GTG ยกระดับธุรกิจเปิดบริการ OEM สินค้าเครื่องสำอางทุกชนิด

ในปัจจุบัน สินค้าจากกัญชา-กัญชงได้รับความนิยมไปทั่วโลก เทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถพิสูจน์ และสกัดสารจากกัญชาได้โดยปราศจากสารที่ทำให้เกิดอาการมึนเมา นักวิจัยยืนยันว่าสารสกัดกัญชาปลอดภัยและมีประโยชนทางการแพทย์ต่อผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย ในปี 2563 ยอดขายของสินค้าด้านกัญชา-กัญชงในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นถึง 67% แสดงให้เห็นถึงการใช้สินค้ากัญชาในชีวิตประจำวันเป็นวงกว้าง

จึงกลายเป็นเรื่องน่าจับตาในประเทศไทย เมื่อ GTG หรือ Golden Triangle Group บริษัทผู้ผลิตและพัฒนากัญชา-กัญชงชื่อดังของประเทศไทย เปิดบริการ OEM (Original Equipment Manufacturer) สำหรับสินค้าเครื่องสำอางที่ใช้สารสกัดจากกัญชา ด้วยความรู้และประสบการณ์เชิงลึกที่สะสมมาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เพื่อส่งเสริมให้สินค้าเครื่องสำอางจากกัญชาและกัญชงไทยเป็นที่รู้จักในระดับโลก

GTG เป็นบริษัทผู้ผลิตและวิจัยกัญชาที่เริ่มต้นจากการซื้อสายพันธุ์ที่ได้รับรางวัล พร้อมทั้งร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายมาตั้งแต่ในปี 63 เพื่อค้นคว้าวิจัยหาต้นแม่พันธุ์ที่เหมาะสมกับกฎหมายไทย ซึ่งต้องมี THC ไม่ถึง 1% ในดอกแห้ง จึงออกมาเป็นเมล็ดพันธุ์กัญชงที่ชื่อว่า “Raksa” ซึ่งมี THC ไม่ถึง 1% และ CBD สูงถึง 16-18% ในดอกแห้งที่เฉลี่ยทั้งต้นตรงตามคุณสมบัติที่ข้อกฎหมายกำหนด โดย Raksa เป็นสายพันธุ์ที่พัฒนามาจากสายพันธุ์ CBD ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกอย่าง Cannatonic

ปัจจุบัน GTG เป็นบริษัทเดียวในเอเชียที่เป็นเจ้าของสายพันธุ์ Raksa ที่พร้อมจะผลิต CBD ซึ่งเหมาะกับภูมิอากาศและลักษณะการปลูกในประเทศไทย ล่าสุด บริษัทเดินหน้าสร้างโรงปลูกที่ได้มาตรฐาน GMP ที่เชียงรายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังมีโรงปลูกที่กำลังก่อสร้างในกรุงเทพมหานครอีกแห่ง คาดว่าจะมีผลผลิตออกมาในเดือน ม.ค.65 และในอนาคตยังเตรียมส่งออกผลผลิตไปยังต่างประเทศอีกด้วย

ในด้านการให้บริการ OEM ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสารสกัดกัญชง CBD บริษัท GTG ได้จับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัท ZEN Biotech โรงงานผลิตเครื่องสำอางระดับประเทศ จึงเป็นการนำความรู้ด้านกัญชาและกัญชงผสมผสานเข้ากับความรู้ด้านการผลิตสินค้าเครื่องสำอางที่หลากหลาย

นอกจากนั้น GTG กำลังจะจัดงานสัมมนาออนไลน์ครั้งที่ 2 “GTG Turnkey Solution Services จากไอเดียผลิตภัณฑ์ สู่สินค้า CBD พร้อมจำหน่ายสำเร็จในที่เดียว” ใน 22 ก.ย. 64 (9.45-12.00 น.) GTG จะมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการ OEM สินค้าโดยคุณคริส-กฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ กรรมการผู้จัดการของและหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท GTG

RAKSA แม่พันธุ์กัญชงเพาะพันธุ์และวิจัยโดย GTG และ ม.ราชภัฏเชียงราย

ปฎิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันธุรกิจกัญชง-กัญชาในประเทศไทยได้รับความสนใจอย่างมาก มีการนำเข้าเมล็ดพันธุ์ต่างๆเพื่อมาเพาะปลูกในประเทศ ซึ่ง บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด (GTG) ไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น แต่ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (CRRU) ในการเพาะพันธุ์และวิจัยอย่างถูกกฎหมาย ใช้เวลา 2 ปี ได้เป็น Raksa (รักษา) เป็นแม่พันธุ์กัญชงพิเศษ ที่ผ่านการวิจัยเพื่อควบคุมคุณภาพน้ำ สารอาหาร และอากาศ จนสามารถพัฒนาแม่พันธุ์ที่มีสาร CBD (สารที่มีประโยชน์ทางการแพทย์สูง) เฉลี่ยทั้งต้นสูงถึง 15.8% นับว่าสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกซึ่งมักมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 10% อีกทั้งยังเป็นกัญชงพันธุ์แรกและพันธุ์เดียวในเอเชียที่มีปริมาณ THC (สารที่ส่งผลให้เกิดอาการมึนเมา) ต่ำกว่า 1% จนแทบไม่ส่งผลเลย และยังเป็นแม่พันธุ์กัญชงเหมาะสมกับสภาพอากาศในไทย

นายกฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ กรรมการผู้จัดการ GTG กล่าวว่า Raksa (รักษา) ได้รับการพัฒนามาจากสายพันธุ์กัญชาระดับโลกอย่าง Cannatonic ซึ่งได้รับรางวัล High Times Cup ของเนเธอร์แลนด์ ทาง GTG ได้ทำข้อตกลงกับ Jaime Garcia ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านการพัฒนาสายพันธุ์และการเพาะปลูก ซึ่งเป็นคนดังแห่งวงการที่หลายบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกต้องการตัวให้ไปช่วยดูแลและพัฒนาสายพันธุ์แบบ exclusive ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี (ผู้ก่อตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์ ‘Resin Seed’ และเป็นบุคคลแรกๆ ที่เริ่มใช้ CBD เพื่อการแพทย์ในยุโรป) แต่ปัจจุบัน GTG สามารถเชิญคุณ Jaime Garcia ให้มาดูแลโครงการในตำแหน่ง Senior Cultivation Director ได้ โดยดูแลควบคุมและพัฒนาคุณภาพของกัญชงให้มีประสิทธิภาพได้อย่างเหนือชั้น

นอกจากจุดเด่นทางสายพันธุ์และบุคลากรแล้ว Raksa ยังปลูกในโรงปลูกมาตรฐานระดับการแพทย์แห่งแรกในไทยที่สามารถทำการปลูกและสกัดสารกัญชงได้แบบครบวงจร ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยในการผลิตทุกขั้นตอนอย่าง GHP (Good Hygiene Practice) อีกทั้งยังอยู่ภายใต้ HACCP (Hazards Analysis and Critical Control Points) และ ISO ซึ่งล้วนเป็นมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก แถมยังมีขั้นตอนการสกัดด้วยเทคโนโลยี CO2 ที่ทันสมัยและสะอาดที่สุด และที่สำคัญที่สุดคือ Raksa มีใบรับรองผลการวิเคราะห์คุณภาพสินค้า หรือ COA (Certificate of Analysis) ที่สามารถทำให้มั่นใจได้ว่าปราศจากสิ่งเจือปน และมีส่วนประกอบที่คงที่และตามหลักเกณฑ์ทุกประการ

ด้วยคุณภาพที่ได้รับการรับรองทำให้ RaksaCBD เหมาะสำหรับ ธุรกิจอาหาร และยา เครื่องดื่ม เครื่องสำอางค์ สปา ฯลฯ เนื่องจากในปัจจุบันประเทศไทยให้ไฟเขียวกับกฏหมายกัญชง ผู้ประกอบการต่างๆ สามารถนำเอาสารสกัดกัญชงไปใช้ในผลิตภัณฑ์ของตนได้ในปริมาณที่กำหนด ซึ่ง GTG พร้อมเต็มที่ที่จะให้ความร่วมมือกับธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อผลิตสารสกัด CBD คุณภาพสูงให้กับผู้ประกอบการทุกท่าน ซึ่งสารสกัด RaksaCBD ของ GTG จากโรงผลิตที่เชียงราย และกรุงเทพฯ ซึ่งมีพื้นที่มากถึง 1,500 และ 3,000 ตร.ม. ทั้งหมดถูกจับจองเพื่อเตรียมส่งมอบให้ถึงมือผู้บริโภคชาวไทยภายในต้นปี 2565 แล้ว ส่วนโรงงานแห่งที่สามยังคงเปิดให้จองผลผลิต โดยมีแผนจะเริ่มการก่อสร้างในช่วงต้นปี 2565 และจะสามารถเริ่มทำการผลิตได้ในช่วงกลางปี 2565 ทั้งนี้ผู้ที่สนใจ สามารถจองผลผลิต RaksaCBD® จากโรงผลิตแห่งที่ 3 กับฝ่ายขายของ GTG ได้ที่ inbox อีเมล [email protected] หรือโทร 02-002-8001 (sale & marketing)

GTG สร้างกำไรอู้ฟู่ RaksaCBD มียอดจองแน่นถึงกลางปีหน้า

ตลาดกัญชา-กัญชงของประเทศไทยกำลังได้รับความนิยมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากการที่ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง อาหารและเครื่องดื่มจำนวนมากต่างต้องการนำสารสกัด CBD มาใช้ในผลิตภัณฑ์ของตน ผู้ผลิตสารสกัด CBD ที่มีคุณภาพและถูกต้องตามกฎหมายจึงได้รับความสนใจจากตลาดเป็นอย่างมาก

ในวันนี้ ผลิตภัณฑ์สารสกัด RaksaCBD® Full Spectrum ของ Golden Triangle Group หรือ GTG จากโรงผลิตที่เชียงราย และกรุงเทพฯ ซึ่งมีพื้นที่มากถึง 1,500 และ 3,000 ตร.ม. ทั้งหมดถูกจับจองเพื่อเตรียมส่งมอบให้ถึงมือผู้บริโภคชาวไทยภายในต้นปี 2565 ในรูปแบบของเครื่องสำอาง อาหาร เครื่องดื่ม และอื่นๆ อีกมากมาย

ในอนาคต GTG มีแผนก่อสร้างโรงผลิตแห่งใหม่ที่จังหวัดเชียงราย เพื่อเพิ่มกำลังผลิต และตอบสนองความต้องการของตลาดที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะในปัจจุบันผลิตภัณฑ์จากโรงผลิตกลุ่มแรกที่กรุงเทพฯ และเชียงราย ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างขั้นสุดท้าย ได้ถูกจับจองไป 100% อย่างรวดเร็ว

GTG แถลงว่า บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะควบคุมคุณภาพของสารสกัด CBD ให้มีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อส่งมอบให้ถึงคนไทยทุกคนในปีหน้า โรงผลิตแห่งที่สามมีแผนจะเริ่มการก่อสร้างในช่วงต้นปี 2565 และจะสามารถเริ่มทำการผลิตได้ในช่วงกลางปี 2565 ทั้งนี้โรงงานทั้งสามแห่งล้วนอยู่ภายใต้มาตรฐานสากลอย่าง GHP และมีการใช้วิธีสกัดสาร CBD แบบ CO2 ซึ่งถือเป็นกระบวนการที่สะอาดและมีประสิทธิภาพที่สุดในโลก

และที่สำคัญที่สุด GTG ยังเป็นผู้ผลิตสารสกัด RaksaCBD® ที่มีใบรับรองผลการวิเคราะห์คุณภาพสินค้า หรือ COA (Certificate of Analysis) ที่สามารถทำให้ลูกค้าทุกท่านมั่นใจได้ว่าปราศจากสิ่งเจือปน และมีส่วนประกอบตามหลักเกณฑ์ทุกประการ อีกทั้งยังรับประกันคุณภาพด้วยผลตรวจของห้องแล็บมืออาชีพ

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถจองผลผลิต RaksaCBD® จากโรงผลิตแห่งที่ 3 กับฝ่ายขายได้ที่ Inbox: https://www.facebook.com/GTGTHAILAND/

GTG ลุยตลาดกัญชง-กัญชาสู่ระดับโลก

ถ้าพูดถึงธุรกิจกัญชง-กัญชาในประเทศไทย บรรดาแฟนคลับวงการพืชเศรษฐกิจใหม่สีเขียวแทบจะไม่มีใครไม่รู้จักตัวจริงอย่าง บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด หรือ GTG ผู้ประกอบการกัญชง-กัญชาตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ มี นายกฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการใช้กัญชา-กัญชงอย่างเป็นระบบ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและขับเคลื่อน GTG สู่บริษัทกัญชง-กัญชาระดับแนวหน้า

GTG โดดเด่นด้วยครอบครองใบอนุญาตแทบทุกแขนงที่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจกัญชง-กัญชงจากภาครัฐ อาทิ ใบอนุญาตนำเข้าเมล็ดพันธุ์ ใบอนุญาตเพาะปลูก ใบอนุญาตโรงสกัดสาร ใบอนุญาตส่งออกเพื่อการแพทย์ เป็นต้น ทั้งได้ลงนามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย ก่อสร้างศูนย์วิจัยมาตรฐาน GMP ณ จังหวัดเชียงราย นำเข้าสายพันธุ์กัญชง-กัญชาชื่อดังของโลกเข้ามาเพื่อทำการศึกษาและพัฒนาจนได้สายพันธุ์ใหม่ในชื่อ Raksa® ‘รักษา’ ที่มีลักษณะเด่นคือ เหมาะสมกับสภาพดินและอากาศของไทย ให้สารสกัด CBD ในดอกแห้งคุณภาพสูงถึง 15.8% มากกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมกัญชง-กัญชาโลกที่อยู่เพียง 10% และให้ปริมาณ THC ต่ำกว่า 1% ตามที่กฎหมายไทยกำหนด ทั้งยังให้สารสกัดในรูปแบบ Full Spectrum CBD ที่ได้มาตรฐาน GMP รายแรกของประเทศไทย ซึ่งมีความเหมาะสมที่จะนำไปใช้ในทางการแพทย์ อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ

ในวันนี้ GTG มีข่าวที่น่าตื่นเต้นโดย นายกฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ กรรมการผู้จัดการ GTG เผยว่า จากนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เราใช้ในการเพาะพันธุ์ ปลูก สกัด และความสำเร็จด้านการพัฒนาสายพันธุ์ทำให้ผลิตภัณฑ์กัญชง-กัญชาของ GTG เป็นที่สนใจและต้องการในตลาดผู้ประกอบการกลางน้ำและปลายน้ำอย่างมาก ทั้งได้รับความสนใจเข้าลงทุนจากบรรดานักลงทุน ทั้งที่เป็นบุคคลและบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในและต่างประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้ GTG ได้ปิดการระดมทุนไปแล้วอย่างประสบความสำเร็จ รับเงินทุนมูลค่ารวมกว่า 250 ล้านบาทเพื่อใช้สำหรับแผนพัฒนาธุรกิจที่ชัดเจนตามที่นำเสนอต่อนักลงทุน โดยในรอบนั้นบริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ UPA เป็นหนึ่งในผู้ลงทุน ซื้อหุ้นเพิ่มทุนและเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 4%

ต่อมาทางบริษัทได้รับการติดต่อขอเสนอซื้อหุ้นเพิ่มเติมจาก UPA โดยขอซื้อหุ้นทั้งหมด (100%) ของ GTG ด้วยความเชื่อมั่นในธุรกิจและมองเห็นศักยภาพ โอกาสเติบโต การพัฒนาอย่างยั่งยืนของเรา แน่นอนว่าเมื่อพูดคุยแล้ว กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมเห็นว่าหลักการและเหตุผลเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งจะเสริมให้ธุรกิจกัญชง-กัญชาของ GTG โตไปได้อย่างไร้ขีดจำกัด จึงมีความยินดีและอยู่ระหว่างการดำเนินการรับคำเสนอซื้อของ UPA ตามขั้นตอนของบริษัทจดทะเบียน โดยการควบรวมครั้งนี้จะเป็นกำลังสำคัญที่ผลักดัน GTG ก้าวสู่ตลาดกัญชง-กัญชาระดับโลก ด้วยศักยภาพแบบครบวงจร

ปัจจุบัน GTG กำลังเดินหน้าก่อสร้างโรงงานปลูกและสกัดกัญชง (Hemp) ที่เป็นโรงเรือนระบบปิดมาตรฐาน ISO 8 Cleanrooms เพื่อเพิ่มการเพาะปลูกกัญชงขึ้นอีก 2 แห่งใหม่ในจังหวัดเชียงราย พร้อมจะเริ่มดำเนินการปลูกได้ภายในเดือนสิงหาคม 2564 โดยจะถือเป็นโครงการที่จะเพิ่มกำลังผลิตให้ตลาด CBD ในประเทศไทยอย่างมั่นคง และเพื่อเพิ่มกำลังผลิตอย่างเต็มรูปแบบ และในอนาคต GTG มีแผนจะสร้างโรงงานผลิตเพิ่มในกรุงเทพมหานคร (ภายในปี 2564) เพื่อรองรับความต้องการเชิงพาณิชย์ต่อไป

“GTG” Plant Factory ผ่านมาตรฐานการตรวจ สสจ.

เมื่อวันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 – ตัวแทนจาก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย (สสจ. ชร.) ได้เยี่ยมชมและเข้าตรวจภายในโรงงานปลูกแห่งใหม่ของ บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด (Golden Triangle Group Co., Ltd.) หรือ GTG ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลแม่กรณ์ อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งเป็นขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการสำรวจเพื่อพิจารณาออกใบอนุญาตผลิตตามกฎหมายภายใน 30 วัน

ทีมสำรวจเผยผลเบื่องต้นว่าสถานที่ปลูกและสกัดของโครงการแม่กรณ์มีมาตรฐานสูงกว่าที่ค่ามาตรฐานกำหนด จากนี้จะส่งเรื่องเข้ากระบวนการพิจารณาระดับจังหวัดในวันที่ 14 กรกฎาคม ก่อนจะส่งเรื่องต่อให้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่กรุงเทพฯ ในวันที่ 16 กรกฎาคม คาดได้รับใบอนุญาตผลิตตามกฎหมายภายใน 30 วัน

“ท่ามกลางความนิยมในธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนากัญชง (Hemp) ในประเทศไทย หลังจากที่ภาครัฐปลดล็อกกัญชาและกัญชงบางส่วนออกจากการเป็นยาเสพติด ใบอนุญาตผลิตฉบับนี้จะทำให้ GTG มีสิทธิ์ในการปลูกกัญชงตามกฎหมายเป็นเจ้าแรกในประเทศไทย” นายกฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ กรรมการผู้จัดการ GTG กล่าว

บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด หรือ GTG เป็นผู้ปลูกและสกัด Full Spectrum CBD (Raksa®) ที่ได้มาตรฐานระดับการแพทย์รายแรกในไทย จากกัญชงสายพันธุ์ ‘รักษา’ (Raksa®) ที่ GTG ใช้เวลาวิจัยและพัฒนามากว่า 2 ปีเพื่อให้ได้สารสกัด RaksaCBD® Full Spectrum ที่มีปริมาณ CBD และ THC ตามที่กฎหมายกำหนด ในปัจจุบัน GTG กำลังเดินหน้าก่อสร้างโรงงานปลูกและสกัดกัญชง (Hemp) ที่ตำบลแม่กรณ์ จังหวัดเชียงราย จนเกือบแล้วเสร็จ คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี พ.ศ. 2564 โดยจะถือเป็นโครงการแห่งที่สองของ GTG ที่จะเพิ่มกำลังผลิตให้ตลาด CBD ในประเทศไทยอย่างมั่นคง และเพื่อเพิ่มกำลังผลิตอย่างเต็มรูปแบบ และในอนาคต GTG มีแผนจะสร้างโรงงานผลิตเพิ่มในกรุงเทพมหานคร ภายในปี 2564

โครงการแม่กรณ์ จังหวัดเชียงราย จะสามารถทำการปลูกและสกัดสารกัญชงสายพันธุ์ ‘รักษา’ ได้อย่างครบวงจร ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยในการผลิตทุกขั้นตอนอย่าง GHP (Good Hygiene Practice) ซึ่งปรับปรุงมาจาก GMP (Good Manufacturing Practice) อีกทั้งยังอยู่ภายใต้ HACCP (Hazards Analysis and Critical Control Points) และ ISO อีกด้วย ส่วนสารสกัด RaksaCBD® Full Spectrum ที่ได้จากโรงสกัดของ GTG จะปราศจากสิ่งปนเปื้อนทุกรูปแบบ ด้วยเทคนิคการสกัด CO2 ที่ทันสมัยและสะอาดที่สุด และห้องระบบปิดแบบ Cleanroom ที่มีการคัดกรองอย่างเคร่งครัดจนได้ความสะอาดในระดับที่เทียบเท่ากับห้องผ่าตัดทั่วโลก

ทั้งนี้กระบวนการปลูกกัญชงสายพันธุ์ ‘รักษา’ ที่ตำบลแม่กรณ์จะเริ่มต้นในเดือนตุลาคม 2564 และผลผลิตจะถูกส่งให้กับตัวแทนจำหน่ายของ GTG ได้แก่ Flora, Forecus และ GeTeCe ภายในช่วงต้นปี 2565 ทั้งนี้ GTG ตั้งเป้าจะเป็นบริษัทชั้นนำในการส่งผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสารสกัด CBD ระดับคุณภาพให้ถึงมือของผู้บริโภคชาวไทยทุกท่าน โดยติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่นี่: https://www.facebook.com/GTGTHAILAND/

GTG จับมือพันธมิตรใหม่ ลุยตลาดกัญชา-กัญชง

บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด หรือ GTG ผู้ประกอบการต้นน้ำด้านธุรกิจกัญชา-กัญชง ผู้พัฒนาสายพันธุ์ ‘รักษา’ (Raksa) และผู้ผลิตสารสกัด CBD ที่ผ่านมาตรฐาน GMP ได้เปิดเผยข้อมูลล่าสุดจากการระดมทุนครั้งใหญ่ โดยการออกหุ้นเพิ่มทุนที่มีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 250 ล้านบาท โดยได้ผู้ลงทุนยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI ที่ 70 ล้านบาท และ บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ UPA ที่ 50 ล้านบาท ของมูลค่าบริษัทกว่า 2,000 ล้านบาทมาร่วมอยู่ด้วย

โดย นายกฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด หรือ GTG เผยว่า เม็ดเงินลงทุนนี้จะสามารถนำมาเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาด ณ ปัจจุบันได้ อีกทั้งในด้านอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องสำอางเองล่าสุดทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้มีกฎหมายฉบับแรกที่มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2564 คือ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การใช้กัญชงในเครื่องสำอาง และในครั้งนี้มีความคืบหน้าในการจัดทำ (ร่าง) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การใช้สารสกัดที่มีสารแคนนาบิไดออลจากกัญชาและกัญชงในเครื่องสำอาง และ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการเครื่องสำอาง เรื่อง ฉลากของเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารแคนนาบิไดออล (CBD) จากกัญชาและกัญชงในเครื่องสำอาง ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้สาร CBD ได้เต็มที่ 1% ของน้ำหนัก และมีสาร THC ต่ำกว่า 0.2%  จากกัญชาและกัญชงที่ปลูกในประเทศเป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง และการกำหนดเงื่อนไขการแสดงฉลาก จึงทำให้ผู้ประกอบการรายต่างๆ ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางหันมาให้ความสนใจกับ GTG และเป็นที่ต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น”

ปัจจุบันตลาดมีความเข้าใจถึงผลิตภัณฑ์ CBD ของ GTG มากขึ้นพร้อมทั้งยังมีความต้องการนำสารสกัดไปใช้กับผลิตภัณฑ์ในเครื่องสำอางเนื่องจากตัวสารสกัดของ GTG เองให้ประสิทธิภาพที่สูงกว่าสารสกัดในท้องตลาดทั่วไปจากการสกัดออกมาในรูปแบบของ Full Spectrum นั่นเอง

ธุรกิจเกี่ยวกับการพัฒนาและลงทุนในพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของประเทศไทย ที่รวมถึง กัญชงและกัญชานั้น กำลังเป็นที่นิยมและเป็นที่ยอมรับในสังคมไทยปัจจุบันเป็นอย่างมาก หลังจากภาครัฐปลดล๊อคกัญชาและกัญชง ออกจากการเป็นยาเสพติด แม้จะไม่ได้ปลดล๊อคครบทุกส่วน แต่ธุรกิจหลายธุรกิจก็เริ่มนำประโยชน์ของกัญชงและกัญชามาใช้ในการประกอบธุรกิจได้ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเพื่อบริโภค หรือ สินค้าเพื่ออุปโภค หรือนำไปใช้กับทางการแพทย์

การร่วมพันธมิตรครั้งนี้ของทาง GTG และสองบริษัทยักษ์ใหญ่ อาจจะส่งผลให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ และสินค้าอุปโภค บริโภค ที่มาจากกัญชงและกัญชา ความแปลกใหม่และประโยชน์ของสินค้านั้นอาจทำให้เกิดความหลากหลายในการเลือกใช้สินค้าของผู้บริโภคได้มากขึ้น