7UP เปิดงบไตรมาส 2 กำไร 49.13 ล้าน โต 99.07%

7UP เปิดงบไตรมาส 2 มีกำไรสุทธิ 49.13 ล้านบาท โตแรง 99.07% ดันงวด 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 152.73 ล้านบาท โต 160.90% แง่รายได้อาจแผ่วจากโควิดกระทบธุรกิจโทรคมนาคม แต่เชื่อมั่นความสามารถทำกำไรยังคงแกร่ง เหตุพลังงานในฐานะผู้จำหน่ายก๊าซแอลพีจีและน้ำมันยังดี ขณะที่สาธารณูปโภคเริ่มเห็นผล ไตรมาส 4 นี้ จ่อคว้างานบำบัดน้ำฟาร์มกุ้งให้CPF เฟสที่ 4 และจำหน่ายน้ำประปาในภูเก็ต

นายมนต์เทพ มะเปี่ยม รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ 7UP เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯสำหรับงวดไตรมาส 2 ของปี 2564 มีกำไรสุทธิ 49.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.45 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 99.07% ส่งผลให้งวด 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ จำนวน 152.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94.19 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 58.54 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 160.90% โดยภาพรวมผลประกอบการของกลุ่มบริษัทฯ ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจจัดจำหน่ายก๊าซแอลพีจีและน้ำมัน มีกำไรขั้นต้นจำนวน 37.42 ล้านบาท ตามด้วยธุรกิจสาธารณูปโภค และกลุ่มธุรกิจพลังงานทางเลือก

สำหรับรายได้ในช่วง 6 เดือนแรก มีจำนวน 407.92 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าจำนวน 34.93% โดยหลักเนื่องจากกลุ่มธุรกิจวิทยุสื่อสารโทรคมนาคมและInternet of Thing(IoT) ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยมาตรการล็อกดาวของรัฐบาลทำให้การดำเนินงานโครงการล่าช้ากว่ากำหนด รวมถึงการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างด้วย

“ภาพรวมผลประกอบการในปี 2564 นี้ ในแง่ของรายได้ อาจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จะไม่ได้รับรู้รายได้ในส่วนของกลุ่มโทรคมนาคมเข้ามา ภายหลังได้ขายเงินลงทุนดังกล่าวออกไป แต่ไม่ได้กระทบต่อความสามารถในการทำกำไร เนื่องจากโดยปกติแล้ว ธุรกิจดังกล่าวมีส่วนในการสร้างผลกำไรให้กลุ่มบริษัทฯในสัดส่วนที่ต่ำ ผลกำไรหลักมาจากธุรกิจจำหน่ายก๊าซแอลพีจีและน้ำมัน รวมถึงธุรกิจสาธารณูปโภคเริ่มมีน้ำหนักในการสร้างรายได้และผลกำไรเพิ่มขึ้น”

นายมนต์เทพ กล่าวเสริมว่า ในระยะที่ผ่านมาพบว่าราคาหุ้นของบริษัทฯ เคลื่อนไหวผันผวนต่างไปจากสภาพปกติ ก่อให้เกิดความกังวลต่อพื้นฐานธุรกิจ และการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ทางบริษัทฯได้ดำเนินการขอปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จากข้อมูลการถือหุ้นของบริษัทฯ ล่าสุดช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2564  ไม่พบการเปลี่ยนแปลงอันดับการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 5  อันดับแรก

“ฝ่ายบริหารมีหน้าที่ในการบริหารธุรกิจเพื่อมุ่งหวังสร้างผลประกอบการที่ดี และไม่ทราบเหตุผลของความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น เพราะขึ้นอยู่กับมุมมองการลงทุนของผู้ถือหุ้น แต่ฝ่ายบริหารไม่ได้เพิกเฉย เมื่อเห็นราคาหุ้นของบริษัทฯเปลี่ยนแปลงผิดไปจากสภาพปกติ ได้ดำเนินการขอปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้น และไม่พบการเปลี่ยนแปลงของอันดับการถือหุ้นของผู้ถือหุ้น แต่ทั้งนี้อยากจะย้ำเตือนผู้ถือหุ้นให้พิจารณาการลงทุนจากพื้นฐานธุรกิจเป็นสำคัญ” นายมนต์เทพ กล่าว

บริษัทฯยังคงดำเนินกิจการไปตามปกติ ยึดนโยบายการมุ่งเข้าสู่ธุรกิจสาธารณูปโภคทางด้านน้ำ เนื่องจากเล็งเห็นว่าเป็นธุรกิจที่จะสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในอนาคตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ในส่วนของธุรกิจบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม ผ่านบริษัท แซม วอเตอร์ซัพพลาย จำกัด ปัจจุบันรับผลิตน้ำสะอาดให้กับฟาร์มกุ้งของบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF รวม 3 เฟส กำลังการผลิตรวม 124,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และอยู่ในขั้นตอนดำเนินการเฟสที่ 4 กำลังการผลิตเพิ่มอีก 100,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้และส่งมอบกลางปี 2565  จะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเท่าตัว และคาดว่าจะสร้างรายได้ให้บริษัท 250 ล้านบาทต่อปี

ธุรกิจดังกล่าวมีโอกาสในการขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจาก CPF มีความต้องการน้ำสะอาดสูงถึง 1 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน และยังไม่นับรวมโอกาสการขยายไปยังตลาดต่างประเทศอีกด้วย

ขณะที่ธุรกิจจำหน่ายน้ำประปา ภายหลังการซื้อหุ้นใน โกลด์ ชอร์ส จำกัด เพิ่มเป็น 81% เป็นผลสำเร็จ ซึ่งดำเนินธุรกิจพัฒนาระบบสาธารณูปโภคด้านการประปา คาดว่าจะเริ่มขายน้ำประปาในจังหวัดภูเก็ตได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ เบื้องต้น 40,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน

ณ สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทฯมีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 2,733.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 597.59 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27.98% จากสิ้นปี 2563 และผลประกอบการที่ดีต่อเนื่อง ทำให้ ขาดทุนสะสมลดลงจำนวน 152.73 ล้านบาท

7UP ตัดขายธุรกิจโทรคมนาคมและการสื่อสาร

บอร์ด 7UP อนุมัติตัดขายธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม และIoT เดินหน้ามุ่งเน้นธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภคทางด้านน้ำ ด้วยการขายหุ้นที่ถือทั้งหมดใน  บริษัท เอ็ม โซลูชั่น จำกัด และบริษัท อินฟอร์เมติกส์ พลัส จำกัด คิดเป็นมูลค่ารวม 130 ล้านบาท ยืนยันไม่กระทบเป้าหมายรายได้รวม

นายมนต์เทพ มะเปี่ยม รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ 7UP เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้ขายธุรกิจกลุ่มวิทยุสื่อสารโทรคมนาคมและInternet of Things (IoT) วัตถุประสงค์หลักต้องการมุ่งให้ความสำคัญกับธุรกิจที่บริษัทฯมีความเชี่ยวชาญ ในการเป็นผู้ให้บริการในธุรกิจพลังงานและธุรกิจสาธารณูปโภค โดยเฉพาะการทำหน้าที่ให้บริการจำหน่ายน้ำประปา และบำบัดน้ำเป็นหลัก

ทั้งนี้ บริษัทฯจะดำเนินการขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งจำนวนในบริษัท เอ็ม โซลูชั่น จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจอุปกรณ์ระบบวิทยุสื่อสารคมนาคมเฉพาะกิจ สัดส่วน 99% คิดเป็นมูลค่า 90 ล้านบาท และบริษัท อินฟอร์เมติกส์ พลัส จำกัด ดำเนินธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและให้บริการด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร สัดส่วน 99% คิดเป็นมูลค่า 40 ล้านบาท รวมแล้ว 130 ล้านบาท

ผลของการขายหุ้นครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายรายได้ของบริษัทฯ โดยยังคงไว้ที่ 2,000 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจโทรคมนาคมนั้น มีสัดส่วนรายได้ไม่สูงนัก และทำให้บริษัทฯ มีเงินทุนนำไปใช้ขยายกิจการธุรกิจสาธารณูปโภคตามแผนการขยายธุรกิจ โดยเฉพาะภายหลังการเข้าซื้อหุ้นบริษัท โกลด์ ชอร์ส จำกัด เพิ่มเป็น 81% สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ ต้องการมุ่งพัฒนาธุรกิจสาธารณูปโภคอย่างเต็มที่

ปัจจุบันโกลด์ ชอร์ส มีกำลังการผลิตน้ำประปา 48,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และอยู่ระหว่างก่อสร้างส่วนขยายเพิ่มเติมเพื่อให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 96,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันภายในปี 2565-2566 และกรณีจังหวัดภูเก็ตเตรียมเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติภายใต้รูปแบบแซนด์บอกซ์ เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคม นี้ คาดว่าจะส่งผลดีต่อโกลด์ ชอร์ส ในฐานะผู้ให้บริการน้ำประปาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต

7UP ซื้อโกลด์ ชอรส์ ลุยธุรกิจพัฒนาระบบประปา

นายมนต์เทพ มะเปี่ยม รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ที่ 2 จากซ้าย) บริษัท เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ 7UP และ นางสาวกนกนารถ รัตนสุวรรณชาติ กรรมการ (ที่ 2 จากขวา) บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด (มหาชน) หรือ BKD ได้ร่วมลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น บริษัท โกลด์ ชอร์ส จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนาระบบสาธารณูปโภคด้านการประปา และได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปาเป็นระยะเวลา 30 ปี โดย 7UP จะดำเนินการซื้อหุ้น โกลด์ชอรส์ เพิ่มอีกในสัดส่วน 40% คิดเป็นมูลค่า 550 ล้านบาท จาก BKD รายการซื้อขายดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2564 นี้ ส่งผลให้ 7UP ถือหุ้นในโกลด์ ชอร์ส สัดส่วน 81% เตรียมเร่งก่อสร้างผลักดันให้กำลังการผลิตน้ำประปาแตะระดับ 96,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันภายในปี 2566 รองรับจังหวัดภูเก็ตประกาศเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภายหลังดำเนินการเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนในพื้นที่มากกว่า 70%

7UP มาตามนัด ซื้อหุ้นโกลด์ ชอร์ส เพิ่มเป็น 81%

7UP มาตามนัด จ่อเข้าซื้อหุ้นโกลด์ ชอร์ส จากBKD ส่วนที่เหลืออีก 40% ภายหลังพบสถานการณ์ในจังหวัดภูเก็ต ฉีดวัคซีนให้ประชาชนในพื้นที่มากกว่า 70% และเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 กรกฎาคม นี้ คาดเข้าทำรายการแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2564 หนุนผลประกอบการแข็งแกร่งในระยะยาว เหตุได้รับสัมปทานขายน้ำประปา ระยะยาวถึง 30 ปี เร่งเดินหน้าก่อสร้างกำลังการผลิตน้ำประปาให้ได้ 96,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ภายในปี 2566 คาดจะสร้างรายได้ถึง 550 ล้านบาทต่อปี

นายมนต์เทพ มะเปี่ยม รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด(มหาชน) หรือ 7UP เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯมีมติให้กลับเข้าลงทุนเพิ่มเติมโครงการผลิตน้ำประปาในจังหวัดภูเก็ต ด้วยการซื้อหุ้นบริษัท โกลด์ ชอร์ส จำกัด หรือGS เพิ่มอีกในสัดส่วน 40% จากบริษัท บางกอกเดค-คอน จำกัด(มหาชน) หรือBKD คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 550 ล้านบาท เนื่องจากได้พิจารณาแล้วว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดภูเก็ตกำลังจะฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยพบว่าทางจังหวัดภูเก็ตดำเนินมาตรการเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่มากกว่า 70% และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีกำหนดการเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติภายใต้รูปแบบแซนด์บ็อกซ์ ผ่านโครงการภูเก็ตโมเดล โดยจะเริ่มรับนักท่องเที่ยวต่างชาติวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นี้

ก่อนหน้านี้ บริษัทฯได้ชะลอการเข้าลงทุนเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงตั้งแต่ปลายปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดความไม่แน่นอนต่อการใช้น้ำในจังหวัดภูเก็ต ทางบริษัทฯได้ติดตามสถาการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และเมื่อพบว่าทางจังหวัดภูเก็ตมีความชัดเจนถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทำให้บริษัทฯ พิจารณากลับเข้าลงทุนดังกล่าว โดยจะเข้าทำรายการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2564 นี้ และจะส่งผลให้7UP ถือหุ้นใน โกล์ด ชอร์ส เพิ่มเป็น 81%

นายมนต์เทพ กล่าวว่า การเข้าซื้อหุ้นGS จะสนับสนุนให้บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจสาธารณูปโกคทางด้านน้ำ และจะมีส่วนช่วยสร้างรายได้และกำไรในระยะยาว ขยายขอบเขตงานในกลุ่มธุรกิจสัมปทานผลิตน้ำประปา นับเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ เนื่องจากโกลด์ ชอร์ส ดำเนินธุรกิจพัฒนาระบบสาธารณูปโภคด้านการประปา พื้นที่ให้บริการหลักอยู่ในจังหวัดพังงาและภูเก็ต และได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา เป็นระยะเวลา 30 ปี หรือระหว่างปี 2560-2589 ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้มั่นคงให้กับบริษัทฯในระยะยาว

ปัจจุบันโกลด์ ชอร์ส มีกำลังการผลิตน้ำประปา 48,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และคาดว่าจะได้รับสัญญาขายน้ำประปาในจังหวัดภูเก็ตมากกว่า 40,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันภายในปี 2564 นี้ และทางโกลด์ ชอร์ส อยู่ระหว่างการก่อสร้างส่วนขยายเพิ่มเติม เพื่อให้มีกำลังการผลิต 96,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันภายในปี 2566

“กรณีขยายกำลังการผลิตได้เต็มกำลังผลิต คาดว่าจะสร้างรายได้ราว 550 ล้านบาท และจะเป็นผลให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจจำหน่ายน้ำประปา เพิ่มขึ้นสูงขึ้นและจะมีส่วนสำคัญในการสร้างผลประกอบการที่ดีให้กับบริษัทฯอย่างมั่นคงในระยะยาว เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวมีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูงถึง 75% และมีอายุสัมปทานเป็นระยะเวลานานถึง 30 ปี” นายมนต์เทพ กล่าว

ทั้งนี้ โอกาสทางธุรกิจในการขายน้ำประปาในจังหวัดภูเก็ตยังมีอีกสูง หากสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ นับเป็นจังหวัดท่องเที่ยวหลักของประเทศ รวมถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว พบว่าความต้องการใช้น้ำกรณีสูงสุดอยู่ที่ 300,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ขณะที่การประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.) สามารถให้บริการรองรับได้เพียง 80,000-100,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันเท่านั้น นับเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจของโกลด์ ชอร์สใน อนาคต