รพ.มะเร็งชีวามิตรา แนะผู้ป่วยมะเร็ง รับวัคซีนโควิด-19

โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระบุผู้ป่วยมะเร็ง กลุ่มผู้มีความเสี่ยงสูง อาจมีอาการรุนแรงได้มากกว่าคนที่ไม่มีโรคหรือไม่ได้เจ็บป่วย หากติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แนะรับวัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อตาย ปลอดภัยกว่าวัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิต อ้างอิงจากสมาคมมะเร็งสหรัฐอเมริกา เผยผู้ป่วยมะเร็งที่สิ้นสุดการรักษาแล้ว และผู้มีประวัติเป็นมะเร็ง รวมทั้งผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งสามารถรับวัคซีนได้ทันที แต่ผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังอยู่ในระหว่างการรักษา ควรปรึกษาแพทย์ผู้รักษาให้ช่วยกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรับวัคซีน โดยโรงพยาบาลพร้อมให้บริการวัคซีนโควิด-19 ทางเลือกให้กับผู้ป่วยมะเร็งให้ผู้ป่วยมะเร็งและบุคคลทั่วไปทันทีที่วัคซีนทางเลือกมาถึง

นายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา โรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางโรคมะเร็งแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งก่อตั้งโดยร่วมลงทุนระหว่าง บริษัท โมเดอร์นฟอร์ม เฮลท์แอนด์แคร์ จำกัด (มหาชน) “MHC” กับแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านมะเร็งรักษาและมะเร็งวิทยา เปิดเผยว่า นอกจากผู้สูงอายุและคนที่มีโรคประจำตัวจะเป็นประชาชนกลุ่มเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโรคโควิด-19 แล้ว กลุ่มผู้ป่วยมะเร็งรวมทั้งผู้มีประวัติเป็นโรคมะเร็งนับจัดเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเสี่ยงสูงที่หากติดเชื้ออาจมีอาการรุนแรง เนื่องจากโรคมะเร็งและกระบวนการดูแลและรักษาจะส่งผลต่อระบบภูมิต้านทานของร่างกายให้ต่ำลง และยังใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูนานกว่าผู้ป่วยโรคปกติทั่วไป ดังนั้นผู้ป่วยกลุ่มนี้จำเป็นต้องมีแนวทางปฏิบัติเพื่อการป้องกันและเพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัดด้วยการใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า การเว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร หลังใช้ห้องน้ำ หรือสัมผัสจุดเสี่ยงที่มีผู้อื่นใช้งานร่วมกัน หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น แออัด หรือพื้นที่ปิด และจำเป็นต้องรับวัคซีนโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายเป็นอีกแนวทางที่ผู้ป่วยมะเร็งควรได้รับ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ รวมทั้งเพื่อลดอาการรุนแรงของโรค กรณีที่มีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ลดอาการและลดอัตราการเสียชีวิตจากโรค

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสมาคมมะเร็งสหรัฐอเมริกา หรือ American Cancer Society ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวัคซีน  โควิด-19 สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง สามารถรับวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันได้ แต่มีปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบก่อนการตัดสินใจเลือกรับวัคซีนในหลายปัจจัย อาทิ ประเภทของวัคซีน ประเภทของมะเร็งที่ผู้ป่วยเป็น และผู้ป่วยกำลังอยู่ในช่วงของการรักษามะเร็งหรือไม่ รวมถึงระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยทำงานปกติหรือยัง และการเลือกประเภทของวัคซีน โดยการเลือกชนิดวัคซีนโควิด-19 ให้กับผู้ป่วยมะเร็งควรใช้วัคซีนชนิดเชื้อตาย เนื่องจากวัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิต หรือ Live attenuated vaccine อาจไม่ปลอดภัยสำหรับกลุ่มคนที่มีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอหรือบกพร่อง

ซึ่งผู้ป่วยมะเร็งจัดเป็นผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าว โดยผู้ป่วยมะเร็งที่สิ้นสุดการรักษาแล้ว สามารถรับวัคซีนโควิด-19 ได้ทันที ส่วนผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังอยู่ในกระบวนการของการรักษาโรค ควรรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้รักษาเพื่อช่วยกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรับวัคซีนของผู้ป่วยมะเร็งแต่ละรายก่อนรับวัคซีนโควิด-19 เพื่อลดความเสี่ยงของอาการข้างเคียงที่เกิดจากการรับวัคซีน

“อีกหนึ่งความกังวลที่มีครอบครัวผู้ป่วยมะเร็งที่ถามยังโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก คือ กลุ่มผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งสามารถรับวัคซีนโควิด-19 ได้หรือไม่ และควรรับวัคซีนประเภทใด ซึ่งสมาคมมะเร็งสหรัฐอเมริกาได้แนะนำว่า ผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งควรรับวัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อตายเช่นกัน และไม่แนะนำให้ผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งรับวัคซีนโควิด-19 ชนิดเชื้อมีชีวิตหรือ Live attenuated vaccine เนื่องจากอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยมะเร็งได้ โดยโรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตราพร้อมให้บริการวัคซีนโควิด-19 ทางเลือกให้กับผู้ป่วยมะเร็งของโรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้มีประวัติเคยเป็นมะเร็ง และบุคคลทั่วไป ทันทีที่ได้รับวัคซีนทางเลือก” นายแพทย์ธนุตม์ กล่าวทิ้งท้าย

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ทางเลือกที่โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรา www.chiwamitra.com

กลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู ร่วมส่งกำลังใจสู้โควิด-19

กลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู มูลนิธิว่องวานิช ครอบครัวว่องวานิช และ ครอบครัวโชคชัยณรงค์ ขออยู่เคียงข้างและเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ ที่ทำงานทุ่มเทเสียสละกันอย่างหนัก และเปรียบเสมือนด่านหน้าในการรับมือช่วยเหลือดูแลในสถานการณ์โควิด-19 ภายใต้การสวมใส่ชุด PPE ที่ทั้งหนาและร้อน ด้วยการมอบ “บอดี้สเปรย์เย็นตรางู” ช่วยบรรเทาความร้อนและเพิ่มความเย็นสดชื่นให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ในโรงพยาบาล หน่วยงาน และมูลนิธิต่างๆ ทั่วประเทศไทย ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อนำไปส่งต่อให้แก่ทีมแพทย์ รวมกว่า 100 หน่วยงาน มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท

อนุรุธ ว่องวานิช ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู เจ้าของสินค้าแบรนด์ตรางู

นายอนุรุธ ว่องวานิช ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู เจ้าของสินค้าแบรนด์ตรางู กล่าวว่า กลุ่มบริษัทอังกฤษตรางู ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่แสดงออกถึงการมีน้ำใจเอื้ออาทรแก่กันและกัน โดยการปลูกจิตสำนึกในเรื่อง การคิดดี ทำดี จึงได้ริเริ่มแนวคิดสู้ไปด้วยกันกับกลุ่มพันธมิตร มูลนิธิว่องวานิช ครอบครัวว่องวานิช และครอบครัวโชคชัยณรงค์ ที่มีเจตนารมณ์เดียวกัน ในการส่งกำลังใจร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อให้ประเทศไทยและคนไทยผ่านพ้นวิกฤตการแพร่ระบาดนี้ไปด้วยกัน เพราะทุกวิกฤต ย่อมมีโอกาสใหม่เกิดขึ้นเสมอ พร้อมขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยการมอบ ‘บอดี้สเปรย์เย็นตรางู’ เพื่อช่วยบรรเทาความร้อนและเพิ่มความเย็นสดชื่นภายใต้การสวมใส่ชุด PPE ขณะปฏิบัติหน้าที่ แทนคำขอบคุณในความเสียสละ และทุ่มเทของเหล่านักรบเสื้อขาวที่เป็นด่านหน้าในการรับมือต่อสู้กับวิกฤตโควิด-19 โดย บอดี้สเปรย์เย็นตรางู จะช่วยเติมความเย็นให้แก่ผิวทันทีหลังฉีด พร้อมช่วยลดอุณหภูมิได้ถึง 8 องศา ภายใน 60 วินาที และเย็นนานต่อเนื่องเกือบ 1 ชั่วโมง

เพื่อรอยยิ้มของบุคลากรทางการแพทย์และคนไทยที่จะกลับมาสดชื่นอีกครั้ง พวกเราพร้อมเป็นแรงใจก้าวไปด้วยกัน นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดทำคลิปวิดีโอเพื่อให้คนไทยใช้เป็นสื่อกลางในการร่วมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ผ่านทางเฟสบุ๊ค Snake Brand Fan Page หรือหากต้องการซื้อสเปรย์เย็นตรางูในราคาพิเศษเพื่อนำไปมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ Line OA: @snakebrandfamily

บอดี้สเปรย์เย็นตรางู
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและน
มูลนิธิดวงประทีป คลองเตย
โรงพยาบาลสนามกองทัพอากาศ (ดอนเมือง)
สถานที่กักกันโรคกองทัพอากาศ (ดอนเมือง)
สถาบันบําราศนราดูร 2

SCN มอบยาและชุด PPE ให้ทีมแพทย์

บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) โดย ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และบริษัทในเครือ บริษัท สแกน เมดิเฮิร์บ จำกัด โดย ณัฐชัย ประดิษฐ์วงศ์กูล กรรมการผู้จัดการ ได้เป็นแรงสำคัญที่เข้าช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของ Covid-19 ส่งมอบยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ได้แก่ ชุด Isolation Gown จำนวน 600 ชุด, ถุงคลุมขา จำนวน 400 ชิ้น, หมวกคลุมผม 1,000 ชิ้น, หน้ากากอนามัย 3,000 ชิ้น, ยาฟ้าทะลายโจร 600 เม็ด, สเปรย์แอลกอฮอล์ 100 ขวด, ยาอม 1,000 เม็ด, ยาธาตุน้ำขาว 100 ขวด, ยาแก้ไอ 100 ขวด, ยาลดไข้ 1,000 เม็ด, ยาดม 100 ชิ้น และอาหารกึ่งสำเร็จรูป 100 ถ้วย ให้กับเทศบาลท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เพื่อใช้สนับสนุนโรงพยาบาลสนามที่กำลังสร้างรองรับผู้ป่วย Covid-19

รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ รับมอบรถดูแลผู้ป่วยโควิด-19

เมื่อเร็วๆ นี้ ทาง บมจ. กรุงไทย คาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส (มหาชน) บริษัทรถเช่าชั้นนำ ผู้ให้บริการรถเช่าชั้นนำเล็งเห็นความสำคัญการสนับสนุนการบริการผู้ป่วยโควิด-19 ที่ประสบปัญหาการเดินทาง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน จึงได้ส่งรถตู้ 1 คันสนับสนุนการบริการผู้ป่วยโควิด-19 ของโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิเป็นการชั่วคราว เพื่อดูแลผู้ป่วยในฝั่งกรุงเทพตะวันออกและในพื้นที่ของสมุทรปราการ โดยมีผู้บริหารของทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยานและรับมอบรถตู้ ประกอบด้วย นายวีระเดช ล้อจิตรอำนวย ผู้จัดการแผนกการตลาดระยะยาว (Marketing Manager) บริษัท กรุงไทย คาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) (คนที่ 2 จากขวา), นายวินัย บัวคง หัวหน้างานการตลาดระยะยาว (Marketing Supervisor) บริษัท กรุงไทย คาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) (คนที่ 1 จากขวา), นพ.วรัญญ์ เทียนส่ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ในเครือรพ.พริ้นซ์ (PRINC) (คนที่ 2 จากซ้าย), นายธานี มณีนุตร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านงานพัฒนาธุรกิจ บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) (คนที่ 1 จากซ้าย)

อิมแพ็ค ส่งมอบน้ำกระชายอินทรีย์เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค

นางอัจฉราวรรณ ศุภางคะรัตน์ (กลาง) ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี พร้อมทีมพนักงานขาย ร่วมแสดงความห่วงใยไปถึงยังลูกค้ากลุ่มผู้จัดงาน ในสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้ไม่สามารถจัดงานหรือพบเจอกับลูกค้าได้เช่นปกติ ขอส่งมอบน้ำสมุนไพรกระชายอินทรีย์เพิ่มภูมิคุ้มกันโรคให้กับลูกค้ารวมกว่า 160 หน่วยงาน จำนวน 1,800 ขวด จากสรรพคุณทางยาที่จะช่วยดูแลสุขภาพให้ดีแล้ว น้ำกระชายอินทรีย์ของ อิมแพ็ค ยังรสชาติดี ดื่มง่าย แม้เป็นสมุนไพรวัตถุดิบกระชายและขิง ปลูกตามหลักเกษตรอินทรีย์ ปรุงโดยปราศจากวัตถุกันเสีย ไม่แต่งสีและกลิ่น เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพพร้อมมอบให้ลูกค้าคนสำคัญ

ศุภาลัย เปิดพื้นที่ให้บริการวัคซีนโควิด-19

บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) โดย นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ ร่วมมือกับ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 11 โรงพยาบาลลาดพร้าว และ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เปิดสถานที่อาคาร ศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ ถนนพระราม 3 เป็นหนึ่งในสถานที่ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนโควิด -19 แก่ประชาชนผู้ประกันตนในพื้นที่สำนักงานประกันสังคมพื้นที่ 11 รวมถึงพนักงานศุภาลัย ตลอดจนบริษัทผู้เช่าอาคารศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมรับผิดชอบต่อสังคมด้านความปลอดภัยจากโควิด-19 โดยมีนายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเเรงงาน ให้เกียรติลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีน

อาคารศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ เป็นอาคารสำนักงานซึ่งมีสถานที่ตั้งในเขตพื้นที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 11 มีความพร้อมด้านสถานที่ เนื่องจากมีพื้นที่ขนาดใหญ่พร้อมให้บริการ อีกทั้งมีมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเป็นระบบ โดยตระหนักถึงความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานในอาคาร และผู้มาติดต่ออย่างสูงสุด ที่ผ่านมาได้กำหนดมาตรการความปลอดภัยด้านชีวอนามัยอย่างเข้มงวด ทั้งการกำหนดมาตรการทำความสะอาดพื้นที่ภายในอาคาร ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ติดตั้งเจลล้างมือ ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายทุกคนก่อนเข้าอาคาร รวมทั้งบุคลากรที่ให้บริการในอาคารทุกคนได้ผ่านการฉีดวัคซีน โควิด-19 ทั้งนี้เพื่อเสริมความมั่นใจในการใช้บริการพื้นที่ของอาคารในศักยภาพมาตรการความปลอดภัยด้านสุขอนามัยระดับสูง

SISB ช่วยผู้ปกครองช่วงโควิด-19 ตรึงค่าเทอม 1 ปี

SISB ประกาศตรึงค่าเทอมหนึ่งปีเริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคม 64 เพื่อแสดงสปิริตบรรเทาผลกระทบผู้ปกครอง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ พร้อมปรับรูปแบบการเรียนการสอนผ่านออนไลน์แทน จนถึงวันที่ 30 มิ.ย.64

นายยิว ฮอค โคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่ยังไม่เห็นสัญญาณลดลงอย่างชัดเจน  เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบต่อผู้ปกครอง SISB จะไม่มีการปรับขึ้นค่าเทอมสำหรับปีการศึกษาถัดไป (ปีการศึกษา 2564/2565) เป็นเวลา 1 ปี โดยจะตรึงค่าเทอมไว้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 เป็นต้นไป

นอกจากนี้ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และความต่อเนื่องทางการศึกษา SISB จะยังคงทำการเรียนการสอนผ่านออนไลน์ไปจนจบปีการศึกษา 2563/2564 ซึ่งมีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย. 2564 นี้  หลังจากนั้นจะมีการประเมินสถานการณ์เป็นระยะ เพื่อรอให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลาย ก่อนกลับมาเปิดการเรียนการสอนในรูปแบบปกติ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการขยายกิจการ “โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ธนบุรี” Phase II แม้จะเกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จทันตามกำหนดเวลา และสามารถเปิดรับนักเรียนเพิ่มได้ในช่วงเดือนสิงหาคม 2564 ตามแผนงานที่วางไว้ ซึ่งจะเพิ่มความสามารถในการรองรับนักเรียนเต็มที่เพิ่มขึ้นอีก 600 คน ส่งผลให้ภาพรวมกลุ่มบริษัทฯ สามารถรองรับนักเรียนได้กว่า 4,500 คน

ส่วนความคืบหน้าการก่สอร้างโรงเรียนในจังหวัดนนทบุรี บนที่ดิน 14.8 ไร่ ได้มีการทำพิธีลงเสาเข็มก่อสร้าง ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2564  ที่ผ่านมา ซึ่งการก่อสร้างแบ่งเป็นสองเฟส ในเฟสแรกสำหรับระดับเนอสเซอรี่-อนุบาล ถึงระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษาจะเป็นการก่อสร้างเฟสที่สอง คาดว่าเฟสแรกจะพร้อมเปิดให้บริการภายในเดือนสิงหาคม 2565

อาคารซันทาวเวอร์ส เปิดศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อผู้ประกันตน ม.33

สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2 เปิดศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่อาคารซันทาวเวอร์ส เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 โดยได้รับความร่วมมือจากสิงห์ เอสเตท โรงพยาบาลเปาโล เกษตร เริ่มให้บริการตั้งแต่วันนี้

ทั้งนี้ ศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่อาคารซันทาวเวอร์ส เป็นหนึ่งใน 45 จุด ทั่วกรุงเทพมหานคร ภายใต้โครงการของกระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคม ในการเร่งการกระจายวัคซีนเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดย นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บ.สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เผยว่า ภายหลังอาคารซันทาวเวอร์สได้รับเลือกจากสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ให้เป็นหนึ่งในจุดฉีดวัคซีนสำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 ทางสิงห์ เอสเตท ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนับสนุนภาครัฐในการแก้ไขปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในครั้งนี้ โดยได้จัดเตรียมสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนไว้ตามมาตรฐานซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโรงพยาบาลเปาโล เกษตร แบ่งพื้นที่ให้บริการตามมาตรฐานศูนย์ฉีดวัคซีน ทั้งพื้นที่ลงทะเบียน พื้นที่เตรียมวัคซีน จุดให้คำปรึกษาจากแพทย์ พื้นที่ฉีดวัคซีน พื้นที่สำหรับสังเกตอาการ รวมถึงห้องฉุกเฉิน ซึ่งสามารถรองรับผู้ประกันตนที่มาฉีดวัคซีนได้จำนวน 2,000 ต่อวัน นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญด้านการเว้นระยะห่าง การบริหารพื้นที่ไม่ให้แออัด และปฏิบัติตามมาตรฐานด้านการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด สามารถเชื่อมั่นในความปลอดภัยสูงสุด

โรงพยาบาลเปาโล เกษตร ยังสนับสนุนด้านบุคลากรด้านการแพทย์ที่มาให้บริการฉีดวัคซีน  รวมถึงในกรณีที่มีผู้ป่วยจากการแพ้วัคซีนที่รุนแรง หรือภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์อื่นๆ นอกจากนี้ยังจัดเตรียมห้องพยาบาลที่มีอุปกรณ์ ยา และเวชภัณฑ์สำหรับการช่วยกู้ชีวิตขั้นสูง พร้อมทีมบุคลากรการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ด้าน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน, นายจำลอง ช่วยรอด คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน, นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน  เลขาธิการสํานักงานประกันสังคม, เรือเอกสาโรจน์ คมคาย ผู้อำนวยการกองกฎหมาย สํานักงานประกันสังคมรักษาราชการในตำแหน่งที่ปรึกษากระทรวง และคณะ ได้เดินทางมาเยี่ยมชมการดำเนินการของศูนย์ฉีดวัคซีนที่ซันทาวเวอร์ส และกล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ดำเนินการอย่างเต็มความสามารถ ในการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตน มาตรา 33 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด รวมทั้งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่แก่แรงงาน ให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อให้ภาคธุรกิจได้มีการขับเคลื่อนต่อไปได้โดยเร็ว

สำหรับผู้ประกันตนที่จะเข้ารับบริการฉีดวัคซีนที่ศูนย์ของสำนักงานประกันสังคม จะต้องแจ้งความประสงค์รับวัคซีนไว้กับฝ่ายบุคคลของสถานประกอบการต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และได้บันทึกลงระบบ e – service ของสำนักงานประกันสังคมไว้แล้ว โดยผู้ประกันตนมาตรา 33 จะได้รับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตามจุดบริการซึ่งสำนักงานประกันสังคมได้กำหนดจุดฉีดวัคซีนไว้ทั้งสิ้น 45 แห่งทั่วกรุงเทพมหานคร โดยที่อาคารซันทาวเวอร์ส ให้บริการตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน –26 มิถุนายน 2564 ซึ่งนับเป็นการผนึกกำลังของภาคเอกชนที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนภารกิจของภาครัฐ เพื่อกระจายวัคซีนโควิด 19 ไปยังประชาชนอย่างทั่วถึง และรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยนำพาประเทศชาติให้ก้าวผ่านวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกัน

ไลอ้อน แนะนำ “เปา ซิลเวอร์ นาโน เอ็กซ์เพิร์ท” ฆ่าเชื้อไวรัส COVID-19

บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อคนไทย ขอแนะนำ ผงซักฟอกเปา ซิลเวอร์ นาโน เอ็กซ์เพิร์ท ให้พลังซักสะอาด พิสูจน์แล้ว ฆ่าเชื้อไวรัส COVID-19 ได้ 99.99% และยับยั้งแบคทีเรีย* ลดกลิ่นอับ ไม่ง้อแดด มั่นใจในทุกสถานการณ์ ให้เสื้อผ้าสะอาดแบบมีอนามัยทุกการสวมใส่ มีให้เลือก 3 สูตร ได้แก่ ผงซักฟอกเปา ซิลเวอร์ นาโน เอ็กซ์เพิร์ท สูตรเข้มข้น สำหรับซักมือ และ เครื่องฝาบน, ผงซักฟอกเปา ซิลเวอร์ นาโน เอ็กซ์เพิร์ท ซอฟท์ ผสมสารปรับผ้านุ่ม ให้ผ้านุ่มหอมในขั้นตอนเดียว และ ผงซักฟอกเปา ซิลเวอร์ นาโน เอ็กซ์เพิร์ท สำหรับซักเครื่องฝาหน้า ให้ปริมาณฟองพอเหมาะ ทุกสูตรมาพร้อมเทคโนโลยีความหอมนานต่อเนื่องทุกครั้งที่สัมผัส *ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการฆ่าเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ได้มากกว่า 99.99% จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการในประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือน ธันวาคม 2563 และผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย S.aureus และ E.coli ได้ 99.9% ในห้องปฏิบัติการทดสอบในประเทศไทย เมื่อเดือน กันยายน 2563

ผงซักฟอกเปา ซิลเวอร์ นาโน เอ็กซ์เพิร์ท สูตรเข้มข้น หาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าทั่วไป หรือสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ Lion Shop Online, LINE Official Account @lionfamily, Lazada, Shopee และ JD Central สามารถติดตามรายละเอียดรวมทั้งกิจกรรมต่างๆ ของไลอ้อนเพิ่มเติมได้ทาง FB : LionFamilyThailand, PaoSilverNanoThailand และ www.lion.co.th

ไทยออยล์ จัดโครงการส่งพลังงาน สร้างพลังใจ ฝ่าวิกฤติโควิด-19

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงยืดเยื้อและทวีความรุนแรงมากขึ้น จนส่งผลกระทบต่อทั้งภาคเศรษฐกิจ สังคม ประชาชนคนทั่วไป ผู้ประกอบกิจการ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ ที่เป็นหน้าด่านสำคัญในการช่วยบรรเทาวิกฤตินี้มาโดยตลอด วัคซีนโควิด-19 จึงเป็นความหวังที่จะช่วยลดความรุนแรงและลดโอกาสการเสียชีวิตได้ และเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยให้คนไทยสามารถกลับมาใช้ชีวิตและฟื้นคืนเศรษฐกิจให้กลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง

ไทยออยล์ ในฐานะองค์กรที่อยู่คู่คนไทยและร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยการสร้างความมั่นคงทางพลังงานมาตลอด 60 ปี ได้เล็งเห็นถึงภาระอันยิ่งใหญ่ของหน่วยงานทางการแพทย์และโรงพยาบาล ที่นอกจากจะต้องทุ่มเทในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 มาโดยตลอดแล้ว ยังต้องระดมสรรพกำลังเพื่อให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด รวมถึงการตรวจคัดกรองเชิงรุก และงานสาธารณสุขอื่นๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้นในวิกฤตการณ์ระลอกใหม่นี้ ซึ่งล้วนแต่ต้องมีการเดินทางของบุคลากร การขนส่งหรือเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งภาระค่าใช้จ่ายที่หลายหน่วยงานต้องแบกรับ ไทยออยล์จึงเร่งดำเนินการเข้าช่วยเหลือเพื่อแบ่งเบาภาระเหล่านี้ ภายใต้ โครงการส่งพลังงาน สร้างพลังใจ ช่วยคนไทยฝ่าวิกฤติโควิด-19 ด้วยการสนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิงรวมถึงเคมีภัณฑ์เพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรค ที่เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพและได้มาตรฐานจากโรงกลั่นไทยออยล์ เพื่อสนับสนุนภารกิจในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วไป

นอกจากนี้ โครงการส่งพลังงาน สร้างพลังใจ โดยไทยออยล์ยังเข้าร่วมสนับสนุนระบบบริหารและจัดการศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนในพื้นที่เทศบาลนครแหลมฉบังและศรีราชา ณ ศาลาประชาคมอ่าวอุดม จังหวัดชลบุรี เพื่อให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ทั้งนี้ มูลค่าการสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือ ภายใต้ โครงการส่งพลังงาน สร้างพลังใจ รวมทั้งสิ้นกว่า 8,500,000 บาท

ยวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมากในประเทศไทย ส่งผลให้หน่วยงานต่างๆ ต้องเร่งทำงานเชิงรุก ทั้งการรักษาพยาบาล และเร่งสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัคซีนให้รวดเร็วและทั่วถึง ไทยออยล์ตระหนักถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนให้เกิดการกระจายและเข้าถึงวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นที่มาของโครงการ “ส่งพลังงาน สร้างพลังใจ” เรามีความตั้งใจที่ช่วยเหลือสังคมในภาวะวิกฤตนี้ ด้วยการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของไทยออยล์ ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง และเคมีภัณฑ์น้ำยาฆ่าเชื้อโรค และเจลแอลกอฮอล์ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เชื่อมโยงความห่วงใยและความปลอดภัยสู่บุคลากรทางการแพทย์ ประชาชน และชุมชนรอบโรงกลั่นของไทยออยล์ โดยเราเชื่อมั่นว่าในไม่ช้าคนไทยทุกคนจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตินี้ได้อย่างราบรื่นและสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุขอีกครั้ง”

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่าหนึ่งปี ตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกแรก จนถึงปัจจุบัน ไทยออยล์มีความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือสังคมผ่านโครงการต่างๆ มาโดยตลอด อาทิ ส่งมอบเครื่องออกซิเจน ไฮโฟลว์ ส่งมอบหน้ากากป้องกันใบหน้า (Face Shield) ชุด PPE เจลแอลกอฮอล์ ถุงกำลังใจให้กับโรงพยาบาลและรอบชุมชนโรงกลั่น, และอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ ที่จำเป็น โดยยังคงเดินหน้าสานต่อการสนับสนุนด้วยทรัพยากรและศักยภาพที่มีอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งรวมมูลค่าการสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด มีมูลค่าเกือบ 30,000,000 บาท และเรายังคงมุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนต่อไป โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าไทยออยล์จะเป็นหนึ่งพลังใจที่จะส่งต่อไปให้คนไทยก้าวผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน