HappyFresh ส่งมอบหนัง “ดีที่สด” เจาะตลาดครอบครัวมือใหม่

HappyFresh (แฮปปี้เฟรช) ผู้นำแพลตฟอร์มซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์แห่งอาเซียนดึง “เผือก – พงศธร” ขึ้นแท่นพรีเซนเตอร์พร้อมสร้างคอนเทนต์สุดเจ๋ง รุกตลาดครอบครัวยุคใหม่ ตอกย้ำบริการ Personal Shopper เจ้าเดียวในประเทศภายใต้คอนเซ็ปต์เลือกของที่ดีที่สด” เพื่อคุณ 

นายเดวิด ลิม กรรมการผู้จัดการ HappyFresh ประจำประเทศไทย กล่าวว่า เราตั้งเป้าหมายตั้งแต่เริ่มธุรกิจ เพื่อจะส่งมอบของสดของใช้ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวยุคใหม่ โดยตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ความทุ่มเทของเราได้พิสูจน์ถึงคุณภาพของสินค้าและบริการที่ดีเลิศ รวมถึงสร้างความไว้วางใจให้กับครัวเรือนต่างๆในประเทศไทย ว่าทุกคนจะได้รับสินค้าที่สดและมีคุณภาพดีที่สุด โดยที่ผ่านมาทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยต่างก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์โควิด-19  HappyFresh จึงอยากส่งมอบความพิเศษให้แก่ครอบครัวมือใหม่ทุกท่านผ่าน หนังโฆษณาชุด ดีที่สด ซึ่งจะมาทั้งความสุขรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะให้แก่ผู้บริโภคทุกท่าน 

ด้วยการดึงต้นแบบครอบครัวมือใหม่ เผือก พงศธร จงวิลาส เป็นพรีเซนเตอร์ผู้นำพาเสียงหัวเราะมาให้ทุกคน เนื่องจากคุณเผือกสะท้อนภาพลักษณ์ของผู้ใช้งาน HappyFresh ได้เป็นอย่างดี เป็นตัวแทนของครอบครัวยุคใหม่ ที่มองหาบริการที่จะช่วยทำให้ชีวิตของพวกเขาสะดวกสบาย และตัดความกังวลออกไป พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่เพื่อตอกย้ำศักยภาพของPersonal Shopper ภายใต้คอนเซ็ปต์ เลือกของที่ดีที่สด เพื่อคุณ 

เรื่องราวในหนังโฆษณานี้ ล้อเลียนมาจากภาพยนตร์ชื่อดังระดับโลก   เรื่อง สไตล์ แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันของหนังทุกเรื่อง คือตัวละครเอกจะต้องพบเจอกับสถานการณ์คับขัน ที่ยากจนไม่รู้จะเลือกทางออกยังไง แต่ท้ายที่สุดแล้ว พนักงานPersonal Shopper ของ HappyFresh ก็สามารถที่จะช่วยเลือกทางออกที่ดีที่สุดให้ได้เสมอ เหมือนกับปัญหาการซื้อของสดของใช้ ที่ทุกครอบครัวต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นไม่มีเวลาไป หรือเลือกไม่เป็น ก็สามารถให้ HappyFresh ช่วยเลือกของที่ดีที่สุดให้คุณได้” นายเดวิด กล่าวเสริม 

ด้าน เผือก พงศธร ยังเล่าเสริมว่า ตอนที่ตัดสินใจรับพรีเซนเตอร์ให้กับ HappyFresh ผมก็ปรึกษากับภรรยาอย่างดี เพราะเราต้องมั่นใจในบริการนั้นก่อน เราถึงจะรับงาน จนผมได้ลองใช้บริการ HappyFresh แล้วจึงพบว่า นี่แหละคือบริการที่ผมและครอบครัวมองหา เหมาะกับครอบครัวมือใหม่อย่างผมมากๆ เพราะโดยปกติ คุณลูกจ๋า (ภรรยาจะค่อนข้างวุ่นเพราะต้องคอยดูแล น้องลูกครับ (ลูกชายรวมถึงดูแลงานในบ้านทั้งหมด บางทีก็ไม่มีเวลาออกไปซื้อของข้างนอก หรือด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน เราก็ไม่อยากที่จะออกไปเสี่ยงเอาเชื้อกลับเข้ามาหาลูก จะให้ผมไปซื้อของ ผมก็เลือกไม่เก่ง ซื้อกลับมาทีไรไม่เคยถูกใจภรรยาสักที จนมาเจอ HappyFresh ที่เป็นเจ้าเดียวในประเทศไทยที่มีพนักงาน Personal Shopper มืออาชีพที่ถูกฝึกมาอย่างดี มั่นใจได้ว่าของที่ได้รับ สดใหม่ และดีที่สุดแน่นอน พอรู้แบบนี้ผมและครอบครัวก็วางใจ และใช้บริการ HappyFresh มาโดยตลอด 

นายเดวิด ลิม ยังเน้นย้ำว่า HappyFresh ยังคงมุ่งพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง  โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จุดแข็งที่ทำให้ลูกค้าประทับใจมากที่สุดคือเรื่องคุณภาพของสินค้า ที่ถูกเลือกอย่างดีที่สุด เนื่องจาก HappyFresh มีพนักงานที่เรียกว่า Personal Shopper หรือผู้ช่วยเลือกซื้อสินค้าเพื่ออำนวยความสะดวกสบายแก่ลูกค้า และรักษามาตรฐานการคัดสรรสินค้าที่สดใหม่ของทุกการสั่งซื้อแม้ในช่วงวิกฤติการณ์ เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านมั่นใจได้ว่า จะได้รับสินค้าที่ดีที่สด เพราะมีมืออาชีพคอยเลือกให้อย่างแน่นอน โดยพนักงาน Personal Shopperทุกคน จะต้องผ่านการฝึกฝนฝีมืออย่างเข้มงวด เรียกได้ว่าไม่ได้ผ่านได้ง่ายๆ 

ในระยะเวลา 18เดือนที่ผ่านมา HappyFresh มียอดตัวเลขเติบโตพุ่งทะยานขึ้นถึง 20 เท่า โดยในช่วงไตรมาสที่3นี้ HappyFresh ได้เตรียมการขยายพื้นที่ให้บริการให้ครอบคลุมทั่วทั้งกรุงเทพฯ เพื่อตอบรับความต้องการของครัวเรือน และสร้างความเชื่อมั่นว่าทุกครอบครัวจะสามารถเข้าถึงบริการในการสั่งซื้อและรับสินค้าที่บ้านได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งยังมีแผนขยายพื้นที่ให้บริการ HappyFresh ไปยังจังหวัดอื่นๆ ของประเทศไทย เพราะเราเชื่อว่า HappyFresh เป็นส่วนสำคัญในการช่วยเหลือให้ทุกครอบครัว สามารถเข้าถึงสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้” นายเดวิด กล่าวทิ้งท้าย 

https://www.youtube.com/watch?v=Mzj3Sa_si_Y

HappyFresh ครองตลาด E-Grocery เสริมทุนรอบ Serie D กว่า 2พันล้าน

HappyFresh ซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ ปิดดีลยักษ์ระดมทุน Serie D มูลค่าราว 65 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า พันล้านบาท พร้อมพุ่งทะยานธุรกิจตอกย้ำเจ้าตลาด E-Grocery ด้วยตัวเลขเติบโตขึ้นกว่า 20 เท่า 

ล่าสุดจากการระดมทุนรอบ Serie D, HappyFresh ยังคว้ากลุ่มผู้ลงทุนรายใหญ่นำโดย Naver Financial Corporation และ Gafina B.V ตามด้วย STIC, LB และ Mirae Asset จากประเทศอินโดนีเซีย และกลุ่มทุนจากสิงคโปร์ อย่าง Mirae Asset-Naver Asia Growth Fund และ Z Venture Capital ที่ตบเท้าเข้าร่วมสมทบทุนเพิ่มใน Serie D ทำให้ในรอบนี้ HappyFresh ปิดดีลระดมทุน ได้เกินเป้าที่วางไว้ เหตุนักลงทุนเล็งเห็นความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของธุรกิจ E-Grocery 

โดยวิกฤตการณ์โควิดนั้น นับเป็นตัวเสริมอุปสงค์ให้ธุรกิจ E-Grocery พุ่งทะลุ ทะยานสูงสุดในรอบ 6 ปี โดยนับเป็นเวลากว่า 18 เดือน ตั้งแต่วิกฤตการณ์โควิด-19 ได้เริ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้คนทั่วโลกต้องปรับตัวเข้าสู่วิถีชีวิตรูปแบบใหม่ (New Normal) ดัน HappyFresh สู่ผู้นำการให้บริการซื้อและส่งของสดของใช้ออนไลน์ในอาเซียน ด้วยการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากความต้องการของหลายพันครัวเรือนที่หันมาเลือกใช้บริการ HappyFresh ในการซื้อสินค้าของสดของใช้ อย่างสะดวกและปลอดภัย

นายเกียม ซาการ์ร่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวถึงธุรกิจ E-Grocery ที่พุ่งทะยานนี้ว่า “เราตั้งเป้าหมายตั้งแต่เริ่มธุรกิจ เพื่อจะส่งมอบของสดของใช้ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกคน โดยตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ความทุ่มเทของเราได้พิสูจน์ถึงคุณภาพของสินค้าและบริการที่ดีเลิศ รวมถึงสร้างความไว้วางใจให้กับครัวเรือนต่างๆในทั้ง 3 ประเทศ ว่าทุกคนจะได้รับสินค้าที่สด และมีคุณภาพดีที่สุด และเรายังคงมุ่งมันที่จะให้บริการซูเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ ที่คัดสรรคุณภาพอันดีเยี่ยม เพื่อลูกค้าของเราเช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่เราเริ่มต้นธุรกิจ”

ท่ามกลางวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ HappyFresh ยังคงแสดงศักยภาพเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมียอดการใช้งานแอปพลิเคชันและเว็บไซต์จาก 3 ประเทศในปี 2564 ที่เติบโตขึ้นกว่า 20 เท่า รวมถึงยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งจากลูกค้าใหม่ และลูกค้าเดิม เป็นการสร้างความเชื่อมันให้นักลงทุน  และตอกย้ำถึงการเติบโตของตลาดและโอกาสในธุรกิจสินค้าประเภทของสด ของใช้ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เป็นอย่างดี

“พฤติกรรมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น พฤติกรรมการจับจ่าย ความถี่ในการสั่งซื้อสินค้า และยอดซื้อสินค้าในแต่ละการสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ การสั่งซื้อสินค้าส่วนใหญ่ยังมาจากการชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ โดย HappyFresh ยังคงพัฒนาแและขยายรูปแบบการชำระเงินเพื่อตอบรับกับวิถีชีวิตใหม่ให้มากขึ้น” นายเกียม กล่าว

อีกทั้งทิศทางธุรกิจออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เข้าสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ อันเนื่องมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อปรับรับสถานการณ์โรคระบาด ประกอบกับมูลค่าตลาดค้าปลีก 3.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 1.15 ล้านล้านบาท ปัจจัยเหล่านี้ล้วนตอกย้ำโอกาสทางธุรกิจของ HappyFresh ที่มีมูลค่ามหาศาล

นอกจากนั้น ตลาด E-Grocery ในเอเชียยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากพฤติกรรม ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มีรายได้ และกำลังซื้อสูง อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมาผู้บริโภคกลุ่มอื่นๆ ก็มีการปรับตัว และมีความเข้าใจในการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งบนเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันของ HappyFresh ด้วย

ด้าน แผนการลงทุน นายเกียม ได้กล่าวเสริมว่า “HappyFresh ยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายตลาดไปยังพื้นที่ ที่มีศักยภาพอื่นๆ หวังให้ครอบคลุมพื้นที่บริการทั้งหมด โดยยังคงยึดถือคุณภาพ และมาตรฐาน ความปลอดภัยสูงสุดเป็นสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมาพนักงาน Personal Shopper และพนักงานขนส่งสินค้า ถือเป็นฟันเฟืองที่สำคัญขององค์กร พวกเขาทำงานอย่างหนักหน่วงและไม่ย้อท้อ เพื่อช่วยเหลือ และตอบสนองความต้องการสั่งซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าทุกท่าน การลงทุนในรอบ Serie D นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางในบทใหม่ขององค์กร เราพร้อมและตื่นเต้นไปกับการเดินทางครั้งนี้” ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา HappyFresh ได้ขยายตำแหน่งงานมากขึ้นกว่านับพันตำแหน่ง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เพิ่มมากขึ้น

“เรายังคงมุ่งเน้นการให้บริการด้วยมาตรฐานความปลอดภัยอันดีเยี่ยม พร้อมกับการใช้งานที่สะดวกสบาย เป็นสำคัญ นอกจากนั้น เราพร้อมที่จะขยายพื้นที่ให้บริการร่วมกับพันธมิตรธุรกิจค้าปลีกที่เรามี ในทุกประเทศ ด้วยระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพของเรา พร้อมกับพัฒนาประสิทธิภาพด้านการขนส่ง การควบคุมคุณภาพสินค้า เพื่อสร้างประสบการณ์การสั่งซื้อที่ดีให้กับลูกค้า สำหรับ HappyFresh เรามุ่งหวังที่จะจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าในสภาพที่สดใหม่ และรวดเร็วที่สุด และแน่นอนว่า ลูกค้าจะสามารถเข้าถึงประสบการณ์การสั่งซื้อของสด ของใช้ ได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย”  นายเกียมกล่าวเพิ่มเติม

นายเดวิด ลิม กรรมการผู้จัดการ HappyFresh ประจำประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “HappyFresh ยังคงมุ่งพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกสบายแก่ลูกค้า และรักษามาตรฐาน ความปลอดภัยของทุกการสั่งซื้อแม้ในช่วงวิกฤติการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มช่องทางการชำระเงินผ่าน QR code พร้อมเพย์ หรือการขยายความร่วมมือไปยังพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลาย ของสินค้าให้ครอบคลุมกับความต้องการของคนไทย”

“ในช่วงไตรมาสที่ 3 นี้  เราได้เตรียมการขยายพื้นที่ให้บริการให้ครอบคลุมทั่วทั้งกรุงเทพฯ เพื่อตอบรับความต้องการของครัวเรือน และสร้างความเชื่อมั่นว่าทุกครอบครัวจะสามารถเข้าถึง บริการสั่งซื้อและรับสินค้าที่บ้านได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งยังมีแผนขยายพื้นที่ให้บริการ HappyFresh ไปยังจังหวัดอื่นๆ ของประเทศไทย เพราะเราเชื่อว่า HappyFresh เป็นส่วนสำคัญในการช่วยเหลือ ให้ทุกครอบครัว สามารถเข้าถึงสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้”

HappyFresh ยังคงพัฒนาประสบการณ์การให้บริการอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ การใช้งานบนแพลตฟอร์ม และการเพิ่มจำนวนสินค้าให้มีความหลากหลาย ทั้งนี้เพื่อให้บริการ HappyFresh สามารถเข้าถึงและตอบโจทย์ทุกครัวเรือนมากยิ่งขึ้น

“ด้วยทีมบริหารมืออาชีพ และรูปแบบการให้บริการที่แตกต่าง  HappyFresh แสดงถึงศักยภาพขององค์กรที่จะนำไปสู่ความสำเร็จร่วมกับพันธมิตรอื่นๆ แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก นอกจากนั้นเรายังมั่นใจว่ารูปแบบการใช้งานที่ง่ายและสะดวก ประกอบกับมาตรฐาน ความปลอดภัยจะเป็นตัวผลักดันให้เกิดการใช้จ่ายซ้ำ และความภักดีต่อแบรนด์ รวมทั้งจะเป็นแรงผลักให้ HappyFresh เป็นผู้นำในตลาดในระยะยาว” นายปีเตอร์ นา, Director of Southeast Asia Investments ผู้ร่วมทุนจาก Naver และ กรรมการบริหาร HappyFresh ได้กล่าวไว้