KWM ครึ่งปีหลังรุก กัญชง-กัญชา-กระท่อม เต็มสูบ

บมจ. เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค (KWM) ฟอร์มดีไม่ตก แจ้งผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ปี 64 โกยกำไรสุทธิ 50.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.84 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 132.17 (YoY) และมีรายได้จากการขาย 309.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115.85 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 59.73 ขณะที่ไตรมาส 2/2564 มีรายได้จากการขาย 156.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.40 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 31.49(YoY) และกำไรสุทธิ 25.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.75 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 51.87 เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจเกษตร หนุนความต้องการใช้อุปกรณ์เครื่องจักรพุ่ง พร้อมปรับเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มเป็น 40% และส่งซิกครึ่งปีหลังเดินเกมรุกธุรกิจกัญชง-กัญชา และ พืชกระท่อม เต็มสูบ

นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM ผู้นำในการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้ในการเกษตรและมีประสบการณ์ด้านงานวิศวกรรมเครื่องกล และผู้นำในการผลิตเครื่องสกัดสารสกัดจากพืชสมุนไพร เปิดเผยถึงบริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการเติบโตของงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 50.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.84 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 132.17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) มียอดขายเพิ่มขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าใบเกลียวที่เพิ่มขึ้น จากงวดเดียวกันถึงร้อยละ 113.53

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 156.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.40 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 31.49 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน(YoY) ขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 25.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.75 ล้านบาท หรือเติบโตร้อยละ 51.87 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)จาการเติบโตของรายได้จากการขายสินค้าของบริษัทเพิ่มขึ้นในทุกผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยสนับสนุนเดิมจากไตรมาส 1/2564 ทั้งสภาพอากาศโดยไปที่เอื้ออำนวย ไม่ประสบปัญหาภัยแล้งที่รุนแรง ทำให้สถานการณ์การผลิตพืชดีกว่าปีที่ผ่านมา ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดปรับตัวสูงขึ้น จูงใจให้เกษตรกรเพิ่มปริมาณการผลิต โดยภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในไตรมาสนี้ขยายตัวร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สาขาพืชขยายตัวร้อยละ 2 และสาขาบริการทางการเกษตรขยายตัวร้อยละ 2.5

นอกจากนี้ นางสาวติยาภรณ์ วนโกสุม กรรมการผู้จัดการ กล่าวถึงเพิ่มเติมว่าจากตัวเลขผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกที่ออกมาดี ส่งผลให้บริษัทปรับเป้ารายได้ในปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 40% จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 15-20% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีรายได้ 355.06 ล้านบาท พร้อมทั้งได้วางงบลงทุนไว้กว่า 50 ล้านบาท เพื่อขยายการลงทุนในคลังสินค้า และเพิ่มเครื่องจักรในการผลิตไลน์ใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นไลน์การผลิตที่ 3 ในระบบออโตเมชั่น ที่สามารถลดการใช้แรงงานและสามารถผลิตได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า และเพื่อเป็นการสำรองกำลังการผลิตในช่วงที่เครื่องจักรต้องหยุดซ่อมบำรุง ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯในปีนี้สูงกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากคำสั่งซื้อที่เข้ามาจำนวนมาก ส่งผลให้บริษัทฯ มีต้นทุนในการผลิตลดลง ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มี Margin เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้กลุ่มบริษัทลูกค้า อาทิ บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด มีการเพิ่มไลน์การผลิตภายใต้แบรนด์ “ตราช้าง”รวมถึงสินค้าภายใต้แบรนด์ “Pegasus” ซึ่งเป็นตราสินค้าของบริษัทเองที่ผลิตอุปกรณ์การเกษตร อาทิ ใบผาล ใบจักร ใบคัดท้าย โครงผาล ใบดันดิน ใบเกลียวลำเลียง ยังมีการขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้น

อย่างไรก็ตามบริษัทคาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าผลผลิตทางการเกษตรจะมีออกมาค่อนข้างมากเนื่องจากน้ำ ดีและมีคุณภาพ แต่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม ทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ความแปรปรวนของสภาพอากาศ และความผันผวนของเงินบาท

ขณะที่นายอุกฤษณ์ วนโกสุม รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวในฐานะที่ KWM เป็นผู้นำด้านการผลิตเครื่องสกัดระบบ SUPERCRITICAL FLUID CO2 EXTRACTION กัญชง-กัญชา และสมุนไพรไทย สัญชาติไทยเป็นรายแรกของประเทศว่า หลังจากที่บริษัทฯมียอดออเดอร์พร้อมติดตั้งเครื่องสกัดฯเข้ามาแล้วจำนวน10  เครื่องช่วงที่ผ่านมา ล่าสุดบริษัทฯอยู่ระหว่างการเจรจาในการผลิตเครื่องจักรเพื่อติดตั้งและส่งมอบให้กับพันธมิตรรายใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปได้ในเร็วๆนี้ พร้อมทั้งนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการเดินหน้าสกัดสารสกัดจากกัญชง-กัญชา และพืชกระท่อม เพื่อมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ ยา อาหารและเครื่องดื่ม อย่างต่อเนื่องซึ่งแผนธุรกิจดังกล่าวจะเริ่มเห็นชัดเจนภายในครึ่งปีหลังนี้อย่างแน่นอน

KWM-W1 ลงสนามเทรดวันนี้

บมจ. เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค (KWM) ส่ง KWM-W1 ลงสนามเทรดวันนี้ (15 ก.ค.64) เร่งเดินเกมรุกทางธุรกิจ อัดงบเพิ่ม 50 ล้านบาท ขยายไลน์การผลิตใหม่-คลังสินค้า รองรับความต้องการสินค้าเครื่องจักรและอุปกรณ์การเกษตรที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เหตุบริษัทชั้นนำด้านการเกษตรเพิ่มกำลังการผลิตระดับสูงต่อเนื่องถึง ต.ค. หนุนกำลังผลิตของบริษัทเฉลี่ยทั้งปีสูงถึง 80 % พร้อมปรับเป้ารายได้สู่การเติบโตถึง 40 % ทำสถิติสูงสุด  

นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM เปิดเผยว่า วันนี้ (15 ก.ค.64) ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท หรือ วอร์แรนต์ ครั้งที่1 (KWM-W1) เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอในวันนี้ สำหรับการออกวอร์แรนต์ในครั้งนี้ หากผู้ถือหุ้นมีการแปลงสภาพหมดตามสิทธิ จะส่งผลให้บริษัทฯได้รับเงินเพื่อใช้เป็นเงินหมุนเวียนเข้ามาประมาณ 200 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลบริษัทฯ มีศักยภาพความแข็งแกร่งทางการเงิน รวมถึงมีเงินทุนรองรับการเติบโตในอีก 2 ปีข้างหน้า

“KWM แจก KWM-W1 ฟรีให้กับผู้ถือหุ้นในอัตรา 3:1 จำนวนไม่เกิน 140 ล้านหน่วย โดยวอร์แรนต์มีอายุ 2 ปี ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นสามารถใช้สิทธิแปลงสภาพได้ตามกำหนดระยะเวลาดังกล่าว คือวันที่ 4 ม.ค.65 , วันที่ 4 ก.ค.65 , วันที่ 4 ม.ค.66 และการใช้สิทธิแปลงสภาพครั้งสุดท้าย วันที่ 4 ก.ค.66 โดยมีอัตราการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยต่อหุ้นสามัญของบริษัท 1 หุ้น ในราคาใช้สิทธิ 1.50 บาท โดยเม็ดเงินดังกล่าว บริษัทฯ นำไปขยายและต่อยอดโครงการในอนาคต พร้อมเพิ่มไลน์การผลิต ทั้งในผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ทางการเกษตร และการผลิตเครื่องจักร รวมถึงลงทุนในธุรกิจเครื่องสกัดพืชสมุนไพรไทย รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวกับกัญชง-กัญชา”

 พร้อมกันนี้ ยังได้กล่าวตอกย้ำการเติบโตของบริษัทฯ ในปีนี้ว่าล่าสุดบริษัทฯ มีการปรับเป้าหมายรายได้ปี 2564 โดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 40% จากเดิมที่ 15-20%  พร้อมทั้งได้วางงบลงทุนไว้กว่า 50 ล้านบาท เพื่อขยายการลงทุนในคลังสินค้า และเพิ่มเครื่องจักรในการผลิตไลน์ใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นไลน์การผลิตที่ 3 ในระบบออโตเมชั่น ที่สามารถลดการใช้แรงงานและสามารถผลิตได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า และเพื่อเป็นการสำรองกำลังการผลิตในช่วงที่เครื่องจักรต้องหยุดซ่อมบำรุง ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯในปีนี้สูงกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากคำสั่งซื้อที่เข้ามาจำนวนมาก ส่งผลให้บริษัทฯ มีต้นทุนในการผลิตลดลง ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มี Margin เพิ่มขึ้น

ติยาภรณ์ วนโกสุม กรรมการผู้จัดการ KMW

ด้าน นางสาวติยาภรณ์ วนโกสุม กรรมการผู้จัดการ KMW กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุสำคัญ ที่บริษัทฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากที่ผ่านมาธุรกิจหลักด้านการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ทางการทางการเกษตร ที่ผลิตให้กับกลุ่มบริษัทการเกษตรชั้นนำ ได้แก่ บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ภายใต้แบรนด์ “ตราช้าง”รวมถึงสินค้าภายใต้แบรนด์ “Pegasus” ซึ่งเป็นตราสินค้าของบริษัทเองที่ผลิตอุปกรณ์การเกษตร อาทิ ใบผาล ใบจักร ใบคัดท้าย โครงผาล ใบดันดิน ใบเกลียวลำเลียง มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใบผาล มีคำสั่งซื้อเข้ามามากกว่าช่วงที่ผ่านมาถึง 3 เท่า เป็นสัดส่วนรายได้สูงถึง 60 % ของรายได้มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯคาดว่าการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยทั้งปีจะสูงถึง 80% สูงกว่าระดับปกติที่ 40-50%

“จากดีมานด์การใช้กลุ่มเครื่องจักรและอุปกรณ์เกษตรที่มีความต้องการใช้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมผลประกอบการในปีนี้ สามารถทำสถิติสูงสุดในครั้งใหม่ได้อีกครั้ง ด้วยแรงสนับสนุนจากธุรกิจการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ทางการทางการเกษตร ที่มีการเติบโตตามผู้ประกอบอาชีพภาคการเกษตรมากขึ้น หลังจากราคาสินค้าเกษตรที่ดี และจากสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวทางด้านเศรษฐกิจ ภาคการจ้างงานลดลง ทำให้เกิดการว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะเดียวกันราคาพืชผลทางการเกษตรค่อนข้างดี จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้คนส่วนใหญ่ย้ายกลับเข้าไปสู่ภูมิลำเนาเดิม เพื่อประกอบอาชีพภาคการเกษตรมากขึ้น ด้วยอานิสงส์ดังกล่าวส่งผลให้ความต้องการสินค้าเครื่องจักรและอุปกรณ์การเกษตรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในปีนี้กลุ่มบริษัทการเกษตรขนาดใหญ่ อย่างสยามคูโบต้า คาดว่าจะใช้กำลังการผลิตระดับสูงไปต่อเนื่องถึงเดือนตุลาคม ซึ่งจากปกติจะเริ่มชะลอการสั่งผลิตในช่วงดังกล่าว” นางสาวติยาภรณ์ กล่าวทิ้งท้าย

KWM ส่งลูก KWM-W1 ลงสนามเทรดกลางก.ค.นี้

บมจ. เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค (KWM) เตรียมส่งหุ้นลูก KWM-W1 ลงสนามเทรดกลางก.ค.นี้ หลังวอร์แรนต์เข้าพอร์ตผู้ถือหุ้นเรียบร้อยแล้ว เล็งนำเม็ดเงินจากการใช้สิทธิแปลงสภาพ สยายปีกรองรับไลน์การผลิตในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้งอุปกรณ์ทางการเกษตร – การผลิตเครื่องจักร – เครื่องสกัดกัญชง-กัญชาและพืชสมุนไพรไทย เพื่อสร้างผลการดำเนินงานเติบโตแข็งแกร่งในระยะยาว   

นายอุกฤษณ์ วนโกสุม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM ผู้นำในการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้ในการเกษตรและมีประสบการณ์ด้านงานวิศวกรรมเครื่องกล และผู้นำด้านการผลิตเครื่องสกัดระบบ SUPERCRITICAL FLUID CO2 EXTRACTION กัญชง-กัญชา และสมุนไพรไทย สัญชาติไทยเป็นรายแรกของประเทศ เปิดเผยว่า ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท (KWM-W1) ได้เข้าพอร์ตผู้ถือหุ้นในขณะนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยหุ้น KWM-W1 เตรียมเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ช่วงกลางเดือนกรกฎาคมนี้

 จากการออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ครั้งที่1 (KWM-W1) จำนวนไม่เกิน 140 ล้านหน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม โดยไม่คิดมูลค่าในอัตราการจัดสรรเท่ากับ 3 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ มีอายุ 2 ปี และมีอัตราการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยต่อหุ้นสามัญของบริษัท 1 หุ้น ในราคาใช้สิทธิ 1.50 บาท ในครั้งนี้ถือว่าเป็นการสอดรับการเตรียมความพร้อมทางด้านเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต

สำหรับการออก KWM-W1 ในครั้งนี้ จะส่งผลดีในอนาคต ที่บริษัทฯจะมีเงินทุนรองรับการเติบโตในอีก 2 ปีข้างหน้า และหากผู้ถือหุ้นมีการแปลงสภาพหมดตามสิทธิ จะส่งผลให้บริษัทฯได้รับเงินเข้ามาประมาณ  200 ล้านบาท ซึ่งส่งผลดีต่อบริษัทฯ ในการนำเม็ดเงินดังกล่าวไปใช้เป็นเงินทุนเพื่อหมุนเวียน สำหรับการต่อยอดและรองรับการขยายโครงการต่างๆ ในอนาคต ทั้งในส่วนของการเพิ่มไลน์การผลิตในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของอุปกรณ์ทางการเกษตร และการผลิตเครื่องจักร พร้อมศึกษาแผนการลงทุนในธุรกิจเครื่องสกัดกัญชง-กัญชา และพืชสมุนไพรไทย เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจและสร้างความเติบโตอย่างมั่นคงระยะยาวในอนาคตให้กับบริษัทฯอย่างมีนัยสำคัญ

KWM ผู้ถือหุ้นไฟเขียวเพิ่มทุน-แจกวอร์แรนต์

นายเสริมศักดิ์ วุฑฒิรักษ์ (กลาง) กรรมการอิสระ นายเอกพันธ์ วนโกสุม (ที่2 จากขวา) ประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บมจ. เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค (KWM) จัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2564 โดยผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติเพิ่มทุน 140 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50  บาท รองรับการแจกวอร์แรนต์ฟรี จำนวน 140 ล้านหน่วย ในอัตราการ 3:1 อายุสิทธิ ปี โดยเม็ดเงินที่ได้จากการใช้สิทธิแปลงสภาพกว่าประมาณ 200 ล้านบาท จำนำไปพัฒนานวัตกรรมเครื่องจักรอุตสาหกรรม อุปกรณ์การเกษตร – เครื่องสกัดพืชสมุนไพรไทย รวมถึงกัญชงกัญชา และใบกระท่อม เพื่อเสริมการต่อยอดไลน์ธุรกิจให้เติบโตแข็งแรงและยั่งยืนในอนาคต ณ โรงแรมไอบิส สไตล์ กรุงเทพฯ 

KWM มีเฮ! ผู้ถือหุ้นไฟเขียวเพิ่มทุน แจกวอร์แรนต์

บมจ. เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค (KWM) ระบุ ผู้ถือหุ้นไฟเขียวอนุมัติเพิ่มทุน 140 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท รองรับการแจกวอร์แรนต์ฟรี จำนวน 140 ล้านหน่วย ในอัตราการ 3 : 1 อายุสิทธิ 2 ปี  พร้อมเล็งนำเงิน 200 ล้านบาทจากการใช้สิทธิแปลงสภาพ ยกระดับการพัฒนานวัตกรรมเครื่องจักรอุตสาหกรรม ต่อยอดอุปกรณ์การเกษตร – เครื่องสกัดพืชสมุนไพรไทย รวมถึง กัญชง-กัญชา และ ใบกระท่อม เดินหน้าตอกย้ำภาพรวมธุรกิจปีนี้เติบโตก้าวกระโดด แตะนิวไฮ  

นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เค.ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM ผู้นำในการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้ในการเกษตรและ มีประสบการณ์ด้านงานวิศวกรรมเครื่องกล และผู้นำในการผลิตเครื่องสกัดสารสกัดจากพืชสมุนไพร เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 70 ล้านบาทจากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 210 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 280 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 140 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท

ทั้งนี้ เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ KWM-W1 จากการออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ครั้งที่1(KWM-W1) จำนวนไม่เกิน 140 ล้านหน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม โดยไม่คิดมูลค่าในอัตราการจัดสรรเท่ากับ 3 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ มีอายุ 2 ปี และมีอัตราการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยต่อหุ้นสามัญของบริษัท 1 หุ้น ในราคาใช้สิทธิ 1.50 บาท

สำหรับวัตถุประสงค์การออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ บริษัทฯจะนำไปใช้สำหรับการต่อยอด และรองรับการขยายโครงการต่างๆ ในอนาคต ทั้งในส่วนของการเพิ่มไลน์การผลิตในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของอุปกรณ์ทางการเกษตร และการผลิตเครื่องจักร พร้อมศึกษาแผนการลงทุนในธุรกิจเครื่องสกัดกัญชง-กัญชา และพืชสมุนไพรไทย เพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจและสร้างความเติบโตอย่างมั่นคงระยะยาวในอนาคตให้กับบริษัทฯอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ หากผู้ถือหุ้นมีการใช้สิทธิในการแปลงสภาพครบ จะส่งผลให้บริษัทฯมีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งจะเข้ามาเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้บริษัทฯ ที่มีเงินทุนรองรับการเติบโตในอีก 2 ปีข้างหน้า

ประธานกรรมการบริหาร บมจ. เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค (KWM) กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีการขยายไลน์การผลิต ในส่วนของสินค้าการเกษตรเพิ่มขึ้น หลังจากดีมานด์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคสูงขึ้นตามการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมการเกษตรในประเทศ ขณะเดียวกันบริษัทฯยังมีการขยายตลาดไปเจาะกลุ่ม CLMV ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ความต้องการใช้อุปกรณ์ทางการเกษตรทเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

อีกทั้ง บริษัทฯยังได้นำประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และ know-how ในการเป็นผู้นำด้านการผลิตนวัตกรรมอุปกรณ์การเกษตร มาแตกไลน์ธุรกิจสู่การผลิตเครื่องสกัดพืชสมุนไพรไทย รวมถึงกัญชง-กัญชา และใบกระท่อม ภายใต้แนวคิดความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรทั้งหน่วยงานราชการและภาคเอกชน เพื่อศึกษาวิจัยในการผลิตเครื่องสกัดดังกล่าว จนส่งผลให้ล่าสุด KWM มียอดคำสั่งผลิต (ออเดอร์) เข้ามาในขณะนี้ 10 เครื่อง ซึ่งจะทยอยส่งมอบให้ครบภายในปีนี้

 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯเชื่อมั่นว่า จากแผนการปรับกลยุทธ์ดังกล่าว ส่งผลให้ภาพรวมของผลการดำเนินงานในปี 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ไม่ต่ำกว่า 15 % เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 355.06 ล้านบาท และจะสามารถเติบโตทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อีกครั้งต่อเนื่องจากปี 2563

KWM สินค้าเกษตรดีมานด์พุ่ง – เตรียมส่งมอบ 10 เครื่องสกัดฯ

บมจ. เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค (KWM) ส่งซิกภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลังแนวโน้มสดใส เหตุยอดขายสินค้าเครื่องจักรและอุปกรณ์การเกษตร ดีมานด์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ยอดคำสั่งการผลิตเครื่องสกัดสมุนไพรไปได้สวย เตรียมส่งมอบภายในปีนี้ 10 เครื่อง เดินหน้าตอกย้ำสู่การเป็นผู้นำด้านนวตกรรมการผลิตเครื่องจักร ทั้งด้านอุปกรณ์การเกษตร และนวัตกรรมการผลิตเครื่องสกัดสารจากพืชสมุนไพรที่ครบวงจร มั่นใจปีนี้รายได้รวมโตไม่ต่ำกว่า 15% คาดทุบสถิติสูงเป็นประวัติการณ์

นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เค.ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวทางด้านเศรษฐกิจ ภาคการจ้างงานลดลง ทำให้เกิดการว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยดังกล่าว ทำให้คนส่วนใหญ่ย้ายกลับเข้าไปสู่ภูมิลำเนาเดิม เพื่อประกอบการอาชีพภาคการเกษตร ผลพวงจากอานิสงส์ดังกล่าวส่งผลให้เกิดแรงขับเคลื่อนในการใช้สินค้าเครื่องจักรและอุปกรณ์การเกษตรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากดีมานด์การใช้กลุ่มเครื่องจักรและอุปกรณ์เกษตรที่มีความต้องการใช้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงต้นปี2564 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ KWM ในฐานะผู้นำในการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้ในการเกษตร และผู้นำในการผลิตเครื่องสกัดสารสกัดพืชสมุนไพร ได้รับอานิสงส์รายได้จากยอดขาย เฉพาะในไตรมาส1/2564 อยู่ที่ 153.63 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 104.32 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 25.04 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 406.88 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ จากอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องของภาคการเกษตรทั้งการเพาะปลูกที่เพิ่มขึ้น รวมถึงราคาสินค้าที่ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น เป็นแรงผลักดันให้เกษตรกรขยายการผลิตเพิ่มขึ้นตาม จากปัจจัยสนับสนุนดังกล่าวส่งผลดีต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้  ประกอบการหลังจากที่บริษัทฯ แตกไลน์สู่การพัฒนาเครื่องสกัดสารด้วยระบบ SUPERCRITICAL FLUID CO2 EXTRACTION เพื่อสกัดสารจากพืชสมุนไพรไทย ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำด้านนวตกรรมการผลิตเครื่องจักร ทั้งด้านอุปกรณ์การเกษตร และนวัตกรรมการผลิตเครื่องสกัดสารจากพืชสมุนไพร ที่ครบวงจร

ดังนั้น จากแผนการปรับกลยุทธ์เพิ่มไลน์ทางธุรกิจ ส่งผลให้ภาพรวมของผลการดำเนินงาน ในปี 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ไม่ต่ำกว่า 15 % เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 355.06 ล้านบาท และจะสามารถเติบโตทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อีกครั้งต่อเนื่องจากปี 2563

อุกฤษณ์ วนโกสุม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM

ด้าน นายอุกฤษณ์ วนโกสุม รองกรรมการผู้จัดการ KWM กล่าวเพิ่มเติมสำหรับแนวโน้มและทิศทางในครึ่งปีหลังว่า ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเพราะธุรกิจหลักด้านการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ทางการทางการเกษตร ที่ผลิตให้กับกลุ่มบริษัทการเกษตรชั้นนำ ได้แก่ บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ภายใต้แบรนด์ “ตราช้าง”รวมถึงสินค้าภายใต้แบรนด์ Pegasus ซึ่งเป็นตราสินค้าของบริษัทเองที่ผลิตอุปกรณ์การเกษตร อาทิ ใบผาล ใบจักร ใบคัดท้าย โครงผาล ใบดันดิน ใบเกลียวลำเลียง ยังมีการขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้น

ส่วนทางด้านยอดสั่งการผลิตเครื่องสกัดสารจากสมุนไพรไทยนั้น ล่าสุดบริษัทฯ มียอดออเดอร์พร้อมติดตั้งเครื่องสกัดดังกล่าวเข้ามาแล้วจำนวน 10 เครื่อง โดยสามารถส่งมอบภายในปีนี้ทั้งหมด และคาดว่าจะทยอยมีออเดอร์เข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯมั่นใจว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังจะโดดเด่นเมื่อเทียบจากครึ่งปีแรก

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีแผนเพิ่มสินค้าอุปกรณ์การเกษตรรูปแบบใหม่ๆภายใต้แบรนด์ “Pegasus” เพื่อต้องการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและยังเป็นส่วนช่วยเสริมศักยภาพทำกำไรในอนาคตให้ดีขึ้น พร้อมกันนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาขยายสินค้าเข้าไปสู่ตลาดต่างประเทศ โดยจะนำร่องในกลุ่มประเทศกลุ่ม CLMV ซึ่งจะเป็นลักษณะการร่วมมือกับพันธมิตรที่มีเครือข่ายและช่องทางการจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์การเกษตรในประเทศกลุ่ม CLMV เบื้องต้นคาดว่าแผนการขยายตลาดต่างประเทศน่าจะมีความชัดเจนภายในปี 2565