ข้าวมาบุญครอง จับมือ มูลนิธิปวีณา สนับสนุนข้าวสาร สู้โควิด-19

นางสาวพรพิมล กิริวรรณา (ซ้าย) ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัท พี อาร์ จี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจในเครือข้าวมาบุญครอง มอบผลิตภัณฑ์ข้าวสารรวงทิพย์ จำนวน 2 ตัน ผ่าน มูลนิธีปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี โดยมี นางปวีณา หงสกุล (ขวา) ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ให้เกียรติเป็นผู้รับมอบ เพื่อนำไปบรรจุใส่ในกล่องกำลังใจ ส่งมอบให้กับครอบครัวกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากพิษโควิด – 19 ทั่วประเทศ ผ่านโครงการ “มูลนิธิปวีณาฯ รวมน้ำใจคนไทย สู้ภัยโควิด” ณ มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี

นางสาวพรพิมล กิริวรรณา กล่าวว่า ข้าวมาบุญครองได้เล็งเห็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทุกภาคส่วน จึงได้มีการจัดโครงการ ”ข้าวมาบุญครอง ปันน้ำใจ สร้างความอิ่มอุ่นทุกครอบครัว” โดยเป็นกิจกรรมที่ข้าวมาบุญครอง สนับสนุนผลิตภัณฑ์ยังชีพ อาทิ ข้าวสารมาบุญครอง น้ำดื่มคูลพลัส รวมถึงการนำข้าวมาประกอบอาหารจัดทำเป็นอาหารปรุงสุก มอบให้กับประชาชน ทีมแพทย์ และเจ้าหน้าที่สนับสนุนการปฎิบัติงานในการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด โดยมอบข้าวสารผ่านหน่วยงานทั้งภาครัฐ และพันธมิตรในภาคส่วนเอกชน ไปแล้วกว่า 50 ตัน

สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ข้าวมาบุญครอง ได้จับมือกับมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ผ่านโครงการของทางมูลนิธิ คือโครงการ“มูลนิธิปวีณาฯ รวมน้ำใจคนไทย สู้ภัยโควิด” โดยมอบข้าวสารจำนวน 2 ตัน กระจายให้กับทุกท่านผ่านกล่องกำลังใจ ซึ่งทางมูลนิธิปวีณาฯ ได้ดำเนินการบรรจุของประกอบไปด้วยข้าวสาร และสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพ ส่งไปให้กับครอบครัวกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็ก และสตรี ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ที่แจ้งเรื่องเข้ามาผ่านมูลนิธิปวีณาฯ ทั่วประเทศ โดยนอกจากจะสร้างความอิ่มอุ่นแล้ว ยังเป็นการมอบกำลังใจให้กับทุกท่าน ในวันที่เจอวิกฤติหรือเผชิญกับวันที่ย่ำแย่ ยังมีหลายหน่วยงาน หนึ่งในนั้นคือข้าวมาบุญครอง ที่พร้อมจะดูแลทุกท่าน แล้วจับมือกันก้าวผ่านวิกฤติไปด้วยกัน

นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ระบุว่า จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่องจนถึงกลางปีนี้ พบข้อมูลปัญหาความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกรณีเด็กและผู้หญิงถูกทำร้าย ส่วนหนึ่งมาจากการที่ทุกคนในบ้านต้องอยู่รวมกัน24 ชั่วโมง ท่ามกลางความเครียดจากเศรษฐกิจ ที่ครอบครัวไม่มีรายได้ ถือเป็นตัวกระตุ้นที่สำคัญทำให้ความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มมากขึ้น มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กสตรี จึงรับเป็นสื่อกลาง ประสานความช่วยเหลือไปยังครอบครัวกลุ่มเปราะบาง จึงได้จัดตั้งโครงการ“มูลนิธิปวีณาฯ รวมน้ำใจคนไทย สู้ภัยโควิด” โดยการส่งของยังชีพ อาทิ ข้าวสาร น้ำดื่ม นม แพมเพิส และยารักษาโรค โดยปัจจุบันได้รับการแจ้งขอความช่วยเหลือแล้วกว่า 40 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อลดปัญหาขาดแคลนอาหาร ขาดแคลนนมสำหรับเด็ก และขาดแคลนรายได้ เพื่อหยุดความรุนแรงที่อาจขึ้นจากปัญหาดังกล่าว

ขอขอบคุณกลุ่มธุรกิจในเครือข้าวมาบุญครองที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบโควิด -19 ร่วมกับมูลนิธิปวีณาฯ ที่ผ่านมาทางมูลนิธิปวีณาฯ ให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบโควิด – 19 รอบที่ 1 และรอบที่ 2 ไปแล้ว รวมจำนวน 6,540 ราย ส่วนในการระบาดรอบ 3 นี้ มูลนิธิปวีณาฯ ให้การช่วยเหลือตามจำนวนสิ่งของที่มีผู้ใจบุญบริจาค ทั้งนี้ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคข้าวสาร อาหารแห้ง นม และแพมเพิส ได้ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี หรือติดต่อได้ที่ โทร. 081-814-0244, 098-478-8991, 062-560-1636 และ081-890-1355

พาราไดซ์ พาร์ค อัดแคมเปญ THAI SAVE THAI ร่วมใจฉีดวัคซีน

ฉีดวัคซีนโควิค-19 แล้ว มารับสิทธิพิเศษดี ๆ กัน !! พาราไดซ์ พาร์ค ศูนย์การค้าเครือเอ็ม บี เค จัดแคมเปญ THAI SAVE THAI ร่วมใจฉีดวัคซีน พบโปรพิเศษจากร้าค้าชั้นนำมากมากมาย เพียงแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนโควิค-19 และบัตรประชาชน ตั้งแต่วันนี้– 31 ก.ค. 64

สำหรับร้านที่เข้าร่วม ได้แก่ ร้าน Au Bon Pain ลด 50% ชามะนาวสดเย็น ขนาดไซส์ M ร้าน SQUEEZE by Tipco ซื้อแก้วที่ 2 ลด 50% เมื่อซื้อเครื่องดื่มสมูทตี้เมนู Super Fruit 16 oz. ร้านโอเรียนทอล พริ้นเซส รับส่วนลด 100 บาท เมื่อซื้อสินค้าราคาปกติครบ 500 บาท พร้อมรับสิทธิ์สมาชิกฟรีตลอดชีพ และรับสินค้าเจลแอลกอฮอล์ ฟรี 1 ชิ้น ร้านคอฟฟี่บีนส์ บายดาว ฟรี! ชาเย็น, ชาดำเย็น, น้ำกระเจี๊ยบ 1 แก้ว เมื่อซื้อสินค้าที่ร้านครบ 600 บาท ร้านแหลมเจริญซีฟู้ด ฟรี! ซุปถ้วยแกงจืดรวมมิตรทะเล มูลค่า 85 บาท เมื่อซื้อเนื้อปลาผัดพริกเหลือง + ทอดมันปลา + ไข่ดาว + ข้าวสวย ราคา 199 บาท หรือ ข้าวผัดคะน้าปลาเค็ม + ทอดมันปลา + ไข่ดาว ราคา 199 บาท ร้านโอโตยะ ฟรี! สลัดหมูชาบูราดซอสต้นหอมญี่ปุ่น มูลค่า 155 บาท เมื่อสั่งเซตปลาอากาอุโอะหมักซอสชิโอะโคจิมิรินย่างถ่าน ราคา 409 บาท ร้านแม่ศรีเรือน พบเมนูราคาพิเศษมากมาย ร้านซานตาเฟ่ ลด 10% เฉพาะรายการอาหารในเมนูปกติ ร้าน Kipling ลดเพิ่ม 5% เฉพาะผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มแรกเท่านั้น และ ร้าน Fuku Matcha มาพร้อมโปร 1 แถม 1 เพียงซื้อมัทชะนมสดไข่มุก 1 แก้วขนาด 22 ออนซ์ ราคา 100 บาท ฟรี มัทชะนมสดไข่มุก 1 แก้วขนาด 22 ออนซ์ ราคา 100 บาท ร้านโนบิ ชา ฟรี Topping ไข่มุก/ เยลลี่ เมื่อซื้อเครื่องดื่ม 2 แก้วขึ้นไป ร้าน Goma ลด 10 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 80 บาท ร้าน My bake Bakery ฟรี 1 ชิ้น เมื่อซื้อขนม 3 ชิ้น ร้านคินซูชิ ฟรี 1 ชิ้น เมื่อซื้อซูชิ 10 ชิ้น และฟรี ปากกา 1 ด้าม เมื่อซื้อครบ 200 บาท ร้าน Asia Book ลด 100 บาท เมื่อซื้อหนังสือภาษาอังกฤษ ราคาปกติ 800 บาทชึ้นไป (ไม่รวมสินค้ากลุ่ม Tarot) ร้าน Gelate ไอศกรีมโฮมเมดสไตล์อิตาเลี่ยน เพียง 49 บาท/ Scoop กับ 3 รสชาติอร่อย อย่าง Pancake, Aftereight และ Lychee ตลอดเดือน มิ.ย. ส่วนในเดือน ก.ค. พบกับรสชาติ Pancake, Bubble gum และ Raspberry ร้านวังแว่น ลดเพิ่ม 5% ร้าน Skechers Thailand รับคูปอง 300 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 1,500 บาท คออาหารเกาหลีพลาดไม่ได้ ร้าน Dookki รับคูปองส่วนลด10% เฉพาะจันทร์ – ศุกร์

สาวกชาบูหม้อร้อนต้องมา ร้าน EVAIME Shabu Shabu รับสไปร์ยูซุ 1 ถังเพียง 99 บาท ร้าน ooppa ลด 500 บาท เมื่อซื้อครบ 1,990 บาท ร้าน Discount outlet ลดเพิม 5% ร้าน U Chic ลด 10% Paradise Cineplex รับฟรีบัตรชมภาพยนตร์ สำหรับ 100 ท่านแรก และรับส่วนลดบัตรชมภาพยนตร์ มูลค่า 50 บาทและส่วนลดป๊อปคอร์น มูลค่า 25 บาท สำหรับ 100 ท่านถัดมา ร้าน BEAR MILK STICK ลด 5 บาท สำหรับเครื่องดื่มเมนูเย็น ร้าน MNG รับฟรี สินค้าประเภทจิวเวอรี่ ที่ร่วมรายการมูลค่าไม่เกิน 790 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 1,000 บาท ร้าน Charles & Keith ลด 100 เมื่อซื้อครบ 1,000 บาท ขึ้นไป โอทู (O2) ศูนย์สุขภาพ&ไลฟ์สไตล์ รับฟรีทันที E-Coupon สิทธิ์รับประทานอาหารเมนูราคาพิเศษ 35 บาท เพียงสแกน QR Code เพิ่มเพื่นใน LINE กับ โอทู และแสดงให้กับร้านค้าที่มีป้ายสัญลักษณ์เข้าร่วมโครงการ ศูนย์อาหาร Food Arcade พบกับเมนูราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 35 บาท รับฟรี น้ำดื่ม 1 ขวด หรือรับคูปองส่วนลด 5 บาทเมื่อซื้อเมนูใดก็ได้ และร้าน Sizzler ฟรี! น้ำแตงโมปั่น มูลค่า 79 บาท เมื่อสั่งเมนูจานหลัก 1 จาน

พิเศษ! สำหรับลูกค้าทุกท่านเพียงช้อปภายในศูนย์ฯ พาราไดซ์ พาร์ค ขอส่งต่อความคุ้ม รับฟรี ชุดแปรงฟันพร้อม ยาสีฟัน Salz Fresh to go มูลค่า 69 บาท เมื่อช้อปครบ 350 บาทขึ้นไป (สามารถรวมใบเสร็จได้สูงสุด 3 ใบเสร็จ)

ธ.กรุงเทพ ต้อนรับ รมว.แรงงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม

บ่ายวันนี้ (10 มิ.ย. 64) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อม นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นางสาวอำพันธ์ ธุววิทย์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพร้อมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และคณะทำงาน ณ “สโมสรธนาคารกรุงเทพ” ถนนศรีนครินทร์ สถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนแก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ของสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 8 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่เขตบางนา ประเวศ พระโขนง และสวนหลวง เพื่อร่วมเร่งกระจายการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในวงกว้าง โดยมี นายศิริเดช เอื้องอุดมสิน รองผู้จัดการใหญ่ นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และ นายเวทิศ อัศวมังคละ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการสายทรัพยากรบุคคล ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมให้การต้อนรับ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ขอขอบคุณธนาคารกรุงเทพในการสนับสนุนพื้นที่สโมสรธนาคารกรุงเทพ เพื่อเป็นสถานที่บริการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 รวมถึงอำนวยความสะดวกทั้งการดูแลจัดเตรียมสถานที่ รวมทั้งการให้บริการ ดูแลอำนวยความสะดวกต่างๆ ในพื้นที่ตลอดโครงการ ขณะที่ภาพรวมการให้บริการฉีดวัคซีนแก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 ตลอด 3 วันมานี้ เป็นไปตามเป้าหมาย มีผู้มารับบริการฉีดวัคซีนจากทั้ง 45 จุด รวมแล้วกว่า 130,000 คน โดยเฉพาะเมื่อวาน (9 มิ.ย.) มีผู้ประกันตนมารับบริการฉีดถึง 90% จากจำนวนผู้ประกันตนทั้งหมดที่ได้มีการแจ้งลงทะเบียนไว้

“ในส่วนของปัญหาและอุปสรรคของโครงการยังพบบ้างเล็กน้อย เช่น การบริหารจัดการคิว ซึ่งได้พยายามแก้ไขเพื่อให้สามารถบริการผู้มารับบริการได้โดยสะดวกมากที่สุด โดยในส่วนของกระทรวงแรงงานจะให้บริการฉีดวัคซีนโดยยึดตามพื้นที่ให้บริการเป็นสำคัญ เพื่อให้สามารถกระจายวัคซีนได้ครอบคลุมมากที่สุด ทั้งในส่วนของแรงงานคนไทย รวมไปถึงแรงงานต่างชาติที่อยู่ในพื้นที่ด้วย ทั้งนี้ อยากฝากให้ผู้ประกันตนที่ได้ลงทะเบียนไว้แล้วมารับบริการตามสิทธิ์ เพื่อช่วยกันสร้างให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่เป็นวงกว้างโดยเร็ว รวมทั้งเพื่อประสิทธิภาพในการจัดสรรวัคซีนได้อย่างสูงสุด”

นายศิริเดช เอื้องอุดมสิน รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะ “เพื่อนคู่คิด” ที่พร้อมเคียงข้างคนไทยก้าวข้ามสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน ซึ่งนอกเหนือจากมาตรการดูแลช่วยเหลือลูกค้าเพื่อบรรเทาผลกระทบทางการเงินแล้ว ธนาคารยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐเพื่อแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยในโอกาสนี้ธนาคารจึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 8 เร่งกระจายฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชนในวงกว้าง ผ่านการสนับสนุนพื้นที่สโมสรธนาคารกรุงเทพ เพื่อเป็น 1 ใน 6 จุดบริการ ในพื้นที่เขตบางนา ประเวศ พระโขนง และสวนหลวง ซึ่งมีผู้ประกันตนลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอรับการฉีดวัคซีนกว่า 1.5 แสนคน ทั้งนี้ สโมสรธนาคารกรุงเทพ มีศักยภาพในการรองรับผู้มารับบริการฉีดวัคซีนได้วันละ 1,000 คน โดยธนาคารจะอำนวยความสะดวกในการจัดเตรียมสถานที่ และบริการน้ำดื่มสำหรับผู้มารับการฉีดวัคซีน ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่คอยดูแลทำความสะอาดพื้นที่และห้องน้ำทุกจุดภายในสโมสรตามมาตรฐานสุขอนามัยที่ภาครัฐกำหนดอย่างเคร่งครัด และจะเปิดให้บริการแก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 7–26 มิ.ย. 2564 เวลา 8.00 – 17.00 น.

ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ในเขตพื้นที่รับผิดชอบดังกล่าวข้างต้นที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์รับการฉีดวัคซีนไว้เรียบร้อยแล้ว สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บัวหลวงโฟน โทร.1333 หรือ 0 2645 5555

TPIPL มอบผลิตภัณฑ์ทีพีไอและชุด PPE ให้ รพ.ตำรวจ 

นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ (ที่ 3 จากขวา) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP ร่วมกับ พลตำรวจเอก สุพร พันธุ์เสือ (ที่ 2 จากขวา) ที่ปรึกษาบริษัทฯนายไวพจน์ คดบัว (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้ช่วยรองผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายกฎหมาย เป็นตัวแทน บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL มอบผลิตภัณฑ์ทีพีไอ ไบโอน็อค จำนวน 500 กระปุก น้ำยาบ้วนปากทีพีไอ จำนวน 500 ขวด และชุด PPE จำนวน 500 ชุด ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ให้บริการด้านสุขภาพของโรงพยาบาลตำรวจเพื่อใช้ป้องกันการติดเชื้อและแพร่ระบาดของโรคในระหว่างปฏิบัติงาน โดยมี พลตำรวจตรี บุณยรัสน์ พุกกะเวส (ที่ 3 จากซ้าย) นายแพทย์ (สบ 7) โรงพยาบาลตำรวจ ให้เกียรติเป็นตัวแทนรับมอบ ทั้งนี้ TPIPP ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างขวัญและกำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถอยู่ในขณะนี้ และขอร่วมฝ่าฟันวิกฤตโควิด –19 นี้ ไปด้วยกัน 

รพ.บำรุงราษฎร์ เปิดให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชน

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ถือเป็นโรงพยาบาลเอกชนอีกแห่งที่พร้อมสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐ เพื่อให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่ผู้ป่วยของโรงพยาบาลฯ รวมถึงประชาชนผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคอ้วน ที่ได้ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อมเรียบร้อยแล้ว

จากข้อมูลปัจจุบันของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีจำนวนผู้ลงทะเบียนเข้ารับฉีดวัคซีนโควิด-19 เต็มจำนวนตามที่ได้รับการจัดสรรจากภาครัฐแล้วโดยเริ่มฉีดในวันที่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 พร้อมกันกับโรงพยาบาลและจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วประเทศ เป็นเวลา 54 วันต่อเนื่องโดยไม่มีวันหยุด ซึ่งเป็นไปตามระยะเวลาที่รัฐกำหนดให้ประชาชนกลุ่มแรกเข้ารับบริการ รวมจำนวนกว่า 15,000 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ มีผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 100 ปี จำนวน 3 ราย ได้ลงทะเบียนขอเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ถือเป็นแบบอย่างที่ดีและยังช่วยกระตุ้นให้กลุ่มผู้สูงอายุกล้าที่จะตัดสินใจเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตและลดการเจ็บป่วยขั้นรุนแรงหากป่วยเป็นโรคโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันยังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของวัคซีน ความมั่นใจในศักยภาพของทีมแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และคุณภาพมาตรฐานของโรงพยาบาลฯ โดยผู้สูงอายุกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้เตรียมความพร้อมในทุก ๆ มิติ อาทิ ทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ การให้บริบาลทางการแพทย์ขั้นสูง คุณภาพมาตรการการดูแลผู้สูงวัยและผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้ารับวัคซีนเป็นสำคัญ

เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎ

เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า นับตั้งแต่บำรุงราษฎร์ทราบถึงแนวทางการกระจายฉีดวัคซีนตามที่ภาครัฐจัดสรรให้แก่ประชาชนผ่านจุดฉีดวัคซีนของโรงพยาบาลต่างๆ นั้น โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์พร้อมที่จะสนับสนุนเพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงการฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็วและทั่วถึง จึงได้วางแผนถึงกระบวนการในการฉีดวัคซีนอย่างเป็นระบบเพื่อความพร้อมในการเปิดให้บริการแก่ประชาชนในระยะแรก สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป โดยบำรุงราษฎร์ได้คำนึงถึงคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล พร้อมจัดทีมแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์และสหสาขาวิชาชีพเพื่อให้คำปรึกษาแนะนำและดูแลผู้มาใช้บริการอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอน ทั้งก่อนการฉีด ระหว่างการฉีด โดยเฉพาะหลังการฉีด 30 นาที จำเป็นต้องมีการสังเกตอาการตามมาตรการอย่างเคร่งครัด และในกรณีที่ผู้เข้ารับบริการฉีดวัคซีนมีเหตุจำเป็นที่ต้องออกนอกบริเวณ ควรต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบ และหลังจากครบ 30 นาทีก่อนกลับบ้านจะมีการวัดสัญญาณชีพเพื่อให้มั่นใจว่าผู้รับการฉีดมีภาวะปกติ ในกรณีหากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ จะมีแพทย์และทีมฉุกเฉินประจำจุดฉีดวัคซีน ห้องปฐมพยาบาล พร้อมด้วยรถเข็นฉุกเฉิน (emergency cart) ที่มีอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ตลอดจนยาและเวชภัณฑ์ตามมาตรฐานสากลที่สามารถให้การดูแลช่วยเหลือได้ทันท่วงที นอกจากนี้ โรงพยาบาลฯ ยังอำนวยความสะดวก โดยจัดลำดับการรับบริการ แบบทางเดียว ให้ผู้มารับวัคซีนอย่างเป็นระบบ โดยคำนึงถึงมาตรการเว้นระยะห่างและลดการสัมผัสที่ไม่จำเป็น รวมถึงห้องฉีดวัคซีนที่ให้บริการครั้งละหนึ่งคนไม่ปะปนกับใคร มีฉากกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวอีกด้วย

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้จัดจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ชั้น 10 อาคาร A (อาคารคลินิก) ตั้งแต่เวลา 8.00 – 16.00 น. โดยมีการกำหนดขั้นตอนการรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ดังนี้

  1. ผ่านจุดคัดกรองโควิด-19 ตามมาตรการด้านสาธารณสุข
  2. จุดลงทะเบียน โดยให้แสดงบัตรประชาชน พร้อมหลักฐานการนัดฉีดวัคซีนจากโรงพยาบาลฯ หรือหมอพร้อม
  3. ตรวจคัดกรอง วัดสัญญาณชีพและลงนามในใบยินยอมรับวัคซีน
  4. รอรับการฉีดวัคซีน
  5. ฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยพยาบาลวิชาชีพ
  6. พักสังเกตอาการ 30 นาที ขอความร่วมมือในการอยู่พักสังเกตอาการจนครบตามเวลาที่กำหนด โรงพยาบาลฯ มีการเตรียมพร้อมตามมาตรฐานในกรณีเกิดอาการไม่พึงประสงค์
  7. จุดตรวจสอบก่อนกลับ วัดสัญญาณชีพ
  8. ข้อแนะนำหลังฉีดวัคซีน การนัดฉีดวัคซีนเข็มที่ 2
  9. ลงข้อมูลบน ‘หมอพร้อม’ และสมัครแอปพลิเคชัน Bumrungrad เพื่อรับข้อมูลข่าวสารจากทางโรงพยาบาลฯ
  10. เสร็จสิ้นขั้นตอนการฉีดวัคซีน
นพ. อชิรวินทร์ จิรกมลชัยสิริ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลวัคซีนโควิด-19, หัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรม, แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์โรคหัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

นพ. อชิรวินทร์ จิรกมลชัยสิริ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลวัคซีนโควิด-19, หัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรม, แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์โรคหัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ให้คำแนะนำแก่ประชาชนทั่วไป รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง ว่าควรได้รับการฉีดวัคซีน หากไม่แพ้ส่วนประกอบของวัคซีน เนื่องจากผู้ที่มีโรคประจำตัวดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงถึงชีวิตหากติดเชื้อโควิด- 19 ได้ สำหรับอาการแพ้วัคซีนนั้นแยกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ 1. การแพ้วัคซีนรุนแรง (anaphylaxis) 2. ผลข้างเคียงของวัคซีน (side effects) หรือ 3. อาการเป็นลม (vasovagal syncope) ที่อาจเกิดจากความเครียด เจ็บปวด ทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติหยุดทำงานชั่วคราว จนเกิดอาการหน้ามืด ใจสั่น เป็นลม หมดสติได้ โดยมีวิธีสังเกตอาการ และวิธีปฏิบัติตัว ดังนี้

1. ภาวะแพ้วัคซีน เป็นปฏิกิริยาของร่างกายผ่านระบบภูมิคุ้มกัน ส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 80 มักเกิดขึ้นภายในเวลา 15-30 นาทีหลังรับวัคซีน ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นได้บ่อยที่สุดคือ ผื่นคันคล้ายลมพิษ อาจมีอาการบวม นอกจากนี้อาการที่พบร่วมกันได้แก่ หายใจเหนื่อย แน่นหน้าอก ชีพจรเต้นเร็ว คลื่นไส้อาเจียน ความดันโลหิตต่ำ หมดสติ โดยเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นหลายระบบพร้อมกัน ซึ่งจำเป็นต้องรักษาในโรงพยาบาลด้วยการให้ยาฉีดที่เป็น Adrenaline หรือ Epinephrine แล้วอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นภายในเวลา 24 ชั่วโมง

2. ผลข้างเคียงของวัคซีน มักจะเกิดขึ้นหลังฉีดไปหลายชั่วโมง จนถึง 3 วัน อาการที่เกิดขึ้น เช่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดบวมแดงบริเวณที่ฉีด อาการมักหายไปเองได้ โดยไม่ต้องให้การรักษา หรือรักษาตามอาการ แต่หากมีอาการปวดมาก อาจประคบด้วยความเย็นบริเวณที่ฉีดวัคซีน แล้วให้ยาแก้ปวดพาราเซตตามอล

3. อาการเป็นลม เป็นอาการหน้ามืดที่สามารถพบได้บ่อยในผู้ที่มีสุขภาพร่างกายหรือจิตใจอ่อนแอ เช่น คนป่วย อดนอน หิว หรืออยู่ในสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่ได้รับการกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม เช่น อากาศร้อน แสงแดด ความเครียด ความวิตกกังวล ยืนเป็นเวลานาน เป็นต้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน หน้าซีด เหงื่อแตก ความดันโลหิตลดต่ำลงและเป็นลมหมดสติได้ โดยภาวะดังกล่าวสามารถหายได้เอง หากได้พักผ่อน อยู่ในที่อากาศถ่ายเทได้ดี และไม่มีความจำเป็นต้องได้ยารักษา

ในกรณีที่ผู้มาฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วมีผลข้างเคียงหรือแพ้เล็กน้อยแบบไม่รุนแรง สามารถรับวัคซีนเข็มที่สองได้ตามกำหนด ไม่มีข้อห้ามในการรับฉีดวัคซีนเข็มต่อไป แต่สำหรับกรณีที่ฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วมีอาการแพ้ชนิดรุนแรง (anaphylaxis) แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนรับวัคซีนเข็มที่สอง เพื่อหาสาเหตุว่าอาการแพ้ชนิดรุนแรงเกิดจากอะไร และปรับการฉีดวัคซีนเข็มที่สองเป็นอีกยี่ห้อที่มีส่วนผสมที่ต่างจากวัคซีนเข็มแรก ซึ่งสาเหตุที่แพ้วัคซีนชนิดรุนแรงมักเกิดจากส่วนประกอบที่มีอยู่ในวัคซีน ที่พบบ่อยคือ Polyehtylene glycon (PEG) ซึ่งวัคซีน/ยาที่มีส่วนประกอบของ PEG ได้แก่ วัคซีนชนิด mRNA vaccine (Pfizer หรือ Moderna) ยาฉีด methylprednisolone ยาคุมชนิดฉีด (Depo-Provera) ยาระบาย miralax หากมีประวัติแพ้รุนแรงต่อกลุ่มนี้ อาจให้วัคซีนกลุ่มอื่น เช่น Sinovac vaccine เพราะไม่มีส่วนผสมเหล่านี้อยู่ อีกส่วนประกอบอื่นในวัคซีนที่อาจแพ้ คือ polysorbate ซึ่งมีรูปร่างคล้าย PEG ทำให้อาจพบการแพ้ร่วมกันได้ (cross-reactivity) ซึ่งวัคซีนที่มีส่วนประกอบของ polysorbate ได้แก่ ตับอักเสบ ไข้หวัดใหญ่ วัคซีนปอดบวม วัคซีนโควิด -19 ของ AstraZeneca, Sputnik-V, Johnson & Johnson

หากพบว่ามีอาการรุนแรงหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 ควรรีบพบแพทย์ทันที หรือรับคำปรึกษาได้ที่ศูนย์ข้อมูลวัคซีนโควิด-19 โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โทร. 1378 และสามารถติดตามบทความสุขภาพของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้ที่ https://www.bumrungrad.com/th/centers/covid19-vaccine-Information

รพ.นพเวช พร้อมให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน

โรงพยาบาลนวเวช เล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องการดูแลสุขภาพของคนในชุมชน และต้องการให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 จึงให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการเป็นศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชนที่ลงทะเบียนจองคิวผ่านระบบหมอพร้อมไว้ก่อนหน้านี้ โดยโรงพยาบาลได้เตรียมการบริการที่มีมาตรฐาน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ เตรียมความพร้อมของอาคารสถานที่ จุดคัดกรองก่อนการเข้ารับการบริการฉีดวัคซีน ห้องพักคอยเพื่อสังเกตอาการ และมีทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่เตรียมพร้อมตลอดเวลา หากประชาชนเกิดอาการไม่พึงประสงค์ หรือมีอาการภาวะฉุกเฉินอื่น ๆ โดยได้เริ่มให้บริการฉีดแล้วตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา

การเป็นศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในครั้งนี้ จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการบริการที่สะดวกมากขึ้น โดยโรงพยาบาลนวเวชหวังว่าศักยภาพที่มี จะช่วยทำให้การฉีดวัคซีนซึ่งเป็นวาระแห่งชาติสำเร็จตามเป้าหมายที่รัฐวางไว้ สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย และทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตโควิด

สำหรับประชาชนที่ต้องการฉีดวัคซีนโควิด-19 กับโรงพยาบาลนวเวช สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2483 9999 หรือ www.navavej.com

TPS มอบเครื่องช่วยหายใจให้รพ.มหาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

บริษัท เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TPS ร่วมกับโรงเรียนดรุณสิกขาลัย (โครงการ วมว.รุ่นที่ 12) โดยการกำกับดูแลของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และผู้มีจิตศรัทธา มอบเครื่องช่วยหายใจ High Flow Oxygen Therapy จำนวน 4 เครื่อง พร้อมด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์และสิ่งของอุปโภคบริโภค ให้กับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (โรงพยาบาลสนาม) เพื่อช่วยสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่และเป็นกำลังใจให้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ในปัจจุบัน กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ณ รพ.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา 

สหพัฒน์ มอบผลิตภัณฑ์สนับสนุนสภากาชาดไทย

นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เป็นกลุ่มเปราะบางที่ควรได้รับความช่วยเหลือ ซึ่งลูกหลานที่ดูแลผู้สูงอายุกลุ่มนี้หลายคนประสบปัญหาเศรษฐกิจในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ขณะเดียวกัน ผู้สูงอายุหลายคนไม่มีแม้แต่ลูกหลานที่จะมาคอยดูแล ทางสหพัฒน์จึงได้ให้การสนับสนุนโครงการ “มอบธารน้ำใจสู่ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ทั่วประเทศ” ซึ่งสภากาชาดไทย ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดขึ้นเพื่อออกไปเยี่ยมบ้าน มอบสิ่งของ พร้อมให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่กลุ่มเปราะบางดังกล่าว

“สหพัฒน์ได้สนับสนุนโครงการมอบธารน้ำใจสู่ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ทั่วประเทศ โดยมอบผลิตภัณฑ์บะหมี่ซื่อสัตย์ จำนวน 300,060 ซอง และน้ำเต้าหู้โทฟุซัง จำนวน 50,400 กล่อง รวมมูลค่ากว่า 2.3 ล้านบาท ซึ่งสหพัฒน์คาดหวังว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้สูงวัยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และหวังว่ากิจกรรมนี้จะช่วยสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน มีความเอื้ออาทรต่อกัน และสร้างรอยยิ้มให้กับผู้ยากไร้ในสังคมไทย” นายบุญชัย กล่าว

ม.สงขลานครินทร์ ภูเก็ต ตั้งเป้าบุคลากร-นักศึกษา ฉีดครบสิ้น มิ.ย. นี้

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต เดินหน้าแก่บุคลากรและนักศึกษา ทั้งชาวไทยและต่างชาติ คาดฉีดครบภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2564 สนองนโยบายการเปิดจังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 

รองศาสตราจารย์ ดร.พันธ์ ทองชุมนุม รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต

รองศาสตราจารย์ ดร.พันธ์ ทองชุมนุม รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางวิทยาเขตภูเก็ต ถือเป็นวิทยาเขตนานาชาติ กำลังเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่บุคลากรและนักศึกษาอย่างเต็มที่ โดยตั้งเป้าจะฉีดให้ครบภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อรองรับนโยบายภาครัฐมีแผนเปิดจังหวัดภูเก็ต เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งภายในวันที่ กรกฎาคม 2564 โดย ณ วันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีบุคลากรของวิทยาเขตภูเก็ต ได้รับการฉีดวัคซีนครบ เข็มไปแล้วจำนวน 27% และรับวัคซีนเข็มแรกจำนวน 47% และอีก 21% อยู่ระหว่างการรอฉีดเข็มแรก ส่วนที่เหลืออีก 5% ไม่มีความประสงค์จะเข้ารับการฉีดวัคซีน   

ส่วนกลุ่มนักศึกษาชาวไทยและชาวต่างชาติที่ศึกษาในวิทยาเขตภูเก็ต ขณะนี้นักศึกษาไทย จำนวน 9.08 ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว และ 25% ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว ส่วนอีก 2% กำลังอยู่ระหว่างรอรับวัคซีนเข็มที่ 1 และ 8.19 % รอยืนยันวันฉีดเข็มที่ 1 โดยยังมีมีนักศึกษาไทยร้อยละ 43.76 ที่ยังไม่ลงทะเบียนรับวัคซีน ซึ่งทาง มอ.ตั้งเป้าว่าให้นักศึกษาได้รับการฉีดวัคซีนไม่น้อยกว่า 80% 

ขณะที่บุคลากรและนักศึกษาต่างชาตินั้นได้ดำเนินการให้กลุ่มบุคลากรต่างชาติเข้ารับการฉีดวัคซีนไปแล้วโดยต้องแนบใบอนุญาตทำงาน (work permit) ประกอบตามข้อกำหนด ส่วนกรณีของนักศึกษาต่างชาติเนื่องจากไม่มีใบอนุญาตทำงาน (work permit) ตามข้อกำหนด แต่ถือว่าเป็นบุคลากรในนามองค์กรของมหาวิทยาลัย ซึ่งขณะนี้ได้หารือกับผู้เกี่ยวข้องและอยู่ระหว่างรอปรับเงื่อนไขในระบบ ซึ่งปัจจุบันคงเหลือนักศึกษาต่างชาติของวิทยาเขตภูเก็ตจำนวน 11.97% ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน

“วิทยาเขตภูเก็ตได้แต่งตั้งกรรมการ ภายใต้โครงการ “ม.อ.ภูเก็ต วัคซีน 100%” เพื่อดูแลการเข้ารับวัคซีนของบุคลากรทุกกลุ่มให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ สำหรับนักศึกษา ปีการศึกษา 2564 โดยวิทยาเขตได้ประสานไปยังคณะต่างๆ เพื่อเชิญชวนนักศึกษาใหม่ทุกคนเข้าร่วมรับวัคซีนให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ หลังเตรียมเปิดจังหวัดภูเก็ตต้อนรับนักท่องเที่ยว ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564”  รองศาสตราจารย์ ดร.พันธ์ กล่าว

ทั้งนี้ ม.อ.ภูเก็ต ได้เร่งเชิญชวนและทำความเข้าใจให้กับประชาชนเร่งเข้ารับวัคซีน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด19 พร้อมทำความเข้าใจให้แก่ประชาชนเพื่อให้คลายความกังวลต่อผลข้างเคียง เนื่องจากวัคซีนทุกตัวล้วนมีผลข้างเคียงทั้งสิ้น  โดยผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ไม่ได้สูงกว่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ฉีดกันตามปกติตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ดังนั้น การฉีดวัคซีนโควิด-19 จะช่วยลดการติดเชื้อโควิด-19 และลดโอกาสการเสียชีวิตหากติดเชื้อขึ้นมาแล้ว ยังเป็นการลดการแพร่การระบาดของโรค และถือเป็นการร่วมรับผิดชอบต่อประเทศและมวลมนุษยชาติด้วย

TQM มอบถุงน้ำใจ-แจกประกันแพ้วัคซีน

บมจ.ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น โดยทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ (TQM) มอบถุงยังชีพให้แก่ชุมชนบริเวณใกล้เคียงบริษัท จำนวน 1,000 ชุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมเดินหน้าแจกประกันแพ้วัคซีนฟรีแก่คนไทยทั่วประเทศ หวังสร้างความสบายใจและสนับสนุนให้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดอย่างมั่นใจไร้กังวล

ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ทีคิวเอ็มเห็นถึงความเดือดร้อนของคนไทยที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ตามนโยบายในการดูแลและตอบแทนต่อสังคม จึงได้จัดทำถุงยังชีพซึ่งภายในถุงบรรจุด้วยสิ่งของเครื่องใช้ทั้งอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน อาทิ ข้าวสาร ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เจลแอลกอฮอล์ และหน้ากากอานามัย โดยได้จัดทำทั้งสิ้นจำนวน 1,000 ถุง เพื่อแจกจ่ายให้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงสำนักงานใหญ่ของบริษัท เพื่อหวังบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ บริษัท ฯ ยังได้ร่วมกับวัดลาดปลาเค้าในการเป็นศูนย์กลางเพื่อนำถุงยังชีพส่วนหนึ่งกระจายไปยังประชาชนในชุมชนที่อยู่ระแวกใกล้เคียงวัด

“ทีคิวเอ็ม ได้มีโอกาสบริจาคอาหารและของใช้สิ่งจำเป็น แม้จะเพียงเล็กน้อยแต่ก็มีค่ามากในยามนี้  เพียงแค่นี้ ผู้ที่มีโอกาสให้ก็มีความสุขแล้วครับ ต้องยอมรับว่าการระบาดโควิดรอบนี้ สร้างความยากลำบากทางเศรษฐกิจมากกระทบกันหมด ผู้ที่ยังมีงานทำ มีรายได้ แม้อาจจะน้อยลงบ้าง ก็ถือว่ายังดีมีอีกหลายๆ อาชีพ ที่ต้องตกงาน ว่างงาน และไม่รู้ว่าอีกนานเพียงใดที่จะกลับสู่ภาวะปกติ ในอีกด้านหนึ่งก็จะเห็นน้ำใจคนไทย ที่ช่วยเหลือกันทั้งการบริจาคเงิน อาหาร ของใช้ต่าง ๆ มากมาย โรงพยาบาล แพทย์ และบุคคลากรต่าง ๆ  เป็นหน่วยงานที่น่าเห็นใจที่สุด ทั้งเหนื่อยและเสี่ยงทุกวันที่ทำงาน จะ Work from home ก็ไม่ได้ ตราบใดที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นหลักพัน ต้องขอขอบคุณมาด้วยใจจริงครับ”

นอกจากนี้ ทีคิวเอ็มยังขานรับนโยบายการกระตุ้นให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 เพื่อให้คนไทยเกิดความสบายใจและมั่นใจก่อนเข้าฉีดวัคซีนด้วยการร่วมมือกับบริษัท เดอะ วัน อินชัวร์รันส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) มอบประกันภัยแพ้วัคซีนที่ให้ความคุ้มครองกรณีแพ้วัคซีนสูงสุด 100,000 บาท แก่คนไทยทั่วประเทศกว่า 1 ล้านสิทธิ์ โดยผู้ที่สนใจสามารถสมัครรับสิทธิ์ได้ฟรีที่เว็บไซต์ www.tqm.co.th