บอร์ด DOD เคาะ คลอด W-2 ขายผู้ถือหุ้นเดิม 205 ล้านหน่วย

บอร์ด บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) อนุมัติเพิ่มทุน 205 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท รองรับการการใช้สิทธิวอร์แรนต์ครั้งที่ 2 (DOD-W2) ที่เสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 205 ล้านหน่วย ในอัตราการ 2:1 ที่ราคา 0.10 บาท มีอายุ 2 ปี เพื่อนำเงินมาขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชง-กัญชา และพืชกระท่อม ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตอกย้ำศักยภาพทางธุรกิจด้านการสกัดสมุนไพรอันดับต้นๆของประเทศ พร้อมเตรียมชงขอมติผู้ถือหุ้น เพื่ออนุมัติไฟเขียว ต.ค.นี้

นายธนิน ศรีเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียน ของบริษัทฯ จำนวน 102.5 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม จำนวน 205 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 307.5 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 205 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50  บาท

ทั้งนี้ เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 2 (DOD-W2) จำนวนไม่เกิน 205,000,246 หน่วย ซึ่งจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) ในอัตราส่วน 2 หุ้นสามัญ ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ ในราคาเสนอขายต่อหน่วย 0.10 บาท อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ และมีราคาใช้สิทธิจะเท่ากับ 18.00 บาท ทั้งนี้บริษัทฯจะเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อขอให้พิจารณาอนุมัติในเดือนตุลาคมนี้

สำหรับวัตถุประสงค์การออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ เนื่องจากบริษัทฯมีแผนนำเงินที่ได้ไปขยายและต่อยอดธุรกิจ โดยมุ่งเน้นเพื่อพัฒนาธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชง-กัญชา และพืชกระท่อม รวมทั้งสมุนไพรอื่นๆ ขณะเดียวกัน บริษัทฯมีแผนที่จะขยายการลงทุนในส่วนของธุรกิจต้นน้ำ โดยการทำโรงเรือนเพาะปลูก  ส่วนธุรกิจกลางน้ำ บริษัทฯมีแผนทำโครงการโรงสกัดแบบ full spectrum และส่วนธุรกิจปลายน้ำ บริษัทฯมีแผนการลงทุนในการสร้างผลิตภัณฑ์ ภายใต้ตราสินค้าของบริษัทเอง เพื่อต่อยอดสู่ธุรกิจออนไลน์ ผ่านการจัดจำหน่ายแบรนด์สินค้าของบริษัทเอง ทั้งนี้เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยง โดยหันมามุ่งเน้นการพึ่งพาตลาดของตนเอง

อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีแผนลงทุนด้านการสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาสารสกัดพืชสมุนไพร แบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน ภายใต้การสร้างคลังสินค้า และระบบโลจิสติกส์ของบริษัทเอง เพื่อใช้กับโรงงานอาหารเสริม โรงสกัด และธุรกิจออนไลน์

นอกจากนี้ บริษัทฯจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับแผนธุรกิจในอนาคต อีกทั้งมีแผน ในการชำระคืนหนี้ระยะสั้น และระยะยาว แก่สถาบันการเงิน เพื่อลดความเสี่ยงทางการเงิน ซึ่งจากแผนขยายการลงทุนดังกล่าว จะเป็นการช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพความแข็งแกร่งในการเป็นผู้นำของ บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค ในฐานะผู้ผลิต ผู้สกัด และผู้จัดจำหน่าย ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่มีสารสกัดจากกัญชง-กัญชา พืชกระท่อม รวมถึงสมุนไพรอื่นๆ ที่ครบวงจรระดับต้นๆ ของประเทศ

DOD เดินเกมรุกครึ่งปีหลัง ลุยกัญชงเต็มสูบ

บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) จ่อเดินเกมรุกครึ่งปีหลัง ดัน “สยาม เฮอเบิล เทค” ลุยกัญชงเต็มสูบ เตรียมส่งมอบเมล็ดพันธุ์กัญชงให้พาร์ทเนอร์ (บริษัททีเอชซีจี กรุ๊ป – วิสาหกิจชุมชนทุ่งนางแลฯ – วิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกและแปรรูปบุกเขาค้อ)ปลูกปลายส.ค.นี้ เพื่อจำหน่ายให้ DOD นำสารสำคัญมาสกัด Hemp Seed Oil – CBD ขณะที่โรงสกัดแล้วเสร็จพร้อมดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในต.ค.นี้ ตอกย้ำเป็นผู้นำการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รวมถึงผู้นำด้านโรงสกัดรายใหญ่ที่ผลิตสารสกัดจากกัญชงครบวงจร แบบ One Stop Service Solution ตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ ในระดับต้นๆของประเทศ  ระบุ DOD เปิด LAB ให้ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์วิจัยคิดค้นสารตั้งต้นสำคัญของยา“ฟาวิพิราเวียร์” เพื่อนำมาผลิตเป็นยาต้านเชื้อไวรัสในประเทศไทย

นายธนิน ศรีเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน)หรือ DOD เปิดเผยถึงทิศทางครึ่งปีหลังว่า จากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีความเสี่ยงสูงและเปราะบางทำให้บริษัทฯได้ประเมินความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาวจึงเห็นควรว่า ต้องมีการหยุดการดำเนินงานของบริษัทย่อยทั้ง 2 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจเครื่องสำอางและธุรกิจเครือข่าย เพื่อไม่ให้มีผลขาดทุนต่อเนื่องต่อไป

บริษัทฯจะมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับธุรกิจโรงสกัดซึ่งเป็นหัวใจหลักของธุรกิจ ( Core Business) ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันให้กับกลุ่มบริษัทได้อย่างมั่นคง ที่ผ่านมาบริษัทฯได้จัดตั้งบริษัทย่อยภายใต้ บริษัทสยาม เฮอเบิล เทค จำกัด เข้ามาดำเนินธุรกิจด้านโรงสกัดสำหรับรองรับการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ สารสกัดจากกัญชง-กัญชา พืชกระท่อม (ซึ่งถือพืชเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ) และพืชสมุนไพรอื่นๆ รวมถึงเป็นผู้นำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชงจากประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อนำมาจำหน่ายให้กับเครือข่ายผู้ปลูกกัญชง

จากความคืบหน้าล่าสุด บริษัทสยาม เฮอเบิล เทค ได้ทำสัญญากับกลุ่มเกษตรกร (Contract Farming) รายใหญ่ และกลุ่มรัฐวิสาหกิจชุมชน อาทิ บริษัท ทีเอชซีจี กรุ๊ป จำกัด วิสาหกิจชุมชนทุ่งนางแลสมุนไพรเพื่อการแพทย์ รวมถึงวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกและแปรรูปบุกเขาค้อ ที่ได้รับใบอนุญาตการปลูกกัญชง  จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทฯคาดว่าจะทยอยส่งมอบเมล็ดพันธุ์กัญชง ซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์นำเข้าที่ได้ใบอนุญาตจากสำนักงานอย.ให้กลุ่มพันธมิตรดังกล่าวภายในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อดำเนินการปลูก โดยบริษัททีเอชซีจี กรุ๊ป จำกัด จะนำเมล็ดพันธุ์ที่ได้รับ จำนวน 1 แสนเมล็ด ไปปลูกเพื่อนำเมล็ดกัญชง มาจำหน่ายให้กับบริษัทฯ เพื่อนำไปสกัดน้ำมันจากเมล็ดกัญชง (Hemp Seed Oil)

ในขณะที่วิสาหกิจชุมชนทุ่งนางแลสมุนไพรเพื่อการแพทย์ จะนำเมล็ดพันธุ์ที่ได้รับทั้งหมด 2.5 หมื่นเมล็ด ไปปลูกเพื่อเอาช่อดอก เพื่อจำหน่ายให้บริษัทฯนำสารสำคัญไปผลิต CBD หลังจากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการสกัดสารและผลิตผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าตามออเดอร์ ได้ภายในช่วงไตรมาส 4/2564 หรือ ต้นปี 2565 ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งบริษัทฯเชื่อมั่นว่าจะสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้เป็นรายแรกของประเทศไทย

สำหรับความคืบหน้าการจัดตั้งโรงสกัดนั้น ล่าสุดได้มีความคืบหน้าในการก่อสร้างไปแล้วกว่า 80% พร้อมทั้งได้มีการนำเข้าเครื่องจักรเข้ามาติดตั้งภายในโรงงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นบริษัทฯคาดว่าโรงสกัดดังกล่าวจะแล้วเสร็จและสามารถดำเนินการผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ภายในเดือนตุลาคมนี้อย่างแน่นอน โดยโรงสกัดดังกล่าวถูกก่อสร้างภายใต้การรับรองตามมาตรฐาน PIC/S ซึ่งเป็นมาตรการของโรงงานผลิตยา

หากโรงสกัดแล้วเสร็จและได้รับใบอนุญาตตั้งโรงงานสกัดสาร CBD ในการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สารสกัดจากกัญชงตามแผนที่วางไว้ จะเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพความแข็งแกร่งในการเป็นผู้นำของกลุ่มบริษัท DOD ทั้งด้านการเป็นผู้นำการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รวมถึงผู้นำด้านโรงสกัดรายใหญ่ที่ผลิตสารสกัดสำคัญจากกัญชง-กัญชา พืชกระท่อม รวมถึงพืชสมุนไพรอื่นๆที่ครบวงจรแบบ One Stop Service Solution ตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ ในระดับต้นๆของประเทศ

ด้านนางสาวสุวารินทร์ ก้อนทอง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค  กล่าวเพิ่มเติมว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) บริษัทฯได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนห้อง LAB ปฏิบัติการให้กับทางสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้การดูแลของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ สถาบันการวิจัยและวิชาการชั้นสูงของประเทศไทยเพื่อใช้สำหรับงานวิจัยคิดค้นสารตั้งต้นสำคัญของยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) )เพื่อนำมาผลิตเป็นยาต้านเชื้อไวรัสในประเทศไทยภายใต้การดูแลของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยมีเป้าหมายต้องการเห็นประเทศไทยพ้นจากวิกฤติการระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งล่าสุดราชวิทยาลัยจุฬาฯได้มีการส่งวัตถุดิบซึ่งเป็นสารตั้งต้นที่สำคัญในการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ มาให้ทีมวิจัยและพัฒนา(R&D)ของ DOD ช่วยวิเคราะห์เพื่อร่วมหาสารตั้งต้นดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้บริษัทฯมองว่าการที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมทั้งวิเคราะห์วิจัย และสนับสนุนห้อง LAB เพื่อปฏิบัติการครั้งนี้ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทฯที่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือประเทศ

สำหรับสาเหตุที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์เข้ามาใช้ห้องปฏิบัติการ (LAB)ของ DOD เนื่องจากเล็งเห็นว่า  LAB ของเราได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 : 2017 รวมถึงยังได้การรับรองมาตรฐาน ISO 22000:2018 (ระบบการจัดการความปลอดภัยของอาหาร) และ ISO 14001 : 2015 (ระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม) รวมถึงมีทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่สามารถสนับสนุนงานวิจัยในการคิดค้นสารตั้งต้นสำคัญของยาฟาวิพิราเวียร์ ร่วมกับสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ได้ตรงตามที่ต้องการ

พร้อมทั้งนี้ ยังได้กล่าวเพิ่มเติม แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างรุนแรงจากโรคระบาดไวรัสโคโรนา 2019 แต่ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ของบริษัทยังคงมีรายได้จากการขาย 247.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.42 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 9.94 และมีกำไรจากการดำเนินงาน 73.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.98 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 32.63 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามบริษัทฯได้ประเมินความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาวจึงเห็นควรว่าต้องมีการหยุดการดำเนินงานของบริษัทย่อยทั้ง 2 แห่งในธุรกิจเครือข่าย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวทำให้ต้องตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยลูกหนี้และลูกหนี้อื่น ค่าเผื่อการด้อยค่าสินทรัพย์ทางการเงิน และค่าเผื่อการลดมูลค่าสินค้าคงเหลือจึงส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกิจการ ทำให้เกิดผลขาดทุนส่วนของบริษัทใหญ่จำนวน (57.83) ล้านบาท แต่บริษัทเล็งเห็นว่าการปรับโครงสร้างองค์กรในครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีการเติบโตอย่างมั่นคง

โดยพิจารณาได้จากผลการดำเนินงานของธุรกิจหลัก (Core Business) ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจาก 406.04 ล้านบาท เป็น 603.44 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 48.62 และมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจาก 118.81 ล้านบาท เป็น 225.14 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 89.50 และมีกำไรที่ไม่รวมของบริษัทย่อยทั้งสองแห่งที่หยุดดำเนินงานเพิ่มขึ้นจาก 83.23 ล้านบาท เป็น 175.92 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 111.37 เทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

DOD คว้าใบอนุญาตสกัดเมล็ดกัญชงรายแรกของไทย

บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) เฮ.! คว้าใบอนุญาตสกัดน้ำมันจากเมล็ดกัญชง (Hemp Seed Oil) เป็นรายแรกของของประเทศไทย พร้อมลุยขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สำเร็จ(Finished product) กับ สำนักงานอย. ให้กลุ่มพาร์ทเนอร์ที่เซ็นMOU ในเร็วๆนี้  ส่งซิกเตรียมเดินเครื่องผลิตผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากเมล็ดกัญชง ส่งมอบตามออเดอร์ภายในไตรมาส 4/64 ตามแผน

นายธนิน ศรีเศรษฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD ผู้นำในธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่มีส่วนประกอบหลักมาจากสารสกัดจากธรรมชาติแบบการครบวงจร เปิดเผยว่า  ล่าสุด DOD ได้รับใบอนุญาตสกัดน้ำมันจากเมล็ดกัญชง (Hemp Seed Oil) โปรตีนจากเมล็ดกัญชงและผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำมันจากเมล็ดกัญชง (Hemp Seed Oil) โปรตีนจากเมล็ดกัญชง จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เพื่อผลิตในเชิงพาณิชย์ เป็นรายแรกของประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นข่าวดี ต่อเนื่องจากก่อนหน้านี้ บริษัท สยาม เฮอเบล เทค จำกัด (บริษัทย่อยของ DOD) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชงจากประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ได้รับใบอนุญาตนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชงคืนจากสำนักงาน อย.กลับคืนมาแล้วเช่นเดียวกัน

ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างขั้นตอนในการนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชงจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดจะเริ่มนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชงเฟสแรก ได้ภายในช่วงปลายเดือนมิถุนายน หรือ ต้นเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อจำหน่ายให้กับเครือข่ายเกษตรได้แก่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน รวมถึงกลุ่มเกษตร ที่ยื่นขอรับใบอนุญาตเพาะปลูกกัญชง ภายใต้สัญญาที่บริษัทฯจะรับซื้อผลผลิตทั้งหมดกลับมา โดยใช้โรงสกัดของ DOD ที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันมาสกัดเป็นวัตถุดิบและสารตั้งต้นในการใช้เป็นส่วนผสมเพื่อพัฒนาและต่อยอดในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และ สกินแคร์คอสเมติกส์ เพื่อตอบโจทย์ตามความต้องการของกลุ่มพันธมิตรที่บริษัทฯได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำเร็จ (Finished product) ที่มีส่วนผสมจากสารสกัดจากกัญชง อาทิ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JKN) , บมจ.โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล (KISS) บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) , บมจ.ชโย กรุ๊ป (CHAYO) , บมจ.เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท (FN) และกลุ่มผู้ประกอบการทั่วไป

พร้อมกันนี้ บริษัทฯเตรียมดำเนินการยื่นขอขึ้นทะเบียนอย.ของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หลังจากที่ร่วมกันพัฒนาวิจัย คิดค้นสูตรนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สำเร็จ และ ขึ้นทะเบียนเลขที่จดแจ้งสกินแคร์คอสเมติกส์ ที่มีส่วนผสมจากสารสกัดจากกัญชงต่อสำนักงานอย.ให้กับกลุ่มพันธมิตรดังกล่าวในเร็วๆนี้ ก่อนที่จะดำเนินการผลิตและส่งมอบให้ลูกค้ากลุ่มพันธมิตรตามออเดอร์ เพื่อเปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ ได้ภายในช่วงไตรมาส 4/2564 ตามแผนที่วางไว้

ส่วนเรื่องการจัดตั้งโรงสกัด ภายใต้ บริษัท สยาม เฮอเบิล เทค จำกัด นั้น หากสำนักงานอย.เปิดให้มีการยื่นขอใบอนุญาต บริษัทฯก็มีความพร้อมยื่นใบอนุญาตตั้งโรงงานสกัดสาร CBD ในการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สารสกัดจากกัญชง ได้ทันที เนื่องจากบริษัทฯได้รับการพิจารณาอนุมัติคำขอแบบแสดงโรงสกัด จากอย.ในช่วงก่อนหน้านี้แล้ว

นายธนิน กล่าวทิ้งท้ายว่า หากบริษัทฯได้รับใบอนุญาตครบถ้วนตามที่ยื่นขอ และสามารถผลิตผลิตภัณฑ์จากสารสกัดกัญชงเชิงพาณิชย์ตามที่วางแผนไว้ จะเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความพร้อมของศักยภาพความแข็งแกร่งในการเป็นผู้นำของกลุ่มบริษัท DOD ในฐานะผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอางและสกินแคร์ ที่มีสารสกัดจากกัญชงที่ครบวงจร แบบ One Stop Service Solution ตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ ในระดับต้นๆของประเทศ