มหาสารคาม พบคลัสเตอร์ใหญ่ 215 ราย

มหาสารคามพบผู้ป่วยโควิด-19 วันเดียวมากถึง 300 ราย พบคลัสเตอร์ใหญ่ในตลาดอำเภอโกสุมพิสัย จำนวน 215 ราย ต้องยกระดับเป็นยกระดับเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เพียงอำเภอเดียว

จากกรณีแม่ค้ามหาสารคามไปรับสินค้ามาขายต่อจากตลาดศรีเมืองทอง จังหวัดขอนแก่น ทางสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม ได้ตรวจหาเชื้อเชิงรุกทุกตลาดในจังหวัดมหาสารคาม พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดที่อำเภอโกสุมพิสัย ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค. – 3 ส.ค. พบผู้ติดเชื้อมากถึง 215 ราย และคาดว่าจะมีต่อเนื่อง จังหวัดมหาสารคามจึงได้มีมติให้ ตำบลหัวขวาง อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ยกระดับเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตั้งแต่วันที่ 4-13 สิงหาคม 2564 โดย •ปิดตลาดสด เทศบาลตำบลโกสุมพิสัย •ห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ช่วง 3 ทุ่ม-ตี 4 •ห้างสรรพสินค้า เปิดได้เฉพาะแผนกซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านยาถึง 2 ทุ่ม•ร้านสะดวกซื้อเปิด ตี 5-2 ทุ่ม •ร้านอาหาร หาบเร่ แผงลอย ซื้อกลับบ้านได้ถึง 2 ทุ่ม •ปิดร้านเสริมสวย ร้านนวด คลินิกเสริมความงาม •ห้ามรวมกลุ่มคนเพื่อทำกิจกรรมเกิน 5 คนขึ้นไปและขอให้ประชาชนที่ไปซื้อสินค้าที่ตลาดเทศบาลตำบลโกสุมพิสัย ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค. 64 เป็นต้นมา ให้เฝ้าระวังสังเกตอาการตัวเองที่บ้าน 14 วัน และปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด หากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ตาแดง มีน้ำมูก มีผื่น ให้พบเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเพื่อประเมินความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 ทันที ในส่วน 12 อำเภอที่เหลือเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด

สำหรับสถานการณ์จังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2564  พบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 300 ราย แยกเป็น ผู้ป่วยรับกลับมารักษา จำนวน 71 ราย ผู้ป่วยมาจากพื้นที่เสี่ยงอยู่ระหว่างกักตัว จำนวน 162 ราย ป่วยจากการสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน และตรวจเฝ้าระวังอื่น ๆ จำนวน 67 ราย รวมผู้ป่วยกำลังรักษาจำนวนทั้งสิ้น 2,369 ราย

เร่งหาแนวทางช่วยเหลือนักศึกษาไทยในต่างแดน รับผลกระทบโควิด-19 เดินทางกลับบ้าน

โฆษก 3 ฝ่าย ร่วมแถลงผลการปฎิบัติงานการแก้ไขปัญหาและพัฒนา จชต. ห้วงเดือนกรกฎาคม ด้าน ศอ.บต. เร่งหาแนวทางช่วยเหลือนักศึกษาในต่างประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดกำลังจะกลับไทยหลังสำเร็จการศึกษา และวีซ่าหมดอายุ

หน่วยงาน 3 ฝ่าย ดูแลความมั่นคงและการพัฒนาในพื้นที่ จชต. ร่วมแถลงถึงผลการปฏิบัติงานในพื้นที่ จชต. ซึ่งได้กำหนดไว้ในห้วงสัปดาห์แรกของทุกเดือน ณ ห้องดาหลา กองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา โดยพันตำรวจเอก วศิน จินตเสถียร ผู้ช่วยโฆษกกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เผยถึงผลการดำเนินงานในรอบเดือน ก.ค. 64 ถึงสถิติการเกิดเหตุก่อความไม่สงบ 8 เหตุ เหตุปะทะ 1 เหตุ มีการออกหมายจับ ป.วิอาญา คดีความมั่นคง จำนวน 13 หมาย จับกุม 3 หมาย

ขณะที่พันเอก เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอร.มน.ภาค 4 สน. ได้แถลงถึงผลการดำเนินงานในการควบคุมพื้นที่ทั้งด้าน การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด การส่งเสริมการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม และการดูแลพี่น้องประชาชนที่ผไมีการส่งมอบบ้านตามโครงการหน่วยเฉพาะกิจช่วยเหลือประชาชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต จำนวน 5 หลัง การลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ มอบสิ่งของอุปโภค บริโภค น้ำดื่ม เวชภัณฑ์ป้องกันเชื้อไวรัส และอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลในพื้นที่ จชต. การรับซื้อผลผลิตทางการเกษตร การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในหน่วยทหารเพื่อรองรับผู้ป่วยในพื้นที่ จชต.

นายธีรพงศ์ เพชรรัตน์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ในห้วงที่ผ่านมาในพื้นที่ จชต. มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร  เลขาธิการ ศอ.บต. ได้ฝากความห่วงใยถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ทุกคน เน้นย้ำให้ปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค. อย่างเคร่งครัด เพื่อให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายโดยเร็ว พร้อมเชิญชวนให้ทุกคนร่วมรับการฉีดวัคซีนเพื่อเป็นการป้องกันตนเองและผู้อื่น

ขณะเดียวกัน ในส่วนของ ศอ.บต. นั้น ได้ดำเนินการตามมาตรการเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะการส่งเสริมให้บุคลากรเข้ารับการฉีดวัคซีน พร้อมทำการฉีดพ่นฆ่าเชื้อสถานที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับบุคลากร และประชาชนที่เข้ามาติดต่อราชการ ขณะเดียวกัน ศอ.บต. ได้เตรียมดำเนินการช่วยเหลือนักศึกษาไทยในต่างประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อาทิ นักศึกษาในประเทศอินโดนีเซีย ซูดาน และมาเลเซีย ที่ต้องเดินทางกลับประเทศไทยเป็นกรณีพิเศษเฉพาะนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาในเดือนกรกฎาคมและตรวจลงตรา (Visa) จะหมดอายุในเดือนสิงหาคม โดยต้องปฎิบัติตามมาตราการ ศบค.กักตัว 14 วัน ซึ่งศอ.บต. จะดำเนินการประสานกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อจัดเตรียมสถานที่กักกันโรคและบริหารจัดการให้ความช่วยเหลือนักศึกษาต่อไป

ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงโครงการเดินสำรวจที่ดินทำกินซึ่งมีมติของ กพต. เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 เห็นชอบให้ดำเนินการแผนปฏิบัติการโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2570 ขยายระยะเวลาดำเนินงานออกอีก 6 ปี ว่า โครงการดังกล่าวนั้น เลขาธิการ ศอ.บต.  เห็นว่าเป็นโครงการที่สามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่ สามารถลดเงื่อนไขจากปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน ทั้งที่ ไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง และมีที่ดินแต่ยังไม่ได้รับเอกสารสิทธิ์ ซึ่งที่ผ่านมาปัญหาเหล่านี้ถูกหยิบยกขึ้นมาทำให้ประชาชนไม่พอใจการดำเนินการของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง การเข้ามาดำเนินการโครงการต่ออีก 6 ปี ศอ.บต. ตั้งเป้าออกโฉนดที่ดินทำกินในพื้นที่ 3 จังหวัด  และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลาให้ได้ 90,000 แปลง เฉลี่ยปีละ 15,000 แปลง โดยเชื่อว่าจะสามารถลดปัญหาดังกล่าวได้

ยอดโควิด-19 วันนี้ ผู้ติดเชื้อเพิ่ม 20,013 ราย

ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันพุธที่ 4 สิงหาคม 2564 รวม 20,200 ราย จำแนกเป็น ผู้ติดเชื้อใหม่ 20,013 ราย ผู้ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 187 ราย ผู้ป่วยสะสม 643,522 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้หายป่วยกลับบ้าน 17,975 ราย ผุ้หายป่วยสะสม 428,380 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 211,076 ราย ผู้เสียชีวิต 188 ราย

เปิดตัวโครงการโฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทยสู้ภัยโควิด-19

บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) นำโดย ดร. โอฬาร โชว์วิวัฒนา (ซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ และนายราชเทพ นฤหล้า (ขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เป็นตัวแทนบริษัทฯ เปิดตัวโครงการ โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทยสู้ภัยโควิด-19” ร่วมกับนายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข (กลาง) ประธานมูลนิธิกระจกเงา ซึ่งจะเป็นตัวแทนในการส่งต่อนม 1 ล้านกล่อง ไปยังเด็กและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19

กรุงเทพฯ ประเทศไทย  –  2 สิงหาคม 2564: บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมโฟร์โมสต์เพื่อคนไทยมากว่า 65 ปี ร่วมกับ มูลนิธิกระจกเงา เปิดตัวโครงการ “โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทยสู้ภัยโควิด-19เพื่อ่งต่อน้ำใจอันยิ่งใหญ่ผ่านผลิตภัณฑ์นมโฟร์โมสต์ รวมมูลค่า 10,000,000 บาท ให้แก่เด็กและครอบครัวทั่วประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแบ่งปันและสร้างโภชนการที่ดีให้เด็กไทย ด้วยการซื้อผลิตภัณฑ์นมยูเอชทีโฟร์โมสต์ ทุกรสชาติ จำนวน 1 ลัง ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – วันที่ 9 กันยายน 2564 ผ่านช่องทางของร้านค้าผู้จัดจำหน่ายที่ร่วมรายการและโฟร์โมสต์ออนไลน์โดยโฟร์โมสต์จะบริจาคผลิตภัณฑ์นมยูเอชที โฟร์โมสต์โอเมก้า 369 ขนาดบรรจุ 180 มล. ให้กับมูลนิธิกระจกเงาจำนวน 1 ลังทันที เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับเด็กและครอบครัวที่ได้รับความเดือดร้อน สูงสุดจำนวน 1,000,000 กล่อง พร้อมกันนี้ยังเปิดตัว วิดีโอโครงการซึ่งจะช่วยสร้างความเข้าใจถึงสถานการณ์ของผู้ได้รับผลกระทบบน YouTube ของโฟร์โมสต์: วิดีโอ โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทยสู้ภัยโควิด-19

ซัสโก้ ปันน้ำใจสู้ COVID – 19

ในสภาวะที่สังคมต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ระบาด COVID-19 และวิกฤตเศรษฐกิจที่ตามมา ส่งผลให้การดำเนินชีวิตมีความยากลำบากจึงมีหลายองค์กร ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมไปถึง ประชาชนที่จัดตั้งกลุ่มขึ้นมาช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้เบาบางลงได้บ้าง ซัสโก้ ผู้ให้บริการจัดจำหน่ายน้ำมันเชือเพลิง และดำเนินธุรกิจอยู่คู่กับสังคมไทยมายาวนานกว่า 40 ปี ได้เดินหน้าเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจาก COVID-19 มาอย่างต่อเนื่อง โดยการนำเครื่องอุปโภค บริโภค อาทิ น้ำดื่ม เสื้อคลุม น้ำมันเชื้อเพลิง มอบสนับสนุนองค์กร และหน่วยงานต่างๆ ที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางการนำสิ่งของไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชน อ่านเพิ่มเติม ซัสโก้ ปันน้ำใจสู้ COVID – 19

ครม.เห็นชอบโครงการต้นแบบ บ้านเคหะสุขเกษม

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบโครงการต้นแบบ บ้านเคหะสุขเกษม ตามที่การเคหะแห่งชาติ เสนอ โดยเป็นการปรับปรุงทรัพย์สินโครงการบ้านเอื้ออาทรบางส่วนมาดำเนินการให้เป็นห้องเช่าราคาถูกแก่ผู้สูงอายุ ได้แก่ ปรับลดหน่วยโครงการบ้านเอื้ออาทรจังหวัดสมุทรปราการ (เทพารักษ์ 4) จำหน่วย 45 หน่วย/ ให้ปรับปรุงเป็นอาคารเช่าสำหรับผู้สูงอายุ ข้าราชการ และพนักงานของรัฐที่เกษียณอายุ เป็นโครงการต้นแบบชื่อ โครงการบ้านเคหะสุขเกษม/ เห็นชอบเพิ่มกรอบงบลงทุนประจำปีงบประมาณ 2564 ของการเคหะแห่งชาติ จำนวน 11 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับปรุงอาคารต้นแบบ 1 อาคาร

ที่ประชุม ยังมีมติให้การเคหะแห่งชาติ เร่งรายงานผลการดำเนินโครงการบ้านเอื้ออาทรตามมติคณะรัฐมนตรี ฟเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2552 ที่ได้ปรับลดจำนวนหน่วย เหลือ 2.8 แสนหน่วย  จากที่เคยได้รับการเห็นชอบจาก ครม.ช่วงปี 2546-2548 จำนวน 6 แสนกว่าหน่วย ซึ่งจนถึงปัจจุบัน มีจำนวนที่ยังขายไม่ได้ 5,848 หน่วย อยู่ในพื้นที่โครงการบ้านเอื้ออาทร (เทพารักษ์ 4)  จำนวน 223 หน่วย ขณะเดียวกันให้รายงานผลการดำเนินการโครงการต้นแบบที่ริเริ่มขึ้นนี้ และเร่งจัดทำรายงานการวิเคราะห์ความเหมาะสมของโครงการบ้านเคหะสุขเกษม ซึ่งในแผนจะเป็นอาคารสูง 5 ชั้น 4 อาคาร ทุกอาคารติดลิฟท์ แผนการดำเนินงาน 3 ปี (2564-2566) แบ่งเป็น 4 ระยะ รวม 4,089 หน่วย ขนาดพื้นที่ 33 ตารางเมตร และ 27 ตารางเมตร ต่อหน่วยที่พักอาศัย มีศูนย์ดูแลสุขภาพ พื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่จัดกิจกรรม คลีนิกอายุรกรรม ศูนย์สุขภาพ เป็นต้น โดยจะคิดอัตราค่าเช่า ประมาณ 2,500 – 3,000 บาท

อย่างไรก็ตาม โอกาสหน้า จะได้มีการพิจารณาเรื่องการนำทรัพย์สินโครงการบ้านเอื้ออาทรที่ขายไม่ได้หรือสร้างไม่เสร็จมาปรับปรุงและพัฒนาเป็นบ้านเคหะสุขเกษมเพื่อผู้สูงอายุต่อไป ตามความเหมาะสมของพื้นที่และความต้องการของประชาชน

กรมการขนส่งทางบก งดให้บริการด้านใบขับขี่ทุกกรณี ใน 29 จังหวัด

กรมการขนส่งทางบก งดให้บริการด้านใบขับขี่ทุกกรณี ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด ส่วนการให้บริการด้านทะเบียนและภาษีรถเปิดได้เฉพาะบริการชำระภาษีรถผ่านเลื่อนล้อต่อภาษี Drive Thru for tax และช่องทางออนไลน์เท่านั้น จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า เพื่อให้เป็นไปตามประกาศของ ศบค. ตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 (ฉบับที่ 30) กำหนดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวมทั้งสิ้น 29 จังหวัดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป

กรมการขนส่งทางบก จึงสั่งการให้สำนักงานขนส่งทุกแห่ง งดให้บริการด้านใบขับขี่ทุกกรณี หรือ จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ส่วนการให้บริการด้านทะเบียนและภาษีรถ คุมเข้มในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด เปิดได้เฉพาะบริการชำระภาษีรถผ่านเลื่อนล้อต่อภาษี Drive Thru for tax และช่องทางออนไลน์เท่านั้น โดยในส่วนของเอกสารประกอบคำขอรับหรือขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถและผู้ประจำรถ เช่น ใบรับรองแพทย์ หนังสือรับรองการผ่านการอบรมและทดสอบ คำขอที่ดำเนินการไม่แล้วเสร็จภายใน 90 วัน ผลผ่านการอบรมผ่านระบบ e-Learning ที่สิ้นอายุตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2564 อนุโลมให้ใช้เป็นเอกสารประกอบการดำเนินการได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564

ทั้งนี้ ในช่วงระยะเวลาการงดการดำเนินการ กรมการขนส่งทางบก ได้ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ผ่อนผันการใช้กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง กับผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถและใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถที่สิ้นอายุแล้ว สามารถใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 สำหรับการดำเนินการทางทะเบียนที่กฎหมายกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการไว้ตรงกับช่วงเวลางดให้บริการ เช่น โอนรถ แจ้งย้ายรถ การเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ หรือแจ้งเลิกใช้รถ เป็นต้น กรมการขนส่งทางบกได้ขยายระยะเวลาให้สามารถมาดำเนินการได้ออกไปอีก 15 วันทำการ นับแต่วันสิ้นสุดระยะเวลาตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือมีประกาศเป็นอย่างอื่น โดยไม่ถือว่าเป็นการดำเนินการล่าช้ากว่าที่กฎหมายกำหนด ในเขตจังหวัดอื่นสามารถให้บริการได้ตามปกติ โดยให้ถือปฏิบัติตามตามประกาศจังหวัดหรือประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด

สำหรับ รถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก เช่น รถบัส รถตู้โดยสาร รถบรรทุก ให้มาดำเนินการด้านทะเบียนและภาษีรถได้ตามระยะเวลาที่กำหนด รวมถึงการงดการออกหน่วยเคลื่อนที่ด้านทะเบียนและภาษีรถ และด้านใบอนุญาตขับรถ ณ หน่วยบริการเคลื่อนที่รับชำระภาษีรถประจำปีที่ห้างสรรพสินค้า หรือแหล่งชุมชน (Shop Thru for Tax) หรือศูนย์บริการร่วม ในเขตจังหวัดอื่นสามารถให้บริการได้ทุกช่องทางตามปกติ โดยให้ถือปฏิบัติตามตามประกาศจังหวัดหรือประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด

สธ.จัดหน่วย CCR Team 39 ทีม ช่วยดูแลโควิดพื้นที่ กทม.ช่วงล็อคดาวน์ 4-10 ส.ค.นี้

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยจัดบุคลากรจากภูมิภาคเข้าร่วม CCR Team รวม 39 ทีม ช่วยควบคุมโควิด 19 พื้นที่กทม.ช่วงล็อกดาวน์ วันที่ 4-10 สิงหาคม ตั้งเป้าหมายตรวจคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 2.5 แสนราย หากพบผู้ติดเชื้อนำเข้าระบบการดูแลรักษาที่บ้านและชุมชน จัดเตรียมยาฟาวิพิราเวียร์อย่างน้อย 6 แสนเม็ด พร้อมเดินหน้าฉีดวัคซีนโควิดในกลุ่มเสี่ยง

วันนี้ (3 สิงหาคม 2564) นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ติดเชื้อโควิด19 มีจำนวนมาก แม้จะขยายเตียงรองรับกว่า 1.85 แสนเตียง ก็ยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะพื้นที่ กทม. ในกลุ่มผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย ได้จัดระบบการดูแลรักษาที่บ้าน (Home Isolation) และที่ชุมชน (Community Isolation) โดยมีศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. และคลินิกชุมชนอบอุ่น ดูแลติดตามอาการ และมีหน่วยเชิงรุกในชุมชนหรือ CCR Team สนับสนุนการดำเนินงาน ใน กทม.มีแล้วประมาณ 200 ทีม รวมทั้งในช่วงล็อกดาวน์ 2 สัปดาห์นี้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับชมรมแพทย์ชนบทได้จัดหน่วย CCR Team โดยบุคลากรสาธารณสุขจิตอาสาหลายสาขาวิชาชีพในภูมิภาค เช่น แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว พยาบาล เภสัชกร เทคนิคการแพทย์ ซึ่งมีความชำนาญในการจัดบริการปฐมภูมิ จำนวน 39 ทีมภูธร จากภาคเหนือ 7 ทีม ภาคกลาง 10 ทีมภาคตะวันออก 2 ทีม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 11 ทีม และภาคใต้ 9 ทีม ร่วมดำเนินการเชิงรุกในพื้นที่ กทม. ระหว่างวันที่ 4-10 สิงหาคมนี้ และคาดว่าจะมีเพิ่มเติมอีกรวมเป็น 40 กว่าทีม

หน่วยเชิงรุก CCR Team มีความสำคัญในการช่วยควบคุมสถานการณ์การระบาดในพื้นที่ กทม. เนื่องจากช่วยแยกผู้ติดเชื้อในชุมชน ไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อต่อ โดยเข้าไปตรวจคัดกรองหาผู้ติดเชื้อในชุมชนด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) หากพบผู้ติดเชื้อนำเข้าสู่การรักษาที่บ้านหรือชุมชนตามระบบ ให้ยารักษา หากมีอาการรุนแรงจะส่งต่อติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงร่วมบ้านร่วมงานมาตรวจหาเชื้อ รวมถึงฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้กลุ่มเปราะบางในชุมชน เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ นอกจากนี้ ทาง กทม.มีการจัดหาถุงยังชีพ และภาคเอกชนร่วมบริจาคสิ่งของเครื่องใช้อาหารมาสนับสนุน ซึ่งการดำเนินงานทั้งหมดเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและอัตราการใช้เตียงในโรงพยาบาลนายแพทย์เกียรติภูมิกล่าว

สำหรับอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของทีม CCR Team กระทรวงสาธารณสุข ได้สนับสนุนชุดตรวจAntigen Test Kit จำนวน 3 แสนชุด ตั้งเป้าหมายตรวจคัดกรองวันละ 35,000 ราย โดยภายใน 7 วันจะตรวจคัดกรองให้ได้ไม่น้อยกว่า 250,000 ราย คาดว่าอาจพบผลบวก 15% หรือประมาณ 32,500 ราย โดยประมาณ 1 ใน 3 ต้องการยาฟาวิพิราเวียร์ จึงสนับสนุนยาฟาวิพิราเวียร์อย่างน้อย 6 แสนเม็ด เริ่มดำเนินการวันพรุ่งนี้ (4 สิงหาคม 2564) เป็นวันแรก

เร่งเพิ่มคลินิกเอกชนร่วมดูแลผู้ป่วยโควิด-19 แบบแยกตัวที่บ้าน

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้เพิ่มระบบการบริหารจัดการผู้ป่วยโควิด-19 แบบไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อยให้เข้าสู่การดูแลที่บ้าน (Home Isolation) และการดูแลที่ชุมชน (Community Isolation) เพื่อให้ได้รับการรักษาตัวได้เร็วขึ้น ลดความกังวล อีกทั้งยังเป็นการลดการครองเตียงในโรงพยาบาลสนาม ช่วยให้ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงกว่าได้รับการรักษาในโรงพยาบาล ทั้งนี้มีหน่วยบริการสาธารณสุขทั้งคลินิกชุมชนอบอุ่นภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และศูนย์สาธารณสุขของกรุงเทพมหานคร ที่จะเป็นผู้ดูแลผู้ป่วย Home Isolation ซึ่งในพื้นที่ กทม. ยังมีคลินิกเอกชนมากกว่า 3,000 แห่ง ที่ยังไม่ได้เป็นคู่สัญญากับทาง สปสช.

รัฐบาลอยากเชิญชวนให้เข้าร่วม เพราะจะช่วยเป็นหน่วยกระจายการดูแล ที่ครอบคลุมอุปกรณ์ตรวจร่างกายปรอทวัดไข้และเครื่องวัดระดับอ๊อกซิเจน ยาฟ้าทะลายโจร/ฟาวิพิราเวียร์ ให้ตามระดับอาการที่แพทย์วินิจฉัย อาหารสามมื้อ คลีนิกที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อลงทะเบียน  โทร 089-969-6492 หรือสอบถามสปสช. หมายเลข 1330 และเมื่อเป็นคู่สัญญาแล้ว จะได้รับการสนับสนุนการดูแลผู้ป่วยแบบเหมาจ่าย อัตรา 3,000 บาท/ราย/สัปดาห์

ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้ป่วยโควิด-19 ที่แยกตัวมาดูแลที่บ้านหรือที่ชุมชน ทางคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ออกคำสั่งนายทะเบียนให้ผู้ป่วยที่ได้ซื้อกรมธรรม์สามารถเคลมประกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อกรมธรรม์คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยนอกหรือผู้ป่วยใน แต่เฉพาะค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น ส่วนกรณีกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองค่าชดเชยรายวันเมื่อต้องรักษาตัวเป็นผู้ป่วย จะได้ค่าชดเชยรายวันสูงสุด 14 วัน นับแต่วันที่มีความจำเป็นทางการแพทย์ที่ต้องรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในสถานพยาบาล แต่ไม่มีสถานพยาบาลรองรับ โดยคลินิก/โรงพยาบาลที่ดูแล จะเป็นผู้ออกใบรับรองแพทย์ให้หลังได้รับการรักษาครบกำหนด เพื่อนำไปใช้เป็นหลักฐานในการเคลมประกันต่อไป การคุ้มครองสิทธิในการเคลมประกันจะมีผลย้อนหลังก่อนวันออกประกาศนี้ด้วย ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้ลงทะเบียนแยกดูแลที่บ้าน/ชุมชน ก่อน 29 ก.ค. สามารถเคลมประกันได้

นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า ในเดือนนี้ ทาง สปสช. จะเริ่มแจกชุดตรวจเร็ว  Antigen Test Kit ซึ่งมีแผนจัดซื้อ 8.5 ล้านชุด ผ่านหน่วยบริการสาธารณสุข โรงพยาบาล/คลินิก/ศูนย์อนามัย ตามพื้นที่เป้าหมาย และเมื่อมีคลีนิกเอกชนร่วมเป็นภาคีการทำงานกับสปสช. เพิ่มขึ้น ก็จะทำให้การคัดกรองและดูแลผู้ป่วยโควิด-19 เบื้องต้นครอบคลุมและรวดเร็วขึ้นอีก เป็นการลดการแพร่เชื้อในวงกว้างและจำนวนผู้ป่วยที่มีอาการได้อย่างมาก

อัพเดท 3 จุดตรวจฟรี! ด้วย Antigen Test Kits

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประกาศขยายวันให้บริการตรวจโควิด เชิงรุกฟรี 3 จุดที่ได้เปิดให้บริการไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจะทำการตรวจคัดกรองด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kitsโดยผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ รู้ผลภายใน 30 นาที ดังนี้

1. สนามกีฬาธูปะเตมีย์ กองทัพอากาศ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดย สปคม. ขยายจนถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2564 (หยุดวันเสาร์-อาทิตย์) ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น.

2. สนามราชมังคลากีฬาสถาน (หัวหมาก) เขตบางกะปิ กทม. ขยายจนถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2564 (หยุดวันเสาร์-อาทิตย์) ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น

3. ลานจอดรถ ชั้น 1 อาคารบี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถ.แจ้งวัฒนะ กทม.ตรวจโดย คณะเทคนิคการแพทย์ ม.มหิดล ขยายเพิ่มอีก 2 วัน วันที่ 2–3 ส.ค.64 เวลา 8.00-16.00 น.

ประชาชนที่เข้ารับการตรวจคัดกรองโควิดเชิงรุก ต้องเตรียมบัตรประชาชนตัวจริงพร้อมสำเนาบัตร 2 ชุดไปด้วย และหากผลเป็นบวก จะมีการจับคู่คลินิกชุมชนอบอุ่นดูแลที่บ้านหรือที่ชุมชน