เตรียมปรับตู้นอนรถไฟเป็นศูนย์พักคอยรับผู้ป่วยโควิดเขียว 240 เตียง

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่สำรวจโรงซ่อมบำรุงรถไฟ สถานีกลางบางซื่อ เพื่อใช้เป็นศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ โดยมี นายสมพงษ์ เวียงแก้ว ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ผู้บริหารมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช สำนักงานเขตจตุจักร ร่วมลงพื้นที่และให้ข้อมูล

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ว่า ตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร่วมกับกรุงเทพมหานครจัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อแห่งใหม่ เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิดเคสเขียวที่ยังไม่มีอาการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จากการสำรวจเบื้องต้นจะใช้รถไฟตู้นอน จำนวน 15 โบกี้ๆละ 16 เตียง สามารถรองรับผู้ป่วยได้ประมาณ 240 เตียง อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องมีการปรับสภาพภายในโบกี้ให้มีความเหมาะสม อาทิ เดิมเป็นเตียงนอน 2 ชั้น ปรับให้เหลือชั้นเดียว ติดมุ้งลวดบริเวณหน้าต่าง ติดตั้งระบบน้ำและไฟ พร้อมจัดสร้างห้องน้ำห้องสุขาภายนอกโบกี้เพิ่มเติมเพื่อให้เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย รวมทั้งกรุงเทพมหานครจะได้ขอความอนุเคราะห์กระทรวงมหาดไทยยกเว้นการจัดเก็บค่าไฟและค่าน้ำเพื่อแบ่งเบาภาระรฟท. ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถเปิดรับผู้ป่วยได้ภายในวันที่ 30 ก.ค.64

สำหรับภาพรวมการฉีดวัคซีน ขณะนี้กรุงเทพมหานคร สามารถฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนได้แล้วกว่าร้อยละ 60 ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าจะฉีดได้ครบร้อยละ 70 ตามเป้าหมายที่กำหนดในเร็วๆนี้ ซึ่งจะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้แก่ประชาชน โดยหากได้รับการจัดสรรวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุขมาเพิ่มเติม ทั้ง 25 หน่วยฉีดวัคซีนของกรุงเทพมหานครก็พร้อมในการให้บริการประชาชนต่อไป

คาดปลายสัปดาห์หน้าเปิดศูนย์พักคอยผู้ป่วยโควิด-19 สำหรับผู้พิการที่ รร.พิบูลย์ฯ

นายสกลธี ภัททิยกุล  รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยนายขจิต ชัชวานิชย์  รองปลัดกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมหารือการจัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อรอการส่งต่อผู้ติดเชื้อโควิด-19 สำหรับผู้พิการ โดย นายมณเฑียร บุญตัน สมาชิกวุฒิสภา และประธานคณะอนุกรรมาธิการกิจการคนพิการ  ในคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา นายชูศักดิ์ จันทยานนท์ นายกสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย นายเฉลิมพล โชตินุชิต ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม นางสาวศศิชา ทับทิม ผู้อำนวยการเขตดินแดง และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมหารือและดูสถานที่ ณ โรงเรียนพิบูลประชาสรรค์ เขตดินแดง

กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานเขตดินแดง ร่วมกับ สมาคมคนพิการ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)  กำหนดจัดทำศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ สำหรับรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นผู้พิการด้านสติปัญญาและผู้พิการทางด้านร่างกาย ณ บริเวณชั้น 1 และชั้น 2 อาคาร 1 หรืออาคาร จอมพล ป. โรงเรียนพิบูลประชาสรรค์  โดยคาดว่าจะสามารถรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งประเภทพิการด้านสติปัญญาและผู้พิการทางด้านร่างกาย ได้ประมาณ 200 เตียง  ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดรับผู้ป่วยได้ภายในปลายสัปดาห์หน้า  ทั้งนี้ได้มอบหมายให้สำนักการโยธาปรับสภาพพื้นที่ให้มีความเหมาะสมในการจัดทำศูนย์พักคอยฯ  รวมทั้งให้ผู้อำนวยการเขตดินแดงประสานสำนักอนามัยในการยื่นขออนุญาตจัดทำศูนย์พักคอยฯ ให้เป็นมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด  พร้อมนี้ได้มอบหมายให้สำนักพัฒนาสังคมและสำนักอนามัย บูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อให้การดูแลผู้พิการ  รวมทั้งผู้ป่วยติดเตียงในชุมชนต่างๆ ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ด้วย

ยกระดับมาตรการตรวจคัดกรองเข้าภูเก็ต เริ่ม 3 ส.ค. นี้

คำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 4202/2564 ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 เรื่อง ยกระดับมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต มีผลตั้งแต่วันที่ 3 – 16 สิงหาคม 2564 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ห้ามบุคคลและผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกประเภทเข้าจังหวัดภูเก็ต ทั้งทางบก (ด่านตรวจท่าฉัตรไชย) ทางน้ำ (ท่าเรือ) ทุกท่าในจังหวัดภูเก็ต และช่องทางภายในประเทศ (ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต)
เว้นแต่ เป็นบุคคล หรือผู้ขับขี่ยานพาหนะ ดังต่อไปนี้
1) รถฉุกเฉินทางการแพทย์ ผู้ป่วยฉุกเฉิน กู้ชีพ กู้ภัย
2) ขนส่งยา วัสดุอุปกรณ์ เวชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ทางการแพทย์
3) ขนส่งสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค สินค้าทางการเกษตร ปศุสัตว์ อาหารสัตว์
4) ขนส่งแก๊สหุงต้ม น้ำมันเชื้อเพลิง
5) ขนส่งเงินของธนาคาร สถาบันทางการเงิน
6) ขนส่งพัสดุและสิ่งพิมพ์
7) ผู้มีความจำเป็นในการเดินทางออกทางช่องทางระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต (ต้องมีตั๋วโดยสาร ของวันที่เดินทาง เท่านั้น)
8 ) ผู้ที่ได้รับคำสั่งหรือมีหนังสือมอบหมายจากต้นสังกัดให้ปฏิบัติหน้าที่ในด้านการป้องกันและควบคุมโรคในจังหวัดภูเก็ต
9) ผู้ที่ได้รับคำสั่งจากส่วนราชการให้ไปหรือมาปฏิบัติภารกิจจำเป็นเร่งด่วนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
10) ผู้ที่มีนัดหมายตามกระบวนการพิจารณาในชั้นศาล พนักงานอัยการ หรือพนักงานสอบสวน ซึ่งต้องมีเอกสารหลักฐานที่ชัดเจนว่าหากเลื่อนเวลานัดหมายดังกล่าวจะทำให้กระบวนการพิจารณาเสียหายอย่างร้ายแรง หรือมีนัดหมายการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเฉพาะกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ มิฉะนั้นจะเกิดความเสียหายแก่คู่กรณีหรือส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง
11) ขนส่งวัสดุก่อสร้าง เครื่องจักร และอะไหล่ที่ใช้ในการซ่อมบำรุง เฉพาะที่ใช้ในการดำเนินการโครงการเพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย หรือโครงการของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนหรือกรณีจำเป็นเร่งด่วน
12) กรณีอื่นใดซึ่งมีปัญหาในทางปฏิบัติที่ต้องวินิจฉัยสั่งการ ให้ผู้บัญชาการเหตุการณ์ประจำด่านตรวจภูเก็ตเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาเป็นรายกรณี
โดยผู้ได้รับการยกเว้นตามกรณีดังกล่าวข้างต้น ต้องได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 ชนิดซิโนแวค (Sinovac), ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ครบ 2 เข็ม หรือซิโนแวค (Sinovac) เข็ม 1 แอสตราเซนิกา (AstraZeneca) เข็ม 2 หรือได้รับวัคซีนชนิดแอสตราเซนิกา (AstraZeneca), ไฟเซอร์ (Pfizer) , โมเดอร์นา (Moderna), จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (Johnson and Johnson) จำนวน 1 เข็ม มาแล้วเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน หรือเป็นผู้ที่หายจากอาการป่วยด้วยโรคโควิด – 19 มาแล้วไม่เกิน 90 วัน และ ต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ด้วยวิธีการ RT – PCR หรือวิธีการ Antigen Test มาจากนอกพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางถึง
2. กรณี นักเรียนนักศึกษาอายุไม่ถึง 18 ปี ที่ไม่สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 ได้และมีความจำเป็นต้องเดินทางผ่านเข้า – ออกจังหวัดภูเก็ตเพื่อการเรียนการศึกษาให้หน่วยงานต้นสังกัดของสถานศึกษาหรือศึกษาธิการจังหวัดออกบัตรประจำตัวเป็นรูปแบบเดียวกัน แสดงต่อเจ้าหน้าที่เมื่อเดินทางผ่านเข้า – ออกจังหวัดภูเก็ต และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตทำการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ด้วยวิธีการ RT – PCR และออกใบรับรองการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ให้มีผลใช้ได้ครั้งละไม่เกิน 1 เดือน
3. กรณี ผู้มีนัดหมายฉีดวัคซีนโควิด – 19 เข็มที่ 2 (ต้องมีใบนัดหมายการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ที่จังหวัดภูเก็ต) และต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ด้วยวิธีการ RT – PCR หรือวิธีการ Antigen Test มาจากนอกพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางถึง
4. ต้องดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” บนสมาร์ทโฟน และยินยอมเปิดแชร์ตำแหน่งที่ตั้ง (Location) ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ต
5. แสดงเอกสารหลักฐานข้างต้น ต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อก่อนเข้าจังหวัดภูเก็ต
6. การใช้เส้นทางคมนาคมและการตรวจคัดกรองการเดินทาง ผ่านทางด่านตรวจท่าฉัตรไชย ห้ามบุคคลและยานพาหนะทุกประเภทเข้าจังหวัดภูเก็ต ระหว่างเวลา 23.00 นาฬิกา ถึงเวลา 04.00 นาฬิกา ของวันรุ่งขึ้น ยกเว้น เมื่อมีความจำเป็นเร่งด่วนหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ

ยอดโควิด-19 วันนี้ ผู้ติดเชื้อเพิ่ม 17,345 ราย

ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม 2564 รวม 17,345 ราย จำแนกเป็น ผู้ติดเชื้อใหม่ 16,664 ราย ผู้ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 681 ราย
ผู้ป่วยสะสม 549,512 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้หายป่วยกลับบ้าน 10,678 ราย
หายป่วยสะสม 353,744 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 192,526 ราย ผู้เสียชีวิต 117 ราย

สำนักงานประกันสังคม ย้ำผู้สมัคร ม. 40 รีบชำระเงินสมทบก่อนสิ้นเดือนก.ค. นี้

สำนักงานประกันสังคม เน้นย้ำ ผู้ประกอบอาชีพอิสระที่สมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา รวมถึงผู้สมัครใหม่ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม ถึง 31 กรกฎาคม 2564 ซึ่งจะเป็นผู้ประกันตนโดยสมบูรณ์เมื่อท่านชำระเงินสมทบแล้วเท่านั้น ขอให้ชำระเงินสมทบภายในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้

สามารถชำระเงินผ่านทุกช่องทางที่สะดวก เคาน์เตอร์เซอร์วิส (เซเว่น-อีเลฟเว่น)  ผ่าน Mobile Application ShoppyPay  ตู้บุญเติม ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)  ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เคาน์เตอร์เทสโก้โลตัส  เคาน์เตอร์บิ๊กซี เคาเตอร์เซ็นเพย์

โปรดชำระเงินสมทบอย่างต่อเนื่องทุกเดือน เพื่อสิทธิประโยชน์ของตัวเอง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนโทร. 1506 ได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง

คิวแน่น! ยะลา เปิด walk-in ฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ ผู้สูงอายุ – ประชาชนทั่วไปวันแรก

วันนี้ (29 ก.ค. 64) เป็นวันแรก ที่ โรงพยาบาลยะลา ได้เปิดให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป  ที่เกิดก่อนปี พ.ศ.2505 มีภูมิลำเนาใน จ.ยะลา เดินเข้ามา walk-in รับการฉีดวัคซีนโควิด-19    เข็มที่ 1 เป็นแอสตร้าเซนเนก้า   รวมถึง กลุ่มป่วย 7 โรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป ประชาชนทั่วไป อายุ 18-59 ปี   และประชาชนที่มาตามนัด สำหรับผู้ลงทะเบียนหมอพร้อม ในเข็มที่ 2 เข้ารับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า

บรรยากาศ ที่ หน่วยฉีดวัคซีนอาคารศรีนิบงศูนย์เยาวชนฯ อ.เมืองยะลา เป็นไปอย่างคึกคัก ตั้งแต่ช่วงเช้า ก่อนเจ้าหน้าที่จะเปิดให้เข้ารับบริการ ได้มีลูกหลาน นำผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป พร้อมกับบัตรประจำตัวประชาชน เดินเข้ามา walk-in รับบริการฉีดวัคซีน กันจำนวนมาก รวมถึง ประชาชนในกลุ่มเป้าหมาย และประชาชนทั่วไป อายุ 18-59 ปี ทำให้ประชาชนหนาแน่น จนท.ต้องเร่งบอกให้ทุกคนได้เว้นระยะห่างตามมาตรการป้องกันโควิด-19

ทาง จนท.รพ.ยะลา ก็จะให้กลุ่มผู้สูงอายุเข้ารับบริการก่อน ส่วนกลุ่มประชาชนทั่วไปก็จะให้มาในเวลา 10.00 น. เป็นต้นไป เพื่อลดความแออัด สำหรับกลุ่มที่ walk-in เข้ามานี้ ก็จะจำกัดจำนวนไว้ที่ 500 คน ส่วนที่เกินก็จะออกใบนัดให้มาในวันถัดไป ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการเปิดให้บริการอย่างต่อเนื่องไม่เว้นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ 29 ก.ค 64 ไปจนถึงวันที่ 12 ส.ค 64 เพื่อเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการรับเชื้อได้ง่าย ภูมิคุ้มกันต่ำ  หากติดเชื้อแล้ว และยังมีโรคประจำตัว จะมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้  หลังพบว่าผู้ป่วยโควิดที่เสียชีวิต ใน จ.ยะลา ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ

โดยผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เข็มแรก  ก็จะได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 ในวันที่ 3-6 ส.ค 64 สำหรับวันนี้ ทาง ร.พ.ยะลา ได้เตรียมวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า   ไว้จำนวน 3,000 โดส ก็จะเร่งดำเนินการฉีดให้กับประชาชนจนครบจำนวน

ผู้สูงอายุฯ ที่ walk-in  เข้ามาต่างบอกว่า ดีใจที่ได้ฉีดวัคซีน ในครั้งนี้ ยังไม่ได้จองฉีดวัคซีนโควิดเลย  อย่างน้อยการฉีดวัคซีน ก็ป้องกันได้ส่วนหนึ่ง ลดความรุนแรง ซึ่งพื้นที่ ที่ตนเองอาศัยอยู่เป็นย่านตลาดเก่าติดเชื้อกันมาก ไม่ฉีดก็ไม่ได้แล้ว  เตรียมตัวมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ทั้งร่างกาย สภาพจิตใจ ไม่กังวลอะไร หลังจากฉีดแล้วก็ยังจะปฎิบัติตัวป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด ทั้งการสวมแมส ล้างมือ ไม่ไปในสถานที่ชุมชน

ขณะที่ ความคืบหน้าการฉีดวัคซีน โควิด-19 ให้กับประชาชน จ.ยะลา เมื่อ 27 ก.ค 64 ฉีดแล้วสะสม97,305 โดส สะสมเข็ม 1 จำนวน 77,117 โดส (ร้อยละ 22.24) สะสมเข็ม 2 จำนวน 20,188 โดส

วันนี้ (29 ก.ค.) เปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีน โควิด-19 ผ่าน 3 ค่ายมือถือ

วันนี้ (29 ก.ค 2564) เปิดรับลงทะเบียนฉีดวัคซีน โควิด-19 สำหรับบุคคลทั่วไป อายุ 18-59 ปี เริ่มฉีด 1- 31ส.ค 2564 ณ สถานีกลางบางซื่อ

สำหรับ​ผู้ที่ไม่เคยลงทะเบียนเลย เปิดลงทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ผ่าน 3 ค่ายมือถือ
ประกอบด้วย
1. AIS ลงทะเบียนได้ที่ เว็บไซต์ www.ais.th/vaccine
2. TRUE ลงทะเบียนได้ที่ ระบบ USSD กด *707# โทรออก หรือ เว็บไซต์ https://vaccine.trueid.net/
3. DTAC ลงทะเบียนได้ที่ ดีแทค แอป และ เว็บไซต์ https://www.dtac.co.th/vaccine/registration/

Call Center เปิดศูนย์บริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด 24 ชม.

กองทัพเรือ จัดตั้ง Call Center เปิดศูนย์บริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด 24 ชม. ทั้งบนบกและในทะเลทั่วประเทศ

ศูนย์ให้บริการด้านการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโรคติดต่อ COVID-19 กองทัพเรือ มีหน้าที่ประสานและให้ความเหลือประชาชน ตลอดจนให้ความช่วยเหลือในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย COVID-19 ฉุกเฉิน และประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เพื่อเข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุดได้จัดรถยนต์ในการสนับสนุนการเคลื่อนย้ายทางบกจำนวน 65 คัน และเรือสนับสนุนการเคลื่อนย้ายในทะเล จำนวน 10 ลำ โดยแบ่งเป็นพื้นที่ ดังนี้

  • กรุงเทพฯ และปริมณฑล 0 2475 5238 , 0 2475 5499
  • จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง 0 3843 8474 , 0 3843 8163
  • จ.จันทบุรี 0 3944 7144
  • จ.ตราด 0 3931 2172
  • จ.สงขลา 0 7432 5804 ถึง 5
  • จ.ภูเก็ต 0 7639 1598
  • จ.พังงา 0 7645 3354
  • จ.นราธิวาส 0 7356 5367

ยอดโควิด-19 วันนี้ ผู้ติดเชื้อเพิ่ม 17,669 ราย

ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม 2564 รวม 17,669 ราย จำแนกเป็น ผู้ติดเชื้อใหม่ 17,408 ราย ผู้ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 261 ราย ผู้ป่วยสะสม 532,167 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้หายป่วยกลับบ้าน 9,798 ราย ผู้หายป่วยสะสม 343,066 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้เสียชีวิต 165 ราย

MTC มอบชุดของใช้จำเป็นสำหรับผู้ป่วยโควิด-19

ชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร และ ดาวนภา เพชรอำไพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย เเคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ส่งมอบชุดของใช้จำเป็น เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 300 ชุด กระจายให้เเเก่โรงพยาบาลในจังหวัดสุโขทัย โดยมี ดร.นพ. ปองพล วรปาณิ นายเเพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย เเละ คณะเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย เป็นผู้รับมอบ โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นที่โรงพยาบาลสนามไพลิน จังหวัดสุโขทัย