FSMART จับมือ CIMB Thai พร้อมเปิดบริการถอนเงินสด

FSMART จับมือ CIMB Thai ให้บริการฝากเงิน กระตุ้นปริมาณธุรกรรมผ่านตู้บุญเติมโตเพิ่มจากเดิม 2 ล้านรายการต่อเดือน พร้อมเดินหน้าให้บริการแบงกิ้ง เอเยนต์อีก 1 รายภายในปีนี้ และเพิ่มบริการถอนเงินผ่าน
“ตู้บุญเติม” ภายในกันยายน ดันธุรกิจการเงินครบวงจรและสินเชื่อโตไม่ต่ำกว่า 30%

นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART ผู้นำเครือข่ายช่องทางบริการอัตโนมัติและการเงินครบวงจร ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยผ่าน
“ตู้บุญเติม”
 เปิดเผยว่า ธุรกรรมการฝาก-โอน ผ่านตู้บุญเติมมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 2 ที่ผ่านมา มีปริมาณการทำธุรกรรมฝาก-โอนกว่า 2 ล้านรายการต่อเดือน เพิ่มขึ้นมากกว่า 16 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  จากการใช้บริการผ่านตู้บุญเติม 130,000 จุดทั่วประเทศ ตอบโจทย์ความสะดวกสบาย และยังสามารถจัดการธุรกรรมทางการเงินได้ โดยไม่ต้องไปธนาคาร ตอบโจทย์การใช้บริการธนาคารในยุค New Normal

ล่าสุดธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMB Thai) แต่งตั้งบริษัทเป็นแบงกิ้ง เอเยนต์ ให้บริการฝากเงินที่ “ตู้บุญเติม” เป็นธนาคารที่ 7 พร้อมเปิดให้บริการ 15 กันยายนนี้  เพิ่มจาก ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร การเพิ่มขึ้นของธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ทำให้การเป็นแบงกิ้ง เอเย่นต์ของบริษัท มีศักยภาพการให้บริการและอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้หลากหลายเพิ่มมากขึ้น รวมถึงช่วยขยายฐานลูกค้าของบริษัทอีกด้วย

“ในการเติบโตบริการแบงกิ้ง เอเย่นต์ของ “ตู้บุญเติม” จากธุรกรรมฝาก-โอนที่มีมากกว่า 2 ล้านรายการต่อเดือนแล้ว ยังให้บริการยืนยันตัวตน ผ่านตู้ EKYC รองรับการเปิดบัญชีธนาคาร และเป็นบริษัทแรกที่เปิดให้บริการถอนเงินสดผ่าน Mini ATM ขั้นต่ำ เพียง 20 บาท ที่พร้อมเปิดให้บริการกันยายน 2564 ทำให้มีธุรกรรมธนาคารครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ผลักดันให้บุญเติมเป็นเสมือนธนาคารชุมชน  ที่พร้อมให้บริการหลากหลาย ทั้งเติมเงิน เติมวอลเล็ท ซื้อแพ็คเกจอินเตอร์เน็ต จ่ายบิล ทำให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมทางการเงินและอื่นๆ ได้อย่างสะดวกสบายภายในจุดเดียว (One Stop Service) นอกจากนี้บริษัทได้ให้บริการสินค้าเงินผ่อนที่ทำให้ลูกค้าทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงสินเชื่อเพียงแค่มีบัตรประชาชนใบเดียว โดยเฟสแรกเริ่มให้บริการกับลูกค้าบุญเติม ก่อนที่จะขยายไปสู่ลูกค้าในวงกว้างต่อไป ซึ่งในภาพรวมนี้จะบริษัทมียอดธุรกรรมทางการเงินเติบโตไม่น้อยกว่า 30 %ในปีนี้” นายณรงค์ศักดิ์กล่าว

ปัจจุบัน บริษัทมีตู้บุญเติมให้บริการกว่า 130,000 ตู้ทั่วประเทศ พร้อมบริการที่ครอบคลุมมากกว่า 86 รายการ รวมถึงจุดให้บริการเคาน์เตอร์กว่า 1,800 จุด เร่งขยายบริการการถอนเงินผ่าน Mini ATM ให้ได้ 10,000 ตู้ ภายใน 2 ปี  ตั้งเป้าเป็น
แบงกิ้ง เอเย่นต์เพิ่มอีก 1 ราย และพร้อมดันธุรกิจสินเชื่อทั้งสินเชื่อรายย่อยและสินค้าเงินผ่อน จะทำให้กลุ่มธุรกิจธุรกิจทางการเงิน และสินเชื่อครบวงจรที่บริษัทวางไว้ เติบโตทดแทนธุรกิจดั้งเดิมอย่างชัดเจน

นอกจากการให้บริการครบวงจรที่ “ตู้บุญเติม” แล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับการตอบแทนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ โดยการให้แต้มทุกครั้ง และทุกบริการที่ “ตู้บุญเติม” ในรายการ “บุญเติม รีวอร์ด” เพื่อสะสมแต้มแลกรับสิทธิพิเศษและสิทธิลุ้นรางวัลต่างๆมากมาย เช่น ลุ้นรับทองมูลค่า 5,000 บาท จำนวน 10 รางวัลทุกเดือน เมื่อฝาก-โอนทุกธนาคาร รวมทั้งนำแต้มมาแลกสิทธิลุ้น แลกรับฟรีเครดิต หรือเติมเงินได้ตลอดทั้งปี โดยลูกค้าสามารถสะสมแต้ม และใช้แต้มแลกสิทธิดีๆแบบนี้ได้ถึงสิ้นปี 2564

FSMART โกยกำไรไตรมาส 2 แตะ 113 ล้านบาท โต 8%

บมจ. ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2/64 กำไร 112.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว และ 1.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน บอร์ดมีมติให้จ่ายปันผลระหว่างกาล 0.26 บาทต่อหุ้น เปิดแผนธุรกิจนำ Big data จับมือบิ๊กพาร์ทเนอร์ต่อยอดธุรกิจพร้อมออกบริการใหม่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ดันธุรกิจการเงินและสินเชื่อโต 30% ลุยสินเชื่อเพื่อรายย่อยควบคู่ไปกับเพิ่มจุดบริการเคาท์เตอร์กว่า 1,800 จุด และ Mini ATM 10,000 จุด ดึงแชร์ตลาดถอนเงินที่มีปริมาณมากกว่า 180 ล้านรายการต่อเดือน ทั้งร่วมบริหารคาเฟ่อัตโนมัติเต่าบินผ่านบริษัทร่วมทุนที่บริษัทถือหุ้น 19.34% เป้าสิ้นปี 1,000 จุด และ 3 ปี 20,000 จุด ตั้งเป้ายอดขายมากกว่า 1 ล้านแก้วต่อเดือน

นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บมจ. ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) ผู้นำเครือข่ายช่องทางบริการอัตโนมัติและการเงินครบวงจร ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ภายใต้ชื่อ “บุญเติม” เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 2 /2564 ว่า บริษัทยังคงทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องแม้อยู่ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 โดยมีรายได้รวม 773.69  ล้านบาท กำไรสุทธิ 112.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.29 % และ 8.71 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.26  บาท จากกำไรสุทธิของงวดดำเนินงานวันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 23 สิงหาคม 2564 และกำหนดจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 8 กันยายน 2564

“จากยอดเติมเงิน E-Wallet เติบโตสูงขึ้น 58.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว และยอดรายการโอนเงินกว่า 1.9 ล้านรายการต่อเดือน เพิ่มขึ้น 16.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่าโอนเงิน 3,384 ล้านบาทมูลค่าเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนว่าตู้บุญเติมเป็นที่ต้องการของลูกค้า เนื่องจากลูกค้าเข้าถึงได้สะดวก ใช้งานง่าย บริการตลอด 24 ชั่วโมง และมีบริการหลากหลาย สำหรับคาเฟ่อัตโนมัติ “เต่าบิน” ที่ปัจจุบันมีจุดบริการกว่า 70 จุด และมียอดขายมากกว่า 52,000 บาทต่อจุดต่อเดือน จะเร่งจุดบริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว

แนวโน้มธุรกิจช่วงครึ่งหลัง ปี 2564 บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาบุญเติมให้เป็นธนาคารชุมชนที่สะดวกเข้าถึงง่าย มีบริการครบครัน ฝาก-โอน-ถอน และเปิดบัญชี พร้อมบริการอื่น ๆ ผ่านตู้บุญเติมที่มากกว่า 130,000 ล้านตู้ทั่วประเทศ ตอบโจทย์ลูกค้าในช่วงโควิด-19  สะท้อนความเป็นผู้นำช่องทางให้บริการอัตโนมัติการเงินครบวงจร โดยปีนี้ บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของยอดใช้บริการรวม 1-5% ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ในส่วนธุรกิจการเติมเงิน-รับชำระเงินอัตโนมัติ บริษัทเน้นให้บริการที่ตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้าที่หันมาใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการซื้อของออนไลน์ทำให้ดันยอดบริการ E-wallet มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทจะเพิ่มบริการชำระเงินอื่นๆ เช่นกรมธรรม์ พ.ร.บ. และสาธารธูปโภคต่างๆ และจับมือกับพันธมิตรรายใหญ่เพิ่มช่องทางการชำระเงินผ่านเคาท์เตอร์ที่เข้าถึงและสะดวกสบาย รองรับการชำระบิลทั่วประเทศ คาดดันยอดใช้บริการพุ่งพร้อมขยายฐานลูกค้าใหม่

ขณะที่กลุ่มธุรกิจทางการเงินและสินเชื่อครบวงจร บุญเติมเป็นตัวแทนธนาคารที่ให้บริการอย่างครบวงจร ทั้งการฝาก โอน ถอน และการยืนยันตัวตนเพื่อเปิดบัญชีธนาคารและสินเชื่อ ซึ่งทำให้ตู้บุญเติญเป็นธนาคารชุมชนอย่างแท้จริงที่มีลูกค้าทั้งคนไทยและคนต่างชาติมาใช้บริการ คาดจำนวนธุรกรรมทางการเงินเติบโต 30 % จากการเป็นตัวแทนธนาคารเพิ่มอีก 1 แห่ง ไตรมาสนี้ และบริการถอนเงินสดผ่านตู้ Mini ATM บุญเติม ที่สามารถถอนเงินสดขั้นต่ำ 20 บาท ตั้งเป้าผลักดันให้มีจุดบริการ 200 แห่ง และขยายเป็น 10,000 แห่งทั่วประเทศต่อไป โดยคาดหวังว่าจะสามารถดึงมาร์เก็ตแชร์ในตลาดนี้ได้ จากภาพรวมของตลาดมีปริมาณการถอนเงินมากกว่า 180 ล้านรายการต่อเดือน ทั้งนำ Big Data จากฐานข้อมูลลูกค้ามากกว่า 20 ล้านหมายเลข และกว่า 1.4 ล้านรายการต่อวัน และมีจำนวนบริการมากกว่า 80 รายการ ทำให้บริษัทมีข้อมูลเชิงลึก และเข้าใจถึงพฤติกรรม นำมาวิเคราะห์ พัฒนาร่วมกับพันธมิตรใหม่ในการขยายธุรกิจและการให้บริการใหม่ ๆ ในธุรกิจสินเชื่อ ซึ่งจะเพิ่มฐานลูกค้าใหม่สู่กลุ่มลูกค้าบุญเติมที่มีประวัติดีจากฐานข้อมูล และจะผลักดันสินเชื่อทุกรูปแบบไปยังกลุ่มรายย่อยอื่น ๆ ในอนาคต

สุดท้ายกลุ่มธุรกิจเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติและกระจายสินค้า เน้นการขยายการให้บริการของ “ตู้เต่าบิน” คาเฟ่อัตโนมัติ ที่ให้บริการเครื่องดื่มร้อนและเย็นมากกว่า 100 เมนู และให้บริการในจุดที่ผู้คนเข้าถึงได้ง่าย โดยตั้งเป้าขยายตู้เต่าบินให้ได้ 20,000 ตู้ภายใน 3 ปี และมียอดขาย 1 ล้านแก้วต่อวัน สร้างยอดขายต่อปีมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท  โดยจะพัฒนาสูตรเครื่องดื่มใหม่ ๆ อย่างเครื่องดื่มที่ผสมกัญชงหรือเครื่องดื่มน้ำขิงที่เริ่มจำหน่ายแล้ว  ในส่วนของเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charger)  ภายใต้แบรนด์ EV NET ที่มาพร้อมด้วยระบบการจัดการและชำระเงินผ่าน Application “Be-Charger” โดยที่เน้นจุดให้บริการในทำเลแบบพื้นที่ปิดที่จอดรถเป็นเวลานาน ซึ่งบริษัทสามารถตั้งราคาขายเครื่องที่สามารถแข่งขันกับตลาดได้ เนื่องจากต้นทุนต่ำ พร้อมบริการหลังการขายและระบบจัดการที่แข็งแกร่ง ด้วยข้อได้เปรียบและจุดขายที่โดดเด่น จะทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างมาก

บุญเติมรุกธุรกิจสินค้าเงินผ่อน เจาะลูกค้า 20 ล้านราย

บุญเติมใช้ Big Data และ AI เป็นฐานสำคัญเดินหน้าโมเดลธุรกิจสินค้าเงินผ่อน ผ่อนนาน ค่างวดต่ำ เจาะกลุ่มชุมชน จนถึงหมู่บ้าน ยกระดับความแข็งแกร่งด้านการให้บริการครบวงจร ร่วมกับพันธมิตรรายใหญ่ นำร่องบริการผ่อนโทรศัพท์มือถือ หวังเติบโตในตลาดสินค้าเงินผ่อน ขยายฐานลูกค้า ยอดขาย และยอดรับชำระผ่านตู้บุญเติม

นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART ผู้นำเครือข่ายช่องทางบริการอัตโนมัติและการเงินครบวงจร ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ภายใต้ชื่อ “บุญเติม” เปิดเผยว่า บริษัทมี Big Data ซึ่งถือเป็นขุมทรัพย์ข้อมูลด้านการตลาดที่สำคัญในปัจจุบัน เป็นที่มาของการนำข้อมูลมาเพิ่มขีดความสามารถให้กับบริษัท ด้านการพัฒนาสินค้าและการบริการให้ตรงกลุ่มลูกค้า “บุญเติม”  และจากฐานข้อมูลลูกค้ากว่า 20 ล้านราย และกว่า 1.5 ล้านรายการต่อวันในการใช้บริการที่ “ตู้บุญเติม” ทำให้บริษัททราบถึงพฤติกรรม และความต้องการของลูกค้า ในเชิงลึกทั้งบริการที่ใช้ ยอดการใช้จ่าย ความถี่ในการใช้บริการ รวมถึงบริการที่เลือกใช้ต่อเนื่อง หรือบริการใหม่ที่เข้ามาใช้ในแต่ละครั้ง ทำให้บริษัทมีข้อมูลเพียงพอ ที่ทำให้เห็นรูปแบบ พฤติกรรม และความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภครายย่อย ซึ่งยังคงเป็นผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ และมีศักยภาพในด้านการตลาด รวมถึงยังเป็นกุญแจสำคัญนำมาซึ่งการพัฒนาแพลตฟอร์มของให้บริการอย่างครบวงจรมากขึ้นในอนาคต

เพื่อรักษาแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจในครึ่งปีหลัง บริษัทได้เดินหน้าบุกธุรกิจสินค้าเงินผ่อน ที่ยังเป็นตลาดขนาดใหญ่ สามารถสร้างรายได้ โดยเน้นจุดแข็งของ Big Data เป็นสำคัญ และมุ่งเน้นการใช้เน็ตเวิร์กของ “ตู้บุญเติม” กว่า 130,000 ตู้ นี้ให้เกิดประโยชน์ในการต่อยอดธุรกิจเงินผ่อน ซึ่งเป็นตลาดที่ยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญเป็นธุรกิจที่สามารถลงถึงระดับชุมชน ตำบล และหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตู้ “บุญเติม” ตั้งอยู่อีกด้วย ยุทธศาสตร์ของบริษัทนี้ จะทำให้บริษัทเป็นธุรกิจครบวงจรในด้านการให้บริการ ครอบคลุมด้านการจำหน่ายสินค้าเงินผ่อน และบริการรับชำระเงินผ่อนที่ “ตู้บุญเติม” เพิ่มเติมจากบริการมากกว่า 80 รายการที่มีอยู่ในปัจจุบัน” นายณรงค์ศักดิ์กล่าว

ปัจจุบันการใช้บริการผ่อนชำระค่าสินค้า จะต้องมีเงินดาวน์ หรือเอกสารค้ำประกัน หรือการเข้าถึงระบบผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตที่มีข้อจำกัด ซึ่งลูกค้ากลุ่มรากหญ้า กลุ่มวัยเริ่มทำงานที่ยังไม่มีบัตรเครดิต หรือลูกค้าที่ไม่มีกำลังซื้อด้วยเงินก้อน ซึ่งบริษัทเล็งเห็นประเด็นดังกล่าว จึงจะมุ่งเน้นการผ่อนชำระที่เข้าถึงหมู่บ้าน และชุมชนห่างไกล และวางมาตรฐานยอดผ่อนให้น้อย ระยะเวลาผ่อนนาน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ และตอบสนองความต้องการของลูกค้า 20 ล้านรายให้เข้าถึงบริการเงินผ่อนที่เป็นบริการใหม่ได้เพิ่มเติม พร้อมการเปิดให้บริการจ่ายชำระค่างวดผ่อนผ่าน “ตู้บุญเติม” ซึ่งจะทำให้การบริการด้านการผ่อนชำระค่าสินค้ามีประสิทธิภาพ คล่องตัว และครบวงจร ตอบโจทย์การให้บริการผ่อนชำระ เพื่อผู้บริโภครายย่อยได้อย่างแท้จริง

การรุกตลาดสินค้าเงินผ่อนครั้งนี้ ได้อาศัยจุดแข็งด้านการเข้าถึงตลาดต่างจังหวัดและชุมชน จับมือพันธมิตรยักษ์ใหญ่ทั้ง KBTG หรือ บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป หน่วยงานที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาแอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์ต่างๆ ให้กับธนาคารกสิกรไทย ได้นำแพล็ทฟอร์ม AI มาใช้ในการวิเคราะห์ Big Data ของบุญเติมที่มีอยู่ ทำให้สามารถเข้าถึงพฤติกรรมลูกค้าที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung และร้าน TG Fone ที่มีสาขารวมกันกว่า 121 สาขาทั่วประเทศ ร่วมเปิดบริการใหม่ด้านสินเชื่อให้กับลูกค้าบุญเติม โดยลูกค้าประจำของบุญเติมที่เป็นลูกค้าชั้นดี และมีการใช้บริการสม่ำเสมอ จะได้รับสิทธิพิเศษ ในการมารับมือถือ Samsung A12 ที่ร้าน TG Fone เพียงแสดงบัตรประจำตัวประชาชน และสามารถผ่อนชำระค่าเครื่องที่ “ตู้บุญเติม” ซึ่งมีกว่า 130,000 ตู้ทั่วประเทศ

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การเริ่มต้นในครั้งนี้ นอกจากกำไรจากการจำหน่ายสินค้า ดอกเบี้ย และค่าบริการจากการเติมเงินเข้าระบบแล้ว บริษัทยังสามารถทำให้ลูกค้าของบุญเติม สามารถเข้าถึงระบบผ่อนชำระค่าสินค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย  ซึ่งจะทำให้บริษัทแข็งแกร่งในด้านการให้บริการที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ภายใต้กลุ่มธุรกิจเติมเงิน-รับชำระเงินอัตโนมัติ การเติมเงิน- ชำระบิล ชำระค่าเบี้ยประกัน และ เติมเงิน E-wallet อีกทั้งธุรกิจด้านการเงินและสินเชื่อครบวงจรให้บริการ โอน ฝาก การยืนยันตัวตนเพื่อบัญชีธนาคารและบริการถอนเงินจากตู้ Mini ATM ในไตรมาสนี้ ในส่วนธุรกิจเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติและการกระจายสินค้ายังคงมุ่งหน้าขยายจุดติดตั้งคาเฟ่อัตโนมัติ “เต่าบิน” ให้ได้ 20,000 จุดในสามปีข้างหน้า และ EV Charger ต่อไป”