษัทฯ ยังมีแผนต่อยอดแบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาด อาทิ เจเล่ เบนโตะ เมจิกฟาร์ม โลตัสขาไก่ และเครื่องดื่มอควาวิตซ์ ฯลฯ โดยมุ่งพัฒนารสชาติ ขนาดและราคา ให้เหมาะกับกำลังซื้อในแต่ละประเทศ (Localization) และด้วยศักยภาพทางธุรกิจที่บริษัทฯ วางไว้อย่างแข็งแกร่ง จะผลักดันให้ผลดำเนินงาน SNNP  มีการเติบโตที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต

SNNP ขาย IPO นักลงทุนรายย่อย 7 – 9 ก.ค. นี้

บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง หรือ SNNP ผู้นำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของประเทศไทย โชว์ศักยภาพพร้อมก้าวสู่ผู้นำเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวแห่งอาเซียน วางกลยุทธ์มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เสริมความแข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอ พร้อมลงทุนสร้างรากฐานการผลิตและระบบจัดจำหน่ายครอบคลุมภูมิภาคอาเซียน สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายในปี 2569 วางเป้ารายได้แตะ 8,000 ล้านบาท เปิดช่วงราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 8.70 – 9.20 บาทต่อหุ้น และเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อวันที่ 7 – 9 ก.ค. 64 ที่ราคา 9.20 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น  ส่วนนักลงทุนสถาบันจองซื้อวันที่ 12 – 14 ก.ค. 64 

วิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP

นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP ผู้นำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวของประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้สร้างเทรนด์ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวในประเทศไทย ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญมายาวนานกว่า 30 ปี บริษัทฯ มีแบรนด์พอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่ง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ประกอบด้วย เจเล่ คูลลี่คูล ไดยาโมโตะ ฮีโร่บอยส์ และอควาวิตซ์ 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว ประกอบด้วย เบนโตะ ทาโกะ โลตัส ช๊อคกี้ และเบเกอรี่เฮาส์ โดยบริษัทฯ มีวิสัยทัศน์มุ่งเน้นความเป็นเลิศทั้งในด้านคุณภาพและการบริการ รวมถึงการสร้างแบรนด์ให้เป็นหนึ่งในใจของผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเข้าถึงผู้บริโภคในทุกช่วงเวลาและโอกาสในการบริโภค ภายใต้ทีมวิจัยและพัฒนาที่มีความมุ่งมั่นสร้างสรรค์สินค้าใหม่ที่มีความหลากหลาย ตลอดจนมีระบบการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม อีกทั้งยังมีฐานการผลิตและการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีประสิทธิภาพ โดยตั้งเป้าหมายสร้างรายได้แตะ 8,000 ล้านบาท ภายในปี 2569  

“การระดมทุนครั้งนี้จะทำให้ SNNP เพิ่มขีดความสามารถในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยต่อยอดแบรนด์สินค้าและ   แบรนด์พอร์ตโฟลิโอให้หลากหลายเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในแต่ละประเทศ  (Localization) รวมถึงสร้างความได้เปรียบจากการมีฐานการผลิตและระบบกระจายสินค้าที่ครอบคลุมในภูมิภาค CLMV  ซึ่งจะช่วยผลักดันการขยายธุรกิจของ SNNP ให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวแห่งอาเซียน” นายวิวรรธน์ กล่าว  

นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ กล่าวว่า กลยุทธ์ทางการตลาด บริษัทฯ จะต่อยอดแบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดและมีศักยภาพ อาทิ เจเล่ เบนโตะ เมจิกฟาร์ม โลตัสขาไก่ และเครื่องดื่มอควาวิตซ์ ฯลฯ และสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความหลากหลาย รวมทั้งพัฒนารสชาติ ขนาดและราคา ให้เหมาะกับเทรนด์การบริโภคและกำลังซื้อในแต่ละประเทศ (Localization) ซึ่งจะสามารถยกระดับผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าสูงขึ้น 

นอกจากนี้ SNNP มุ่งสร้างความแข็งแกร่งของช่องทางการจัดจำหน่ายโดยดำเนินกลยุทธ์ในการกระจายสินค้าตามช่องทางหลัก ได้แก่ ค้าส่ง ค้าปลีก ช่องทางโมเดิร์นเทรด ออนไลน์ และเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) อย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริหารและพัฒนาสินค้าให้เหมาะสมกับแต่ละช่องทางการจัดจำหน่าย พร้อมทั้งส่งเสริมกลยุทธ์การขายและบริหารพื้นที่จัดจำหน่ายในแต่ละช่องทาง รวมถึงได้จัดตั้งบริษัทจัดจำหน่ายสินค้า ได้แก่ บริษัท สิริ โปร จำกัด ซึ่งมีทีมผู้บริหารและทีมขายที่มีประสบการณ์และความสามารถในการกระจายสินค้าให้กับบริษัทฯ โดยปัจจุบันมีศูนย์กระจายสินค้า 11 แห่ง ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย ซึ่งสามารถกระจายสินค้าถึงกลุ่มร้านค้าทั้งค้าปลีกกว่า 70,000 ร้านค้า และร้านค้าส่งกว่า 3,600 ร้านค้า ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันให้กับบริษัทฯ   

นายฐากร ชัยสถาพร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจต่างประเทศ กล่าวว่า ธุรกิจของบริษัทฯ มีศักยภาพที่จะเติบโตในภูมิภาค CLMV ได้อีกมาก เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่มีการเติบโตของตลาดสูง โดยมีรายได้ต่อครัวเรือนเพิ่มขึ้น และการขยายตัวของกลุ่มประชากรที่เป็นชนชั้นกลางวัยหนุ่มสาว ประกอบกับมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบ ปัจจัยเหล่านี้ผลักดันให้การบริโภคอาหารและเครื่องดื่มแบบพร้อมรับประทานขยายตัวมากขึ้น โดยกลยุทธ์ทางการตลาด บริษัทฯ จะต่อยอดผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวที่เป็นผู้นำตลาดในประเทศไทย โดยบริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัทย่อยในกัมพูชา ได้แก่ S.C Food Products Co., Ltd. STVV Development Co., Ltd. และ S.C Food Trading Co., Ltd. ปัจจุบันโรงงานก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อย 

ขณะที่ประเทศเวียดนาม บริษัทฯ มีแผนเข้าลงทุนผ่าน S.T. Food Marketing Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เพื่อผลิตขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มเยลลี่สำเร็จรูปและจัดจำหน่ายในประเทศเวียดนาม โดยได้เริ่มก่อสร้างโรงงานแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จและผลิตสินค้าในปี 2565 ในเฟสแรก ซึ่งเฟสสองจะแล้วเสร็จในปี 2566 ทำให้บริษัทฯ มีฐานการผลิตทั้งในประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนาม จำนวน 6 แห่ง ครอบคลุมประชากรกลุ่มประเทศ CLMV+T รองรับกับความต้องการของตลาดที่มีประชากรกว่า 250 ล้านคน และยังเป็นฐานการผลิตส่งออกสินค้าไปตลาดอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ส่งออกไปยัง 5 ทวีป รวมกว่า 35 ประเทศทั่วโลก  

นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศจีนและกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป ลงทุนในการสร้างการรับรู้ในผลิตภัณฑ์ของกลุ่มผู้บริโภค และขยายประสิทธิภาพในช่องทางการจัดจำหน่าย เสาะหาแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพดี และเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมการผลิตให้แก่กลุ่มบริษัทฯ 

นายชยุตม์ หลีหเจริญกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานบัญชีและการเงิน กล่าวว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการลงทุนมากกว่า 1,500 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต สร้างฐานการผลิตและกระจายสินค้าที่แข็งแกร่งและมั่นคงทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนลงทุนระบบไอทีและนำ Data เข้ามาช่วยวิเคราะห์ตลาดได้อย่างแม่นยำ  และด้วยศักยภาพทางธุรกิจที่บริษัทฯ วางไว้อย่างแข็งแกร่ง จะผลักดันให้ผลดำเนินงาน SNNP  เติบโตอย่างยั่งยืน โดยวางเป้าหมายการเติบโตประมาณ 2 เท่าในช่วง 5 ปีข้างหน้า (2564-2569)  

สำหรับการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564 (มกราคม-มีนาคม) บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างสูง แม้เผชิญปัจจัยลบจาก Covid-19 โดยมีรายได้รวม 1,239 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วยรายได้จากการขาย 1,102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 172 ล้านบาท เป็นการทำกำไรเติบโตติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 นับจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินงาน ซึ่งมีปัจจัยสำคัญมาจากการพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิตและการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่ปี 2563 โดยต้นทุนขายต่อรายได้อยู่ที่ 73.7% ลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริการต่อรายได้อยู่ที่ 20% หรือลดลง 4.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ กำไรสุทธิดังกล่าวมีรายการพิเศษจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของเงินลงทุนในบริษัทย่อยรวมอยู่ด้วยทั้งสิ้น 128 ล้านบาท

วีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ของ บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยกำหนดช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้นที่ 8.70 – 9.20 บาทต่อหุ้น และเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อในวันที่ 7 – 9 กรกฎาคม ที่ราคา 9.20 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น

พร้อมกับทำการสำรวจความต้องการจองซื้อของนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding) เพื่อกำหนดราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) ซึ่งคาดว่าจะประกาศให้ทราบได้ภายในวันที่ 12 กรกฎาคม อย่างไรก็ตาม หากราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่าราคาจองซื้อ จะดำเนินการคืนเงินจองซื้อแก่นักลงทุนรายย่อยต่อไป โดยบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย พร้อมแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ 5 ราย เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ประกอบด้วย  บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่กรุ๊ป จำกัด  และบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ส่วนนักลงทุนสถาบันจะจองซื้อในวันที่ 12 – 14 กรกฎาคม ที่ราคาเสนอขายสุดท้าย

ปัจจุบัน บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง มีทุนจดทะเบียน 480 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 960 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท  โดยเป็นทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว 360 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 240 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้ ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนจะส่วนหนึ่งจะนำไปลงทุนในบริษัทย่อย เพื่อดำเนินธุรกิจในประเทศเวียดนาม อีกส่วนหนึ่ง จะนำไปชำระเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงิน และส่วนสุดท้าย ก็จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ

SNNP ผนึกบุญรอดเทรดดิ้ง ช่วยกระจายสินค้าทั่วไทย

บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง หรือ SNNP เสริมศักยภาพการกระจายสินค้าสู่มือผู้บริโภคทั่วประเทศ หลัง ‘บุญรอดเทรดดิ้ง’ เข้าร่วมทุนใน บริษัท สิริ โปร จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเครือของ SNNP ชูทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญและความเข้าใจผู้บริโภค และเทคโนโลยีโลจิสติกส์ที่ทันสมัย พร้อมศูนย์กระจายสินค้า 11 แห่งทั่วประเทศ เพื่อผลักดันสินค้าให้ครอบคลุมร้านค้าและผู้บริโภคให้ทั่วถึงได้มากที่สุด สร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน หนุนรายได้ของบริษัทฯ เติบโตแบบก้าวกระโดด สู่ผู้นำในธุรกิจเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวแห่งอาเซียน  

วิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP

นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชั้นนำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวเปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างช่องทางการนำผลิตภัณฑ์ไปถึงมือผู้บริโภค หรือการกระจายสินค้าให้มีความแข็งแกร่ง เพื่อจัดจำหน่ายสินค้าให้เข้าถึงร้านค้าปลีกและร้านค้าส่งดั้งเดิมให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้จัดตั้งบริษัท สิริ โปร จำกัด ร่วมกับทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ ดำเนินธุรกิจการจัดจำหน่ายและการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคโดยใช้เทคโนโลยีระบบโลจิสติกส์ (Logistics) อันทันสมัย กระจายสินค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ภายใต้การมีศูนย์กระจายสินค้า 11 แห่งทั่วประเทศ และการบริหารจัดการคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทีมหน่วยรถเงินสด ช่วยกระจายสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มร้านค้าปลีกได้ประมาณ 70,000 ร้านค้า และร้านค้าส่งดั้งเดิมประมาณ 3,600 ร้านค้า โดยใช้กลยุทธ์ที่มีความยืดหยุ่น เข้าใจถึงความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ สามารถตอบสนองลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ซึ่งจะสร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันให้กับบริษัทฯ

ทั้งนี้เมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ชั้นนำของประเทศไทย ได้ร่วมทุนในบริษัท สิริ โปร จำกัด  โดยบริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด  ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 30 ขณะที่บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นที่สัดส่วนร้อยละ 50 และทีมผู้บริหารถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 20  ในบริษัท สิริ โปร จำกัด

“การร่วมทุนครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัท สิริ โปร จำกัด และทั้ง 2 บริษัท ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการกระจายสินค้าเข้าถึงร้านค้าปลีกและร้านค้าส่งดั้งเดิมได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น  รวมทั้งการใช้กลยุทธ์ ณ จุดขาย เพื่อผลักดันสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภค ซึ่งจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดและตอกย้ำเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจของลูกค้า” นายวิวรรธน์ กล่าว  

การร่วมทุนดังกล่าว สร้างความแข็งแกร่งให้กับสิริโปร ซึ่งเป็นหัวหอกในการกระจายสินค้าให้กับช่องทางร้านค้าแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าให้ความสำคัญกับช่องทางร้านค้าสมัยใหม่ (Modern Trade) ซึ่งก็มีความสำคัญและมีความสัมพันธ์อันดีกับบริษัทฯ รวมทั้ง ยังมุ่งขยายช่องทางจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ (E-Commerce) และเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภครุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง

ส่วนตลาดต่างประเทศนั้น เพื่อเพิ่มศักยภาพและความแข็งแกร่งในการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว บริษัทฯ ร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นจัดตั้งบริษัทย่อย เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศกัมพูชา โดยได้จัดตั้งบริษัทย่อยในกัมพูชา ได้แก่ S.C Food Products Co., Ltd., STVV Development Co., Ltd. และ S.C Food Trading Co., Ltd. ปัจจุบันโรงงานในประเทศกัมพูชาก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยในปี 2562 และในเดือนมีนาคม 2562  บริษัทฯ จัดตั้ง S.T. Food Marketing Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในประเทศเวียดนาม เพื่อผลิตขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มเยลลี่สำเร็จรูปและจัดจำหน่ายในประเทศเวียดนาม โดยมีเป้าหมายว่าจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 3/2564 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565 นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศจีน รวมทั้งกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ SNNP ก้าวสู่ผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวแห่งอาเซียน