AGE ปลื้มเข้าคำนวณดัชนี FTSE Micro Cap ดีเดย์ 17 ก.ย.นี้

บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE)ปลื้มได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนีอ้างอิงระดับสากล FTSE SET Index กลุ่ม Micro Cap จากการคัดเลือกโดยองค์กรระดับโลก ตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้านประธานกรรมการบริหาร “พนม ควรสถาพร” เดินเกมรุกลุยธุรกิจโลจิสติกส์ทุกมิติแบบเต็มสูบ หวังปั้นรายได้โลจิสติกส์ฯ เข้ากระเป๋า 1,000 ล้านบาทได้แน่นอน พร้อมส่งซิกรายได้รวมทั้งปีนี้ แตะ11,000 ล้านบาท

นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ผู้จัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) และผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร (ขนส่งทางน้ำ-ทางบก-ท่าเรือ-คลังสินค้า) เปิดเผยถึงการได้รับการคัดเลือกจาก FTSE SET Index คำนวณในกลุ่ม Micro Cap ซึ่งเป็นดัชนีหลักทรัพย์ระดับนานาชาติ สำหรับครึ่งปีหลัง 2564 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน ของบริษัทฯ ว่า  การได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้ถือเป็นการแสดงศักยภาพความน่าดึงดูดให้กับหุ้น AGE และสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจาก FTSE Rebalance เป็นหน่วยงานที่ได้รับความน่าเชื่อถือระดับโลก

สำหรับเกณฑ์ที่ FTSE Rebalance นำมาใช้ในการคำนวณ และคัดเลือกหลักทรัพย์ที่จะถูกคำนวณรวมในดัชนี FTSE SET นั้น จะต้องผ่านเกณฑ์สภาพคล่องของจำนวนหุ้นที่มีการซื้อขายรายวันในแต่ละเดือนไม่ต่ำกว่า 0.05% ของจำนวนหุ้นที่ซื้อขายได้ ในระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 10 เดือน จาก 12 เดือน ก่อนวันที่พิจารณาทบทวนรายชื่อดัชนีในแต่ละรอบ โดยต้องผ่านเกณฑ์การกระจายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยมากกว่า 15% ขึ้นไป ซึ่งจากเกณฑ์ดั้งกล่าวบ่งชี้ว่า AGE เป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง และเป็นที่สนใจทั้งกลุ่มนักลงทุนรายย่อย สถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลต่อยอดภายหลังที่บริษัทฯ ได้มีการย้ายการซื้อขายจากตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในช่วงที่ผ่านมา

“บริษัทฯ รู้สึกยินดี ที่ได้รับการคัดเลือกในครั้งนี้ ซึ่งเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับใช้ในการ ประกอบการตัดสินใจก่อนเข้าลงทุนในหุ้นของ AGE ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 ซึ่งมีรายได้รวม 5,807.5  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิที่ 121.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 136.4% รวมทั้ง AGE มีการจ่ายปันผล ตามนโยบายการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิที่เหลือหลังจากหักเงินสำรองต่างๆอย่างสม่ำเสมอ ”

นอกจากนี้ ประธานกรรมการบริหาร AGE ยังประกาศเดินหน้าปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเชิงรุกในช่วงครึ่งปีหลัง โดยมุ่งเน้นธุรกิจโลจิสติกส์ ภายหลังการเข้าไปบริหารจัดการท่าเรือ เพิ่มอีก 3 ท่า ส่งผลให้มีท่าเรือที่รองรับการให้บริการขนส่งทางน้ำรวมทั้งหมด 6 ท่า บริเวณอำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งจะช่วยหนุนให้ AGE สามารถรองรับปริมาณการขนส่งผ่านท่าเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 7 ล้านตันต่อปี

 ขณะเดียวกันยังลงทุนขยายกองรถบรรทุกเป็นกว่า 100 คัน ในปี 2564 จากที่ปัจจุบันมีรถบรรทุกอยู่ 68 คัน และมีรถบรรทุกเป็นพันธมิตรผู้รับจ้างงานช่วง (Sub-contractor) อีก 400-500 คัน รวมถึงขยายกองเรือโดยการเช่าและการหากองเรือพันธมิตร Sub-contractor เพื่อเพิ่มปริมาณบรรทุกสินค้าเป็น 200,000 ตัน จากที่ปัจจุบัน AGE มีกองเรืออยู่ 36 ลำ ปริมาณการบรรทุกสินค้ารวมกว่า 100,000 ตัน เพื่อรองรับปริมาณการขนส่ง ซึ่งจากแผนธุรกิจดังกล่าวจะส่งผลให้ธุรกิจด้านโลจิสติกส์ จะสามารถให้บริการที่ครบทุกมิติแบบครบวงจร

บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมในปีนี้ไว้ที่ระดับ 11,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้ดังกล่าวจะมาจากธุรกิจถ่านหิน 90 % จากการตั้งเป้ายอดขายที่ 5.5 ล้านตัน แบ่งเป็นยอดจำหน่ายในประเทศ 4.5 ล้านตัน และต่างประเทศ 1 ล้านตัน  และรายได้จากธุรกิจโลจิสติกส์ฯ 10 % หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท

AGE รุกโลจิสติกส์ โกยรายได้ปี64 แตะ 1,000 ล้าน

บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) เดินเกมรุกครึ่งปีหลัง ลุยธุรกิจโลจิสติกส์ ทั้งทางน้ำ -ทางบก-ท่าเรือ-คลังสินค้า แบบเต็มสูบ หวังปั้นรายได้เฉพาะโลจิสติกส์ เข้ากระเป๋า 1,000 ล้านบาท หนุนรายได้รวมทั้งปีโตแตะระดับ 11,000 ล้านบาท

นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ผู้จัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) และผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร (ขนส่งทางน้ำ-ทางบก-ท่าเรือ-คลังสินค้า) เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจในครึ่งหลังว่า AGE ยังคงเดินหน้าปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเชิงรุกในธุรกิจโลจิสติกส์แบบครบวงจรอย่างต่อเนื่อง ภายหลังการเข้าไปบริหารจัดการท่าเรือ เพิ่มอีก 3 ท่าในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ปัจจุบันมีท่าเรือที่รองรับการให้บริการขนส่งทางน้ำรวมทั้งหมด 6 ท่า บริเวณอำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ช่วยหนุนให้ AGE มีความสามารถรองรับปริมาณการขนส่งผ่านท่าเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 7 ล้านตันต่อปี

นอกจากนี้ AGE ยังเดินหน้าลงทุนขยายกองรถบรรทุกเป็นกว่า 100 คัน ในปี 2564 จากที่ปัจจุบันมีรถบรรทุกอยู่ 68 คัน และมีรถบรรทุกเป็นพันธมิตรผู้รับจ้างงานช่วง (Sub-contractor) อีก 400-500 คัน รวมถึงขยายกองเรือโดยการเช่าและการหากองเรือพันธมิตร Sub-contractor เพื่อเพิ่มปริมาณบรรทุกสินค้า  เป็น 200,000 ตัน จากที่ปัจจุบัน AGE มีกองเรืออยู่ 36 ลำ ปริมาณการบรรทุกสินค้ารวมกว่า 100,000  ตัน เพื่อรองรับปริมาณการขนส่ง ทั้งถ่านหิน และสินค้าในกลุ่มทรายแก้วเพื่อผลิตขวด, กระดาษ, ไม้สับ, ขี้เลื่อย และกะลาปาล์ม เป็นต้น ซึ่งจะหนุนให้รายได้จากธุรกิจการขนส่งโลจิสติกส์ ในอนาคตเติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงการเป็นผู้นำด้านการขนส่งด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจรในประเทศ

AGE ขยายธุรกิจด้านโลจิสติกส์เต็มรูปแบบ ทั้งการให้บริการขนส่งทางน้ำ-ทางบก รวมถึงการให้บริการท่าเทียบเรือ และให้บริการพื้นที่จัดเก็บสินค้า รวมถึงการขยายการรับขนส่งสินค้าในกลุ่มสินค้าเทกอง หรือ รวมกอง (Bulk Cargo) อาทิ สินค้าเกษตร ปุ๋ย แร่เหล็ก วัสดุก่อสร้าง และกำมะถัน เป็นต้น และในอนาคตบริษัทฯจะขยายการขนส่งกลุ่มสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ สินค้าอันตราย สินค้าที่เป็นของเหลว และสินค้าใช้ตู้คอนเทนเนอร์  ดังนั้นจากแผนดังกล่าวบริษัทฯเชื่อว่าจะส่งผลให้บริษัทฯมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจการขนส่งโลจิสติกส์ในปี 2564 ประมาณ 1,000 ล้านบาท

ในขณะที่ภาพรวมของธุรกิจถ่านหินนั้น ประธานกรรมการบริหาร AGE กล่าวเพิ่มเติมว่า ในไตรมาส4 ของทุกปีจะเป็นช่วงไฮซีซั่น โดยเป็นช่วงที่มีปริมาณการใช้ถ่านหินสูงที่สุด ดังนั้นเชื่อว่าดีมานด์ของออเดอร์ถ่านหินจะเข้ามาอย่างโดดเด่น ส่งผลให้ปริมาณยอดขายถ่านหินในปีนี้ยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยตั้งเป้ายอดขายที่ 5.5 ล้านตัน แบ่งเป็นยอดจำหน่ายในประเทศ 5 ล้านตัน และต่างประเทศ 5-7 แสนตัน ซึ่งเป็นผลจากภาพรวมการส่งออกในภูมิภาคกลับมาฟื้นตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หนุนให้ความต้องการใช้ถ่านหินขยับเพิ่มขึ้นตามการใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม ประเทศใต้หวัน ประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศจีน ส่งผลให้ทั้งปี AGE ตั้งเป้าอัตราการเติบโตของรายได้รวมไว้ที่ระดับ 11,000 ล้านบาท ตามแผนธุรกิจที่วางไว้

AGE โชว์ผลงาน 6 เดือนแรก ฟันกำไรพุ่ง 136%

บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) ฟอร์มแกร่งครึ่งปีแรก 2564 กวาดยอดขายถ่านหิน 2.8 ล้านตัน ส่งผลรายได้รวมอยู่ที่ 5,807.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.4% กำไรสุทธิ 121.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 136.4% พร้อมประกาศครึ่งปีหลัง ขอเดินหน้าลุยธุรกิจโลจิสติกส์ ทั้งทางน้ำ-ทางบก-ท่าเรือ-คลังสินค้า แบบเต็มสูบ หวังต่อจิ๊กซอว์ปั้นรายได้เพิ่มในอนาคต คาดผลงานปีนี้เข้าเป้า 11,000 ล้านบาท

นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ผู้จัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) และผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร (ขนส่งทางน้ำ-ทางบก-ท่าเรือ-คลังสินค้า) เปิดเผยถึงผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกปี 2564 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการโลจิสติกส์ฯ จำนวน 5,807.5  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายถ่านหินที่ 5,597.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และรายได้จากธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ฯ ที่ 209.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่งผลให้กำไรสุทธิแตะระดับที่ 121.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 136.4% ที่มีกำไรสุทธิ 51.3 ล้านบาท

ขณะที่ไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการโลจิสติกส์ฯ จำนวน 2,960.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120.5 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายถ่านหินที่ 2,853.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124.9 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และรายได้จากธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ฯ ที่ 106.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.5 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิที่ 0.4 ล้านบาท

สำหรับสาเหตุการปรับตัวเพิ่มขึ้นของผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2564 นั้น เนื่องจากบริษัทฯ ได้ดำเนินกลยุทธ์การขายโดยเจาะตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น ควบคู่ไปกับการขยายตลาดต่างประเทศ  ส่งผลให้ปริมาณการขายถ่านหินเพิ่มขึ้นมาแตะระดับ 2.85 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 57.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ณ ปัจจุบันบริษัทฯ มียอดคำสั่งซื้อถ่านหินในมือ (Back log) ประมาณ 0.67 ล้านตัน และคาดว่าจะทยอยส่งมอบทั้งหมดภายในครึ่งปีหลัง

ประกอบกับภาพรวมอุตสาหกรรมถ่านหินโลกมีการฟื้นตัวจากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลราคาถ่านหินโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 165% เมื่อเทียบราคาปัจจุบัน กับราคาค่าเฉลี่ยของถ่านหินโลกในปีที่ผ่านมา 

ส่วนรายได้จากการให้บริการโลจิสติกส์ฯ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีการให้บริการท่าเรือรองรับการขนส่ง จำนวน 6 ท่า เรือลำเลียง 36 ลำ รถบรรทุก 68 คัน และโกดังสินค้า 5 หลัง ส่งผลให้ครึ่งปีแรก 2564 มีรายได้ จำนวน 946 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากภายในส่วนงาน ที่ 736 ล้านบาท และรายได้จากกลุ่มลูกค้าภายนอกที่ 209.9 ล้านบาท

ทั้งนี้ สำหรับภาพรวมธุรกิจในครึ่งหลัง  AGE ยังคงเดินหน้าปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจเชิงรุกในธุรกิจโลจิสติกส์แบบครบวงจร อย่างต่อเนื่อง ภายหลังการเข้าไปบริหารจัดการท่าเรือ เพิ่มอีก 3 ท่า ส่งผลให้มีท่าเรือที่รองรับการให้บริการขนส่งทางน้ำรวมทั้งหมด 6 ท่า บริเวณอำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งจะช่วยหนุนให้ AGE สามารถรองรับปริมาณการขนส่งผ่านท่าเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 7 ล้านตันต่อปี

นอกจากนี้ AGE ยังเดินหน้าลงทุนขยายกองรถบรรทุกเป็นกว่า 100 คัน ในปี 2564 จากที่ปัจจุบันมีรถบรรทุกอยู่ 68 คัน และมีรถบรรทุกเป็นพันธมิตรผู้รับจ้างงานช่วง (Sub-contractor) อีก 400-500 คัน รวมถึงขยายกองเรือโดยการเช่าและการหากองเรือพันธมิตร Sub-contractor เพื่อเพิ่มปริมาณบรรทุกสินค้าเป็น 200,000 ตัน จากที่ปัจจุบัน AGE มีกองเรืออยู่ 36 ลำ ปริมาณการบรรทุกสินค้ารวมกว่า 100,000 ตัน เพื่อรองรับปริมาณการขนส่ง ทั้งถ่านหิน และสินค้าในกลุ่มทรายแก้วเพื่อผลิตขวด, กระดาษ, ไม้สับ, ขี้เลื่อย และกะลาปาล์ม เป็นต้น ซึ่งจะหนุนให้รายได้จากธุรกิจการขนส่งโลจิสติกส์ในอนาคตเติบโตเพิ่มขึ้น เพื่อการสู่การขนส่งด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจรในประเทศ

อย่างไรก็ตาม แผนการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นปี 2564 ที่ผ่านมาส่งผลให้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมการเติบโตรายได้ของบริษัทฯ ไว้ที่ระดับ 11,000 ล้านบาท ตามแผนธุรกิจที่วางไว้ โดยรายได้ดังกล่าวจะมาจากธุรกิจถ่านหิน 90 % จากการตั้งเป้ายอดขายที่ 5.5 ล้านตัน แบ่งเป็นยอดจำหน่ายในประเทศ 4.5 ล้านตัน และต่างประเทศ 1 ล้านตัน  และรายได้จากธุรกิจโลจิสติกส์ฯ 10 % หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท

เปิดกลยุทธ์ “เอเชีย กรีน เอนเนอจี” ปั้นอาณาจักรโลจิสติกส์ครบวงจร

บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) เดินหน้าขยายอาณาจักรโลจิสติกส์ ท่าเรือ-กองเรือ-คลังสินค้า-รถบรรทุก แบบครบทุกมิติด้านการขนส่ง พร้อมสบช่องเร่งบริหารจัดการต้นทุนโลจิสติกส์ ทั้งเที่ยวขาไป-ขากลับ จ่อขยายการรับขนส่งสินค้าในกลุ่มสินค้าอันตราย สินค้าที่เป็นของเหลว และสินค้าใช้ตู้คอนเทนเนอร์เพิ่ม

นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี หรือ AGE ผู้จัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) และผู้ให้บริการด้าน โลจิสติกส์ (ขนส่งทางน้ำ – ขนส่งทางบก – ท่าเรือ – คลังสินค้า) แบบครบวงจร เปิดเผยว่า AGE เดินหน้ากลยุทธ์แผนธุรกิจด้านโลจิสติกส์ เพื่อก้าวสู่การขนส่งด้านโลจิสติกส์ แบบครบวงจร ผ่านบริษัทย่อย คือ บริษัท เอจีอี เทอร์มินอล จำกัด และ บริษัท เอจีอี ทรานสปอร์ต จำกัด ดังนั้น AGE จึงได้เดินหน้าลงทุนเต็มรูปแบบจากโอกาสการเติบโตของการขนส่งและโลจิสติกส์ ที่ยังมีอีกมาก เพื่อรองรับแผนการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต

ทั้งนี้ AGE ได้มีการต่อยอดการลงทุนเพื่อเสริมศักยภาพการเติบโตและยั่งยืนในอนาคต โดยให้ บริษัท เอจีอี เทอร์มินอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ AGE ได้ร่วมทุนกับ บริษัท สุวรรณเกลียวทอง จำกัด จัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ บริษัท เอจีอี พอร์ตเซอร์วิส จำกัด เพื่อเข้าทำสัญญาเช่าศูนย์ธุรกิจการเกษตรจากชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย ท่าเรือ 3 ท่า และโกดังสินค้า 5 หลัง บนพื้นที่ทั้งหมด 31 ไร่ ที่อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีระยะเวลาการเช่า 3 ปี และดำเนินการต่ออายุการเช่าไปอีก 3 ปี ส่งผลให้ AGE มีท่าเรือรวมเป็น 6 ท่า จากเดิม 3 ท่า ช่วยหนุนให้ AGE สามารถรองรับปริมาณการขนส่งผ่านท่าเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 7 ล้านตันต่อปี จากปัจจุบันที่มีการขนส่งผ่านท่า อยู่ที่ประมาณ 3 ล้านตันต่อปี

นอกจากนี้ AGE ยังเดินหน้าลงทุนขยายกองรถบรรทุกเป็นกว่า 100 คัน ในปี 2564 จากที่ปัจจุบันมีรถบรรทุกอยู่ 48 คัน และมีรถบรรทุกเป็นพันธมิตรผู้รับจ้างงานช่วง (Sub-contractor) อีก 400-500 คัน รวมถึงขยายกองเรือโดยการเช่าและการหากองเรือพันธมิตร Sub-contractor เพื่อเพิ่มปริมาณบรรทุกสินค้าเป็น 200,000 ตัน จากที่ปัจจุบัน AGE มีกองเรืออยู่ 36 ลำ ปริมาณการบรรทุกสินค้ารวมกว่า 100,000 ตัน เพื่อรองรับปริมาณการขนส่ง ทั้งถ่านหิน และสินค้าอื่นๆ ได้เพิ่มขึ้น

 AGE ยังมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนด้านโลจิสติกส์ โดยการเพิ่มการขนส่งสินค้าในเที่ยวกลับมากขึ้น ด้วยการทำสัญญากับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อขนส่งสินค้าในกลุ่มทรายแก้วเพื่อผลิตขวด, กระดาษ, ไม้สับ, ขี้เลื่อย และกะลาปาล์ม เป็นต้น โดยจะหนุนให้รายได้จากธุรกิจการขนส่งโลจิสติกส์ ในปี 2564  เติบโตเพิ่มขึ้น

“จากแผนการขยายธุรกิจด้านโลจิสติกส์เต็มรูปแบบ ให้บริการขนส่งทางน้ำ ให้บริการขนส่งทางบก ให้บริการท่าเทียบเรือ และให้บริการพื้นที่จัดเก็บสินค้า โดย AGE ได้เดินหน้าขยายการรับขนส่งสินค้าในกลุ่มสินค้าเทกอง หรือ รวมกอง (Bulk Cargo) อาทิ สินค้าเกษตร ปุ๋ย แร่เหล็ก วัสดุก่อสร้าง และกำมะถัน เป็นต้น และในอนาคตจะมีการพิจารณาขยายกลุ่มสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ สินค้าอันตราย สินค้าที่เป็นของเหลว และสินค้าใช้ตู้คอนเทนเนอร์ จากเดิมที่บริษัทฯ ได้ให้บริการขนส่งหลักคือ สินค้าของบริษัทฯ คือ ถ่านหิน และให้บริการขนส่งขี้เถ้าถ่านหิน เชื้อเพลิง, และปูน ให้แก่บริษัทอื่นๆ”

ในขณะที่ภาพรวมของธุรกิจถ่านหินนั้น ประธานกรรมการบริหาร AGE กล่าวเพิ่มเติมว่า ปริมาณยอดขายถ่านหินในปีนี้ ยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยตั้งเป้ายอดขายที่ 5.5 ล้านตัน แบ่งเป็นยอดจำหน่ายในประเทศ 4.5 ล้านตัน และต่างประเทศ 1 ล้านตัน ซึ่งเป็นผลจากภาพรวมการส่งออกในภูมิภาคกลับมาฟื้นตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หนุนให้ความต้องการใช้ถ่านหินขยับเพิ่มขึ้นตามการใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม ประเทศใต้หวันประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศจีน  ส่งผลให้ทั้งปี AGE ตั้งเป้ารายได้รวมการเติบโตรายได้ของบริษัทฯ ไว้ที่ระดับ 11,000 ล้านบาท ตามแผนธุรกิจที่วางไว้

คลังถ่านฟิน

มรกตนาวา
รถขนส่งถ่านหิน

AGE ลงพื้นที่ส่งกำลังใจสู้ภัยโควิด-19

บมจ. เอเชีย กรีน เอนเนอจี (AGE) ผนึกกำลังลงพื้นที่ชุมชน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มอบความช่วยเหลืออุปกรณ์สนับสนุนทางการแพทย์ และเครื่องอุปโภค-บริโภค พร้อมสิ่งของจำเป็น ตลอดจนให้ความรู้ความเข้าใจในการดูแลป้องกันตนเอง เพื่อสู้สถานการณ์โควิด-19 ภายใต้โครงการ “เอจีอี ใส่ใจ ห่วงใยชุมชน สู้ภัยโควิด-19” ตอกย้ำนโยบายใส่ใจต่อสังคม สิ่งแวดล้อมตลอดจนชุมชนในพื้นที่ เพื่อสร้างรากฐานของความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในระยะยาว

นางสาวปณิตา ควรสถาพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE กล่าวว่า AGE มีความห่วงใยต่อคนในชุมชนรอบคลังสินค้าและชุมชนพื้นที่ใกล้เคียง ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงได้ดำเนินโครงการ “เอจีอี ใส่ใจ ห่วงใยชุมชน สู้ภัยโควิด-19” ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563-2564 ล่าสุดคณะผู้บริหาร และพนักงานบริษัทฯ ลงพื้นที่ส่งมอบอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 ได้แก่ หน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ให้แก่พี่น้องในชุมชนรอบคลังสินค้า ในอำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กว่า 10 หมู่บ้านครอบคลุมพื้นที่ 3 ตำบล รวมกว่า 1,300 ชุด เพื่อช่วยเหลือ บรรเทา ให้กำลังใจ พร้อมให้ข้อมูลความรู้ความเข้าใจในการดูแลตนเองจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ อย่างปลอดภัย ตามนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม เคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชน และการเล็งเห็นถึงความสำคัญต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม

นอกเหนือจากช่วยเหลือชุมชนแล้ว AGE ยังได้มอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้แก่โรงพยาบาลสนาม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (หอประชุม ม.เทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา) และมอบหน้ากาก KN95 ชุด PPE และน้ำดื่ม สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ สู้ภัยโควิด-19 ณ โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา และโรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชเจ้า (วาสนมหาเถร) เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือบรรเทาให้กับพี่น้องชาวจังหวัดอยุธยา

ทั้งนี้ AGE ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคม โดยคำนึงถึงความสมดุลทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกันกับชุมชนอย่างเกื้อกูล มุ่งเน้นส่งเสริมการมีส่วนร่วมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งปลูกฝังให้ผู้บริหารและพนักงานทุกคนในองค์กร ยึดมั่นในหลักการบริหารและปฏิบัติงานภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี เพื่อร่วมกันพัฒนาพื้นที่ให้เกิดความยั่งยืนในทุกมิติ ยึดหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี คำนึงถึงความสมดุลทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้บริษัทฯ เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป