กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บัวหลวงทรัพย์มั่งคั่ง คว้ารางวัลชนะเลิศปี 63

บลจ.บีแคป ปลื้ม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ “บัวหลวงทรัพย์มั่งคั่ง “คว้ารางวัลชนะเลิศ ประจำปี 63 ประเภทกองทุนร่วม ที่มีขนาดกองทุนต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทได้รับโล่­รางวัลพระราชทานของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

นางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บางกอกแคปปิตอล หรือ BCAP เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทส่ง กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เข้าร่วมประกวดในโครงการกวดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพดีเด่น ครั้งที่ 9 ประจำปี 2563 ของสมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นที่น่ายินดีว่า กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ “บัวหลวงทรัพย์มั่งคั่ง” ได้รับรางวัลการประกวดกองทุนสำรองเลี้ยงชีพดีเด่น  รางวัลชนะเลิศ ประเภทกองทุนร่วม กองทุนร่วม Pooled Fund กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่มีขนาดกองทุนต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท โดยได้รับพระราชทานโล่รางวัล สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมาร

“รางวัลชนะเลิศจากการประกวดกองทุนสํารองเลี้ยงชีพดีเด่นในครั้งนี้ถือเป็นความภูมิใจ และตอบแทนการทำงานหนักของคณะผู้บริหาร ทีมผู้จัดการกองทุน และทุกคนในบริษัท ที่พยายามจะยกระดับมาตรฐานของบริษัทให้ดียิ่งขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่ไว้วางใจให้ทางบริษัทดูแลบริหารเงินสำรองเลี้ยงชีพ ทั้งนี้ เราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนามาตรฐานในทุกด้านของเราอย่างต่อเนื่องเพื่อมอบบริการที่ดีที่สุด ตอบแทนความไว้วางใจของสมาชิกกองทุน” นางเมธ์วดี กล่าว

 

BCAP-CLEAN เปิดขาย IPO แล้ววันนี้ถึง 2 ก.ค.64

บลจ.บีแคปส่งกองบีแคป คลีน อินโนเวชั่น (BCAP-CLEAN) กองทุนนวัตกรรมเพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน ลงทุนต่างประเทศ รับเมกะเทรนด์ทั่วโลกตื่นตัวกระแสลดโลกร้อน เปิดขาย IPO 28 มิ.ย.-2 ก.ค.64  ลงทุนขั้นต่ำ 500 บาท/ครั้ง ผ่านตัวแทนรับซื้อ-ขายหน่วยลงทุนและธนาคารกรุงเทพ

นางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บางกอกแคปปิตอล หรือ BCAP เปิดเผยว่า บริษัทจะเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรกหรือ IPO กองทุนเปิดบีแคป คลีน อินโนเวชั่น (BCAP-CLEAN) ในวันที่ 28 มิ.ย.-2 ก.ค.2564  โดยมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารทุนที่เน้นลงทุนในต่างประเทศ ในธุรกิจที่เกี่ยวกับนวัตกรรมเพื่อช่วยในการรักษาสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่อย่างยั่งยืน

กองทุน BCAP-CLEAN ถือเป็นกองทุนที่ตอบโจทย์การลงทุนแห่งศตวรรษ กับนวัตกรรมเพื่อความอยู่รอดของโลก เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีกว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจก( CO 2) และอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นคือวิกฤตที่เรากำลังเผชิญอยู่ เพราะก๊าซ CO 2 เป็นสาเหตุหลักของปัญหาภาวะโลกร้อน ซึ่งผู้นำทั่วโลกได้ลงนามในสนธิสัญญาปารีสที่จะผลักดันการแก้ปัญหามลภาวะนี้ โดยภายใน 20 ปี ทุกประเทศในโลกจะมีอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจก( CO 2) เป็นศูนย์ ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากเป็นนโยบายที่ทุกประเทศต้องปฏิบัติตามสนธิสัญญา

กองทุน BCAP-CLEAN มีนโยบายที่เน้นกระจายการลงทุนในหลากหลายมิติให้ครอบคลุมนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง และลงทุนในนวัตกรรมที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยไม่ได้จำกัดอยู่แค่กลุ่มพลังงานทดแทน แต่ครอบคลุม clean climate innovation ในทุกด้าน เช่น การผลิตไฟฟ้าหมุนเวียน การขนส่งด้วยพลังงานสะอาด เทคโนโลยีสะอาดในการผลิตภาคอุตสาหกรรม เทคโนโลยีสะอาดในภาคการเกษตรและปศุสัตว์ และ เศรษฐกิจหมุนเวียนที่เน้นประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร รวมทั้งเป็นกองทุน Thematic ที่มุ่งเน้นธีมการลงทุนที่เป็นเชิงโครงสร้าง โดยเลือกธุรกิจที่พลิกโฉมด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อรับมือกับ Disruption ในอนาคต”นางเมธ์วดีกล่าว

สำหรับจุดเด่นของกองทุน BCAP–CLEAN จะกระจายการลงทุนในกองทุน Active และ ETF ทั่วโลก ครอบคลุม 400 หลักทรัพย์ในธุรกิจที่เป็นนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยสัดส่วนจะให้น้ำหนักการลงทุนในเอเชียแปซิฟิก 43%  รองมาเป็นอเมริกาเหนือ 27%  ยุโรป 18% และอื่นๆ เนื่องจากมองว่า เอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดใหญ่ที่มีโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน

ทั้งนี้ กองทุน BCAP-CLEAN  ไม่มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผล ส่วนการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนสามารถจองซื้อหน่วยลงทุนผ่านผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืน และธนาคารกรุงเทพได้ทุกวันทำการ ลงทุนขั้นต่ำ 500 บาท/ครั้ง

โดยผู้จัดการกองทุนคาดว่ากองทุนหลักๆ ที่จะลงทุนประกอบด้วย

  1. Invesco Global Clean Energy ETF (PBD) 20 %
  2. Invesco WilderHill Clean Energy ETF (PBW) 20 %
  3. KraneShares MSCI China Clean Technology Index ETF (KGRN) 20 %
  4. Amplify Lithium & Battery Technology ETF (BATT) 15 %
  5. iShares Electric Vehicles & Driving Technology UCITS ETF (ECAR) 15 %
  6. Rize Sustainable Future of Food UCITS ETF (FOOD) 5%
  7. BGF Circular Economy (BGBCEIU) 5%

BCAP เตรียมคลอดกองทุนที่ลงทุนในธุรกิจนวัตกรรม

บลจ.บีแคป เตรียมคลอดกองทุนที่ลงทุนในธุรกิจนวัตกรรมเพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รับกระแสเมกะเทรนด์ใหญ่ของโลก ประเมิน 20-30 ปีข้างหน้าจะมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมเพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ชี้เป็นธุรกิจขาขึ้นที่มีความต้องการสูง

นางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บางกอกแคปปิตอล หรือ BCAP กล่าวว่า บริษัทเตรียมที่จะออกกองทุนใหม่ ซึ่งเน้นการลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมช่วยลดการปล่อยก๊าสเรือนกระจก หรือคลีน อินโนเวชั่น ซึ่งถือว่าเป็นเมกะเทรนด์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยประเมินว่าตั้งแต่วันนี้จนถึง 20-30 ปีข้างหน้าจะมีเม็ดเงินไหลเข้าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมหาศาล ตอบรับนโยบายกว่า 196 ประเทศทั่วโลก ที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ ภายในปี 2050

การลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นการตอบโจกท์การลงทุนแห่งศตวรรษเพราะถือว่าเป็นนวัตกรรมเพื่อความอยู่รอดของโลก เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีกว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (CO2)และอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นคือวิกฤตที่เรากำลังเผชิญอยู่ เพราะก๊าซ CO2 เป็นสาเหตุหลักของปัญหาภาวะโลกร้อน และทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งในอดีต ระดับของ CO2 และอุณหภูมิโลกมีการปรับเข้าสมดุลมาตลอด แต่หลังจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมก็ทำให้เสียสมดุลไปและปรับตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรงขณะที่ จีน เป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซ CO2มากที่สุดในโลกและยังรับมือกับปัญหาได้น้อย WWF หรือองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล คาดการณ์ว่าถ้าไม่เร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้น 1.5 °C ภายในปี 2040เพิ่มขึ้น 2 °C ภายในปี 2065 และเพิ่มขึ้น 4°Cภายในปี 2100 ซึ่งธนาคารโลกมองว่าถ้าไม่ได้รับการแก้ไขปล่อยให้อุณหภูมิโลกขึ้นไปถึง 4°C จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์เช่นจะเกิดการขาดแคลนอาหารเพราะพื้นที่บางภูมิภาคของโลกไม่สามารถทำการเกษตรได้พืชและสัตว์จะหายไปจากโลก 50% ธุรกิจประมงเกิดการสูญพันธุ์น้ำแข็งจากขั้วโลกละลายหนุนน้ำทะเลขึ้นสูง 3-7 เมตร

นางเมธ์วดี อธิบายต่อว่า จากสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้ทั่วโลกมีการตื่นตัวลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจากส่งผลให้ทั่วโลกจำเป็นต้องกำหนด การลดโลกร้อนเป็นวาระแห่งชาติ โดยความตกลงปารีสทำให้แผนลดการปล่อยก๊าซCO2เป็นรูปธรรมมากขึ้น เห็นได้จากมหาอำนาจของโลก
ต่างต้องการเป็นผู้นำเทคโนโลยีลดโลกร้อนโดยสหรัฐอเมริกา ในยุคของโจไบเดน
เป็นประธานาธิบดีกลับมาให้ความสำคัญกับปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกพร้อมกับทุ่มงบลงทุนกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ในพลังงานสะอาดรวมถึงเก็บภาษีสินค้าที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงขณะที่ สี จิ้นผิงประกาศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะ 5 ปี ฉบับที่ 14(ปี 2021-2025) ซึ่งมุ่งเน้นแก้ปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของจีน
โดยต้องการเป็นผู้นำการผลิตเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาด และลงทุน 1.7
ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับการส่งพลังงานสูงและสถานีชาร์ตรถไฟฟ้าดังนั้นจะเห็นได้ว่าแรงผลักดันทั้งโลกมุ่งสู่ Net Zero CO2 emissionถือเป็นโอกาสการลงทุนแห่งศตวรรษ โดยทางบีแคปมองว่าปัจจุบันกองทุนส่วนใหญ่จะลงทุนแค่ในธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานทางเลือกไม่ได้ครอบคลุมไปในธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมแบบครบวงจร ที่มีโอกาสในการเติบโตที่สูงมาก