โลตัส ปลื้มโมเดลรับซื้อตรงจากเกษตรกร โนนเขวา รับรางวัลเลิศรัฐ ระดับดีเด่น

โลตัส ปลื้มโมเดลโนนเขวา โมเดลรับซื้อตรงจากเกษตรกรที่ ได้รับรางวัลเลิศรัฐ สาขาการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ระดับดีเด่น ประเภทร่วมใจแก้จน จากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ แสดงถึงความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐคือ  สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดขอนแก่น ภาคเอกชนคือโลตัส และภาคประชาชน ในการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยแก้ไขปัญหาทางการเกษตร เสริมสร้างความรู้การผลิตสินค้าเกษตรที่ปลอดภัย เพิ่มคุณภาพมาตรฐานสินค้า เพิ่มอำนาจการต่อรองราคา ยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับเกษตรกร และให้เกษตรกรสามารถวางแผนการเพาะปลูกได้ พร้อมสร้างรายได้ที่เป็นธรรมอย่างยั่งยืน

นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบุคคลและความยั่งยืน โลตัส กล่าวว่า “โลตัส มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่โมเดลรับซื้อตรงจากเกษตรกรบ้านโนนเขวา ได้รับรางวัลเลิศรัฐ สาขาการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ระดับดีเด่น ประเภทร่วมใจแก้จน โลตัสทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับภาครัฐ และกลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านโนนเขวา มาตั้งแต่ปี 2561โดยมีการวางแผนการเพาะปลูกร่วมกัน เสริมสร้างความรู้ด้านเทคนิคและคุณภาพสินค้า การดูแลควบคุมคุณภาพ ตลอดจนการเก็บเกี่ยว และขนส่งผลิตผล และได้ขยายผลมาอย่างต่อเนื่องทุกปี ทำให้ปัจจุบันโลตัสรับซื้อผัก  23 ชนิด  จากเกษตรกรบ้านโนนเขวาในปริมาณกว่า  560 – 600 ตันต่อปี และมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการกว่า  418  ราย ทำให้สมาชิกกลุ่มเกษตรกรบ้านโนนเขวามีรายได้ที่เป็นธรรมและมั่นคง นอกจากนั้นยังมีศักยภาพในการขยายตลาดรองรับผลผลิตอื่น ๆ นอกเหนือจากโลตัสอีกด้วย

โลตัส ได้มีการรับซื้อผลิตผลทางการเกษตรโดยตรงจากเกษตรกรโดยไม่ผ่านคนกลาง (direct sourcing) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 และมีการเพิ่มปริมาณที่รับซื้อขึ้นทุกปี และจะยังคงมุ่งมั่นทำงานร่วมกับกลุ่มเกษตรกรรายย่อย และภาครัฐที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เกษตรกรรายย่อยมีความเข้มแข็ง ก้าวหน้า และมีรายได้ที่เพียงพอต่อการดำรงชีพ เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรทั่วประเทศมีรายได้ที่เป็นธรรมและมั่นคงต่อไป”

ปัจจุบัน โลตัส ขยายโครงการซื้อตรงไปสู่เกษตรกรครบจำนวนกว่า 1,500 รายในทั้ง 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ ตามเจตนารมณ์และเป้าหมายของ โลตัส ในการสร้างความเข้มแข็ง และรายได้ที่มั่นคงและเป็นธรรม เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ และส่งมอบผักสดคุณภาพสูง ปลอดภัย ในราคาที่เอื้อมถึง ให้ลูกค้าของเราทุกวัน

ช่วยเหลือเด็กชายวัย 11 ขวบและครอบครัวในชลบุรีสู้โควิด-19

จากกรณีโพสต์บนโซเชียลมีเดียของเด็กชายวัย 11 ขวบ ในอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ขอรับบริจาคอาหารช่วยชีวิตตนเองและครอบครัวจำนวน 8 คน เพราะเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ครอบครัวตกงาน ไม่มีรายได้ รวมถึงมีสมาชิกในครอบครัวพิการทางสายตา โลตัสได้รับทราบข่าวจึงร่วมมือกับจิตอาสาบ้านเอื้ออาทรเนินเนินพลับหวานเข้าไปส่งมอบอาหารผ่าน โครงการข้าวกล่องเต็มอิ่ม เติมยิ้มร้านอาหาร โดยตั้งมั่นในการช่วยเหลือครอบครัวและชุมชนในละแวกทุกวันตลอดระยะเวลาของโครงการ

โครงการข้าวกล่องเต็มอิ่ม เติมยิ้มร้านอาหาร นับเป็นโครงการของโลตัสที่จัดทำขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนและชุมชนที่ได้รับผลกระทบใน 10 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มที่มีโลตัสตั้งอยู่ ในการส่งต่อข้าวกล่อง 100,000 กล่องให้มูลนิธิและเครือข่ายจิตอาสานำไปแจกจ่ายให้ผู้ขาดแคลนอย่างทั่วถึง ในขณะเดียวกันเองโลตัสยังรับซื้อผลผลิตโดยตรงจากเกษตรกรในการปรุงอาหาร และว่าจ้างร้านอาหารที่เป็นผู้ประกอบการรายย่อยในศูนย์อาหารให้ผลิตข้าวกล่องเพื่อสร้างรายได้ในช่วงวิกฤติในเดือนสิงหาคม 2564 นี้

มูลินิธิหรือเครือข่ายจิตอาสาท่านใดสนใจรับข้าวกล่องจาก โลตัส เพื่อนำไปกระจายต่อ สามารถแจ้งความประสงค์ได้ผ่านลิงก์ https://bit.ly/3kXOx5h โลตัสจะทำการติดต่อกลับในกรณีที่ได้รับการจัดสรร

โลตัส ร่วมโครงการครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19 

โลตัส จับมือเครือข่ายพันธมิตร มูลนิธิ กลุ่มจิตอาสา และองค์กรสื่อกว่า 100 หน่วยงาน ร่วมแจกอาหาร 2,000,000 กล่องให้กับชุมชนและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภายใต้โครงการ “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19” สนับสนุนโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ ตั้งจุดแจกข้าวกล่อง 40 จุด ให้เครือข่ายจิตอาสาและมูลนิธิที่เป็นพันธมิตร มารับข้าวกล่องเพื่อกระจายสู่ชุมชนต่อไป โดยอาหาร 1,000,000 กล่อง มาจากร้านอาหารรายย่อยที่ได้รับผลกระทบ ส่วนอีก 1,000,000 กล่องร่วมสมทบโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์

นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหารธุรกิจโลตัส ประเทศไทย กล่าวว่า “สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยปัจจุบันยังคงมีความน่ากังวล และได้ส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน โดยเฉพาะภาคประชาชนที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น หลายคนต้องทำการแยกกักตัวที่บ้าน และจำนวนมากต้องขาดรายได้ รวมถึงผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อยทั้งในและนอกศูนย์การค้า ที่ประสบปัญหาขาดรายได้ ทำให้ โลตัส เครือเจริญโภคภัณฑ์ เครือข่ายพันธมิตร มูลนิธิ กลุ่มจิตอาสา และองค์กรสื่อ จับมือกันในโครงการ “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19” มอบอาหาร 2,000,000 กล่องให้กับชุมชนและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเป็นการสนับสนุนร้านอาหารรายย่อยในการประกอบอาหารไปพร้อม ๆ กัน นอกจากอาหาร 2,000,000 กล่องแล้ว เรายังร่วมบริจาคมังคุด 100,000 แพ็คที่เครือเจริญโภคภัณฑ์รับซื้อจากเกษตรกรในภาคใต้ และหน้ากากอนามัยซีพีอีกด้วย

โลตัส ใช้สาขาของเรา 10 สาขา ได้แก่ สาขาพระราม 4, ศรีนครินทร์, หลักสี่, หนองจอก, พระราม 1, รังสิต, ปทุมธานี, พระราม 2, บางปู, และบางกะปิ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชุมชนต่าง ๆ เป็นจุดศูนย์กลางในการแจกข้าวกล่อง มังคุด และหน้ากากอนามัย จากทั้งหมด 40 จุดภายใต้โครงการ “ครัวปันอิ่ม” เพื่อให้มูลนิธิและเครือข่ายจิตอาสา มารับทุกวันก่อนกระจายต่อถึงมือชุมชน

โครงการครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจ สู้ภัยโควิด-19 จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยปราศจากเครือข่ายพันธมิตรทุกภาคส่วนที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการช่วยขับเคลื่อนโครงการ ทั้งเครือข่ายขององค์กรสื่อที่ทำหน้าที่ประสานงานทุกภาคส่วน และความเข้าใจในพื้นที่และความต้องการของประชาชนของมูลนิธิ และกลุ่มจิตอาสา และทำหน้าที่ที่สำคัญที่สุดคือการมอบข้าวกล่องสู่มือผู้ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งรวมถึงผู้ที่ต้องทำการแยกกักตัวที่บ้าน เพื่อให้พวกเขาได้มีอาหารที่ดีรับประทาน โลตัสเพร้อมเดิมหน้าสนับสนุนให้พี่น้องชาวไทยสามารถผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน” นายสมพงษ์ กล่าวสรุป

โลตัส คว้า น้องเทนนิส นั่งแท่น Brand Endorser

โลตัส เปิดตัว น้องเทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโดเหรียญทองโอลิมปิก 2020 ในฐานะ Brand Endorser เผยเบื้องหลังการจับมือร่วมกันเพราะทั้งสองฝ่ายต่างมีจุดมุ่งหมายและความเชื่อเหมือนกัน ในด้านความมุ่งมั่นและทุ่มเทในทุกสิ่งที่ทำเพื่อเป้าหมายสูงสุดคือความสุขของคนไทย

นางวรวรรณ เพียรลิขิตวงศ์ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย กล่าวว่า โลตัส ขอแสดงความยินดีกับน้องเทนนิส ที่สามารถคว้าเหรียญทองเหรียญแรกในการแข่งขันโอลิมปิก 2020 มาให้คนไทยทั้งประเทศได้ภาคภูมิใจ ความมุ่งมั่นและทุ่มเทของน้องเทนนิสในการฝึกซ้อม จนนำมาสู่ความสำเร็จดังกล่าว เป็นสิ่งที่น่ายกย่อง และมีความตรงกับจุดมุ่งหมายของแบรนด์โลตัส ในฐานะที่เราก็มีความมุ่งมั่นและทุ่มเทในการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการช้อปปิ้ง ผ่านสินค้าคุณภาพสูงในราคาที่เอื้อมถึงได้ การบริการที่ยอดเยี่ยมผ่านช่องทางต่างๆ ของเรา นอกจากนั้น น้องเทนนิส ยังเป็นตัวแทนของเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีพลัง มีความสดใส ซึ่งสอดคล้องกับแบรนด์ใหม่ของโลตัส จึงเป็นที่มาของการเชิญน้องเทนนิสให้เป็น Brand Endorser ของโลตัส ในกิจกรรมและสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ตลอดระยะเวลา 1 ปี การร่วมมือกันในครั้งนี้คาดว่าจะสร้างความตื่นเต้นและสีสันให้กับลูกค้าของโลตัส เพราะเชื่อมั่นว่าลูกค้าของเราก็มีความภาคภูมิใจและชื่นชมในความทุ่มเทและมุ่งมั่นของน้องเทนนิสไม่แพ้กัน

GrabMart ส่งตรงผลผลิตจากเกษตรกรถึงมือผู้บริโภค

แกร็บ ประเทศไทย จับมือ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมด้วย ท็อปส์ แฟมิลี่มาร์ท และ โลตัส สานต่อ โครงการตลาดสดคนไทย (Thai Fresh Market) บริการที่ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรที่สดใหม่ส่งตรงจากท้องถิ่นผ่านบริการแกร็บมาร์ท (GrabMart) พร้อมทั้งสนับสนุนช่องทางในการกระจายสินค้าและเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้กับเกษตรกรไทยและผู้ประกอบการรายย่อย (MSME)

โครงการตลาดสดคนไทย เปิดตัวครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2563 โดยได้มีการนำร่องกับกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อยและจากกลุ่มผู้บริโภค จึงได้มีการสานต่อโครงการและขยายความร่วมมือกับกลุ่มเกษตรกรท้องถิ่นอย่างต่อเนื่องปัจจุบันได้เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าและผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตร อาทิ ผัก ผลไม้ อาหารทะเล และเนื้อสัตว์จากชุมชนต่าง ๆ รวมกว่า 800 แห่งได้โดยตรงผ่านบริการ GrabMart บนแอปพลิเคชัน Grab ด้วยบริการส่งไวภายใน 25 นาที

ดร. เก่งการ เหล่าวิโรจนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า ด้วยความมุ่งในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงประโยชน์ของเทคโนโลยีและก้าวทันเศรษฐกิจดิจิทัล ตามพันธกิจ ‘GrabForGood’ หรือ แกร็บเพื่อชีวิตที่ดีกว่า รวมไปถึงการสนับสนุนเกษตรกรไทยและร้านค้าท้องถิ่น ในการใช้แพลตฟอร์มของแกร็บเป็นตัวกลางในการเพิ่มช่องทางในการขายและเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการและเกษตรกร เรามีความยินดีที่ได้รับความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนในการจัดหาเกษตรกรและร้านค้าในกลุ่มผักและผลไม้ อาหารทะแลและเนื้อสัตว์ที่เข้าร่วมโครงการ ‘ตลาดสดคนไทย (Thai Fresh Market)’ โครงการ 2 บนแกร็บมาร์ท (GrabMart)

ทางด้าน นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยอุดม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพันธมิตรทางธุรกิจ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า นับจากการเปิดตัวโครงการ ‘ตลาดสดคนไทย’ (Thai Fresh Market) ไปเมื่อกลางปี 2563 ได้รับการตอบรับที่ดีจากเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยในแง่ของการเพิ่มรายได้และฐานลูกค้า อีกทั้งยังได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคทั้งในด้านของคุณภาพและความหลากหลายของประเภทสินค้าผ่านบริการ GrabMart ซึ่งการต่อยอดโครงการ ‘ตลาดสดคนไทย’ โครงการ 2 บนแกร็บมาร์ท (GrabMart) มุ่งเน้นในการส่งมอบความหลากหลายและสดใหม่ของสินค้าทางการเกษตรให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง รวมไปถึงการร่วมส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยและชุมชนเกษตรกรรมให้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อขยายธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ที่ปรึกษาและคณะทำงานรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ ถือเป็นหน่วงงานภาครัฐที่มีส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยมีพันธกิจในการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าให้เข้มแข็ง ลดความเหลื่อมล้ำและยกระดับรายได้ของประเทศ จึงได้มีส่งเสริมให้เกษตรกรและร้านค้ารายย่อยมีช่องทางในการกระจายสินค้าออกสู่ตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยมีการร่วมมือกับภาคเอกชนมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสในการเพิ่มพูนรายได้ ลดความเสี่ยงเรื่องผลผลิตล้นตลาด และยังช่วยให้ธุรกิจของคนไทยสามารถอยู่รอดต่อไปได้ และเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ แกร็บ ได้สานต่อโครงการ ‘ตลาดสดคนไทย’ เป็นครั้งที่ 2 ทำให้เกษตรกรและร้านค้ารายย่อยมีโอกาสใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการขายสินค้าที่มีคุณภาพให้กับผู้บริโภค

นายจูเลี่ยน เทสสันนิว ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสฝ่ายธุรกิจดิจิตอล บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า ท็อปส์ และ แฟมิลี่มาร์ท ในเครือเซ็นทรัล รีเทล มีความมุ่งมั่นในการเป็นกำลังสำคัญร่วมขับเคลื่อนและผลักดันเศรษฐกิจไทย รวมไปถึงการส่งเสริมการกระจายรายได้คืนสู่คนไทยทุกระดับ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยและกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ เป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญ เพื่อให้ครัวเรือนและชุมชนสามารถพึ่งพาตนเอง มีรายได้และเติบโตอย่างยั่งยืน

โดยการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน และรับซื้อตรงสินค้าทางการเกษตร รวมทั้งมีการเปิดตลาดจริงใจ FARMERS MARKET ตลาดรูปแบบใหม่ที่เรามีความตั้งใจสร้างให้เป็นแหล่งรวม ผัก ผลไม้ปลอดภัย ปลอดสารพิษ และของดีประจำจังหวัด เพื่อให้เกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อยมีพื้นที่จำหน่ายสินค้า ซึ่งประสบผลสำเร็จอย่างสูงทั้งการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการให้สามารถยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างรายได้ สร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรกว่า 6,000 ครัวเรือนทั่วประเทศ และเพื่อช่วยให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย สามารถมีตลาดรองรับ ผู้บริโภคมีช่องทางในการซื้อสินค้าที่สะดวกสบายเพิ่มมากขึ้น จึงมีบริการสั่งซื้อสินค้าผ่านแกร็บมาร์ทบนแอปพลิเคชันแกร็บจากร้านท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์, ท็อปส์เดลี่, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, แฟมิลี่มาร์ท และ จริงใจ FARMERS’ MARKET แฟล็กชิพสโตร์สาขาบางนา ครอบคลุม 952 สาขาในพื้นที่ 37 จังหวัดที่ร้านค้าของเราเปิดให้บริการ

นางสาวปาริตา ปัทมรังสรรค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการแผนก O2O สายงานการพาณิชย์ โลตัส กล่าวว่า โลตัส ให้การสนับสนุนเกษตรกรมาอย่างต่อเนื่องผ่านโครงการซื้อผลิตผลทางการเกษตรโดยตรงจากเกษตรกรโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งนอกจากจะขยายช่องทางการจำหน่ายผักและผลไม้สดผ่านสาขาของเรากว่า 2,100 แห่งทั่วประเทศแล้ว โลตัสยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพและยกระดับเกษตรกรในทุกด้านเพื่อสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ทั้งด้านเกษตรสมัยใหม่ มาตรฐานความปลอดภัย การสร้างแบรนด์ การตลาด และการเงิน ความร่วมมือกับ แกร็บ ในครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีที่โลตัส จะสามารถสานต่อยอดพันธกิจในการช่วยเหลือเกษตรกร โดยเฉพาะท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

โครงการ ตลาดสดคนไทย (Thai Fresh Market) โครงการ 2 มีเกษตรกรและร้านค้ารายย่อยที่เข้าร่วมมากกว่า 800 ราย จาก 15 จังหวัดทั่วประเทศ อาทิ กรุงเทพฯ นครปฐม นครสวรรค์ ภูเก็ต โดยจำแนกสินค้าทั้งหมดออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ อาหารทะเล เนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ โดยสามารถสั่งซื้อผ่านบริการแกร็บมาร์ท (GrabMart) บนแอปพลิเคชันแกร็บ (Grab) ด้วยบริการส่งไวภายใน 25 นาที และเพื่อเป็นกระตุ้นการสร้างยอดขายเพื่อสนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการ มอบส่วนลดให้ผู้ใช้บริการใหม่สูงสุด 40% เมื่อสั่งขั้นต่ำ 200 บาท โดยใช้โค้ดส่วนลด “FARM” และส่วนลดสูงสุด 180 บาท สำหรับผู้ใช้บริการปัจจุบัน เมื่อสั่งขั้นต่ำ 650 บาท โดยใช้โค้ดส่วนลด FRESH180 ตั้งแต่วันนี้ ถึง 22 สิงหาคม 2564

โลตัส ผนึก สสว. – SME D Bank ดันสินค้า SME ขึ้นห้าง

โลตัส จับมือ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) ผนึกกำลังส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ SME ไทย ให้คำปรึกษา มอบองค์ความรู้ และบริการด้านการเงินให้กับผู้ประกอบการ SME พร้อมทั้งเปิดโต๊ะเจรจาธุรกิจการค้ากับจัดซื้อของโลตัสโดยตรง เพิ่มโอกาสการวางจำหน่ายสินค้าในห้างค้าปลีก และแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยมีแผนจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจการค้าทุกวันศุกร์ที่ 3 ของเดือน ส่งเสริมให้ SME ไทย มีช่องทางการจำหน่ายและประชาสัมพันธ์เพิ่มขึ้น เพื่อประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ แข่งขัน และเติบโต ให้ผู้ประกอบการ SME ไทยมีรายได้ยั่งยืน

นางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบุคคลและความยั่งยืน โลตัส กล่าวว่า โลตัส ให้การสนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย SME มาอย่างต่อเนื่องผ่านการรับซื้อสินค้าเพื่อจำหน่ายในสาขาและช่องทางออนไลน์ของเรา รวมถึงการพัฒนาศักยภาพเกษตรกรและผู้ประกอบการ SME ให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน เรามีแผนงานที่ชัดเจนในการเพิ่มปริมาณการรับซื้อสินค้าเกษตรและสินค้า SME อย่างน้อย 10% ทุกปี เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อบูรณาการการสนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย โลตัส ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ สสว. และ SME D Bank เพื่อเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินการตามแผนงานที่เราได้วางไว้ ซึ่งการร่วมมือกับทั้งสององค์กรนอกจากจะช่วยให้เราได้เข้าถึงผู้ประกอบการที่มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น ยังช่วยให้เราสามารถส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ SME ไทยได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย ผ่านความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านของแต่ละองค์กร ช่วยให้ผู้ประกอบการได้เข้าใจ และเข้าถึงตลาดผู้บริโภค และการประชาสัมพันธ์ได้มากยิ่งขึ้น โดยเรามีแผนงานที่จะจัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจการค้าทุกวันศุกร์ที่ 3 ของเดือน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SME ได้นำแสนอสินค้าให้กับทีมงานจัดซื้อของโลตัสได้โดยตรง เพิ่มโอกาสการวางจำหน่ายสินค้าในห้างค้าปลีก และแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบัน

ที่ผ่านมา โลตัส สสว. และ SME D Bank ได้จัดกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจการค้าแบบออนไลน์โดยมีจำนวนผู้ประกอบการเข้าร่วมรวม 154 ราย และกำลังอยู่ในการเจรจาความเป็นไปได้ในการจัดซื้อสินค้าเพื่อวางจำหน่าย 114 ราย โดยในกิจกรรมเจรจาการค้าครั้งที่สอง ในวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านนี้ โลตัสได้มีการตกลงซื้อขายกับผู้ประกอบการ จำหน่ายสบู่เหลวสมุนไพรจากสารสกัดของใบพลู เนื่องจากผู้ประกอบการ SME รายนี้มีความพร้อมในการจัดส่งผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน และมีการวางกลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่ชัดเจน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำหรับเกณฑ์การพิจารณาของโลตัส นอกจากนี้ ยังมีผู้ประกอบการหลายรายที่โลตัสให้ความสนใจและอยู่ในระหว่างการเจรจา จากหลากหลายหมวดหมู่สินค้าอาทิ กลุ่มสินค้าอาหารแห้ง กลุ่มสินค้าอาหารสดและอาหารพร้อมทาน กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ เป็นต้น

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน มีผลกระทบเป็นอย่างมากกับผู้ประกอบการ SME รายย่อย เราจึงอยากเชิญชวนผู้ประกอบการ SME ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม นำเสนอสินค้ากับโลตัส เพื่อเปิดโอกาสในการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าที่สาขาของโลตัส ได้ที่ www.TescoLotus.com/SME โดยโลตัสพร้อมช่วยเหลือในการพัฒนาสินค้า ผลักดันสินค้าให้ได้มาตรฐาน และให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการ SME เป็นรากฐานที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยต่อไป

นาย วีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า “จากสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแข่งขันอย่างสูง บวกกับการระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์ และเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจ ซึ่งพบว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนใหญ่เกิดจากการผู้ประกอบการเหล่านั้นมีการปรับระบบและวิธีการทำงาน และหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพก็คือการแสวงหาโอกาสใหม่ๆ เช่น การใช้แพลตฟอร์ม  หรืออาจจะมีพันธมิตรการค้าใหม่

นโยบายของ สสว. ในปี 2564 จึงมุ่งเน้น 1) เพิ่มผลิตภาพ และลดต้นทุน 2) เพิ่มช่องทางการตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ในรูปแบบ Online และ Offline 3) เชื่อมโยงแหล่งเงินทุน ทั้งผ่านกองทุน สสว. และเครือข่ายพันธมิตร เช่น ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME D Bank ซึ่งการลงนามความร่วมมือในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการให้สิทธิประโยชน์กับผู้ประกอบการที่ลงทะเบียน SMEs ผู้รับบริการภาครัฐ กับบริษัทบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด (โลตัส) ซึ่งถือเป็นแพลตฟอร์ม หรือพันธมิตรการค้าที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการในการกระจายสินค้าไปสู่มือผู้บริโภคทั่วประเทศ

ความร่วมมือในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการแล้ว ยังเป็นการเติมเต็มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของ สสว. ในการเจาะตลาดโมเดิร์นเทรดอย่างเป็นรูปธรรมอีกด้วย เนื่องจากจากจำนวนสาขาของโลตัสที่มีมากกว่า 2,000 สาขา บวกกับสินค้าของกลุ่มผู้ประกอบการใหม่ (Early Stage) วิสาหกิจรายย่อย (Micro) วิสาหกิจขนาดย่อม (Small) ทั่วประเทศ ที่มีหลากหลาย จะได้มีโอกาสจับคู่เจรจาธุรกิจกับโลตัส สิ่งเหล่านี้จะเป็นการขยายช่องทางการค้าของผู้ประกอบการให้เติบโตและเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในช่วงวิกฤติโควิด โดยช่องทางการจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการ อาจเป็นที่โลตัสทั่วประเทศ หรือตามความเหมาะสมตามความต้องการของตลาดและผู้ประกอบการ

นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวว่า “SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ เพื่อเอสเอ็มอีไทย  นอกจากภารกิจหลักในการสนับสนุนด้านเงินทุนแล้ว อีกภารกิจสำคัญ คือ การยกระดับและพัฒนาให้เอสเอ็มอีไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการเติมความรู้ สนับสนุนการสร้างมาตรฐาน และส่งเสริมการตลาด เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยอย่างรุนแรง SME D Bank จึงมุ่งประสานหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน เพื่อจะหาทางช่วยเหลือเอสเอ็มอีไทยให้สามารถประคับประคองธุรกิจ ก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้

ดังนั้น ความร่วมมือกับ โลตัส และ สสว. ครั้งนี้ จึงมีความสำคัญมากในการช่วยสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั้งกลุ่มลูกค้า SME D Bank และผู้ประกอบการทั่วไป  สามารถขยายช่องทางตลาดผ่านเครือข่ายของโลตัส ซึ่งมีศักยภาพการตลาดสูงมาก ช่วยให้สินค้าของเอสเอ็มอีสามารถส่งตรงถึงมือผู้บริโภค เป็นการเพิ่มรายได้ เพิ่มยอดขาย รักษาการจ้างงาน รวมถึง ได้รับความรู้ สสว. ช่วยให้ก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปได้ ขณะเดียวกัน เมื่อเอสเอ็มอีที่ผ่านการคัดเลือกจำเป็นต้องขยายกำลังผลิต  หรือปรับปรุงมาตรฐานโรงงานผลิต รองรับการขยายตลาด ทาง SME D Bank เข้ามาเติมเต็ม ด้วยการจัดเตรียมสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษไว้รองรับ เช่น สินเชื่อรายเล็ก Extra Cash กู้ได้ทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล วงเงินกู้สูงสุด 3 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3% ต่อปีใน 2 ปีแรก  ผ่อนนานสูงสุด 5 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุด 12 เดือน ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน สินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.875% ต่อปี นาน 3 ปีแรก วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท และสินเชื่อฟื้นฟู อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี ใน 2 ปีแรก ได้รับการยกเว้นดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือนแรก ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุด 12 เดือน เป็นต้น

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ หรือแจ้งความประสงค์ขอสินเชื่อ ติดต่อได้ที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ SME D Bank รวมถึงสาขา SME D Bank ทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ เช่น LINE Official Account: @SMEDevelopmentBank , เว็บไซต์ธนาคาร (https://www.smebank.co.th/) และแอปพลิเคชัน SME D Bank ดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android เป็นต้น หรือสอบถาม Call Center 1357

โลตัส เตรียมแจก วัคซีนพาสปอร์ต หนุนคนไทยฉีดวัคซีนโควิด-19

โลตัส เตรียมแจกวัคซีนพาสปอร์ตให้กับประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อสนับสนุนให้คนไทยเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยวัคซีนพาสปอร์ตประกอบไปด้วยคูปองแลกสินค้าฟรีและส่วนลดรวมมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท เริ่มแจกพร้อมกันที่ไฮเปอร์มาร์เก็ตโลตัสทั่วประเทศ 1 กรกฎาคม นี้

สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหารธุรกิจโลตัส ประเทศไทย

นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหารธุรกิจโลตัส ประเทศไทย กล่าวว่า “โลตัส สนับสนุนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนอย่างทั่วถึงและเร่งด่วน โดยเราได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สนับสนุนพื้นที่ภายในสาขาและสำนักงานใหญ่เพื่อเป็นจุดฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชน โดยในกรุงเทพมหานคร โลตัส มีจุดฉีดวัคซีนทั้งหมด 3 จุด คือ โลตัส พระราม 4, โลตัส มีนบุรี, และโลตัส สำนักงานใหญ่ถนนนวมินทร์ นอกจากนั้น ยังมีสาขาในต่างจังหวัดที่เริ่มเป็นจุดฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วเช่นกัน เพื่อเป็นการรณรงค์ให้ลูกค้าและประชาชนฉีดวัคซีนโควิด-19 เราได้จัดทำวัคซีนพาสปอร์ตจำนวน 100,000 เล่ม มอบคูปองแลกสินค้าฟรีและส่วนลดมูลค่ากว่า 4,000 บาทต่อเล่ม เพื่อเป็นการขอบคุณประชาชนที่ร่วมใจกันฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ โลตัส ขอบคุณคู่ค้าของเราที่ให้การสนับสนุนสินค้าและส่วนลดต่าง ๆ มากมาย”

วัคซีนพาสปอร์ต จะถูกกระจายไปยังไฮเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศ โดยประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว (เข็มแรกหรือเข็มที่ 2 ก็ได้) จากจุดฉีดวัคซีนใดก็ได้ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นจุดฉีดในสาขาของโลตัส สามารถนำหลักฐานมาแสดงที่จุดบริการลูกค้าเพื่อรับวัคซีนพาสปอร์ต และสามารถใช้คูปองต่าง ๆ ภายในวัคซีนพาสปอร์ตตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 จนถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2564 หรือตามเงื่อนไขที่กำหนด

คูปองแจกสินค้าฟรีและส่วนลดในวัคซีนพาสปอร์ต อาทิ รับฟรี ขนมปลาเส้นแน็คซ์แน็คซ์, เจลล้างมืออนามัยเดทตอล, หน้ากากผ้าแม็คยีนส์, สติกเกอร์เติมลมไนโตรเจนที่ค็อกพิท และคูปองส่วนลด ลดทันที 100 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 400 บาทที่โลตัส, ซื้อบัตรฟู้ดคอร์ท 120 บาท ในราคา 100 บาท, ส่วนลด 50 บาท เมื่อซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ 3M, ส่วนลด 100 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 500 บาทที่โอเรียนทอล พริ้นเซส และคูปองส่วนลดสินค้าอื่น ๆ อีกมากมายทั้งในซูเปอร์มาร์เก็ต และศูนย์การค้า

“โลตัส หวังว่าวัคซีนพาสปอร์ตจะเป็นอีกหนึ่งแรงในการช่วยให้ประเทศไทยสามารถเอาชนะวิกฤติคครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน ด้วยการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน ลดความเสี่ยงในการติดและแพร่เชื้อโควิด-19 และลดความเสี่ยงจากการป่วยหรือเสียชีวิตจากโรคโควิด-19” นายสมพงษ์ กล่าวสรุป

โลตัส เปิดศูนย์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่สาขามีนบุรี

นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย ต้อนรับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย ดร.กฤษณะ วจีไกรลาศ กรรมการเลขาธิการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และคณะฯ เยี่ยมชมจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนที่โลตัส สาขามีนบุรี ซึ่งเปิดให้บริการแก่ประชาชนตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยสามารถรองรับได้ราว 1,000 คนต่อวัน และดำเนินงานตามมาตรฐานโรงพยาบาลชั้นนำ จัดสรรสถานที่อย่างเป็นระบบ รวดเร็ว และปลอดภัย พร้อมสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าด้วยมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดภายในศูนย์ฉีดวัคซีนทุกสาขาอย่างเคร่งครัด อาทิ การตรวจวัดอุณหภูมิ สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดวเลา ติดตั้งจุดเจลแอลกอฮอล์อย่างทั่วถึง เว้นระยะห่าง ทำความสะอาดและอบละอองฆ่าเชื้อสถานที่ทุกคืน นอกจากสาขามีนบุรี โลตัสยังจัดตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนที่สาขาพระราม 4 ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ศูนย์ฉีดวัคซีนที่โลตัส สำนักงานใหญ่ ถนนนวมินทร์ ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา และโลตัสจะดำเนินการจัดตั้งจุดฉีดวัคซีนในสาขาต่างจังหวัดที่ต่อไป เพื่อให้ลูกค้าและประชาชนเข้าถึงการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว

โลตัสมอบของขวัญพิเศษแทนคำขอบคุณประชาชนที่ร่วมใจกันฉีดวัคซีน โดยจัดทำวัคซีนพาสปอร์ตจำนวน 100,000 เล่ม มอบคูปองแลกสินค้าฟรีและส่วนลดมูลค่ากว่า 4,000 บาทต่อเล่ม สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 (เข็มแรกหรือเข็มที่ 2 ก็ได้) จากจุดฉีดวัคซีนใดก็ได้ ไม่จำกัดว่าต้องเป็นจุดฉีดในสาขาของโลตัส โดยสามารถนำหลักฐานมาแสดงที่จุดบริการลูกค้าที่โลตัส ไฮเปอร์มาร์เก็ต เพื่อรับวัคซีนพาสปอร์ตตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 30 กันยายน 2564