SCN โชว์ผลงาน Turnaround ชัดเจน กำไรแตะ 300%

บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN โดย ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจก๊าซธรรมชาติ พลังงานทดแทน และขนส่งแบบครบวงจร รายงานผลการดำเนินงานของบริษัทประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 15.9 ล้านบาท เติบโต  226.3% พลิกจากไตรมาส 2 ปีก่อนหน้า ทั้งนี้ผลพวงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปัจจุบัน ทำให้ลูกค้าบางรายชำระหนี้เกินกว่ากำหนด บริษัทฯ จึงจำเป็นต้องบันทึกผลขาดทุนตามมาตรฐานบัญชี TFSR 9 จำนวน 11.4 ล้านบาทในไตรมาสนี้

อย่างไรก็ดี หากลูกค้ามีการชำระเข้ามาจะทำให้บริษัทสามารถบันทึกกลับมาเป็นรายได้ในภายหลัง ซึ่งหากหักผลกระทบดังกล่าวออกไป จะทำให้บริษัทฯ บันทึกกำไรในไตรมาสนี้สูงขึ้นเป็น 27.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 317% โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 411.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 38.9% กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 76.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 65.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า พลิกสถานการณ์โควิด- 19 ในปัจจุบัน

ในปี 2564 ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเริ่มกลับมามียอดขายโดดเด่น ภายหลังจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ระลอกแรก ดันธุรกิจ iCNG กลับมามียอดขายโตขึ้นต่อเนื่องอย่างก้าวกระโดด โดยในช่วงไตรมาสที่ 2 ทำรายได้ 264.3 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 64.29% จากยอดขายรวมทั้งไตรมาส เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 24.3% สาเหตุมาจากลูกค้าภาคอุตสาหกรรมมีการปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อีกทั้งยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบและถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ยิ่งทำให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่หันมาใช้ iCNG ทำให้ความต้องการในการใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น จากการที่เป็นเชื้อเพลิงสะอาดและราคาถูกกว่าเชื้อเพลิงอื่น

อีกหนึ่งธุรกิจดาวเด่นของ SCN คือโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ณ เมืองมินบู ที่ยังสร้างรายได้อย่างราบรื่นและต่อเนื่องแม้ว่าจะอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิดและการรัฐประหารก็ตาม ทำให้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนราว 14.2 ล้านบาท  หรือเพิ่มขึ้น 163 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างก่อสร้างเฟสที่ 2 มีกำหนดแล้วเสร็จและ COD ในปี 2564 ซึ่งจะทำให้บริษัทรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก

ด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่ดำเนินการผ่านบริษัทย่อย “บริษัท สแกน แอดวานซ์ พาวเวอร์ จำกัด” หรือ SAP เพื่อผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา ปัจจุบันบริษัทแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) เตรียมความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI นอกจากนี้บริษัท COD โครงการเพิ่ม 2 แห่ง และมีสัญญาในมือรวมกว่า 19 เมกะวัตต์ สร้างกำไรให้ SCN เพิ่มอีก 2.4 ล้านบาทในไตรมาสนี้ และคาดว่าจะได้สัญญาเพิ่มอีก 10 เมกะวัตต์ พร้อม COD เพิ่มเติม เพื่อสร้างผลประกอบการที่เติบโตในครึ่งปีหลังนี้ และคงเป้า 110 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 ตามแผนอีกทั้งบริษัทยังมีรายได้กว่า 34 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 236.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 6.26 เมกะวัตต์ ในไทยที่ยังคงสร้างผลงานได้เป็นอย่างดี และยอดขาย Spare parts ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานโซลาร์รูฟท็อปที่ได้รับความสนใจอย่างฉุดไม่อยู่

ธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ อะไหล่และซ่อมบำรุงรถโดยสารเชื้อเพลิง NGV จำนวน 489 คัน ทำรายได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีก่อนหน้า จากงานซ่อมบำรุงรถเมล์ NGV จำนวน 489 คันที่ดำเนินงานภายใต้กลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO สามารถดำเนินงานตามเป้าหมาย มีการปรับกลยุทธ์การจัดจำหน่ายอะไหล่ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจยานยนต์จนสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้มีรายได้ที่ 36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 94.6% ทั้งยังมีมูลค่าสัญญาซ่อมบำรุงรถโดยสารคงเหลืออีก 1,800 ล้านบาทที่พร้อมดำเนินการและรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องระยะยาว

ด้านธุรกิจขนส่ง ไม่น้อยหน้า จากที่บริษัทชนะการประมูลงานขนส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เสริมให้งานบริการขนส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มกำลังเป็น 360 ตัน/วัน ดันรายได้กลุ่มธุรกิจขนส่งให้แตะ New High ที่ 200 ล้านบาทตามที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้ หรือเติบโตราว 24% จากปีก่อน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความเชี่ยวชาญในด้านธุรกิจขนส่งเป็นอย่างดี มั่นใจในอนาคตจะมีงานใหม่ในมือแน่นอน นอกจากนี้ในครึ่งปีหลังบริษัทปรับกลยุทธ์ในธุรกิจออกแบบ ผลิต ติดตั้ง รับเหมา และซ่อมบำรุงอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติ (EPC &  Maintenance) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีงานเด่นจากธุรกิจใหม่ปีนี้ “บริษัท สแกน ไอซีที จำกัด” หรือ SCAN ICT ที่เจาะตลาดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร ในช่วงครึ่งปีแรกสามารถโกยงานได้กว่า 100 ล้านบาท และเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาสนี้ ในครึ่งปีหลังบริษัทเตรียมตัวเข้าประมูลงานกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อสร้างรายได้เสริมที่แข็งแกร่งให้กับกลุ่มบริษัทอย่างต่อเนื่อง ด้านธุรกิจกัญชงแบบครบวงจรน้องใหม่ ที่ดำเนินงานผ่านบริษัทย่อย “บริษัท สแกน เมดิเฮิร์บ จำกัด” ได้ดำเนินการขอใบอนุญาตสำหรับการปลูกแล้ว จ่อยื่นขอใบอนุญาตอื่นเพิ่มเติม คาดเริ่มปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ช่วงปลายปี 2564-ต้นปี 2565 กวาดรายได้กว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี

และเมื่อเร็วๆ นี้ SCN ยังได้มีผลงานชิ้นโบว์แดง ได้จับมือบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น Shizuoka Gas Company Limited (SZG) ร่วมลงทุนในบริษัทในเครืออย่าง บริษัท เครือข่ายก๊าซ ไทย-ญี่ปุ่น จำกัด (TJN) ซึ่งภายหลังโอนทรัพย์สินแล้วจะมีมูลค่า 454 ล้านบาท โดย SZG เข้าซื้อหุ้นจำนวน 49% ด้วยมูลค่าเสนอซื้อทั้งโครงการกว่า 639 ล้านบาท ภายหลังจากการปิดดีล SCN จะได้รับเงินสดกว่า 313.1 ล้านบาท สามารถนำไปต่อยอดธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตในอนาคตได้ นอกจากนั้นการร่วมทุนครั้งนี้ถือเป็นการสร้างเครือข่ายก๊าซที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ที่จะทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าผู้ใช้ iCNG และ iLNG เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10 รายต่อปี คาดทำรายได้ให้กับบริษัท TJN สูงถึง 1,500 ล้านบาทต่อปี และปูทาง SCN เติบโตสู่ระดับสากล

ดร.ฤทธี เผยว่า ตั้งแต่ต้นปี 2564 ธุรกิจก๊าซธรรมชาติของบริษัทกลับมา Turn around จากจุดต่ำสุด มีปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้น เสริมทัพด้วยพันธมิตรรายใหญ่จากญี่ปุ่นที่เข้ามาร่วมทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่มีมูลค่าโครงการสูงถึง 639 ล้านบาท เพื่อเพิ่มยอดขายพุ่งสูงถึง 10,000 mmBTU จากปัจจุบันประมาณ 4,000 mmBTU คาดเห็นปริมาณและยอดขาย New High เมื่อเทียบกับช่วงก่อน เพื่อผลักดันธุรกิจก๊าซธรรมชาติให้ขยายสู่ระดับสากล อีกทั้งยังมีบรรดาลูกค้าในไทยหลายรายยังรุมจีบ เตรียมเซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซเพิ่มเติม นอกจากนี้ SCN เน้นสร้างธุรกิจที่มีสัญญาการดำเนินงานที่มั่นคง จนทำให้ครึ่งปีแรกเราสามารถทำรายได้รวม 897.5 ล้านบาทแล้ว มั่นใจว่าเป้าหมายแตะ 2,000 ล้านบาทในปี 2564 ไม่ใช่เรื่องยาก ด้วยพันธมิตร ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มี และกลยุทธ์ของเราจะทำให้สามารถแข่งขันเพื่อคว้างานใหม่ๆ เพื่อสร้างผลประกอบที่ดีได้ตามเป้าแน่นอน

SCN เตรียมทำ Contract Farming เสริมทัพการผลิต

SCN มาแรง! ประกาศยื่นขอใบอนุญาตปลูกกัญชงเรียบร้อยแล้ว พร้อมเตรียมจ่อยื่นขอใบอนุญาตสกัดและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จาก CBD ต่อ อีกทั้งยังวางแผนเดินหน้าลุยธุรกิจแบบครบวงจร ยันคาดว่ารายได้แตะ 1,500 ล้านบาทต่อปี อย่างแน่นอน

บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN นำโดย ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจก๊าซธรรมชาติ พลังงานทดแทน และขนส่งแบบครบวงจร หลังประกาศเพิ่มช่องทางธุรกิจสู่การดำเนินงานเกี่ยวกับพืชเศรษฐกิจใหม่ที่กำลังมาแรงอย่างกัญชง โดยจัดตั้งบริษัทย่อยในชื่อ “บริษัท สแกน เมดิเฮิร์บ จำกัด” วันนี้มีข่าวความคืบหน้าว่า ในวันที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา บริษัทได้ยื่นขอใบอนุญาตการปลูกแล้ว เตรียมยื่นขอใบอนุญาตสำหรับการสกัดและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จาก CBD ทุกรูปแบบต่อไป และพร้อมเปิดรับผู้ประกอบการที่สนใจลงทุนเซ็นสัญญาในระยะยาว (Contract Farming)

ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับคำปรึกษาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และทราบข้อมูลที่สำคัญ ทำให้สามารถวางแผนดำเนินธุรกิจกัญชงได้อย่างครบวงจร ซึ่งตอนนี้บริษัทได้ทำเรื่องยื่นขอใบอนุญาตการปลูกกัญชงเรียบร้อยแล้ว พร้อมเดินเครื่องต่อทันทีที่ได้รับการอนุมัติ โดยจะเริ่มจากการคัดเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสมกับการเพาะปลูกในประเทศ และนำมาปลูกแบบ Indoor Outdoor และ Greenhouse โดยตั้งเป้าเฟสแรกปลูกในพื้นที่โรงงานไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี เฟสต่อไปปลูกในพื้นที่เขาใหญ่ และวางแผนที่จะกระจายให้เอกชนรายอื่นปลูกต่อไป คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับ SCN กว่า 1,500 ล้านบาทต่อปี

ในส่วนของกลางน้าและปลายน้า บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมขอใบอนุญาตสำหรับงานสกัดและใบอนุญาตสำหรับจำหน่ายผลิตภัณฑ์จาก CBD ในเชิงพานิชย์ ซึ่งสามารถนาไปใช้ได้ทั้งกับอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง และสปาที่เป็นการรักษาสุขภาพทั้งเพิ่มความผ่อนคลาย เพื่อให้บริษัทสามารถประกอบธุรกิจได้ครบวงจร

นอกจากนี้ ยังได้เจรจากับพันธมิตรศึกษาความเป็นไปได้ในการลงนามความร่วมมือ (MOU) อย่างเป็นทางการ เพื่อช่วยกันพลักดันให้ธุรกิจกัญชงภายใต้การนำของ SCN ดำเนินไปได้อย่างอย่างกว้างไกล พร้อมก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นที่น่าจับตามองพร้อมสร้างรายได้มหาศาลให้กับบริษัทในทุกขั้นตอนการดำเนินการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ

SCN ชนะประมูลงานขนส่งก๊าซ ปตท. ดัน new high ทะลุ 200 ล้าน

ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้นำด้านธุรกิจพลังงาน พลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือก เผยข่าวดีอย่างต่อเนื่องโดยล่าสุดบริษัทได้รับชัยชนะในการยื่นซองประมูลงานขนส่งก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) จากสถานีหลัก (Mother Station) ปตท. ลาดหลุมแก้ว ไปยังสถานีบริการก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (Daughter Station) ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ระยะเวลา 2 ปี มูลค่าสัญญากว่า 85 ล้านบาท โดยจะเริ่มดำเนินงานตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 พร้อมรับรู้รายได้ทันที

ปัจจุบัน SCN มีจำนวนรถขนส่งเพื่อให้บริการกว่า 285 คัน อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) รวมถึงบริษัทในเครือ บริษัท สแกน อินเตอร์ โลจิสติกส์ จำกัด หรือ SILOG ที่ดำเนินการเป็นผู้ให้บริการขนส่งก๊าซธรรมชาติ ขนส่งทางบกประเภทวัตถุอันตรายในกลุ่มปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์ พร้อมทั้งงานขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ โดยในปีที่ผ่านมากลุ่มธุรกิจขนส่งของ SCN สร้างรายได้รวมราว 162 ล้านบาทต่อปี จากการให้บริการงานขนส่งก๊าซธรรมชาติโดยประมาณ 210 ตันต่อวัน หลังจากได้รับชัยชนะงานประมูลในครั้งนี้ จะทำให้มียอดขนส่งเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 150 ตันต่อวัน รวมเป็น 360 ตันต่อวัน และเป็นตัวยืนยันว่าจะสามารถดันรายได้ในกลุ่มธุรกิจขนส่งให้แตะ New High ที่ 200 ล้านบาท ตามที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้ หรือเติบโตราว 24% จากปีก่อน

กว่า 12 ปีแล้วที่ SCN ได้ร่วมงานกับ ปตท. เพื่อให้บริการงานด้านก๊าซธรรมชาติ โดยเรามีการพัฒนาปรับปรุงการทำงานให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการกลุ่มธุรกิจขนส่งและการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพภายใต้การจัดการของ SCN จึงสามารถดำเนินไปได้ดีเกินความคาดหมาย ทั้งด้านคุณภาพการบริการที่ได้มาตรฐาน และใส่ใจด้านความปลอดภัยสูงสุด รวมทั้งการบริหารงานของบริษัทที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี ทำให้เราชนะการประมูลงานอย่างต่อเนื่อง การได้รับสัญญางานขนส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมนี้เป็นการขยาย port การขนส่งก๊าซธรรมชาติให้แก่บริษัทได้อย่างมีศักยภาพ ซึ่งในอนาคตก็พร้อมนำความเชี่ยวชาญ และคุณภาพบริการของเรา หาโอกาสด้านงานขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และวัตถุอันตรายเพิ่ม

การชนะงานประมูลงานจัดหาผู้รับจ้างขนส่งก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) นี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการดำเนินงานด้านขนส่งที่มีความเป็นมืออาชีพสูง  อีกทั้งยังมีส่วนเข้ามาช่วยเสริมรายได้ของบริษัทให้เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับปัจจุบัน ธุรกิจต่างๆ ภายในเครือ SCN ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจพลังงานทางเลือก ธุรกิจยานยนต์ รวมถึงบริษัทน้องใหม่ในเครืออย่าง บริษัท สแกน ไอซีที จำกัด ที่เพิ่งเปิดตัวไป ต่างกำลังเติบโตและรับรู้รายได้ตามเป้าหมาย ซึ่งทั้งหมดจะเข้ามาช่วยหนุนรายได้ของ SCN ให้เติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ และสามารถทำรายได้ทะลุ 2,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน

SCN ยอดขายกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติเติบโตก้าวกระโดด

ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้นำด้านธุรกิจพลังงาน พลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือก เผยว่า กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติของบริษัทกลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากที่ก่อนหน้านี้ ธุรกิจ iCNG ได้กลับมามียอดขนส่งแตะ 4,000 MMBTU ต่อวัน หลังจากสถานการณ์โควิด อีกทั้งยังได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบและถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ยอดขายในกลุ่มธุรกิจธรรมชาติเติบโตต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสถานีก๊าซธรรมชาติหลัก ปั๊ม NGV รวมถึงธุรกิจขนส่งก๊าซธรรมชาติ

นอกจากนี้ยังได้รับผลบวกจากการที่กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ที่หันมาสนใจใช้ iCNG มากขึ้น เนื่องจากเป็นเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติที่มีราคาถูกกว่า ไม่ผันผวน มีเสถียรภาพชัดเจน และยังเป็นเชื้อเพลิงสะอาด ช่วยลดการปล่อย CO2  ยิ่งทำให้ธุรกิจก๊าซธรรมชาติของบริษัทอยู่ในจุดที่กำลังรุ่งโรจน์ไม่น้อยหน้าธุรกิจอื่น

ดร.ฤทธี กิจพิพิธ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านก๊าซธรรมชาติอย่างครบวงจร มีความพร้อมต่อการรองรับปริมาณงานและการให้บริการด้านก๊าซธรรมชาติอย่างมืออาชีพ เรามั่นใจว่าผลประกอบการจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่ดีขึ้นนับจากนี้ จะสามารถช่วยผลักดันผลประกอบการของบริษัทให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและโดดเด่นกว่าปีที่ผ่านมาตามเป้าที่วางไว้

SCN ย้ำผลงานเด่นจากทุกประเภทธุรกิจในเครือ

บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้นำด้านธุรกิจพลังงาน พลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือก กลับมาอีกครั้งกับกิจกรรมบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์ (Opportunity Day) ในวันที่ 16 มิถุนายน 2564 โดยนางสาว ยุกานดา วิทยานันท์ นักลงทุนสัมพันธ์ รายงานผลงานของบริษัทจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างน่าชื่นชมเมื่อช่วงไตรมาสที่ 1/2564  และผลงานใหม่ที่น่าจับตามอง

โดยในไตรมาสที่ 1/2564 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 377.3 ล้านบาท โดยคิดเป็น EBITDA จำนวน 83.8 ล้าบาท เพิ่มขึ้น 46.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลผลักดันกำไรสุทธิใน Q1/2564 เท่ากับ 23.2 ล้านบาท เติบโต 782% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลจากการที่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ในการดำเนินงาน เน้นการจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและหาช่องทางใหม่ๆสร้างโอกาสในการดำเนินงานเพื่อรายได้และผลกำไรที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทุกประเภทธุรกิจภายใต้เครือ SCN ต่างสร้างผลงานได้อย่างดีคือ

1.ธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น โดยเป็นปัจจัยบวกจากการที่ลูกค้าภาคอุตสาหกรรมสามารถรับมือกับสถานการณ์โควิดได้ดีขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น จึงทำให้ผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติในภาพรวมดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจก๊าซธรรมชาติอัดสำหรับอุตสาหกรรม หรือ iCNG

2.ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ที่มีโรงไฟฟ้ามินบูและโรงไฟฟ้าแบบติดตั้งบนหลังคาภายใต้การดำเนินงานผ่านบริษัทย่อย “สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์” ต่างดำเนินงานได้ตามแผนและสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่อง

3.ธุรกิจยานยนต์ สามารถทำรายได้ให้อย่างต่อเนื่องจากการซ่อมบำรุงที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมทั้งบริษัทยังได้เริ่มดำเนินธุรกิจจำหน่ายอะไหล่ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจยานยนต์ ซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมผลประกอบการให้บริษัทนับจากนี้

4.ธุรกิจขนส่ง ที่สามารถทำรายได้ได้ดีกว่าไตรมาสก่อนหน้าถึง 7.5% และธุรกิจอื่นๆ ที่เสริมเข้ามาเพื่อช่วยสนับสนุนด้านการดำเนินงานของบริษัทให้มีสีสันและมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจมากขึ้น ได้แก่ บริษัท สแกน ไอซีที จำกัด (SCAN ICT) และ บริษัท สแกน เมดิเฮิร์บ จำกัด ซึ่ง Scan ICT ผลงานสะสมมูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาทแล้ว ในขณะที่ สแกน เมดิเฮิร์บ อยู่ระหว่างการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะเข้าไปมีส่วนร่วมในตลาดกัญชา-กัญชง ที่มีมูลค่าสูงและมีโอกาสการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

SCN เยี่ยมชมโรงงานสกัดกัญชง – กัญชา

ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN และคณะทีมงาน เข้าศึกษาและเยี่ยมชมบริษัท สเปเชี่ยลตี้ เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านสารสกัดจากสมุนไพรไทย เพื่อศึกษาร่วมกันในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับกัญชง  กัญชา และมองหาโอกาสสำหรับการต่อยอดธุรกิจร่วมกันในอนาคต

SCN อวดโรงไฟฟ้ามินบูฟอร์มดี รับรายได้ต่อเนื่อง

ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้นำด้านธุรกิจพลังงาน พลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือก อัพเดตถึงผลงานจากโครงการชื่อดัง “โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู” จากประเทศเมียนมาร์ โดยในช่วงครึ่งปีแรก 2564 โครงการจำหน่ายไฟฟ้าให้กับภาครัฐได้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นการดำเนินกำลังการผลิตติดตั้งในเฟสที่ 1 จำนวน 50 เมกะวัตต์

พร้อมกันนี้ บริษัท SCN รวมถึงกลุ่มผู้ถือหุ้นของโครงการต่างได้รับการชำระค่าไฟอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด คือเมื่อวันที่ 1 ก.พ. , 22 มี.ค. , 12 เม.ย. และล่าสุด 25 พ.ค. โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน บริษัท กรีนเอิร์ธ พาวเวอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด รับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าโครงการมินบูมาแล้วกว่า 4.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 133.73 ล้านบาท

หลังจากสถานการณ์โควิดภายในประเทศเมียนมาร์คลี่คลายลง ทางบริษัทมีการปรับแผนเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้ามินบูเฟสที่ 2 อย่างเต็มสูบ ในขณะเดียวกันสำหรับเฟสที่ 3 และ 4 ยังคงมีการดำเนินการก่อสร้างตามแผนที่วางไว้ ซึ่งหาก COD ครบทั้ง 4 เฟสในปี 2565  จะทำให้รับรู้รายได้เพิ่มขึ้นเป็น 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1400 ล้านบาท

ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศเมียนมาร์ยังมีความต้องการใช้ไฟสูงมากขึ้น แม้มีเรื่องของการเมืองเข้ามาเป็นประเด็นให้ทั่วโลกสนใจ แต่การพัฒนาด้านต่างๆภายในประเทศเมียนมาร์ก็ยังคงเดินหน้าต่อ ความต้องการใช้ไฟฟ้าซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาจึงเพิ่มขึ้น ทำให้มั่นใจได้ว่าโรงไฟฟ้ามินบูนั้น จะไม่ได้รับผลกระทบจากประเด็นทางการเมือง

SCN เตรียมนำบริษัทย่อยจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์

บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้นำด้านธุรกิจพลังงาน พลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือก นำบริษัทย่อย “บริษัท สแกน แอดวานซ์ พาวเวอร์ จำกัด” หรือ SAP ลงนามแต่งตั้ง บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA)

SAP เกิดจากความร่วมมือของ 3 หุ้นส่วนผู้มุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาดคือ บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN (ถือหุ้น 53.5%) บริษัท พร้อมพาวเวอร์ จำกัด หรือ PP (ถือหุ้น 26.3%) และบริษัท ไทย แอดวานซ์ โซลาร์ จำกัด หรือ TAS (ถือหุ้น 20.2%) ก่อตั้งเป็น “บริษัท สแกน แอดวานซ์ พาวเวอร์ จำกัด” เพื่อดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา มุ่งเข้าร่วมลงทุนในสัญญาซื้อขายไฟภาคเอกชน (Private PPA) และสัญญาเช่าโครงการโซลาร์รูฟท็อปอย่างไม่จำกัด โดยที่ผ่านมา SAP ได้รับการตอบรับจากบรรดาผู้ประกอบการเอกชนเป็นอย่างดี ด้วยนโยบายการเข้าไปติดตั้งให้แก่ผู้ประกอบโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่ผู้ประกอบการสามารถประหยัดค่าไฟได้ เป็นการลดต้นทุนอย่างเห็นได้ชัด

จำนวน ณ ปัจจุบันบริษัท สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด ได้ลงนามสัญญาร่วมกับผู้ประกอบการแล้วกว่า 27 ราย ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 18.7 เมกะวัตต์ ตั้งเป้ากำลังการผลิตติดตั้งรวม 110 เมกะวัตต์ภายในปี 2567 ซึ่งทั้งหมดจะใช้เงินลงทุนราว 3,000 ล้านบาท ในช่วงที่ผ่านมา SCN รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการมาแล้วกว่า 9.30 ล้านบาท

โดยการลงนามแต่งตั้ง บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ในครั้งนี้เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการเงินและเพิ่มโอกาสทางด้านธุรกิจ รวมถึงเป็นการเสริมให้บริษัทสามารถวางแผนและดำเนินการบริหารให้มีรากฐานที่มั่นคง และเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต