ADD โชว์งบ 6 เดือนแรก กำไรพุ่ง 62%

บมจ.แอดเทค ฮับ (ADD) เดินหน้าโชว์ศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจ โชว์งบ 6 เดือนแรกของปี 64 โตตามเป้า โกยรายได้ 262.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113.6 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 51.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ ขับเคลื่อนให้สังคมไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างรวดเร็ว หนุนรายได้การให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์พุ่งแรงถึง 78.5% จากปีก่อน และการให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศโตถึง 20.8% จากปีก่อน พร้อมเสิร์ฟข่าวดีผู้ถือหุ้น หลังบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลงวดครึ่งปีแรก 0.18 บาท/หุ้น จ่อ XD วันที่ 24 สิงหาคม และจ่ายเงินปันผลวันที่ 9 กันยายนนี้ 

นายชวัล บุญประกอบศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดเทค ฮับ จำกัด (มหาชน) หรือ ADD ดำเนินธุรกิจผู้ให้บริการระบบสนับสนุนบริการดิจิทัลคอนเทนต์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่และให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เปิดเผยผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนของปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ว่า บริษัทฯมีรายได้จากการให้บริการรวม เท่ากับ 262.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 76.1 เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีรายได้ 149.2 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 51.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 62.2 เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 31.5 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการให้บริการ เท่ากับ 128 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.7 ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 24.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 64 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้การปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากการขยายตัวของ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก 1.) การให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ผ่านช่องทางโทรคมนาคม มีรายได้รวมเท่ากับ 226 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มีการเพิ่มคู่ค้าด้านการตลาดในช่องทางออนไลน์ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์ที่มีความหลากหลายมากขึ้น และมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 61.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 78.5 เทียบกับปีก่อน ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นลดลง ตามต้นทุนส่วนใหญ่ที่เป็นต้นทุนมาจากส่วนแบ่งรายได้ให้แก่คู่ค้าด้านการตลาดซึ่งจะแปรผันไปตามรายได้ และคู่ค้าด้านการตลาดรายใหม่ในช่องทางออนไลน์มีอัตราส่วนแบ่งรายได้ที่สูงขึ้น

2.) การให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เท่ากับ 36.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.8 เทียบกับปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯมีการให้บริการโครงการใหม่แก่ลูกค้ากลุ่มผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 เทียบกับปีก่อน โดยอัตรากำไรขั้นต้นลดลง เนื่องจากต้นทุนค่าบริการคลาวด์เซิร์ฟเวอร์และต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับพนักงานเพิ่มขึ้นรวม 3.7 ล้านบาท และ 3.) การให้บริการโฆษณาผ่านอินเทอร์เน็ตสำหรับสินค้าและบริการอยู่ที่ 0.2 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 27.5 เทียบกับปีก่อน เนื่องจากลูกค้ากลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีการใช้จ่ายด้านสื่อโฆษณาลดลงตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 และมีขาดทุนขั้นต้น 1.2 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับพนักงานซึ่งเป็นต้นทุนคงที่

“ภาพรวมของตลาดบริการ Digital ในปี 2564 คาดว่าจะมีการเติบโตร้อยละ 13.2 และมีมูลค่าตลาดรวมที่ 231,220 ล้านบาท จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้สังคมไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัลเร็วขึ้น ส่งผลให้การให้บริการออนไลน์ต่างๆ เพิ่มมากขึ้นในทุกอุตสาหกรรม ทุกภาคบริการภายใต้การขยายการให้บริการโครงข่ายการสื่อสาร 4G  ของผู้ประกอบการโทรคมนาคม และอุปกรณ์สมาร์ทโฟนที่เอื้ออำนวยให้เกิดการใช้ดิจิทัลในทุกวงกว้างมากขึ้นเพิ่มความสะดวกสบายและรวดเร็วให้กับลูกค้า รวมถึงการลงทุนเครือข่าย 5G ถือเป็นโครงข่ายความเร็วสูงที่เป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดการใช้งานได้จริงในอนาคต  หนุนให้มีการพัฒนาแพลตฟอร์ม Digital Content ใหม่ๆ ออกมารองรับความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะการใช้บริการ Digital Content ในรูปแบบการสมัครสมาชิก ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวเป็นตัวสนับสนุนให้ภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีแรกเติบโตอย่างโดดเด่น”

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติจ่ายปันผลงวด 6 เดือนแรก ปี 2564 (ม.ค.-มิ.ย. 2564) ในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งหมด 28.8 ล้านบาท โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 25 สิงหาคม 2564 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 24 สิงหาคม 2564 เพื่อดำเนินการจ่ายปันผลในวันที่9 กันยายน 2564

นายชวัล ยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่าภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯ ในครึ่งปีหลัง 2564 ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้เป็นผลจากปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ (Digital Content) ที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงได้รับอานิสงส์จากระบบชำระเงินค่าบริการหรือสินค้าผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Carrier Billing) ที่โอเปอเรเตอร์พยายามให้ลูกค้าหันมาจ่ายค่าคอนเทนต์ผ่านซิมมือถือ โดยจะทำให้ได้ส่วนแบ่งจากผู้ผลิตคอนเทนต์มากขึ้นก็จะเป็นผลดีต่อบริษัทฯ ที่จะได้รับส่วนแบ่งรายได้จากโอเปอเรเตอร์เช่นกัน ดังนั้นจากปัจจัยดังกล่าวจึงถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม ในส่วนของรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้มีการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต

ADD ดึงกลุ่มสถาบันเข้าลงทุน เดินเกมรุกครึ่งปีหลัง

บมจ. แอดเทค ฮับ (ADD) โรดโชว์แบบซุ่มเงียบ ดึงนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศเข้าลงทุนในหุ้น ADD แบบหัวบันไดไม่แห้ง ส่งผลให้ 2 ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ผนึกขายหุ้น Big-Lot ให้สถาบัน หวังเพิ่มฐานนักลงทุนสถาบัน – เพิ่มสภาพคล่อง ชูโอกาสการเติบโตรูปแบบส่วนแบ่งรายได้ (Revenue Sharing) จากโอเปอเรเตอร์ สร้างมูลค่าเพิ่มในส่วนของรายได้ประจำ (Recurring Income) ที่สบช่องโตแบบมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต พร้อมส่งซิกดอดเจรจาโอเปอเรเตอร์ เพื่อพัฒนาบริการด้าน Digital Content Support และ Digital Solution เพิ่ม 2-3 โปรเจกต์ จ่อสรุปปิดดีลครึ่งปีหลังอย่างน้อย 1 ดีล เตรียมรับรู้รายได้ทันที พร้อมระบุปี 64 ตั้งเป้าการเติบโตไม่ต่ำกว่า 50 %

นายสมโภช ทนุตันติวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท แอดเทค ฮับ จำกัด (มหาชน) หรือ ADD เปิดเผยว่า ภายหลังจากการให้ข้อมูล Roadshow กับนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยอมรับว่าได้รับการตอบรับที่ดี โดยนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจในรูปแบบธุรกิจ (Business Model) ของ ADD เป็นอย่างมาก จนเป็นที่มาของการทำรายการซื้อขายหลักทรัพย์บนกระดานรายใหญ่ (Big-Lot Board) จำนวน 8,000,000 หุ้น หรือคิดเป็น 5% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ โดยรายการดังกล่าวเกิดจากการขายหุ้นส่วนตัวของ นายสมโภช ทนุตันติวงศ์ และ นายเจนวิทย์ จิวะกุลชัยนันท์ รองประธานกรรมการบริษัท ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ โดยเป็นการทำรายการขายให้กับกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ทั้งนี้เพื่อเพิ่มฐานผู้ลงทุนประเภทสถาบัน รวมถึงเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับหลักทรัพย์

สาเหตุที่กลุ่มนักลงทุนสถาบันเข้ามาลงทุน เนื่องจากเห็นว่า ADD มีศักยภาพในการเป็นผู้เชี่ยวชาญ ด้านการพัฒนาและดูแลรักษาระบบสนับสนุนการให้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ (Digital Content Support) และให้บริการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (Digital Solution) ให้กับลูกค้าโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม รวมถึงอุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวข้องที่จำเป็นต้องพัฒนารูปแบบการทำงานให้ทันกับโลกยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการรักษาความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์ การชำระเงินทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการพัฒนาโปรแกรมและแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตจากการขยายการให้บริการของโอเปอเรเตอร์ ซึ่งการให้บริการของ ADD เปรียบเสมือนตัวกลางการให้บริการที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อและพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อจัดส่งคอนเทนต์ไปยังผู้บริโภคในยุคดิจิทัลให้เข้าถึงในการใช้ชีวิตประจำวัน

นอกจากนี้ กลุ่มนักลงทุนสถาบันยังเล็งเห็นว่า ADD มีแนวโน้มการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยพิจารณาจากภาพรวมของตลาด Digital Content ในประเทศ ณ ปัจจุบัน มีมูลค่ามากกว่า 6 หมื่นล้านบาท ในขณะเดียวกัน ทิศทางการเติบโตของโอเปอเรเตอร์ได้มุ่งเน้นไปที่ธุรกิจ Non-Voice และ Digital Content มากขึ้น หลังจากที่มีการให้บริการบนคลื่นความถี่ต่างๆ ทั้งในรูปแบบ 4G และ 5G หนุนให้มีการพัฒนาแพลตฟอร์ม Digital Content ใหม่ๆออกมารองรับความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะการใช้บริการ Digital Content ในรูปแบบการสมัครสมาชิก

ดังนั้น โอกาสการเติบโตที่เพิ่มขึ้นในอนาคตจากแนวโน้มอุตสาหกรรมที่ขยายตัว โดยเฉพาะในส่วนระบบการชำระเงินผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Carrier Billing) ที่โอเปอเรเตอร์พยายามให้ลูกค้าหันมาจ่ายค่าคอนเทนต์ผ่านซิมมือถือ โดยจะทำให้ได้ส่วนแบ่งจากผู้ผลิตคอนเทนต์ มากขึ้นก็จะเป็นผลดีต่อบริษัทฯ ที่จะได้รับส่วนแบ่งรายได้จากโอเปอเรเตอร์เช่นกัน ซึ่งจุดนี้ถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มในส่วนของรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้มีการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต และจากปัจจัยดังกล่าวจึงเป็นแรงหนุนให้กลุ่มนักลงทุนสถาบันสนใจเข้ามาลงทุนในหุ้น ADD อย่างต่อเนื่อง

 สำหรับทิศทางธุรกิจในครึ่งปีหลัง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ. แอดเทค ฮับ กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจยังคงมีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้เป็นผลจากปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ (Digital Content) ที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงได้รับอานิสงส์จากระบบชำระเงินค่าบริการหรือสินค้าผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเป็นไปตามความต้องการใช้บริการดิจิทัลคอนเทนต์ที่มีการขยายตัวในช่วงที่ผ่านมา

 นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจากับโอเปอเรเตอร์ เพื่อที่จะให้บริการด้าน Digital Content Support และให้บริการพัฒนาระบบ Digital Solution เพิ่มเติมอีก 2-3 โปรเจกต์ โดยเบื้องต้นคาดว่าดีลดังกล่าวจะเห็นความชัดเจนได้ภายในช่วงครึ่งปีหลังอย่างน้อย 1 โปรเจกต์ก่อน ซึ่งก็จะส่งผลให้บริษัทฯสามารถรับรู้รายได้เข้ามาทันทีในช่วงครึ่งปีหลัง และจะรับรู้เต็มปีในปี 2565 ส่วนโปรเจกต์อื่นๆจะทยอยทราบความชัดเจนในลำดับถัดไป  อย่างไรก็ตาม สำหรับประมาณการอัตราการเติบโตของบริษัทฯในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% โดยอิงกับแนวโน้มการขยายตัวทางธุรกิจข้างต้น ผนวกกับการเติบโตของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม