ทำความรู้จัก Liquid Biopsy นวัตกรรมตรวจวิเคราะห์มะเร็งจากเลือด

โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เผย โรคมะเร็งหากตรวจพบเร็ว เท่ากับช่วยเพิ่มโอกาสการรักษาได้มากขึ้น ชี้อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งยังสูง เนื่องจากตรวจเจอในระยะลุกลาม และระยะเวลารอคอยในการตรวจรักษาที่นาน ชูนวัตกรรมการแพทย์ Liquid Biopsy ตรวจหาและวิเคราะห์มะเร็งจากเลือดของผู้ป่วยได้รวดเร็ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการผ่าตัดชิ้นเนื้อ ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตจากมะเร็ง สามารถระบุตำแหน่ง พร้อมผลการรักษาที่รวดเร็ว เพื่อปรับเปลี่ยนแผนการรักษาได้อย่างทันท่วงที ตามอาการของผู้ป่วยระหว่างการรักษา ผู้ป่วยมะเร็งมีโอกาสรักษาหายเมื่อตรวจพบมะเร็งในระยะเริ่มต้น 

นายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เผยว่า Liquid Biopsy (ลิควิด ไบออฟซี่) นวัตกรรมตรวจวิเคราะห์มะเร็งจากเลือด ในขั้นตอนที่สะดวกและรวดเร็วเพื่อค้นหาการเปลี่ยนแปลง การกลายพันธุ์ หรือความผิดปกติของยีนมะเร็ง นำไปสู่การวิเคราะห์ที่ได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่แม่นยำกว่า 90% ภายในระยะเวลาเพียง 12 วัน และนำผลการตรวจที่บ่งบอกได้ก่อนการรักษา ถึงความเสี่ยงต่าง ๆ ของผู้ป่วย รวมทั้งช่วยให้สามารถเลือกวิธีการรักษาได้อย่างเหมาะสม ถูกตำแหน่ง ซึ่งเป็นวิธีการรักษาแบบพุ่งเป้า ทำลายเฉพาะเชื้อมะเร็ง จึงช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพสูง ในขณะที่ส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายผู้ป่วยน้อยที่สุด นอกจากนี้ Liquid Biopsy ยังสามารถใช้ในการตรวจซ้ำกับผู้ป่วยที่เคยเป็นมะเร็งแล้วกลับมาเป็นซ้ำได้อีกด้วย

“Liquid Biopsy เป็นอีกทางเลือกใหม่สำหรับการตรวจวินิจฉัยมะเร็งในวงการแพทย์ หลังจากการตรวจพื้นฐานและประเมินระยะของมะเร็งในปัจจุบันผ่านวิธีการซักประวัติและตรวจร่างกาย การ X-Ray หรือการ CT Scan รวมทั้งการผ่าตัดชิ้นเนื้อมะเร็งเพื่อดูความผิดปกติของเซลล์ ปัจจุบัน Liquid Biopsy เป็นนวัตกรรมทางเลือก มีขั้นตอนการตรวจที่ง่าย รวดเร็ว แม่นยำกว่า 90% และสามารถช่วยลดความเสี่ยงหลายประการ เพียงเจาะเลือดจากผู้ป่วย และวินิจฉัยจากดีเอ็นเอ (DNA) เป็นทางเลือกสำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่ตรวจพบแล้วว่าเป็นมะเร็ง และต้องการวางแผนการรักษาที่รวดเร็ว ผู้ป่วยมะเร็งพบชิ้นเนื้อซ้ำทั้งจุดเดิม หรือแพร่กระจายไปยังจุดอื่นในร่างกาย ผู้ป่วยมะเร็งที่มีโรคประจำตัว และผู้ป่วยสูงอายุที่มีความเสี่ยงสูงจากการผ่าตัด ด้วยตำแหน่งของมะเร็งที่อยู่บริเวณอวัยวะสำคัญ ผ่าตัดชิ้นเนื้อได้ยาก เกิดกังวลในการผ่าตัด เพราะหากตัดออกมาแล้วอาจทำให้ผู้ป่วยบาดเจ็บ หรือได้รับอาการข้างเคียงที่รุนแรง” นายแพทย์ธนุตม์ อธิบาย

ข้อดีของการตรวจวินิจฉัยมะเร็งด้วยวิธี Liquid Biopsy คือ ไม่จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ เพราะพยาบาลหรือแพทย์สามารถเจาะเลือดของผู้ป่วยได้เองจากที่ไหนก็ได้ รวมทั้งเป็นวิธีที่สามารถตรวจผู้ป่วยซ้ำได้ มีผลข้างเคียงน้อย ในด้านของการแปลผลสามารถบอกได้ว่ามะเร็งมีการกลายพันธุ์หรือไม่ และเป็นการวินิจฉัยที่แม่นยำ ช่วยให้สามารถเลือกใช้ยาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละรายโดยเฉพาะ

“อย่างไรก็ดี Liquid Biopsy นวัตกรรมการแพทย์ทางเลือกที่ช่วยให้การตรวจพบ และการรายงานผลเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยจากมะเร็งได้มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มโอกาสที่ผู้ป่วยจะหายเป็นปกติได้ และช่วยในการติดตามผลการรักษาว่าเซลล์มะเร็งจะกลายพันธุ์ไปหรือไม่ อย่างไร เพื่อปรับเปลี่ยนแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง ทันท่วงที และเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย นับว่าเป็นตัวช่วยสำคัญในวงการแพทย์เพื่อผู้ป่วยมะเร็ง ลดอัตราการเสียชีวิตของคนไทยจากโรคมะเร็งได้ในปัจจุบันและอนาคต” นายแพทย์ธนุตม์ กล่าวทิ้งท้าย

รพ.มะเร็งชีวามิตรา รับนัดหมอปรึกษาปัญหามะเร็งฟรี!

โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดตัวบริการ CHIWAMITRA Cancer Consult นัดหมายเพื่อปรึกษาทีมแพทย์เฉพาะทางมะเร็งผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์หรือทางโทรศัพท์ สะดวก รวดเร็ว ติดต่อได้ทุกที่ ทุกเวลา เหมือนมีหมออยู่ใกล้ตัว รับวิถีชีวิตใหม่ ช่วยลดความเสี่ยง ท่ามกลางมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะเดียวกันด้านผู้ป่วยมะเร็งที่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นแต่ละวันก็ไม่สามารถรอการรักษาได้ ชี้ปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท สร้างการเปลี่ยนแปลงกับอุตสาหกรรมการแพทย์ก้าวสู่ “ดิจิตอลเฮลท์” ช่วยทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ รวมถึงการติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล ปรึกษาและช่วยเหลือกันระหว่างผู้ป่วยและโรงพยาบาล เพิ่มช่องทางการรักษาที่รวดเร็วขึ้น สอดรับกับวิถีชีวิตใหม่ของคนบนโลกดิจิทัลที่มุ่งเข้าถึงบริการต่าง ๆ ผ่านออนไลน์มากขึ้น พบคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านออนไลน์ในชีวิตประจำวันกว่า 69.5% เพิ่มขึ้น 7.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และเพื่อเท่าทันต่อการรักษามะเร็ง โรงพยาบาลฯ ชูแนวคิดบริการออนไลน์”CHIWAMITRA Cancer Consult” บริการนัดหมายแพทย์ ทุกช่องทางผ่านไลน์ เฟสบุ๊กเว็บไซต์ หรือโทรศัพท์ 045-958-888 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อปรึกษาทุกปัญหามะเร็ง ให้ผู้ป่วยมะเร็ง และญาติสามารถเข้าถึงช่องทางปรึกษาโรคมะเร็ง เผยโรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตราพร้อมดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งทุกสถานการณ์ รับรักษาเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็ง ย้ายมารักษาโรคมะเร็งอย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องรอคิว รักษามะเร็งปลอดภัย โดยทีมแพทย์เฉพาะทางมะเร็ง ภายใต้ความปลอดภัยมาตรฐานกรมควบคุมโรค

นายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งก่อตั้งโดยร่วมลงทุนระหว่าง บริษัท โมเดอร์นฟอร์ม เฮลท์แอนด์แคร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรงพยาบาลฯ ได้เพิ่มบริการ “CHIWAMITRA Cancer Consult” ซึ่งเป็นการพัฒนาและขับเคลื่อนโรงพยาบาลฯให้ผู้ป่วยสามารถเข้าบริการได้สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ด้วยบริการนัดหมายเพื่อปรึกษาทีมแพทย์เฉพาะทางมะเร็งผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์หรือทางโทรศัพท์ สอดรับกับวิถีชีวิตใหม่(New Normal) ของคนและสถานการณ์ในปัจจุบัน เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับผู้ป่วยและญาติ ท่ามกลางมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ผ่านบริการที่ให้ความสะดวก รวดเร็ว เสมือนมีแพทย์อยู่ใกล้ตัว โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปโรงพยาบาล ช่วยลดภาวะความเสี่ยงในขณะที่เข้าถึงระบบนัดหมายแพทย์เพื่อปรึกษาปัญหามะเร็งโดยบริการดังกล่าวนับเป็นก้าวหนึ่งของการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาต่อยอดสู่บริการใหม่ ๆ ในอนาคตด้านบริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลฯ อย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการแพทย์สู่ “ดิจิตอลเฮลท์” ช่วยให้ผู้ป่วยและประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ผ่านการติดต่อสื่อสารไร้พรมแดนในประเทศ แลกเปลี่ยนข้อมูล ปรึกษา และช่วยเหลือกัน ระหว่างผู้ป่วย ญาติ และโรงพยาบาล ได้ทุกที่ ทุกเวลา

โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตราเปิดบริการ “CHIWAMITRA Cancer Consult” ด้วยความตั้งใจที่จะนำเสนอประสบการณ์ใหม่ในการให้บริการแก่ผู้ป่วยและญาติผู้เข้ารับบริการ ด้วยการใช้เทคโนโลยีพัฒนาระบบ ยกระดับบริการ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการให้คำปรึกษาด้วยข้อมูลทางการแพทย์ โดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยด้านสุขภาพ เพิ่มการสื่อสารสองทางระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยและญาติในเขตพื้นที่ และพื้นที่ห่างไกล ให้มีความคล่องตัวในการเข้าถึงข้อมูลและการนัดหมายแพทย์ หรือบริการอื่น ๆ ของโรงพยาบาลฯ ได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ให้ผู้ป่วยมะเร็งและญาติสามารถเข้าถึงช่องทางปรึกษาโรคมะเร็ง ผ่านแพลตฟอร์มที่คุ้นเคยทั้ง ไลน์ เฟสบุ๊ก เว็บไซต์ หรือโทรศัพท์ ซึ่งยังเป็นช่องทางหลักที่ผู้ป่วยและญาติคุ้นชินและใช้เป็นเครื่องมือติดต่อสื่อสาร โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในยุคปัจจุบัน

“CHIWAMITRA Cancer Consult เป็นบริการที่สอดรับวิถีชีวิตใหม่ “นิวนอร์มอล” ในสังคมยุคดิจิทัล ท่ามกลางภาวะการเปลี่ยนแปลงด้วยผลกระทบช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน กับสถานการณ์วิกฤตการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสครั้งใหญ่ นับเป็นหนึ่งแรงผลักดันสำคัญให้ประชาชนทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกเกิดการปรับวิถีชีวิตใหม่ ก้าวสู่วิถีการกินอยู่ การเรียน การทำงาน รวมถึงการใช้ชีวิต ที่มีเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยจากWe Are Social และ Hootsuite ได้รายงานข้อมูลสถิติการใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกประจำปี 2563 ที่ผ่านมา พบคนไทยมีอัตราการใช้อินเทอร์เน็ตทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านออนไลน์ในชีวิตประจำวันกว่า 69.5% เพิ่มขึ้น 7.4% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา “

ทั้งนี้ โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรามุ่งมั่นในการเอาใจใส่ผู้ป่วยมะเร็งอย่างเป็นมิตรกับทุกชีวิตผ่านบริการทางการแพทย์ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางมะเร็ง โดยมีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง บริการใหม่ดังกล่าวนับเป็นหนึ่งในความตั้งใจที่จะพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่องในทุกสถานการณ์เพื่อผู้ป่วยมะเร็ง และญาติสามารถใช้บริการ “CHIWAMITRA Cancer Consult” ได้ผ่านไลน์ @chiwamitra เฟสบุ๊ก  โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา  www.facebook.com/chiwamitra  และเว็บไซต์ www.chiwamitra.com หรือโทร 045-958-888 ได้ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่มีความจำเป็นต้องเข้ารับรักษาเร่งด่วน หรือมีความจำเป็นต้องย้ายมารับการรักษาโรคมะเร็งต่อเนื่อง  สามารถติดต่อโรงพยาบาลฯ ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีเอกสารส่งตัว โดยโรงพยาบาลฯ พร้อมดูแลผู้ป่วยทันที ไม่ต้องรอคิวเข้ารับการรักษาภายใต้ความปลอดภัยมาตรฐานกรมควบคุมโรค

รพ.มะเร็งชีวามิตรา ชูวิทยาการใหม่รังสีรักษา

โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในเครือ MHC ชี้ มะเร็ง ยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทย ไร้วัคซีนป้องกัน และรอการรักษาไม่ได้ ปัจจุบันมีวิทยาการใหม่ของรังสีรักษา เทคนิครักษามะเร็งด้วยรังสีศัลยกรรม โดยวิธีฉายแสง หรือ ฉายรังสี ปริมาณรังสีสูงไปยังเป้าหมายด้วยความแม่นยำ เพื่อทำลายก้อนเนื้องอกหรือมะเร็ง ทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงไม่สามารถรักษาด้วยการผ่าตัดได้ หรือใช้รักษาเสริมหลังการผ่าตัด รวมทั้งเป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยกรณีไม่ต้องการรักษาด้วยการผ่าตัด สามารถรักษาได้ทั้งบริเวณสมอง ไขสันหลัง ปอดและตับ ไม่เกิดอาการเจ็บปวดขณะฉายรังสี และมีผลข้างเคียงหลังการรักษาน้อยกว่า แนะผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ[KT1] ถึงความเหมาะสมในการรักษาของผู้ป่วยในแต่ละราย  เผยปัจจุบันเทรนด์การรักษาผู้ป่วยแนวใหม่ เน้น “ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง” ผลการศึกษาของ PwC ล่าสุด ระบุว่าผู้ป่วยให้ความสนใจเกี่ยวกับการรักษา การดูแลตัวเองและต้องการบริหารจัดการการรักษาตัวเองมากขึ้นอีกด้วย

นายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา

นายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก่อตั้งโดยร่วมลงทุนระหว่าง บริษัท โมเดอร์นฟอร์ม เฮลท์แอนด์แคร์ จำกัด (มหาชน) “MHC” กับแพทย์ผู้ชำนาญการด้านรังสีรักษาและมะเร็งวิทยา เปิดเผยว่า โรคมะเร็งเป็นปัญหาสำคัญทางสาธารณสุขของทุกประเทศทั่วโลก จากสถิติทั่วโลกพบว่ามีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยจาก พ.ศ. 2553 ที่มีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ 8.1 ล้านคนต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 18.1 ล้านคนต่อปีใน พ.ศ. 2561 ในขณะที่ประเทศไทยพบว่ามีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่และเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นประมาณปีละ 5% มีตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเฉลี่ยปีละ 8 หมื่นคน และมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ประมาณ 1.5 แสนคนต่อปี

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทย และยังไม่มีวัคซีนป้องกันที่ตอบสนองชัดเจน ซึ่งไม่สามารถรอรับการรักษาได้ ส่งผลให้วงการแพทย์มีการศึกษาวิจัย เพื่อนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาใช้ในการวินิจฉัยและรักษาโรคด้วยหวังผลเพิ่มจำนวนผู้รอดชีวิตจากโรคมะเร็งให้เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดยล่าสุดมีการรักษาวิทยาการใหม่ของรังสีรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ใช้เทคนิคการรักษามะเร็งด้วยรังสีศัลยกรรม โดยการฉายรังสีร่วมกับปริมาณรังสีสูงไปทำลายก้อนเนื้องอกหรือมะเร็งด้วยความแม่นยำ รังสีศัลยกรรมมีการใช้ปริมาณรังสีต่อครั้งที่สูงกว่า ส่งผลให้จำนวนครั้งของการฉายรังสีน้อยลงอยู่ที่ประมาณ 1-5 ครั้ง ต่างจากการฉายรังสีเทคนิคธรรมดาที่ใช้ระยะเวลานานหลายสัปดาห์

ทั้งนี้ รังสีศัลยกรรมแบ่งออกเป็น 2 เทคนิค ตามจำนวนครั้งในการฉายรังสี  คือ เทคนิคที่ 1 คือ Stereotactic Radiosurgery (SRS) เป็นการให้ปริมาณรังสีสูงมากเพียงครั้งเดียว และ เทคนิคที่ 2 Stereotactic Radiotherapy (SRT) หรือ Stereotactic Body Radiotherapy (SBRT) เป็นการฉายรังสีโดยให้ปริมาณสูงต่อครั้ง เป็นจำนวน 3-7 ครั้ง จากการศึกษาในผู้ป่วยมะเร็งกระจายไปสมอง ด้วยวิธีการฉายแสงเทคนิคธรรมดา เมื่อติดตามผลการรักษาที่ 6 เดือน สามารถควบคุมโรค และเพิ่มคุณภาพชีวิตได้ 27% หากเปรียบเทียบกับการรักษาด้วยเทคนิค SRS สามารถควบคุม และเพิ่มคุณภาพชีวิตขึ้นเป็น 43%

อนึ่ง รังสีศัลยกรรมเป็นเทคนิคการรักษาก้อนเนื้องอกหรือมะเร็ง ด้วยการฉายรังสีพลังงานสูงไปยังบริเวณที่ต้องการด้วยความแม่นยำ โดยอาศัยคอมพิวเตอร์จำลองภาพสามมิติ กำหนดตำแหน่งและคำนวณปริมาณรังสี เพื่อให้รังสีเข้าไปทำลายเฉพาะที่ก้อนเนื้องอกหรือมะเร็ง ในขณะที่เนื้อเยื่อปกติโดยรอบได้รับรังสีเพียงเล็กน้อย มีประสิทธิภาพในการรักษา และเกิดผลข้างเคียงน้อย นับเป็นวิทยาการใหม่สำหรับผู้ป่วยกรณีที่ไม่ต้องการรักษาด้วยการผ่าตัด หรือในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ป่วยสูงอายุ ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว หรือ ภาวะของร่างกายที่เป็นอุปสรรคต่อการดมยาสลบ ซึ่งไม่สามารถผ่าตัดได้ และยังใช้กับการรักษาเสริมหลังการผ่าตัด

การรักษาด้วยวิทยาการฉายรังสี สามารถใช้รักษามะเร็งบริเวณสมอง ไขสันหลัง ปอด และตับ หรือตำแหน่งที่ไม่สามารถเข้าถึงด้วยการผ่าตัด และยังสามารถใช้ในการรักษาด้านอื่นที่ไม่เกี่ยวกับมะเร็ง ได้แก่ 1. Brain arteriovenous malformation (AVM) ภาวะผิดปกติของหลอดเลือดแดงและดำของสมอง 2. Meningioma เนื้องอกเยื่อหุ้มสมอง 3. Pituitary adenoma เนื้องอกของต่อมใต้สมองส่วนหน้า 4. Glioma เนื้องอกของเซลล์สมอง 5. Schwannoma เนื้องอกของเส้นประสาท นับเป็นวิทยาการรักษาที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในผู้ป่วยและวงการแพทย์ทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยรังสีศัลยกรรมดังกล่าว ขึ้นอยู่กับชนิด ขนาด และตำแหน่งของ ก้อนเนื้องอกหรือมะเร็ง ในขณะเดียวกัน การรักษาด้วยรังสีศัลยกรรมอาจไม่เหมาะกับเนื้อเยื่อมะเร็งบางชนิด ผู้ป่วยและญาติจึงควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อร่วมกันวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยเป็นรายบุคคล สอดคล้องกับปัจจุบันที่แนวโน้มหรือเทรนด์การรักษาผู้ป่วย มุ่งให้ความสำคัญกับการรักษาแบบมีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง โดยผลการศึกษาของ PwC บริษัทผู้ให้บริการธุรกิจที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ชั้นนำระดับโลก ระบุว่า ปัจจุบันผู้ป่วยให้ความสนใจเกี่ยวกับดูแลรักษาตนเองและต้องการบริหารจัดการเรื่องการดูแลสุขภาพด้วยตนเองมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ในทางการแพทย์ รวมทั้งที่โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตราจึงให้ความสำคัญในการรักษาโดยมีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง กล่าวคือ แพทย์ ญาติ และผู้ป่วย จะหาทางเลือกในการรักษามะเร็งที่เหมาะสมกับผู้ป่วยร่วมกัน เพื่อประโยชน์ในการรักษาควบคู่กับคุณภาพกายและคุณภาพใจที่ดี

รพ.มะเร็งชีวามิตรา แนะผู้ป่วยมะเร็ง รับวัคซีนโควิด-19

โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระบุผู้ป่วยมะเร็ง กลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูง อาจมีอาการรุนแรงได้มากกว่าคนที่ไม่มีโรคหรือไม่ได้เจ็บป่วย หากติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แนะรับวัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อตาย ปลอดภัยกว่าวัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิต อ้างอิงจากสมาคมมะเร็งสหรัฐอเมริกา เผยผู้ป่วยมะเร็งที่สิ้นสุดการรักษาแล้ว และผู้มีประวัติเป็นมะเร็ง รวมทั้งผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งสามารถรับวัคซีนได้ทันที แต่ผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังอยู่ในระหว่างการรักษา ควรปรึกษาแพทย์ผู้รักษาให้ช่วยกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรับวัคซีน โดยโรงพยาบาลพร้อมให้บริการวัคซีนโควิด-19 ทางเลือกให้กับผู้ป่วยมะเร็งให้ผู้ป่วยมะเร็งและบุคคลทั่วไปทันทีที่วัคซีนทางเลือกมาถึง

นายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งก่อตั้งโดยร่วมลงทุนระหว่าง บริษัท โมเดอร์นฟอร์ม เฮลท์แอนด์แคร์ จำกัด (มหาชน) “MHC” กับแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านมะเร็งรักษาและมะเร็งวิทยา เปิดเผยว่า นอกจากผู้สูงอายุและคนที่มีโรคประจำตัวจะเป็นประชาชนกลุ่มเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโรคโควิด-19 แล้ว กลุ่มผู้ป่วยมะเร็งรวมทั้งผู้มีประวัติเป็นโรคมะเร็งนับจัดเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเสี่ยงสูงที่หากติดเชื้ออาจมีอาการรุนแรง เนื่องจากโรคมะเร็งและกระบวนการดูแลและรักษาจะส่งผลต่อระบบภูมิต้านทานของร่างกายให้ต่ำลง และยังใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูนานกว่าผู้ป่วยโรคปกติทั่วไป ดังนั้นผู้ป่วยกลุ่มนี้จำเป็นต้องมีแนวทางปฏิบัติเพื่อการป้องกันและเพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัดด้วยการใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า การเว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร หลังใช้ห้องน้ำ หรือสัมผัสจุดเสี่ยงที่มีผู้อื่นใช้งานร่วมกัน หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น แออัด หรือพื้นที่ปิด และจำเป็นต้องรับวัคซีนโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายเป็นอีกแนวทางที่ผู้ป่วยมะเร็งควรได้รับ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ รวมทั้งเพื่อลดอาการรุนแรงของโรค กรณีที่มีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ลดอาการและลดอัตราการเสียชีวิตจากโรค

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสมาคมมะเร็งสหรัฐอเมริกา หรือ American Cancer Society ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวัคซีน  โควิด-19 สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง สามารถรับวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันได้ แต่มีปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบก่อนการตัดสินใจเลือกรับวัคซีนในหลายปัจจัย อาทิ ประเภทของวัคซีน ประเภทของมะเร็งที่ผู้ป่วยเป็น และผู้ป่วยกำลังอยู่ในช่วงของการรักษามะเร็งหรือไม่ รวมถึงระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยทำงานปกติหรือยัง และการเลือกประเภทของวัคซีน โดยการเลือกชนิดวัคซีนโควิด-19 ให้กับผู้ป่วยมะเร็งควรใช้วัคซีนชนิดเชื้อตาย เนื่องจากวัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิต หรือ Live attenuated vaccine อาจไม่ปลอดภัยสำหรับกลุ่มคนที่มีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอหรือบกพร่อง

ซึ่งผู้ป่วยมะเร็งจัดเป็นผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าว โดยผู้ป่วยมะเร็งที่สิ้นสุดการรักษาแล้ว สามารถรับวัคซีนโควิด-19 ได้ทันที ส่วนผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังอยู่ในกระบวนการของการรักษาโรค ควรรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้รักษาเพื่อช่วยกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรับวัคซีนของผู้ป่วยมะเร็งแต่ละรายก่อนรับวัคซีนโควิด-19 เพื่อลดความเสี่ยงของอาการข้างเคียงที่เกิดจากการรับวัคซีน

“อีกหนึ่งความกังวลที่มีครอบครัวผู้ป่วยมะเร็งที่ถามยังโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก คือ กลุ่มผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งสามารถรับวัคซีนโควิด-19 ได้หรือไม่ และควรรับวัคซีนประเภทใด ซึ่งสมาคมมะเร็งสหรัฐอเมริกาได้แนะนำว่า ผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งควรรับวัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อตายเช่นกัน และไม่แนะนำให้ผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งรับวัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อมีชีวิตหรือ Live attenuated vaccine เนื่องจากอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยมะเร็งได้ โดยโรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตราพร้อมให้บริการวัคซีนโควิด-19 ทางเลือกให้กับผู้ป่วยมะเร็งของโรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้มีประวัติเคยเป็นมะเร็ง และบุคคลทั่วไป ทันทีที่ได้รับวัคซีนทางเลือก” นายแพทย์ธนุตม์ กล่าวทิ้งท้าย

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ทางเลือกที่โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา www.chiwamitra.com