“โกลเบล็ก” คัดหุ้นเด่นเดือนกันยายนเก็งธีม Reopening Play

บลโกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยเดือนกันยายนยัง Sideway Up จากสถานการณ์โควิดในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น หนุนนายกฯเดินหน้าเปิดประเทศเฟส 2 เพิ่มอีก 5 จังหวัด ได้แก่กรุงเทพฯ ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเชียงใหม่เริ่ม 1 ต.ค.นี้ จึงให้กรอบดัชนีเดือนนี้ 1,600-1,680 จุด แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้น Reopening Play รับลูกเปิดเมืองในเดือนตุลาคมนี้

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนกันยายนมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในลักษณะ Sideway Up โดยได้แรงหนุนจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ชะละตัวต่อเนื่อง และมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ของ ศบค.  ซึ่งนายกฯ ยืนยันเดินหน้าเปิดประเทศใน 120 วัน แม้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวช้าจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 โดยแผนเปิดประเทศเฟส 2 ในอีก 5 จังหวัดเริ่ม 1 ต.ค.นี้ ได้แก่ กรุงเทพฯ ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเชียงใหม่ รวมทั้งจับตาการทำ Window Dressing ปลายงวดไตรมาสที่ 3/2564 จึงคาดการณ์การเคลื่อนไหวของดัชนีเดือนนี้แกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,600-1,680 จุด

ทั้งนี้ปัจจัยต่างประเทศที่ส่งผลบวกต่อดัชนี อาทิ ราคาน้ำมันดิบ WTI ตลอดเดือนส.ค. ร่วงลง 7% จากกลุ่มโอเปกพลัสบรรลุข้อตกลงปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาทำให้นักลงทุนกังวลว่าอุปสงค์การใช้น้ำมันจะชะลอตัว และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่าเฟดจะไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแม้เริ่มลด QE ภายในสิ้นปี รวมทั้งคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดเผยว่า ประชาชนวัยผู้ใหญ่ในสหภาพยุโรป ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบสองโดสแล้ว 70% หรือราว 256 ล้านคน ส่วนดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 59.9 ในเดือนส.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าดัชนีจะปรับตัวลงสู่ระดับ 58.6 หลังจากแตะระดับ 59.5 ในเดือนก.ค.และตัวเลขจ้างงานของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดทำให้เกิดความไม่แน่ใจเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ  และนักลงทุนเชื่อว่า FED จะเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไป ยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่เรียกว่า “mu” ซึ่งทาง EU ได้ถอดสหรัฐออกจากรายชื่อประเทศที่ปลอดภัยด้านการเดินทาง เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รวมทั้งการที่ธปท.เปิดเผยว่าเศรษฐกิจในเดือนส.ค.ยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากเดือนก.ค. จากกำลังซื้ออ่อนแอ ซึ่งคาดว่าธปท.จะปรับประมาณการ GDP ปี 64 อีกครั้งในวันที่ 29 ก.ย.64 จากเดิมที่คาดว่า GDP ปี 64 จะขยายตัว 0.7% และกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 64 (ต.ค.63-ก.ค.64) ต่ำกว่าประมาณการ 10.2% และทาง ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า รวมทั้งทาง สศค. จะมีการรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง และต่างประเทศรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในหมวดต่างๆออกมา

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้น Reopening Play เช่น หุ้นกลุ่มโรงแรม MINT, ERW, CENTEL, AWC และ SHR หุ้นกลุ่มขนส่ง BEM และ BTS หุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า CPN, CRC และ MBK หุ้นกลุ่มร้านอาหาร AU, M และ ZEN และสุดท้ายหุ้นกลุ่มค้าปลีก CPALL, BJC และ MAKRO จากการแผนการทยอยเปิดเมืองในเดือนตุลาคมนี้

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินกรอบทองคำในเดือนก.ย.64 ไว้ที่ระดับ 1,770-1,870 $/Oz โดยแนะนำให้หาจังหวะ Short เมื่อทองคำปรับตัวขึ้นใกล้แนวต้าน เนื่องจากเฟดเตรียมปรับลดวงเงิน QE ลงภายในปลายปีนี้ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำในระยะกลาง โดยในปี 2013 ที่มีการปรับลดวงเงิน QE ราคาทองคำจะปรับตัวลงและแตะจุดต่ำสุด ณ เดือนที่เฟดมีการปรับลดวงเงิน QE

โกลเบล็ก มองหุ้นไทยไซต์เวย์ เก็งกำไรหุ้นอานิสงส์ค่าบาทอ่อน

บลโกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ Sideway หลังขาดปัจจัยใหม่หนุน บวกการแพร่ระบาดของโควิด-19 การฉีดวัคซีนป้องกัน และปัญหาการเมืองที่พร้อมปะทุ จึงให้กรอบดัชนี 1,510-1,570 จุด จึงแนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ ปี มาแตะ 33.39 บาทต่อบาร์เรล ชู AHSATNERSTAKCEHANASMT ASIAN

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังคง Sideway โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนตลาด แนะจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิดซึ่งจะทยอยประกาศภายในวันที่ 16 สิงหาคมนี้ ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะปรับตัวลดลง และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคยังมีความอ่อนไหวต่อประเด็นการรับวัคซีน

อีกทั้งทาง  ส.อ.ท. ได้เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ค. ลดลงต่อเป็นเดือนที่ 4 แตะระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือนจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ที่ยังไม่คลี่คลายและกระจายวงกว้างไปทั่วประเทศ การแพร่ระบาดในโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งทำให้กำลังการผลิตลดลง เนื่องจากแรงงานต้องกักตัวทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งโรงงานบางแห่งต้องปิดชั่วคราวเพื่อทำความสะอาด และที่สำคัญแรงงานในภาคอุตสาหกรรมยังได้รับวัคซีนในสัดส่วนที่น้อย

ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศก็ยังร้อนระอุ โดยจะมีการนัดชุมนุมทางการเมือง CAR PARK ยกระดับปราศรัยไล่นายกฯ พร้อมกันทั่วไทยวันที่ 15 ส.ค. นี้ จึงคาดการณ์กรอบเคลื่อนไหวของดัชนี 1,510-1,570 จุด

ส่วนปัจจัยต่างประเทศทางสหรัฐได้เปิดเผยว่าจำนวนติดเชื้อโควิด-19 เฉลี่ยในรอบ 7 วันในสหรัฐ เพิ่มสูงกว่า 100,000 รายต่อวัน เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนจากการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา ซึ่งส่วนใหญ่ตรวจพบในกลุ่มประชากรที่ยังไม่ฉีดวัคซีน

ทั้งนั้นยังคงต้องจับตาปัจจัยต่างๆทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย อาทิ การรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนภายในวันที่ 16 สิงหาคมนี้เป็นวันสุดท้าย ด้านสภาพัฒน์ จะมีการแถลงตัวเลข GDP ในไตรมาส 2/2564  และทางศบค.จะทบทวนมาตรการล็อคดาวน์ 29 จังหวัดสีแดงเข้มรอบใหม่ในวันที่18 ส.ค. ส่วนสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วาระ2-3

ด้านปัจจัยต่างประเทศ อาทิ  ทางอียูจะมีการรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจขั้นต้นเดือนส.ค. และสหรัฐรายงานดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อม อัตราเงินเฟ้อ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค. รวมทั้งสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และในช่วงปลายเดือนสิงหาคมทางธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีการจัดการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/64 ออกมาดี ได้แก่ WICE, AS, BCH, LANNA, SPALI, XO และCKP และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 3 ปี ส่งผลดีต่อสินค้าส่งออกของไทย ได้แก่ AH, SAT, NER, STA, KCE, HANA, SMTและ ASIAN

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ราคาทองคำโลกในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มผันผวน จากความกังวลในการปรับลดวงเงิน QE ของเฟดในการประชุมเดือน ส.ค.-ก.ย.เป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำในระยะกลาง ฝ่ายวิจัยประเมินกรอบทองคำในสัปดาห์นี้ที่ 1,700-1,760 $/Oz โดยแนะนำให้หาจังหวะ Short เมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นใกล้แนวต้าน จากความกังวลการปรับลดวงเงิน QE

GBS คัดหุ้นเด่นประจำเดือน ชูกลุ่มแจ้งงบ Q2 เด่น-WFH 100%

บลโกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยเดือนสิงหาคมยัง Sideway Down จากตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งทำลายสถิติรายวัน ล่าสุด ศบค.ยกระดับพื้นที่สีแดงเข้มเป็น 29 จังหวัด ขยายเวลาล็อกดาวน์เพิ่มอีก 14 วัน ส่งผล Consensus เตรียมหั่น GDP ปี 64 ลงอีก จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ระดับ 1,500-1,570 จุด พร้อมคัดหุ้นเด่นเดือนสิงหาคมกลุ่มแจ้งงบQ2/64 ออกมาดี และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบาย WFH 100%

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนสิงหาคมยังคง Sideway Down โดยนักลงทุนยังกังวลจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศยังอยู่ในระดับสูงจากเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่รุนแรงขยายพันธุ์เร็วกว่าสายพันธุ์อื่น 1,000 เท่า ทำให้ทั่วโลกเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่อีกครั้ง

โดยสถานการณ์ใน อินโดนีเซีย ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทะลุ 3,460,000 ราย เสียชีวิตกว่า 97,000 ราย สูงสุดในอาเซียน ส่วนฟิลิปปินส์ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งทะลุ 1,600,000 ราย เสียชีวิตกว่า 28,000 ราย สูงอันดับ 2 ในอาเซียน ด้านญี่ปุ่นประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมการระบาดในหลายจังหวัด จีนประกาศใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดทั่วประเทศ เวียดนามจะขยายเวลาล็อกดาวน์ มาเลเซียขยายภาวะฉุกเฉินในซาราวักถึง ก.พ.ปีหน้า พร้อมระงับเลือกตั้ง ส่วนอังกฤษเตือนเมียนมาอาจติดโควิด-19 ครึ่งประเทศในอีก 2 สัปดาห์หากไม่ได้รับวัคซีนเพียงพอ

อีกทั้งทาง ศบค.ได้ประกาศยกระดับเพิ่มพื้นที่สีแดงเข้มเป็น 29 จังหวัด ขยายเวลาล็อกดาวน์ 14 วัน ผ่อนคลายร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า มีผลตั้งแต่ 3 ส.ค. หากยังไม่ดีขึ้นอาจขยายเวลาต่อไปจนถึง 31 ส.ค. ซึ่งประเมินว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/64 ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกสาม ด้วยการบริโภคภาคเอกชนลดลง และภาคการท่องเที่ยวที่ยังยังไม่ฟื้นตัว เพราะยังจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศยังมีอยู่ ส่งผลให้ Consensus อาจปรับลดประมาณการ GDP ปี 64 ลงอีก จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ระดับ 1,500-1,570 จุด

ขณะที่กลุ่มโอเปก ได้เพิ่มการผลิตน้ำมันเป็น 26.72 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน ก.ค. สูงสุดในรอบ 15 เดือนตามมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเดือนละ 400,000 บาร์เรล/วัน ตั้งแต่เดือน ส.ค.จนถึงเดือน ธ.ค.ปีนี้  โดยราคาน้ำมัน WTI ในเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 0.7% ปิดเหนือระดับ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยยังเชื่อมั่นต่อแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันท่ามกลางการเปิดเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ แม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ยังคงจับตายอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และการแก้ไขสถานการณ์ของภาครัฐ รวมทั้งการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 5/2564  ประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.)  และสำนักงานประกันสังคมเริ่มโอนเงินเยียวยาให้ผู้ประกันตนตาม ม.33 และการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/64 ของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจในหมวดต่างๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศออกมาตลาดในช่วงเดือนสิงหาคม อีกทั้งการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/64 ออกมาดี ได้แก่ WICE, AS, BCH, LANNA, SPALI, XO และCKP และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากนโยบาย WFH 100% ได้แก่ ADVANC, DTAC, TRUE, JAS, DIF, JASIF, ITEL, NETBAY, YGG, AS และ INSET

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ราคาทองคำโลกในเดือนกรกฎาคมปรับตัวขึ้น 44$/Oz สู่ 1,814$/Oz โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีดิ่งลงสู่ 1.37% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. ส่งผลให้ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการลงทุนถือครองทองคำลดลง และสภาทองคำโลกระบุว่า 1 ใน 5 ของธนาคารกลางรายใหญ่มีแผนที่จะเพิ่มทองคำในระบบทุนสำรองในปีหน้าเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำเพิ่มเติม

นอกจากนี้ ทองคำได้รับปัจจัยหนุนหลังจากนายพาวเวลได้กล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ  โดยระบุว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE และจะยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นในขณะนี้ พร้อมกับย้ำว่าเฟดจะใช้นโยบายการเงินในการสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ส่วนประเด็นเงินเฟ้อนายพาวเวลมองว่าเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในระยะนี้เกิดจากปัจจัยชั่วคราว จากการที่รัฐต่าง ๆ ทำการเปิดเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะดีดตัวขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ก่อนที่จะปรับตัวลงเมื่อสถานการณ์ต่าง ๆกลับสู่ภาวะปกติ

ดังนั้นจากความผันผวนของราคาทองคำและความกังวลในการปรับลดวงเงิน QE ของเฟดในการประชุมเดือน ส.ค.-ก.ย.เป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำในระยะกลาง ฝ่ายวิจัยประเมินกรอบทองคำในเดือนนี้ที่ 1,770-1,850 $/Oz โดยแนะนำให้หาจังหวะ Short เมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นใกล้แนวต้านจากความกังวลการปรับลดวงเงิน QE

GBS แนะช้อปหุ้นได้ประโยชน์ WFH

บลโกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยยัง Sideway จากยอดจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งต่อเนื่อง และที่ประชุมกลุ่มประเทศ G20 ยังกังวลเชื้อไวรัสกลายพันธุ์กระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก บวกปัญหาข้อพิพาทการค้าสหรัฐจีนมีแววปะทุขึ้นอีกครั้งหลังปธน.โจ ไบเดน เตรียมเพิ่มชื่อบริษัทและหน่วยงานจีนอีกอย่างน้อย 10 แห่งในบัญชีดำ จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี 1,520-1,580 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นได้อานิสงส์ WFH

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ มีโอกาสแกว่งตัว Sideway ออกข้าง โดยแรงกดดันหลักยังอยูที่สถานการณ์โควิดในประเทศที่จำนวนผู้ติดเชื้อยังอยู่ในระดับสูง และล่าสุดทางกลุ่มประเทศ G20 กังวลว่าเชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ขณะที่ปัญหาข้อพิพาทการค้าสหรัฐ-จีนมีแววปะทุขึ้นอีกครั้งจากการที่คณะบริหารของปธน.โจ ไบเดน วางแผนเพิ่มชื่อบริษัทและหน่วยงานจีนอีกอย่างน้อย 10 แห่งในบัญชีดำทางเศรษฐกิจอย่างเร็วที่สุดในข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่นเดียวกับทาง EU ได้ลงมติเห็นชอบให้ตัวแทนทางการทูตร่วมบอยคอตต์การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวประจำปี 2565 ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งเพื่อตอบโต้การละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลจีน อย่างไรก็ตามคาว่าจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบ WTI จะช่วยพยุงตลาดไว้ได้ จึงคาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ 1,520-1,580 จุด

ส่วนปัจจัยที่ยังต้องจับตานั้นปัจจัยในประเทศ อาทิ ประชุมครม. การเตรียมเปิด “สมุย พลัส โมเดล”การแจ้งงบไตรมาส 2/2564 ของหุ้นกลุ่มธนาคารระหว่าง 15 – 21 ก.ค. นี้ และ  BOJ ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ด้านปัจจัยต่างประเทศยังคงเป็นตัวเลขเศรษฐกิจในแต่ละเดือนที่จะทยอยประกาศออกมา เช่น การรายงานยอดนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าเดือนมิ.ย.ของจีน และการรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ ซึ่งคาดว่าทางนายพาวเวล ประธาน FED แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร อียูรายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. สหรัฐรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ อีกทั้งจีนรายงาน GDP ไตรมาส 2/64 อัตราว่างงานเดือนมิ.ย. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. ส่วนสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย.

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก WFH ได้แก่ ADVANC- DTAC- TRUE -JAS DIF –JASIF- ITEL- INSET-NETBAY –YGG และ AS

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า  ราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรับตัวขึ้น 39$/Oz สู่ 1,806$/Oz โดยราคาทองคำได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดไปทั่วโลกของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา โดยล่าสุดรัฐบาลออสเตรเลียประกาศขยายมาตรการล็อกดาวน์ในหลายเมือง อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา

นอกจากนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีดิ่งลงแตะระดับ 1.33% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือน ก.พ. 2564 และ World Gold Council ซึ่งระบุว่า 1 ใน 5 ของธนาคารกลางรายใหญ่มีแผนที่จะเพิ่มทองคำในระบบทุนสำรองในปีหน้าเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตามในสัปดาห์นี้ราคาทองคำเริ่มมีสัญญาณรีบาวด์ทางเทคนิคจากการสร้างรูปแบบกลับตัว U Shape โดยฝ่ายวิจัยประเมินกรอบทองคำที่ 1,780-1,830 $/Oz และแนะนำให้เล่นฝั่ง Short เมื่อมีการรีบาวด์ เนื่องจากมีคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ลง 20,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนในการประชุมเฟดเดือน ส.ค. เป็นปัจจัยกดดันต่อทองคำในระยะกลาง

GBS แนะช้อปหุ้น รพ.-เครื่องมือแพทย์หลังโควิดพุ่งไม่หยุด

บลโกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยผันผวน กังวลยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งรายวัน บวกการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า แนะจับตาตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศ และต่างประเทศ รวมทั้งผลประชุมเฟดเมื่อ15-16 มิ.. ที่จะรู้ผลเช้าวันที่ 8 ก.ค.นี้ จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ระดับ 1,565-1,600 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล และเครื่องมือแพทย์ 

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่งตัวผันผวน โดยนักลงทุนยังกังวลจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับต้องติดตามจำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่ามีความคืบหน้ามากขึ้นเพียงใด และที่สำคัญภาระหนี้ครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปัญหาขาดสภาพคล่องหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระบาดรอบใหม่

อีกทั้งผู้เชี่ยวชาญสหรัฐกล่าวเตือนให้ระวังการออกมาเดินทางท่องเทียวในในช่วงวันหยุดยาวสัปดาห์นี้เนื่องในวันชาติสหรัฐ เพราะผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังอยู่ระดับสูง จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาซึ่งมีโอกาสที่ติดเชื้อได้ง่าย

ขณะเดียวในหลายประเทศเริ่มส่งสัญญาณเรียกเก็บภาษีจากบริษัทขนาดใหญ่ได้มากขึ้น หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เพราะมีการฉีดวัคซีนป้องกันเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และในบางประเทศครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่แล้ว  ดังนั้นคาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ระดับ 1,565-1,600 จุด

พร้อมกันนี้ต้องจับตาการแถลงสถานการณ์การส่งออกของสภาผู้ส่งออก และ ส.อ.ท.แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งการรายงานดัชนี PMI ภาคบริการเดือน มิ.ย. ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ และอียูเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือน พ.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจขั้นต้นเดือน ก.ค. ส่วนจีนก็มีการเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนมิ.ย. ขณะที่ FOMC เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 15-16 มิ.ย. ซึ่งจะรู้ผลในช่วงเช้าวันที่ 8 ก.ค. และ ธปท. เผยแพร่รายงานนโยบายการเงิน ด้านสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์  สุดท้ายจีนเปิดเผยดัชนี CPI และ PPI เดือน มิ.ย. สหรัฐรายงานสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือน พ.ค.

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลและเครื่องมือแพทย์เป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในประเทศไทยพุ่งขึ้นแรงแตะระดับ 6 พันราย ขณะที่การฉีดวัคซีนยังมีความล่าช้า และการจัดสรรวัคซีนที่ไม่ครอบคลุมการป้องกันโรคได้อย่างแท้จริง ประกอบกับผลประกอบการในช่วง 2Q64 ของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 2Q63 จากจำนวนผู้ตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น  โดยหุ้นที่น่าสนใจและแนะนำซื้อเก็งกำไร ได้แก่  CHG -EKH –BDMS- BCH –SMD และ TM

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำโลกในในเดือนมิถุนายนปรับตัวลง 135$/Oz สู่ 1,769$/Oz เนื่องจากเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือนหลังจากที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในปีหน้า ซึ่งสอดคล้องกับกรรมการเฟดจำนวน 13 จาก 18 รายคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าเดิมที่เคยส่งสัญญาณในเดือน มี.ค.ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567 นอกจากนี้ เฟดยังคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปี 2566 ส่งผลให้มีแรงเทขายทำกำไรในทองคำซึ่งก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้น 7.2% ในเดือนพฤษภาคม

ทั้งนี้ จากความผันผวนของราคาทองคำ ฝ่ายวิจัยประเมินกรอบทองคำในเดือนนี้ที่ 1,730-1,810 $/Oz โดยแนะนำให้เล่นฝั่ง Short เมื่อมีการรีบาวด์ เนื่องจากมีคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ลง 20,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนในการประชุมเฟดเดือน ส.ค. เป็นปัจจัยกดดันต่อทองคำในระยะกลาง

GBS แนะลุยช้อป 8 หุ้นเด่นรับส่งออกโต

บลโกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยมีโอกาสพักฐาน จากความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในหลายพื้นที่จนต้องปิดแคมป์คนงานก่อสร้างนาน 30 วัน บวกกับแผนการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า  แนะจับตาเศรษฐกิจไทย หลัง ธปท.คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวและอาจจะยาวไปถึงไตรมาส 1/2566 จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ระดับ 1,550-1,600 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนใน 8 หุ้นเด่นได้อานิสงส์ตัวเลขส่งออกพุ่งต่อ ชู AH- SAT- NER –STA- KCE- HANA –SMT- ASIAN น่าสนใจ

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสพักฐาน จากความกังวลต่อสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นจากระดับ 3 พันรายไปแตะระดับ 5 พันราย ขณะที่การฉีดวัคซีนยังล่าช้ากว่าแผนที่วางไว้ ประกอบกับการปิดแคมป์คนงานก่อสร้างนาน 30 วันคาดอาจจะส่งผลให้มีงานก่อสร้างล่าช้า กระทบการรับรู้รายได้ของหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และในอนาคตคาดจะมีผลกระทบกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จากการก่อสร้างล่าช้าและโอนล่าช้า

ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าทิศทางของเศรษฐกิจไทยต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวและอาจจะต้องรอถึงไตรมาส 1/2566 กว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้เท่ากับในระดับที่ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ดังนั้นจึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ระดับ 1,550-1,600 จุด

พร้อมทั้งยังต้องจับตาปัจจัยต่างประเทศที่ทยอยรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจออกมาต่อเนื่อง อาทิ อียูเปิดเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย., สหรัฐรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย., ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย, จีนรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือนมิ.ย.จากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS), สหรัฐรายงานตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนพ.ค. และสต๊อกน้ำมัน, การประชุมกลุ่มโอเปกพลัสหารือร่วมกับรัสเซียเกี่ยวกับนโยบายการผลิตน้ำมัน จีนรายงาน PMI ภาคการผลิตเดือนมิ.ย.จากไฉชิน สหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากตัวเลขการส่งออกที่มีแนวโน้มการเติบโตในเดือนมิ.ย. ต่อเนื่องจากเดือนพ.ค.ที่พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อน และรับอานิสงส์จากเงินบาทอ่อนค่าในรอบ 13 เดือน  โดยหุ้นที่คาดว่ามีความน่าสนใจต่อการลงทุน ได้แก่  AH- SAT- NER –STA- KCE- HANA –SMT- ASIAN

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 13$/Oz ไปแตะ 1,777 $/Oz โดยทองคำรีบาวด์ขึ้นจากการปรับตัวลงในสัปดาห์ก่อน โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวลงสู่ 1.36% นอกจากนี้ประธานเฟดยังไม่วิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อทำให้ยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาอันใกล้ โดยเฟดจะรอให้มีหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อก่อนการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยทองคำปรับตัวลงสวนทางเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นหลังจากเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ดังนั้นจากความผันผวนของราคาทองคำฝ่ายวิจัยประมาณกรอบทองคำในสัปดาห์นี้ 1,740-1,800$/Oz โดยแนะนำให้รอซื้อเมื่ออ่อนตัวกลับมาที่แนวรับ 1,740-1750$/Oz เนื่องจากราคาปรับตัวลงตอบรับข่าวการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 66 ไปแล้ว โดยแนะนำให้เล่นฝั่ง Short เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดและการลดวงเงิน QE ยังคงเป็นปัจจัยกดดันในระยะกลาง

GBS ชี้หุ้นไทยส่อแววลงต่อหวั่นเฟดขึ้นดอกเบี้ย

บลโกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลงต่อ หลังเฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ย บวกแบงก์ชาติจีนส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยตาม ส่งผล Fund Flow เริ่มขนเงินออกทันทีและสถานการณ์การระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย พร้อมแนะจับตาการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ และการประชุมกนง.ในสัปดาห์นี้ จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ 1,580-1,630 จุด แนะกลยุทธ์ช็อปหุ้นได้อานิสงส์คลายล็อกกิจการ-กิจกรรม 8 ประเภท ชู AU MZEN CPALL

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวลงต่อ จากปัจจัยต่างประเทศเป็นตัวกดดันดัชนีทั้งการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งส่งผลให้เม็ดเงิน Fund Flow เริ่มไหลออก และคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจีนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ 1 ปี

ส่วนสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษพบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก 9,284 ราย ผู้เชี่ยวชาญเตือนอาจระบาดรอบ 3 และผลการวิจัยครั้งใหม่จากประเทศอังกฤษพบว่า การติดเชื้อโควิด-19 อาจทำให้เกิดความเสียหายของเนื้อเยื่อสมองในระยะยาว ส่วนธนาคารกลางอินเดียได้รายงานว่า การแพร่ระบาดรอบที่สองของโรคโควิด-19 อาจทำให้ผลผลิตทางเศรษฐกิจของอินเดียได้รับความเสียหายสูงถึง 2.711 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2564 ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI กลับย่อตัวลงกดดันตลาด จึงคาดการณ์การเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ในกรอบ 1,580-1,630 จุด

อีกทั้งยังคงต้องจับตาปัจจัยดังกล่าวเหล่านี้ อาทิ  การรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค.ของ สหรัฐ การเปิดเผยรายงานการประชุมของ BOJ การประชุม กนง. ครั้งที่ 4/2564 สหรัฐเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์  ส.อ.ท. แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย อียูและสหรัฐเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและบริการขั้นต้นเดือนมิ.ย. และ สหรัฐรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ค. ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นการลงทุน

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการประกาศอย่างเป็นทางการผ่อนคลายเปิดและขยายเวลากิจการ-กิจกรรม 8 ประเภทในพื้นที่ กทม. เปิดห้องสมุด – สระว่ายน้ำ ส่วนร้านอาหารนั่งได้ถึง 23.00 น. ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ให้เปิดบริการได้ตามเวลาปกติ มีผลตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.เป็นต้นไป โดยหุ้นที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากมาตรการดังกล่าวคือหุ้นกลุ่มร้านอาหารและค้าปลีก ได้แก่ AU, M, ZEN และ CPALL

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่าจากความผันผวนของราคาทองคำฝ่ายวิจัยประมาณกรอบทองคำในสัปดาห์นี้ 1,730-1,780$/Oz โดยแนะนำให้รอซื้อเมื่ออ่อนตัวกลับมาที่แนวรับ 1,750$/Oz เนื่องจากราคาปรับตัวลงมากกว่า 5% ในสัปดาห์ก่อน โดยราคาทองคำยังถูกกดดันจากการที่เฟดเตรียมขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 66 ยังคงเป็นปัจจัยกดดันในระยะกลาง

GBS จับตาประชุมเฟดชี้ชะตาดอกเบี้ย ชู PTT- PTTEP – PTTGC   

บลโกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยยัง Sideway รอผลเฟดกำหนดทิศทางนโยบายอัตราดอกเบี้ยหลังประชุม 16 มิ.ย.นี้ พร้อมจับตากรรมการบาเซิลเล็งบังคับแบงก์ทั่วโลกตั้งสำรองเงินทุนรองรับกรณีขาดทุนจากบิตคอยน์ และปัญหาการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า จึงให้กรอบดัชนี 1,600-1,660 จุด พร้อมแนะลงทุนหุ้นได้ประโยชน์ราคาน้ำมันพุ่ง หลังโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ มีแนวโน้มพุ่งแตะระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล ชู PTT PTTEP – PTTGC   

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวในลักษณะ Sideway โดยนักลงทุนจับตาการประชุมเฟดวันที่ 15-16 มิ.ย. นี้ เพื่อรอดูทิศทางนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่จะประกาศออกมา รวมทั้งภาพรวมเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มชะลอตัวชัดเจนมากขึ้น จากการขาดแคลนชิปทั่วโลก และจากการที่รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมโควิด

ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการบาเซิลฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคาร (Basel Committee on Banking Supervision) วางแผนกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ทั่วโลกกันสำรองเงินทุนให้เพียงพอ หากเกิดกรณีการขาดทุนจากการถือครองสกุลเงินบิตคอยน์ ซึ่งหากมีการประกาศใช้มาตรการดังกล่าวธนาคารพาณิชย์ทั่วโลกก็จะเผชิญกับข้อกำหนดในการตั้งสำรองเงินทุนที่เข้มงวดมากขึ้น

ขณะเดียวกันในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้พบ 4 คลัสเตอร์ใหม่ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ของเขตจตุจักร-ห้วยขวาง-บางนา-คันนายาว ส่วนใหญ่เป็นแคมป์คนงาน ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 3 พันราย จากในช่วงปลายสัปดาห์ก่อนได้ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2 พันรายบ้างแล้ว  อีกทั้งยังประสบปัญหาการเลื่อนการฉีดวัคซีนของ รพ.เอกชนหลายแห่งส่งผลให้เกิดความกังวลต่อระยะเวลาในการเปิดสถานที่ท่องเที่ยวอาจล่าช้าออกไป จึงคาดการณ์การเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ในกรอบ 1,600-1,660 จุด

ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตาต่อ อาทิ การพิจารณาของศาลล้มละลายนัดฟังคำสั่งแผนฟื้นฟู บมจ.การบินไทย(THAI) การเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ค. ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนมิ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรมพ.ค. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย.ของสหรัฐ ทาง EIA สหรัฐรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ ทาง  FOMC แถลงมติอัตราดอกเบี้ย ทาง จีน รายงานยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.และสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น โดยปัจจุบันโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ มีแนวโน้มพุ่งแตะระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรลในฤดูร้อนปีนี้ จากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก จึงแนะนำลงทุนในหุ้น PTT, PTTEP และPTTGC

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่าจากความผันผวนของราคาทองคำ ฝ่ายวิจัยประมาณการกรอบราคาทองคำในสัปดาห์นี้ไว้ที่ระดับ 1,840-1,900 $/Oz  โดยแนะนำให้รอซื้อเมื่ออ่อนตัวเนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นมากว่า 7.6% ในเดือนที่ผ่านมาทำให้เป็นเป้าหมายในการทำกำไร อย่างไรก็ตามในระยะยาวหากอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น เราคาดว่าทองคำจะกลับมา outperform สินทรัพย์อื่นๆ อีกครั้ง

GBS คัดหุ้นเด่นน่าลงทุนเข้า SET50 – SET100

บลโกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยยังแกว่งตัวผันผวน เหตุไร้ปัจจัยใหม่หนุน แนะจับตาการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 และการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ จึงให้กรอบดัชนี1,590-1,63จุด พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นลุ้นเข้าคำนวณดัชนี SET50 SET100 ในรอบครึ่งปีหลัง 2564 มีผลเริ่มใช้ 1 ก.ค. 64 นี้      

วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่งตัวผันผวน เนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนตลาด ประกอบกับการติดตามความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนของรัฐบาล แม้ศบค. รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ลดลงจากระดับ 3 พันคนต่อวันเหลือ 2 พันคนต่อวัน แต่ในกทม.ยังมีคลัสเตอร์เฝ้าระวังใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ต่างจังหวัดบางแห่งยังพบคลัสเตอร์ใหม่เช่นกัน

ส่วนปัจจัยต่างประเทศมีประเด็นเรื่องประธานาธิบดีโจ ไบเดนปฏิเสธข้อเสนอของพรรครีพับลิกัน (GOP) ที่จะเพิ่มงบประมาณรายจ่ายด้านโครงการสาธารณูปโภคอีกราว 5 หมื่นล้านดอลลาร์ จากยอดเดิมที่เสนอไว้ก่อนหน้านี้ที่ราว 9.28 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่างบประมาณที่ประธานาธิบดีไบเดนต้องการ จึงคาดว่าดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,590-1,630 จุด

ทั้งนี้ยังคงต้องจับตาปัจจัยในรอบสัปดาห์นี้ อาทิ การประชุมครม.ตัวเลข GDP ในไตรมาส 1/2564ของญี่ปุ่น-อียู และอียูเปิดเผยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ส่วนสหรัฐเปิดเผยดุลการค้าเดือนเม.ย.และตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน อัตราหมุนเวียนแรงงาน รวมทั้งการประชุมคณะกรรมการร่วม 3 สถาบันภาคเอกชน (กกร.) ด้านจีนรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพฤษภาคม ส่วนสหรัฐ จะมีการรายงานสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนเม.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และการประชุมนโยบายการเงิน และสหรัฐ รายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. รวมทั้งการแถลงมติอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

สำหรับปัจจัยหนุนในประเทศด้านการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งในกทม.ซึ่งเริ่มให้บริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลเริ่ม 7 มิ.ย. และในต่างจังหวัดเร่งระดมฉีดวัคซีนมากขึ้น และการเร่งดำเนินการในส่วนของโมเดล Phuket Sandbox ซึ่งจะดีเดย์ 1 ก.ค. เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวแบบไม่กักตัว และกรณีที่สหรัฐแบ่งปันวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ตามแผนแบ่งปันวัคซีนรวมทั้งสิ้น 80 ล้านโดสให้ทั่วโลกภายในสิ้นเดือนมิ.ย. รวมทั้งนางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐเปิดเผยว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 4 ล้านล้านดอลลาร์ที่เสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ แม้ว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นและอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถือเป็นปัจจัยที่ตลาดรับรู้ข่าวไปแล้ว

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเข้าคำนวณดัชนี SET50 ในรอบครึ่งปีหลัง 2564 ได้แก่ STGT- IRPC -STA -KCE และหุ้นที่มีโอกาสเข้าคำนวณ SET100 ได้แก่  STGT- RCL -TTA -DCC –PSL- PTL- SYNEX -SINGER   โดยคาดตลาดจะประกาศรายชื่อในช่วงกลางเดือนมิ.ย. 64 และมีผลเริ่มใช้ 1 ก.ค. 64 นี้

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินกรอบทองคำในสัปดาห์นี้ว่า  ราคาทองคำจะมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 1,850-1,930 $/Oz โดยแนะนำให้รอซื้อเมื่ออ่อนตัวเนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นมากว่า 7.6% ในเดือนที่ผ่านมาทำให้เป็นเป้าหมายในการทำกำไร อย่างไรก็ตามในระยะยาวหากอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น เราคาดว่าทองคำจะกลับมา outperform สินทรัพย์อื่นๆ อีกครั้ง