ชี้สัญญาณเตือนปวดหลังที่ต้องถึงมือหมอ

ศูนย์กระดูกสันหลังโรงพยาบาลนครธน ที่เกิดจากความร่วมมือกับบำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ค แนะผู้ที่ปวดหลังรีบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหากรู้สึกปวดหลังจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน  โดยทีมแพทย์ของศูนย์ฯ พร้อมให้คำแนะนำ Last Opinion และใช้เทคโนโลยีการผ่าตัดส่องกล้องรักษาได้หายในวันเดียว

นายแพทย์วีระพันธ์ ควรทรงธรรม ผู้อำนวยการสถาบันกระดูกสันหลังบำรุงราษฎร์ และศัลยแพทย์ระบบประสาท กล่าวว่า อาการปวดหลังอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อ,กระดูกหรือหมอนรองกระดูกสันหลัง หลายอาการสามารถหายเองได้ หรือรักษาได้ด้วยวิธีการอื่นที่ไม่ใช่การผ่าตัด เช่น การใช้ยา หรือการทำกายภาพบำบัด เป็นต้น แต่มีกลุ่มอาการสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามและควรต้องรีบมาพบแพทย์ ได้แก่ ปวดจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เช่น ลุกยืน นั่ง หรือเดิน และมากขึ้นเมื่อขยับยืนหรือเดิน ปวดร้าวตามเส้นประสาทจากหลังลงไปถึงขาและมีอาการชา อ่อนแรง ปวดแขนหรือขาร่วมด้วย หรือรู้สึกปวดเหมือนมีไฟฟ้าช็อต ปวดแนวกระดูกกลางหลัง หรือปวดต่อเนื่องนานเกิน 4 สัปดาห์ หรือปวดเฉียบพลัน ที่ไม่ได้เกิดจากการยกของหนัก ออกกำลังกาย หรือขยับตัวผิดท่า หรืออุบัติเหตุ

“อาการปวดเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเกิดความผิดปกติกับกระดูกสันหลัง ไม่ว่าจะเป็นหมอนรองกระดูกเคลื่อนไปทับเส้นประสาท หรือมีโพรงกระดูกสันหลังตีบที่เกิดจากความเสื่อมของร่างกาย กระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท หรือกระดูกสันหลังส่วนคอเสื่อม ซึ่งล้วนแต่เป็นโรคที่มีความรุนแรง มีผลสำคัญต่อการใช้ชีวิตของคน” นายแพทย์วีระพันธ์ กล่าว

การวินิจฉัยหาสาเหตุที่ถูกต้องได้อย่างรวดเร็ว จะช่วยให้รักษาได้ตรงจุด และผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งการวินิจฉัยโรคนี้ต้องอาศัยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์สูง และเครื่องมือที่ทันสมัย

แต่คนส่วนใหญ่มักรู้สึกกลัว จึงไม่ได้มาหาหมอทันที เพราะเห็นว่าการผ่าตัดกระดูกสันหลังเป็นเรื่องใหญ่ ใช้เวลานาน และมักจะไปหาความเห็นจากแพทย์หลายๆ ท่านอย่างที่เรียกว่า Second Opinion ก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาและทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวดนานขึ้น กังวลนานขึ้น และทำให้อาการปวดหรือปัญหาของกระดูกสันหลังรุนแรงเพิ่มขึ้น

“ศูนย์กระดูกสันหลังโรงพยาบาลนครธนที่เกิดจากความร่วมมือกับบำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ค ทราบดีถึงความกังวลของผู้ป่วย เราจึงทำหน้าที่เป็นผู้ให้ Last Opinion โดยมีทีมแพทย์ที่ประกอบด้วยแพทย์ระดับซีเนียร์ร่วมให้ความเห็นกับแพทย์เจ้าของไข้ รวมเป็นทีมใหญ่ และจะต้องมีแพทย์อย่างน้อย 4 ท่านที่ให้ความเห็นตรงกัน จึงจะทำการรักษา เท่ากับว่าผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องไปหา Second Opinion จากที่ไหน และได้รับ Last Opinion จากทีมแพทย์ของศูนย์ฯ ได้เลย” นายแพทย์วีระพันธ์กล่าว

นอกจากนี้ ทีมแพทย์ของศูนย์ฯ ยังเน้นการให้ข้อมูลรอบด้าน เพื่อให้ผู้ป่วยได้มีสิทธิ์ตัดสินใจเลือกด้วยตัวเองอีกด้วย

และสำหรับผู้ป่วยโรคหมอนรองกระดูกสันหลังกดทับเส้นประสาท และโพรงกระดูกสันหลังตีบ 2 โรคนี้  ศูนย์ฯ มีเทคโนโลยีทันสมัย สามารถผ่าตัดโดยการส่องกล้อง ทำให้มีแผลเล็กเพียง 8 มิลลิเมตรหรือเพียงปลายนิ้วก้อย ใช้เวลาผ่าตัดและรอให้ผู้ป่วยฟื้นจากยาสลบเพียงแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ก็กลับไปพักฟื้นที่ห้องผู้ป่วย และสามารถกลับบ้านได้ในวันรุ่งขึ้นโดยการเดินได้ด้วยตนเอง

โรงพยาบาลนครธน ตั้งอยู่ในทำเลย่านพระราม 2 สะดวกเข้าถึงง่าย และเปิดการสื่อสารสะดวกหลากหลายช่องทางสำหรับทุกเจนเนอเรชันทั้งผ่านระบบโทรศัพท์ โทร 02-450-9999 บริการคอนแทคเซ็นเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมงและออนไลน์แพลตฟอร์มทางเว็บไซต์ www.nakornthon.com  สามารถนัดหมายแพทย์เฉพาะทางและ บริการถาม-ตอบปัญหาสุขภาพผ่าน LINE official @Nakornthon Hospital และเฟซบุ๊กเพจ FB: Nakornthon Hospital บริการให้ข้อมูลรวมถึงติดตามข่าวสารและข้อมูลการรักษาเพิ่มเติมได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้โรงพยาบาลยังเข้าถึงผู้รับบริการต่างชาติ(กลุ่มคนจีน) ผ่านทางเว็บไซต์ Weibo และ WeChat ตอบโจทย์คนในแต่ละพื้นที่บริการได้อย่างครบครัน   ด้วยการดูแลอย่างเข้าใจดุจญาติมิตรทุกขั้นตอนจากการตรวจรักษาไปจนถึงการฟื้นฟูด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ มุ่งเน้นให้ความคุ้มค่าเหนือราคา

ชวนสังคม “สูงวัย” ปรับพฤติกรรมเสี่ยง ป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อม

ในปัจจุบัน ประเทศไทยพบผู้ป่วยมากกว่า 6 ล้านคน ผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปพบได้ถึงร้อยละ 50 ปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุคือโรคกระดูกและข้อ  อายุที่เพิ่มขึ้น เป็นสิ่งที่สะท้อนความสามารถในการซ่อมแซมของกระดูกอ่อนกำลังลดลงไปทุกที อาการข้อเข่าเสื่อมสามารถเกิดขึ้นได้จากพฤติกรรมของเราในชีวิตประจำวันเองเช่นกัน

นายแพทย์นิธิวุฒิ ปิ่นสิรานนท์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อ โรงพยาบาลนครธน เผยว่าเมื่อร่างกายถูกใช้งานเป็นเวลาก็อาจมีความเสื่อมไปตามกาลเวลา การเสื่อมตามธรรมชาติของร่างกายมักจะเริ่มเกิดกับบุคคลที่มีอายุ 40 ขึ้นไป ซึ่ง “โรคข้อเข่าเสื่อม”(Knee osteoarthritis) เกิดจากการใช้งานผิวกระดูกอ่อนที่อยู่ในข้อเข่าเริ่มมีการสึก  อาการปวดข้อเข่านั้นจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดเมื่อมีการเคลื่อนไหวของข้อเข่า เป็นสิ่งที่รบกวนการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็น การนั่ง การเดิน การยืน เป็นต้น ดังนั้นควรปรับพฤติกรรมเพื่อลดความเสี่ยง เพื่อป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อมช่วยชะลอกระดูกข้อเข่าให้ใช้งานได้นานมากขึ้น ทั้งนี้ครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ ก็สามารถสังเกตและดูแลพฤติกรรมของผู้สูงอายุในบ้านได้อีกด้วย

วิธีป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อม

  • การนั่ง สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือ การนั่งยอง ๆ นั่งขัดสมาธิ นั่งพับเพียบ การนั่งในอิริยาบถเหล่านี้จะทำให้ข้อเข่ารับน้ำหนักมากขึ้น ท่าที่พับงอกระดูกอ่อนจะเสียดสีกันสูงกว่าปกติ อาจจะต้องปรับด้วยการนั่งบนเก้าอี้ ด้วยอิริยาบถที่เหมาะสมหากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ควรปรับเปลี่ยนอิริยาบถสลับมานั่งเก้าอี้ที่ห้อยขาหรือสลับมานั่งเหยียดขา รวมไปถึงการเข้าห้องน้ำ ควรหลีกเลี่ยงการนั่งสุขภัณฑ์นั่งยองเพื่อลดแรงกดทับในข้อเข่าลง  การใช้งานหนักติดต่อกันต่อเนื่องแบบนี้ก็ย่อมเสื่อมสมรรถภาพไปอย่างรวดเร็ว
  • การนอน ความสูงของเตียงที่เหมะสมกับหัวเข่า เวลาที่นั่งบนเตียงก่อนจะนอน สามารถตะแคงตัวนอนได้ง่าย เวลาที่ลุกก็จะไม่ลำบากและหลีกเลี่ยงการนอน ห่อตัว หดเข่า เพราะมีโอกาสจะเป็นข้อเข่าเสื่อมมากกว่าปกติ
  • การเดิน การขึ้น-ลงบันไดเป็นสิ่งที่ควรระวัง แต่แนะนำว่าห้องนอนผู้สูงอายุควรอยู่ชั้นล่าง สามารถลดความเสี่ยงอุบัติเหตุจากการขึ้น-ลงบันได และหลีกเลี่ยงการลงน้ำหนักที่หัวเข่าเดินในพื้นที่ราบ ไม่มีความชันมากจนเกินไป รองเท้าสำหรับผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยงการใส่ส้นสูง ผู้สูงอายุสามารถใส่รองเท้าสำหรับเดินในบ้านเพื่อลดแรงกระแทกต่อข้อเข่า
  • การยืน ต้องฝึกการลงน้ำหนักที่บาลานซ์เท่ากัน ให้สม่ำเสมอไม่ยืนทิ้งน้ำหนักไปที่ขาเดียวให้น้ำหนักไปลงข้างใดข้างหนึ่ง เพราะหัวเข่าอาจได้รับน้ำหนักที่มากเกินไป
  • การควบคุมน้ำหนัก เป็นวิธีที่ต้องดูแลร่างกายเป็นอย่างมาก อย่าให้น้ำหนักเยอะเกินไป เกณฑ์ดัชนีมวลกาย (BMI) ไม่ควรเกิน 25 เพราะหากเกินมาตรฐานทำให้หัวเข่าต้องแบกรับน้ำหนักจึงเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดข้อเข่าเสื่อมมากขึ้น
  • การบริหารข้อเข่า การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม พอเหมาะ และพอดี เช่น ฝึกงอ ยืดเหยียดข้อเข่า การยกเกร็งกล้ามเนื้อต้นขาการเดิน การวิ่ง จะสามารถช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อบริเวณหัวเข่าให้แข็งแรงได้
  • อุปกรณ์ช่วยพยุง ในกรณีที่ผู้สูงอายุมีอารปวดและไม่สามารถเดินไหว สามารถนำมาใช้เป็นตัวช่วยในครั้งคราวได้ช่วยรองรับน้ำหนักตัวเพื่อให้มีการทรงตัวที่ดีขึ้น เมื่อมีอุปกรณ์ก็จะช่วยทำให้ผู้สูงอายุกล้าที่จะเดินอย่างมั่นใจช่วยลดการล้มและอุบัติเหตุ มีการเคลื่อนไหวของร่างกายมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพที่ดี

ทั้งนี้ พฤติกรรมในชีวิตประจำวันบางทีอาจมีการละเลยไป พฤติกรรมเสี่ยงจึงค่อย ๆ ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว ดึงนั้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นเรื่องที่ดีและสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อชะลอการเสื่อมของร่างกาย ทำให้ได้ทำกิจกรรมที่ตนเองชอบ พร้อมกับใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติและมีความสุข

โรงพยาบาลนครธน ตั้งอยู่ในทำเลย่านพระราม 2 สะดวกเข้าถึงง่าย และเปิดการสื่อสารสะดวกหลากหลายช่องทางสำหรับทุกเจนเนอเรชั่น  ทั้งผ่านระบบโทรศัพท์ โทร 02-450-9999บริการคอนแทคเซ็นเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมงและออนไลน์แพลตฟอร์มทางเว็บไซต์www.nakornthon.com สามารถนัดหมายแพทย์เฉพาะทางและ บริการถาม-ตอบปัญหาสุขภาพผ่าน LINE official @Nakornthon Hospital และเฟซบุ๊กเพจ FB: Nakornthon Hospital บริการให้ข้อมูลรวมถึงติดตามข่าวสารและข้อมูลการรักษาเพิ่มเติมได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้โรงพยาบาลยังเข้าถึงผู้รับบริการต่างชาติ(กลุ่มคนจีน) ผ่านทางเว็บไซต์ Weibo และ WeChat ตอบโจทย์คนในแต่ละพื้นที่บริการได้อย่างครบครัน   ด้วยการดูแลอย่างเข้าใจดุจญาติมิตรทุกขั้นตอน  จากการตรวจรักษาไปจนถึงการฟื้นฟูด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ มุ่งเน้นให้ความคุ้มค่าเหนือราคา

การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ

เมื่ออายุเพิ่มขึ้นความเสื่อมของร่างกายก็มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน ประเทศไทยพบผู้ป่วยมากกว่า 6 ล้านคน ผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปพบได้ถึงร้อยละ 50 ซึ่งเป็นปัญหาของผู้สูงวัยที่มักจะพบบ่อยคือ โรคข้อเข่าเสื่อม(Knee osteoarthritis) สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากน้ำหนักตัวที่มากใช้เข่ามาก อาจใช้นานกว่าปกติ หรือผิดท่ามักมีอาการปวดหรืออักเสบบริเวณข้อเข่า การย่างเข้าสู่วัยผู้สูงอายุด้วยแล้วยิ่งต้องดูแลมากเป็นพิเศษหากโรคข้อเข่าเสื่อมเกิดขึ้นก็จะต้องพบกับความทรมานและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก

นายแพทย์นิธิวุฒิ ปิ่นสิรานนท์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อ โรงพยาบาลนครธน เผยว่า สาเหตุหลักของการเสื่อมของข้อเข่าสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ประเภทที่หนึ่งคือ ปฐมภูมิการเสื่อมตามธรรมชาติ จะเริ่มเกิดกับบุคคลที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เกิดจาการใช้งานผิวกระดูกอ่อนที่อยู่ในข้อเข่าเริ่มมีการสึก แพทย์จะวินิจฉัยด้วยการซักประวัติอาการเจ็บป่วย โดยเฉพาะอาการปวด ลักษณะที่ผิดปกติ และการตรวจร่างกายอย่างละเอียดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแพทย์จะทำการส่งตรวจเอกซเรย์ (XRay) เพื่อให้ได้การวินิจฉัยที่แม่นยำการเอกซเรย์ประกอบการวินิจฉัยของโรคจะพบว่ามีหินปูนเกาะอยู่ตรงบริเวณกระดูกข้อเข่าจะเกิดขึ้นเมื่อข้อเข่าเสื่อมสภาพ ประเภทที่สองคือ
ทุติยภูมิ การเกิดจากอุบัติเหตุ กระดูกข้อเข่าจะมีการถูกกระแทกได้รับความเสียหาย บิดพลิก ทำให้สภาพแวดล้อมในตัวข้อเข่าไม่ว่าจะเป็นเส้นเอ็น หมอนรองกระดูกเกิดการฉีกขาด ทำให้ผิวกระดูกอ่อนของข้อเข่าเกิดการสึกซึ่งจะทำให้ข้อเข่าเสื่อมเร็วกว่าปกตินอกจากนี้โรคประจำตัวก็มีส่วนที่ส่งผลให้ข้อเข่าเสื่อมได้เร็วขึ้น เช่น โรคเก๊าท์ โรครูมาตอยด์ เป็นต้น

สังเกตอาการของ “โรคข้อเข่าเสื่อม”(Knee osteoarthritis) จะเริ่มจากอาการปวดเป็น
หาย ๆ เมื่อได้พักการใช้เข่า อาการปวดก็จะทุเลาลง และจะปวดมากขึ้นเมื่อมีการใช้งานข้อนั้นมาก อาการที่หนักขึ้นจะเป็นตลอดเวลา เกิดภาวะข้อฝืด มีเสียงดังในเข่า ใช้งานไม่ถนัด บางรายมีข้อติด ตามมาด้วยการเกิดข้อผิดรูป หัวเข่าเสื่อมบวมโต บางรายมีขาโก่งออกมาและเป็นโรคเรื้อรังโรคหนึ่งที่เป็นสาเหตุของความพิการหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

นอกจากนี้ คุณหมอพูดถึงพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้ข้อเข่ามีการเสื่อม เช่น การนั่งยอง ๆ นั่งขัดสมาธิ นั่งพับเพียบ ออกกำลังกายที่มีการกระโดด ขึ้น-ลงบันไดบ่อย ๆ ยกของหนักน้ำหนักเกินมาตรฐาน เป็นต้น พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นการบาลานซ์น้ำหนักอย่างไม่ลงตัว การดูแลตัวเองโดยการปรับเปลี่ยนอิริยาบถและสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมในชีวิตประจำวันถือเป็นสิ่งสำคัญเพราะสามารถช่วยชะลอการเสื่อมของข้อเข่า และยืดอายุการใช้งานของข้อให้นานขึ้นได้อีกด้วย

แนวทางการรักษา

ในกรณีไม่ผ่าตัด คือการรักษาแบบประคับประคอง โดยใช้วิธีการให้ยารับประทาน ยาทาบริเวณเฉพาะจุด และยาสำหรับฉีดเฉพาะจุด ดังนี้ ยารับประทานหมวดหมู่กลุ่มแก้ปวด, กลุ่มคลายกล้ามเนื้อ, กลุ่มยาบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เรียกว่าเอ็นเสด(NSAIDs) ยาทาเฉพาะจุดเจลทาลดการอักเสบ หรือสเปรย์พ่นบริเวณที่ปวดและ การฉีดยาเฉพาะจุด การฉีดรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมสามารถทำได้ 2 แบบคือ ฉีดสเตียรอยด์จะใช้ในกรณีที่ข้อเข่ามีอาการอักเสบแบบเฉียบพลัน โดยฤทธิ์ของสเตียรอยด์จะช่วยลดอาการปวดในช่วงที่โรคข้อเข่าเสื่อมอยู่ในระยะที่มีการอักเสบบวมแดงร้อนได้อย่างรวดเร็วแบบที่สอง คือ ฉีดน้ำหล่อลื่นผิวข้อเข่าเป็นสารสกัดของ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในน้ำเลี้ยงข้อปกติ ด้วยเหตุนี้น้ำหล่อลื่นผิวข้อเข่า จึงมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับสารที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในเนื้อเยื่อของร่างกาย การฉีดน้ำหล่อลื่นผิวข้อเข่า จะช่วยปรับคุณภาพและสมดุลของปริมาณน้ำในข้อ ทำให้ข้อเคลื่อนไหวดีขึ้น มีฤทธิ์ลดการอักเสบทำให้อาการปวดข้อลดลง การใช้ยาชนิดนี้อาจชะลอการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าออกไปได้
ในกรณีผ่าตัด กรณีผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมรุนแรง แพทย์จะพิจารณาใช้เทคโนโลยีการรักษาโดยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม (Knee Arthroplasty) แบ่งเป็น

ารผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน (Unicompartmental Knee Arthroplasty: UKA) เป็นการผ่าตัดเอาผิวข้อเข่าเฉพาะส่วนที่เสื่อมออก โดยเก็บรักษาผิวข้อเข่าในส่วนที่กระดูกอ่อนยังอยู่ในสภาพดีไว้ แล้วทดแทนด้วยผิวข้อเทียม และกระดูกอ่อนเทียมเพียงบางส่วน

การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งข้อ (Total Knee Arthroplasty: TKA) ใช้กับผู้ป่วยที่มีข้อเข่าเสื่อมรุนแรง มีอาการปวดทั่วทั้งเข่า และแกนขา จึงมีความจำเป็นต้องทำการผ่าตัดแบบ เปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียมทั้งหมด

โดยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมที่โรงพยาบาลนครธน มีแพทย์เฉพาะทางที่เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัด การผ่าตัดใช้เว12 ชั่วโมงเท่านั้นสำหรับเรื่องแผลไร้กังวล เพราะแผลจะมีขนาดเล็กอย่างเหมาะสมสามารถฟื้นตัวเร็วภายใน 35 วัน หลังจากการผ่าตัดก็จะกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติแต่อย่างไรก็ตาม อยากให้ดูแลสุขภาพการใช้ชีวิตประจำวันให้ได้มากที่สุด เพราะไม่มีอะไรดีไปกว่าธรรมชาติ ยิ่งดูแลสขภาพดี ทุกคนก็จะมีต้นทุนชีวิตเรื่องสุขภาพที่ดีขึ้นเท่านั้น นายแพทย์นิธิวุฒิ กล่าวสรุป

โรงพยาบาลนครธน ตั้งอยู่ในทำเลย่านพระราม 2 สะดวกเข้าถึงง่าย และเปิดการสื่อสารสะดวกหลากหลายช่องทางสำหรับทุกเจนเนอเรชันทั้งผ่านระบบโทรศัพท์ โทร02-450-9999บริการคอนแทคเซ็นเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมงและออนไลน์แพลตฟอร์มทางเว็บไซต์ www.nakornthon.com สามารถนัดหมายแพทย์เฉพาะทางและ บริการถาม-ตอบปัญหาสุขภาพผ่าน LINE official @Nakornthon Hospital และเฟซบุ๊กเพจ FB: Nakornthon Hospital บริการให้ข้อมูลรวมถึงติดตามข่าวสารและข้อมูลการรักษาเพิ่มเติมได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้โรงพยาบาลยังเข้าถึงผู้รับบริการต่างชาติ(กลุ่มคนจีน) ผ่านทางเว็บไซต์ Weibo และ WeChatตอบโจทย์คนในแต่ละพื้นที่บริการได้อย่างครบครัน ด้วยการดูแลอย่างเข้าใจดุจญาติมิตรทุกขั้นตอนจากการตรวจรักษาไปจนถึงการฟื้นฟูด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ มุ่งเน้นให้ความคุ้มค่าเหนือราคา

แนะวิธีสังเกต-ป้องกันผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมผู้สูงอายุ

โรคสมองเสื่อม หรือ ภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ คือโรคที่ผู้ป่วยมีความเสื่อมถอยของการทำงานของสมองในภาพรวมซึ่งเกิดจากการสูญเสียเซลล์สมองหลายส่วน ผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อมจะมีปัญหาในการทำงานของสมองขั้นสูง 6 ด้าน คือ ด้านสมาธิ ด้านการคิด ตัดสินใจ ด้านความจำ ด้านการใช้ภาษา ด้านมิติสัมพันธ์ และด้านการเข้าสังคม โรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุกำลังจะเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของไทย กรมสุขภาพจิตพบว่าผู้สูงวัยในไทยสมองเสื่อมกันมากถึง 8 แสนกว่ารายในปัจจุบัน ปู่ย่าตายายของเราที่อายุ 80 ขึ้นไป กว่าร้อยละ 50 มักมีอาการสมองเสื่อม ลูกหลานต้องช่วยกันดูแลอย่างเป็นพิเศษด้วยความใจเย็น

แพทย์หญิงรุ่งทิพย์ ชัยธีรกิจ แพทย์ชำนาญพิเศษด้านประสาทวิทยา ศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลนครธน

แพทย์หญิงรุ่งทิพย์ ชัยธีรกิจ แพทย์ชำนาญพิเศษด้านประสาทวิทยา ศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลนครธน เผยถึงวิธีการสังเกตเบื้องต้นว่าลูกหลานสามารถช่วยกันสังเกตผู้สูงอายุที่บ้านได้ว่าเข้าข่ายภาวะสมองเสื่อมหรือไม่ อาทิ ผู้สูงอายุมีอาการหลงลืม สับสนเรื่องเวลาหรือสถานที่อาจลืมว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ใดและเดินทางมายังสถานที่นั้นได้อย่างไร ไม่สามารถรับรู้หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ใช้ภาษาผิดปกติ บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง เช่น ซึมเศร้า เฉื่อยชา โมโหฉุนเฉียวง่ายโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน พฤติกรรมเหล่านี้อาจเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนการเข้าสู่ภาวะสมองเสื่อมของผู้สูงอายุในครอบครัวซึ่งผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมจะสูญเสียการทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอนไปและมีการสูญเสียความจำระยะสั้นย้อนกลับไปถามคำถามเดิมซ้ำ ๆ ทั้งที่เพิ่งพูดคุยกันภายใน 5-10 นาทีที่ผ่านมา มากกว่านั้น เกิดหลงทางขึ้นมาแม้เป็นเส้นทางที่ตนคุ้นเคยมาทั้งชีวิตและผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการทางจิตประสาท เช่น หูแว่ว ภาพหลอน เข้าใจว่ามีคนคิดจะมาทำร้ายตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นความอันตรายให้กับผู้สูงอายุในระดับนึง หากผู้สูงอายุมีอาการดังกล่าว แม้อย่างใดอย่างหนึ่งก็ตาม ลูกหลานควรดูแลและพาผู้สูงอายุมาพบพร้อมปรึกษาแพทย์ทันที ทั้งนี้โรคสมองเสื่อมสามารถป้องกันได้โดยควรกระตุ้นสมองให้ทำงานทั้ง 6 ด้าน ด้วยการทำกิจกรรมฝึกสมองบ่อย ๆ เช่น ทำกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ดูแลสุขภาพจิตให้ดีร่วมกิจกรรมทางสังคมที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ทำงานอาสาสมัคร  เข้าร่วมชมรมต่าง ๆ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ เดินในที่อากาศปลอดโปร่ง กิจกรรมเหล่านี้ก็สามารถช่วยให้ผู้สูงอายุห่างไกลจากโรคสมองเสื่อมได้ แพทย์หญิงรุ่งทิพย์ กล่าวสรุป

การรักษา แพทย์จากศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลนครธน จะทำการซักประวัติเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมที่บ่งบอกถึงความถดถอยด้านการทำงานของสมอง ทดสอบสมองเพื่อวัดสมรรถภาพการทำงานประเมินความบกพร่องในการรับรู้เพื่อใช้วินิจฉัยโรค ร่วมกับการตรวจร่างกายและเลือกการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการที่เหมาะสม เพื่อให้การวินิจฉัยแยกโรคที่ถูกต้องว่าผู้ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมหรือไม่ และมีสาเหตุจากอะไร โดยการตรวจในห้องปฏิบัติการจะประกอบไปด้วย การตรวจเลือด การตรวจภาพสมองด้วยเครื่อง Computed Tomography (CT) หรือ Magnetic Resonance Imaging (MRI) การรักษาจะประกอบด้วยการให้ยาที่ทำให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นและชะลอการดำเนินโรคให้ช้าลง ซึ่งมักจะได้ผลกับผู้ป่วยในระยะเริ่มแรก ร่วมกับการให้ยารักษาอารมณ์และพฤติกรรมที่ผิดปกติในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง การรักษาด้วยเครื่องกระตุ้นสมองด้วยกระแสไฟฟ้าอย่างอ่อนเพิ่มความจำและความสามารถของสมอง เป็นต้น

การมีคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการดูแลผู้ป่วย เพราะเป็นงานหนักที่เหนื่อยทั้งกายและใจ ศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลนครธน พร้อมให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม พร้อมให้ความรู้แก่ลูกหลานที่ต้องดูแลผู้สูงอายุในบ้าน มุ่งเน้นให้บริการตามมาตรฐานและการดูแลด้วยความใส่ใจ เพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาด้านสมองและระบบประสาทมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดีขึ้นไปพร้อม ๆ กัน โดยทีมแพทย์สหสาขาวิชาชีพ ที่มีความชำนาญการในการรักษาเฉพาะทาง ตลอดจนและบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวสมองและระบบประสาทโดยเฉพาะ

โรงพยาบาลนครธน ตั้งอยู่ในทำเลย่านพระราม 2 สะดวกเข้าถึงง่าย และเปิดการสื่อสารสะดวกหลากหลายช่องทางสำหรับทุกเจนเนอเรชันทั้งผ่านระบบโทรศัพท์ โทร02-450-9999บริการคอนแทคเซ็นเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมงและออนไลน์แพลตฟอร์มทางเว็บไซต์ www.nakornthon.com สามารถนัดหมายแพทย์เฉพาะทางและ บริการถาม-ตอบปัญหาสุขภาพผ่าน LINE official @Nakornthon Hospital และเฟซบุ๊กเพจ FB: Nakornthon Hospital บริการให้ข้อมูลรวมถึงติดตามข่าวสารและข้อมูลการรักษาเพิ่มเติมได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้โรงพยาบาลยังเข้าถึงผู้รับบริการต่างชาติ(กลุ่มคนจีน) ผ่านทางว็บไซต์ Weibo และ WeChat ตอบโจทย์คนในแต่ละพื้นที่บริการได้อย่างครบครัน   ด้วยการดูแลอย่างเข้าใจดุจญาติมิตรทุกขั้นตอนจากการตรวจรักษาไปจนถึงการฟื้นฟูด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์ มุ่งเน้นให้ความคุ้มค่าเหนือราคา

รพ.นครธน ส่งมอบเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ให้ผู้ต้องขัง

ดร.วิศาล สายเพ็ชร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลนครธน (ที่ จากซ้าย) ส่งมอบเจลแอลกอฮอล์ สบู่เหลวล้างมือ หน้ากากพลาสติกคลุมหน้า สำหรับสวมใส่ป้องกันการกระเด็นของละอองของเหลว และสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ สำหรับการดูแลผู้ต้องขัง และผู้ป่วยโควิด19 อย่างเร่งด่วน ให้แก่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ผ่าน โครงการหยิบยื่น แบ่งปัน เพื่อทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ โดยมี นางสาวล้ำค่า ณ นครพนม ผู้ช่วยผู้พิพากษารุ่นที่ 74 (ที่ จากขวา) เป็นผู้ร่วมสมทบ ซึ่งจะนำสิ่งของ เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ ไปมอบในครั้งนี้ด้วย เพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ในการควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ณ โรงพยาบาลนครธน 

“ผ่าตัดปลอดภัย มั่นใจนครธน” มอบสิทธิฟรี 5 รายการ

โรงพยาบาลนครธน ย่านพระรามที่ 2 ที่มุ่งให้บริการทางการแพทย์ที่ดีและเข้าถึงง่าย แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายสำหรับผู้วางแผนการผ่าตัด จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 หากจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดมดลูก ผ่าตัดส่องกล้อง ผ่าตัดลำไส้ ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม ฯลฯ “ความปลอดภัย และความปลอดเชื้อ” ถือเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดของโรงพยาบาลนครธน จึงเพิ่มความมั่นใจ และความปลอดภัยให้แก่ผู้เข้ารับบริการที่ต้องได้รับการผ่าตัด ด้วยมาตรการการดูแลสูงสุด พร้อมแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายมอบสิทธิพิเศษ ฟรี 5 รายการ เพื่อช่วยให้คุณฝ่าวิกฤตสุขภาพไปด้วยกันดังนี้

ตรวจสุขภาพก่อนผ่าตัด มูลค่า 4,000 บาท (ไม่รวมค่าแพทย์ ค่าตรวจ MRI และ CT Scan) กรณี มีส่วนเกิน หรือแพทย์พิจารณาไม่สามารถผ่าตัดได้ คิดค่าใช้จ่ายตามจริงตรวจโควิด-19 ก่อนการผ่าตัดด้วยวิธี RT-PCR (สำหรับผู้เข้ารับการผ่าตัด)
ค่าห้องคืนแรก และส่วนลดค่าห้อง 50% เฉพาะหมวดค่าห้อง ประเภท ห้องซูพีเรียหรือดีลักซ์คูปองส่วนลดค่ายา 20% สำหรับกรณีนัดตรวจติดตามหลังผ่าตัด ภายใน 31 สิงหาคม 2564 บัตรสมาชิก NKT Family Club (อายุบัตรสมาชิก 1 ปี) สามารถมอบสิทธิ์ให้ผู้อื่นแทนได้ รับสิทธิ์ส่วนลด OPD และ IPD ในครั้งต่อไปหลังจากการผ่าตัด

ท่านที่วางแผนการผ่าตัดสามารถใช้โปรโมชั่นนี้ ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31กรกฎาคม 2564 เงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการเป็นไปตามที่รพ.กำหนด สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3v3H7jb หรือสามารถ ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.0-2450-9999 พร้อมด้วยบริการคอนแทคเซ็นเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมง และออนไลน์แพลตฟอร์ม ทางเว็บไซต์ www.nakornthon.comสามารถนัดหมายแพทย์เฉพาะทาง และบริการถาม-ตอบปัญหาสุขภาพผ่าน LINE official @Nakornthon และเฟซบุ๊กเพจ FB: Nakornthon Hospital