พรุ่งนี้ (11 ส.ค.) เปิดลงทะเบียนรับจัดสรรวัคซีนซิโนฟาร์ม สำหรับบุคคลธรรมดา รอบ 3

ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ แจ้งกำหนดการเปิดลงทะเบียนขอรับการจัดสรรวัคซีน “ซิโนฟาร์ม” สำหรับ “บุคคลธรรมดา” รอบ 3 จำนวน 100,000 ราย ในวันพุธที่ 11 สิงหาคม 2564
• เวลา 08.18 น. เปิดระบบลงทะเบียน
• เวลา 14.00 น. เปิดระบบการจองวัคซีนสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนสำเร็จ

ทั้งนี้ ผู้ที่ลงทะเบียนสำเร็จในรอบที่ 3 สามารถเข้ามาดำเนินการจองวัคซีน เลือกโรงพยาบาล เลือกวันนัดฉีดและโอนเงินให้เสร็จสิ้นได้ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม เวลา 14.00 น. ถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2564 เวลา 18.00 น. หากไม่ได้เข้ามาดำเนินการตามวันที่กำหนดระบบจะลบข้อมูลท่านออกจากการลงทะเบียนโดยอัตโนมัติ และท่านต้องลงทะเบียนใหม่อีกครั้ง หากประสงค์ขอรับการจัดสรรในครั้งต่อไป

ลงทะเบียนขอรับการจัดสรรวัคซีนซิโนฟาร์มสำหรับบุคคลธรรมดาได้ 2 ช่องทาง
1) เว็บไซด์ https://sinopharm.cra.ac.th
2) แอปพลิเคชั่น CRA SINOP ทั้งระบบ iOS และ Android
‼อย่าลืมอัปเดตแอปเป็นเวอร์ชันล่าสุด
หมายเหตุ: อัตราค่าวัคซีนซิโนฟาร์ม 2 โดสต่อคน 1,554 บาท (โดสละ 777 บาท) โดยทุกๆ 2 โดส ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะบริจาคสมทบครึ่งโดสให้กับผู้ด้อยโอกาส

เงื่อนไขการลงทะเบียนจองวัคซีน

  • ขอสงวนสิทธิ์เฉพาะสำหรับประชาชนที่ยังไม่เคยรับวัคซีนเข็มแรกและพร้อมเข้าฉีดวัคซีนได้ทันทีเท่านั้น
  • ‼ลงทะเบียนจองวัคซีนด้วยเลขที่บัตรประชาชนของผู้ที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนเท่านั้น คนต่างชาติ ใช้เลขที่หนังสือเดินทาง หรือเลขที่บัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย
  • ภายหลังจากชำระเงินค่าวัคซีนเรียบร้อยแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนสิทธิ์ให้ผู้อื่นได้ทุกกรณี
  • เลือกวันเข้ารับการฉีดในโรงพยาบาลที่กำหนดได้ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. – 5 ก.ย. 2564

โรงพยาบาลที่เข้าร่วมให้บริการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มสำหรับบุคคลธรรมดา ตามภาคต่างๆ ดังนี้

กรุงเทพและปริมณฑล
• โรงพยาบาลจุฬาภรณ์
• โรงพยาบาลปิยะเวท
• โรงพยาบาลพญาไท 3
• โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์
• โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์
• โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต
• โรงพยาบาลอินเตอร์เมด
• โรงพยาบาลกรุงเทพ
• โรงพยาบาลวิชัยเวช แยกไฟฉาย
• โรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล หนองแขม
• โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ
• โรงพยาบาลเทพธารินทร์
• โรงพยาบาลบางปะกอก 1
• โรงพยาบาลเวชธานี
• โรงพยาบาลมิชชั่น
• โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ สมุทรปราการ
• โรงพยาบาลแพทย์รังสิต ปทุมธานี
• โรงพยาบาลเอกชัย สมุทรสาคร
• โรงพยาบาล อินเตอร์กำแพงแสน นครปฐม
• โรงพยาบาลกรุงเทพสนามจันทร์ นครปฐม
• โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ นนทบุรี
• โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ สมุทรปราการ

ภาคกลาง
• โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์
• โรงพยาบาลมิตรภาพเมโมเรียล จ.สระบุรี
• โรงพยาบาลเอกชนเมืองกำแพง จ.กำแพงเพชร
• โรงพยาบาลพริ้นซ์ จ.อุทัยธานี
• โรงพยาบาลพิษณุเวช จ.พิจิตร
• โรงพยาบาลเพชรรัตน์ จ.เพชรบูรณ์
• โรงพยาบาล ศรีสุโข จ.พิจิตร
• โรงพยาบาลศรีสวรรค์ จ.นครสวรรค์
• โรงพยาบาลเมืองนารายณ์ จ.ลพบุรี
• โรงพยาบาลมหาชัยแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม
• โรงพยาบาลศุภมิตร จ.สุพรรณบุรี
• โรงพยาบาลพิษณุเวช จ.พิษณุโลก
• โรงพยาบาลรวมแพทย์ จ.พิษณุโลก
• โรงพยาบาลรวมแพทย์ จ.ชัยนาท
• โรงพยาบาลพีรเวช จ.พระนครศรีอยุธยา

ภาคใต้
• โรงพยาบาลกรุงเทพหาดใหญ่ จ.สงขลา
• โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ จ.นราธิวาส
• โรงพยาบาลสงขลา
• โรงพยาบาลสิโรรส จ.ยะลา
• โรงพยาบาล รวมแพทย์ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช
• โรงพยาบาลนครินทร์ จ.นครศรีธรรมราช
• โรงพยาบาลนครคริสเตียน จ.นครศรีธรรมราช
• โรงพยาบาลวิรัชศิลป์ จ.ชุมพร
• โรงพยาบาลราษฎร์ยินดี หาดใหญ่ จ.สงขลา
• โรงพยาบาล วัฒนแพทย์อ่าวนาง จ.กระบี่
• โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ จ.ตรัง
• โรงพยาบาลโรคผิวหนังเขตร้อนภาคใต้ จ.ตรัง
• โรงพยาบาลควนขนุน จ.พัทลุง
• โรงพยาบาลมิชชั่น จ.ภูเก็ต
• โรงพยาบาลควนโดน จ.สตูล

ภาคอีสาน
• โรงพยาบาลกรุงเทพอุดร จ.อุดรธานี
• โรงพยาบาลนอร์ทอีสเทอร์น-วัฒนา จ.อุดรธานี
• โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จ.นครราชสีมา
• โรงพยาบาลปากช่องนานา จ.นครราชสีมา
• โรงพยาบาลเซ็นเมรี่ จ.นครราชสีมา
• โรงพยาบาลสีคิ้ว จ.นครราชสีมา
• โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี
• โรงพยาบาลโขงเจียม อุบลราชธานี
• โรงพยาบาลขอนแก่น ราม จ.ขอนแก่น
• โรงพยาบาลกรุงเทพขอนแก่น
• โรงพยาบาลเมืองเลยราม จ.เลย
• โรงพยาบาลพริ้นซ์ จ.ศรีสะเกษ
• โรงพยาบาลชัยภูมิ
• โรงพยาบาลสุรินทร์รวมแพทย์ จ.สุรินทร์
• โรงพยาบาลรวมแพทย์ (หมออนันต์) จ.สุรินทร์
• โรงพยาบาลหนองคาย-วัฒนา จ.หนองคาย
• โรงพยาบาลบุรีรัมย์ราม จ.บุรีรัมย์
• โรงพยาบาลรักษ์สกล จ.สกลนคร
• โรงพยาบาลรวมแพทย์ จ.หนองคาย
• โรงพยาบาลนาแก จ.นครพนม
• โรงพยาบาลร้อยเอ็ดธนบุรี จ.ร้อยเอ็ด
• โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล จ.มุกดาหาร
• โรงพยาบาลกาฬสินธุ์-ธนบุรี จ.กาฬสินธุ์

ภาคตะวันออก
• โรงพยาบาลชลบุรี
• โรงพยาบาลปิยะเวชช์ บ่อวิน จ.ชลบุรี
• โรงพยาบาลจุฬารัตน์ระยอง
• โรงพยาบาลสิริเวช จันทบุรี
• โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 จ.ฉะเชิงเทรา
• โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี

ภาคเหนือ
• โรงพยาบาลเชียงใหม่ใกล้หมอ จ.เชียงใหม่
• โรงพยาบาลลานนา จ.เชียงใหม่
• โรงพยาบาลเชียงใหม่เมดิคอลเซ็นเตอร์
• โรงพยาบาลพริ้นซ์ จ.ลำพูน
• โรงพยาบาลลำพูนใกล้หมอ จ.ลำพูน
• โรงพยาบาลพิษณุเวช จ.อุตรดิตถ์
• โรงพยาบาลเขลางค์นคร-ราม จ.ลำปาง
• โรงพยาบาลแพร่-ราม จ.แพร่
• โรงพยาบาลพะเยา ราม จ.พะเยา
• โรงพยาบาลน่าน จ.น่าน

ภาคตะวันตก
• โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์
• โรงพยาบาลมหาชัยเพชรรัชต์ จ.เพชรบุรี
• โรงพยาบาลกรุงเทพเมืองราช จ.ราชบุรี
• โรงพยาบาลสินแพทย์กาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี
• โรงพยาบาลนครแม่สอด อินเตอร์เนชั่นแนล จ.ตาก

ผู้จองวัคซีนชำระค่าบริการฉีด ณ โรงพยาบาลโดยตรง

ศุกร์นี้ (13 ส.ค.) เปิดลงทะเบียนรับจัดสรรวัคซีนซิโนฟาร์ม ระยะที่ 2 สำหรับองค์กร/นิติบุคคล

ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ แจ้งกำหนดเปิดลงทะเบียนขอรับการจัดสรรวัคซีนตัวเลือก “ซิโนฟาร์ม” ระยะที่ 2 สำหรับองค์กร/นิติบุคคล ครั้งที่ 2 สำหรับกลุ่มนิติบุคคลขนาดย่อม (SMEs)

กำหนดการยื่นขอรับการจัดสรรวัคซีนตัวเลือก “ซิโนฟาร์ม” ระยะที่ 2 สำหรับองค์กรและหน่วยงาน ครั้งที่ 2 สำหรับนิติบุคคลขนาดย่อมที่ต้องการยื่นขอรับการจัดสรรวัคซีนให้กับกลุ่มบุคคลได้ทุกประเภท ทั้งพนักงาน ครอบครัวพนักงาน แรงงานต่างชาติ ตั้งแต่ 10 – 100 ราย จำนวน 550 บริษัท หรือ 50,000 ราย

เปิดรับวันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม 2564 เวลา 09.19 น. (จนกว่าจะเต็มจำนวน 550 บริษัท หรือ 50,000 รายอย่างใดอย่างหนึ่ง)

ยื่นขอรับการจัดสรรผ่านระบบออนไลน์ https://vaccine.cra.ac.th
เลือกเมนู “ยื่นความประสงค์ขอรับการจัดสรรวัคซีนสำหรับองค์กรและหน่วยงาน” เท่านั้น

ประกาศแจ้งองค์กรที่ได้รับการจัดสรรในวันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม 2564 ผ่านทางอีเมลผู้บริหารสูงสุดขององค์กร โดยองค์กรที่ได้รับการจัดสรรจะได้รับอีเมลแจ้งรหัสล็อกอินเข้าระบบผ่านเมนู “2 ลงทะเบียนองค์กรผู้ได้รับการจัดสรรวัคซีน” เพื่อทราบจำนวนวัคซีนที่ได้รับการจัดสรร และวิธีการโอนเงิน

ทั้งนี้ กรุณาโอนเงินค่าวัคซีนเต็มจำนวน (รวมจำนวนวัคซีนที่บริจาค) ภายในวันที่ 18 สิงหาคม 2564 เวลา 18.00 น. หากไม่สามารถเข้ามาดำเนินการตามเวลากำหนดได้ระบบจะลบข้อมูลและชื่อองค์กรท่านออกจากระบบการลงทะเบียนโดยอัตโนมัติ เพื่อจะนำจำนวนวัคซีนนั้นไปจัดสรรให้ผู้อื่นต่อไป และหากท่านมีความประสงค์จะลงทะเบียนเพื่อขอจัดสรรใหม่หรือเพิ่มเติม ท่านต้องเข้ามาลงทะเบียนใหม่ในการจัดสรรครั้งต่อๆไป

กำหนดช่วงเวลาการเข้าฉีดวัคซีนกับสถานพยาบาล ตั้งแต่ 25 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป ภายหลังจากที่องค์กรได้รับการจัดสรรและโอนเงินเรียบร้อย และได้รับการตรวจสอบยืนยันแล้ว องค์กรต้องประสานเลือกสถานพยาบาลในระบบ (ตรวจสอบรายชื่อโรงพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนให้บริการในพื้นที่จังหวัดของสถานประกอบการ >> https://www.chulabhornhospital.com/page.php?name=1529) เพื่อลงนามข้อตกลง 3 ฝ่าย(ระหว่างองค์กร สถานพยาบาลและราชวิทยาลัย) ผ่านระบบออนไลน์ และนัดหมายวันฉีด ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะจัดส่งวัคซีนไปยังสถานพยาบาลปลายทางที่องค์กรเลือกเข้ารับบริการล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วันก่อนถึงวันนัดฉีดวัคซีน

ทั้งนี้ องค์กรจะต้องเตรียมรายชื่อบุคคลที่จะเข้ารับวัคซีนและอัพโหลดเข้าระบบให้เรียบร้อยสองวันก่อนวันกำหนดฉีด(องค์กรไม่สามารถเปลี่ยนชื่อและจำนวนบุคลากรหรือย้ายที่ฉีดได้ในช่วงเวลาสองวันก่อนและหลังวันฉีดด้วยเหตุผลเรื่องการประกันและการจัดส่งวัคซีน)

หมายเหตุ: ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จะเปิดให้องค์กรยื่นความประสงค์ขอรับการจัดสรรวัคซีนซิโนฟาร์มทุกวันศุกร์ (จำนวนการประกาศรับลงทะเบียนแต่ละรอบ ขื้นอยู่กับจำนวนโควต้าวัคซีนที่มีในแต่ละสัปดาห์)

 

วันนี้ (10 ส.ค) ประกันสังคม เตรียมเสนอ ครม. เยียวยากลุ่มตกหล่น รับสิทธิ์ 5,000 บาท

รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ (10 ส.ค.64) เป็นการประชุม ผ่านระบบ Video Conference  โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ซึ่งมีวาระสำคัญคือ สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาจ่ายเงินเยียวยาให้กับกลุ่มอาชีพอิสระ ในพื้นที่ 13 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ตกหล่น ยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 เพื่อให้สามารถโอนเงินเยียวยา 5,000 บาท ได้ในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ต่อไป

ยอดโควิด-19 วันนี้ ผู้ติดเชื้อเพิ่ม 19,843 ราย

ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันอังคารที่ 10 สิงหาคม 2564 รวม 19,843 ราย จำแนกเป็น ผู้ติดเชื้อใหม่ 19,445 ราย ผู้ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 398 ราย
ผู้ป่วยสะสม 767,088 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้หายป่วยกลับบ้าน 22,806 ราย ผู้หายป่วยสะสม 550,714 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 211,223 ราย ผู้เสียชีวิต 235 ราย

แม็คโคร ส่งมอบอาหารจากครัวปันอิ่มแก่ผู้รับผลกระทบโควิด-19

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)  ผนึกมูลนิธิดวงประทีป และพันธมิตรจิตอาสา ภาคประชาสังคม ร่วมส่งมอบมื้ออาหารจากโครงการครัวปันอิ่ม  ให้ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19  รวมถึงต่อลมหายใจให้ผู้ประกอบร้านอาหารรายย่อย หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดยังน่าห่วง

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่นนี้ มีหลายส่วนของสังคมที่มีความต้องการอาหารเพิ่มขึ้น เนื่องจากอยู่ในภาวะกักตัว  เป็นผู้รักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation)  เป็นผู้ว่างงาน ผู้คนขาดรายได้ในการดำรงชีวิต แม็คโครจึงได้ร่วมกับ มูลนิธิดวงประทีป พันธมิตรจิตอาสา ภาคประชาคม ในพื้นที่ต่างๆ  ส่งมอบอาหารสู่ชุมชนที่กำลังเดือดร้อนทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภายใต้โครงการ “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19”  ตลอดระยะเวลากว่า 2 เดือน

“ครั้งนี้นับเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญของหลายภาคส่วนที่มีเป้าหมายเดียวกันคือ บรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในหลายมิติ ทั้งการมอบมื้ออาหาร ปันความอิ่มให้แก่ผู้ที่อยู่ในภาวะกักตัว  ผู้ว่างงานขาดรายได้ มีความยากลำบากในการซื้ออาหารรับประทานที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ  และการสั่งอาหารกล่องเข้าร่วมโครงการจากผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก เพื่อต่อลมหายใจให้ธุรกิจเล็กๆ ธุรกิจเอสเอ็มอี จำนวนไม่น้อยได้มีกำลังในการต่อสู้กับวิกฤตที่เกิดขึ้นไปด้วยกัน”

ด้าน นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ หรือ ‘ครูประทีป’ ผู้ก่อตั้งและเลขาธิการมูลนิธิดวงประทีป  หนึ่งในพันธมิตรสำคัญ กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์ที่บ้านเมืองวิกฤต ที่มีผู้ติดโควิดเป็นจำนวนมาก  ต้องมีผู้ถูกกักตัวอยู่ในบ้าน มีผู้รักษาตัวที่บ้านเพิ่มขึ้น  ทำให้เรารู้ว่า อาหารเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยเหลือพวกเขาได้ ทุกวันนี้ในคลองเตยที่มีผู้อาศัยเป็นจำนวนมาก เรามีชุมชนอยู่ 45 ชุมชน ยังมีผู้คนหิวโหย ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ หลายบ้านที่ติดโควิดก็ออกไปไหนไม่ได้ อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ดิฉันคิดว่า โครงการนี้จะช่วยพวกเขาได้มาก นอกจากนี้โครงการยังสนับสนุนร้านค้าที่หมดทางทำมาหากิน ช่วยให้ผู้ประกอบการร้านอาหารได้เข้าร่วม นับเป็นการกู้วิกฤตในขณะนี้ได้เป็นอย่างดี”

ทั้งนี้ โครงการครัวปันอิ่มร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19 เกิดขึ้นโดยการระดมสรรพกำลังของกลุ่มธุรกิจในเครือซีพีและพันธมิตรหลายภาคส่วน ช่วยเหลือและให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน 40 ชุมชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ผ่านการส่งมอบอาหาร 2  ล้านกล่องตลอดระยะเวลา 2 เดือน

ผู้สูงอาย 60 ปีขึ้นไปที่ลงทะเบียนแล้ว รับวัคซีนได้ตามนัดหมาย เริ่มพรุ่งนี้ (10 ส.ค.)

เพจเฟซบุ๊กไทยร่วมใจกรุงเทพฯปลอดภัย แจ้งว่า หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร -หอการค้าไทย แจ้งให้ผู้สูงอาย 60 ปีขึ้นไป ที่จองคิวฉีดวัคซีนทางโทรศัพท์ เข้ารับการฉีดวัคซีนตามที่ได้นัดหมาย โดยรับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า  AstraZeneca เข็มที่ 1 ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนไทยร่วมใจฯ

สำหรับผู้ที่มีอายุ 18 -59 ปีที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีนไทยร่วมใจกรุงเทพฯปลอดภัยรอบวันที่ 7-26  ก.ค.64 ให้มาฉีดวัคซีนในวันที่ 10-14 ส.ค.64 โดยมีรายละเอียดคือ คิวฉีดเดิม 7-10 ก.ค. เปลี่ยนเป็นคิวฉีดใหม่วันอังคารที่ 10 ส.ค. คิวฉีดเดิม 11-14 ก.ค.เปลี่ยนเป็นคิวฉีดใหม่วันพุธที่ 11 ส.ค.คิวฉีดเดิม 15-18 ก.ค. เปลี่ยนเป็นคิวฉีดใหม่วันพฤหัสบดีที่ 12 ส.ค. คิวฉีดเดิม 19-22 ก.ค. เปลี่ยนเป็นคิวฉีดใหม่วันศุกร์ที่ 13 ส.ค. และคิวฉีดเดิม 23-26 ก.ค. เปลี่ยนเป็นคิวฉีดใหม่วันเสาร์ที่ 14 ส.ค. นี้ สามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนได้ที่ 25 จุด ตามที่ได้ลงทะเบียนไว้ในเวลาเดิม ส่วนผู้ที่มีคิวนัดหมายตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค. 64 เป็นต้นไป ระบบจะแจ้งคิวฉีดวัคซีนใหม่ให้ทราบทันทีเมื่อได้รับการจัดสรรวัคซีน

ยอดโควิด-19 วันนี้ ผู้ติดเชื้อเพิ่ม 19,603 ราย

ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม 2564 รวม 19,603 ราย จำแนกเป็น ผู้ติดเชื้อใหม่ 19,290 ราย ผู้ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 313 ราย ผู้ป่วยสะสม 747,245 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้หายป่วยกลับบ้าน 19,819 ราย ผู้หายป่วยสะสม 527,908 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 214,421 ราย ผู้เสียชีวิต 149 ราย

ยอดโควิด-19 วันนี้ ผู้ติดเชื้อเพิ่ม 19,983 ราย

ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม 2564 รวม 19,983 ราย จำแนกเป็น ผู้ติดเชื้อใหม่ 19,633 ราย ผู้ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 350 ราย ผู้ป่วยสะสม 727,642 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้หายป่วยกลับบ้าน 18,503 ราย ผู้หายป่วยสะสม 508,089 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน)ผู้ป่วยกำลังรักษา 214,786 ราย ผู้เสียชีวิต 138 ราย

กทม. ปรับแผนจัดตั้ง 6 หน่วยตรวจคัดกรองเชิงรุกโควิด-19 หลัก

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการปรับแผนจัดตั้งจุดให้บริการตรวจคัดกรองเชิงรุกโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกประชาชน และลดความสับสนในการเข้ารับบริการคัดกรองเชิงรุก กรุงเทพมหานครจะปรับแผนการจัดตั้งจุดตรวจคัดกรองเชิงรุกโควิด-19 ในพื้นที่ จากเดิมที่มีการออกหน่วยคัดกรองเชิงรุกกระจายหมุนเวียนให้บริการประชาชนตามจุดต่างๆ จะปรับการออกหน่วยให้บริการฯ โดยจะจัดตั้งเป็น 6 จุดคัดกรองหลัก ในพื้นที่ 6 กลุ่มเขต และจะให้บริการตั้งแต่วันพรุ่งนี้(7 ส.ค.64) เป็นต้นไป ประกอบด้วย

1.กลุ่มกรุงเทพกลาง ณ ลานกีฬาพัฒน์2 ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี ให้บริการ 500 คนต่อวัน จองคิววันต่อวันหน้าจุดตรวจตั้งแต่เวลา 06.30 น. โทร.0 2354 4212

2.กลุ่มกรุงเทพเหนือ ณ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ ให้บริการ 1,000 คนต่อวัน จองคิววันต่อวันหน้าจุดตรวจตั้งแต่เวลา 07.00 น. โทร.0 2982 2081-2

3.กลุ่มกรุงเทพตะวันออก ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เขตมีนบุรี ให้บริการ 700 คนต่อวัน จองคิววันต่อวันหน้าจุดตรวจตั้งแต่เวลา 06.00 น. โทร.0 2836 9999 ต่อ 3621,3622

4.กลุ่มกรุงเทพใต้ ณ ศูนย์สร้างสุขทุกวัย สวนลุมพินี เขตปทุมวัน ให้บริการ 500 คนต่อวัน จองคิวล่วงหน้า 1 วัน ผ่าน App “QueQ” ตั้งแต่เวลา 07.00 น. โทร.0 2214 1044

5.กลุ่มกรุงธนเหนือ ณ ใต้สะพานพระราม 8 เขตบางพลัด ให้บริการ 400 คนต่อวัน จองคิวล่วงหน้า 1 วัน ผ่าน App “QueQ” 200 คิว ตั้งแต่เวลา 08.00 น. และจองคิววันต่อวันหน้าจุดตรวจ 200 คิว ตั้งแต่เวลา 07.30 น. โทร.0 2424 0056 ต่อ 5657

และ 6.กลุ่มกรุงธนใต้ ณ ตลาดบางแคภิรมย์ เขตบางแค ให้บริการ 600 คนต่อวัน จองคิววันต่อวันหน้าจุดตรวจ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. โทร.0 2415 0157

สำหรับรูปแบบการตรวจคัดกรองจะใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ซึ่งสามารถรู้ผลภายใน 30 นาที โดยได้รับการรับรองจากทางการแพทย์ว่ามีความแม่นยำมากกว่า 90% หากมีผลตรวจเป็นลบสามารถกลับบ้านได้เลย แต่หากมีผลเป็นบวก คือ ติดเชื้อ หรือมีอาการน่าสงสัยจะส่งเข้ากระบวนการตรวจซ้ำด้วยวิธี RT-PCR ต่อ ณ จุดตรวจเดียวกัน พร้อมให้ฟ้าทะลายโจร หรือยาฟาวิพิราเวียร์ ตามดุลพินิจของแพทย์ ในกรณีที่อาการแย่ลงจะมีการประสานส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาลต่อไป ทั้งนี้ สิ่งที่ประชาชนต้องเตรียมมา ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชนพร้อมสำเนา ปากกาหมึกสีน้ำเงิน และขอความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันสุขอนามัยส่วนบุคคล (D-M-H-T-T-A) อย่างเคร่งครัด

 

 

กทม. ยกระดับมาตรการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 รับมือผู้ติดเชื้อรายใหม่

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุข ได้ประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทยว่าเดือน ส.ค.นี้จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด ในส่วนของกรุงเทพมหานครวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงถึง 4,000 กว่าราย ส่วนหนึ่งจากการเร่งค้นหาผู้ป่วยโดยกรุงเทพมหานครตรวจคัดกรองผู้ป่วยเชิงรุกอย่างต่อเนื่องและทั่วถึงยิ่งขึ้น ทั้งในส่วนของการตรวจ ณ สถานพยาบาล จุดตรวจเชิงรุก 6 จุด ใน 6 พื้นที่กลุ่มเขต รวมถึงการตรวจ ณ ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ และการลงพื้นที่ในชุมชนโดยทีม CCRT ของสำนักอนามัย อย่างไรก็ตามคาดว่าในช่วงเดือนส.ค.นี้ ขณะที่ รพ.ในกทม. ทุกแห่งเพิ่มศักยภาพเตียงเตรียมการรองรับผู้ป่วยระดับเหลืองและแดง รวมทั้งการเพิ่มศูนย์พักคอยให้ได้มากที่สุดทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ

สำหรับมาตรการรองรับผู้ติดเชื้อในขณะนี้ ศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ(Community Isolation : CI) ที่ดำเนินการโดยกรุงเทพมหานครมีทั้งหมดจำนวน 65 แห่ง เปิดให้บริการแล้ว 48 แห่ง จำนวนเตียงที่สามารถรองรับผู้ป่วย ได้ 8,625 เตียง โดยใช้ทั้งอาคารของภาครัฐ หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งได้ใช้อาคารของโรงเรียนเป็นศูนย์พักคอยหลายแห่ง อาทิ โรงเรียนวัดสุวรรณารามวิทยาคม เขตบางกอกน้อย และโรงเรียนบางยี่ขันวิทยาคม เขตบางพลัด และได้มีการยกระดับศูนย์พักคอย ให้เป็นกึ่งโรงพยาบาลสนาม หรือเป็น CI PLUS โดยติดตั้งอุปกรณ์ช่วยเหลือให้มากขึ้นเพื่อให้สามารถดูแลผู้ป่วยที่มีอาการ หรือผู้ป่วยสีเหลือง ได้ 7 แห่ง รองรับผู้ป่วย จำนวน 1,036 เตียง นอกจากนี้กรุงเทพมหานครยังได้รับความร่วมมือจากภาคประชาสังคมในการร่วมจัดตั้งศูนย์พักคอยในลักษณะ Semi-Community Isolation ขนาดเล็ก อีกจำนวน 19 แห่ง รับผู้ป่วยได้ 452 เตียง และศูนย์พักคอยซึ่งดูแลโดยชุมชนเอง 2 แห่ง ในพื้นที่กลุ่มเขตกรุงธนใต้ รองรับผู้ป่วยได้ 660 เตียง ซึ่งในอนาคตกรุงเทพมหานครจะขยายแนวคิดนี้ไปสู่ชุมชนอื่นที่มีความพร้อมต่อไป

อย่างไรก็ดี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เล็งเห็นว่าการระบาดในระลอกนี้ การแยกรักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation :HI) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สำคัญที่จะให้ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยได้ดูแลและรักษาตนเองที่บ้าน แต่ด้วยกรุงเทพมหานครมีลักษณะของการเป็นชุมชนเมือง บ้านที่พักอาศัยมีความแออัด จึงมีโอกาสในการแพร่เชื้อสูง ผู้ติดเชื้อบางรายอาจจำเป็นต้องแยกตนเองเข้าพัก ณ ศูนย์พักคอย ฯโดยขณะนี้ช่องทางในการประสานงานหลักของผู้ติดเชื้อทั่วประเทศคือสายด่วนของ สปสช. 1330 ซึ่งมีผู้ขอรับบริการเป็นจำนวนมาก ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเห็นว่าในส่วนของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครซึ่งอาจยังตกค้างในระบบ สามารถติดต่อประสานงานได้ จึงได้สั่งการให้ 50 เขตเพิ่มเบอร์สำหรับประสานงานและให้ความช่วยเหลือ เขตละ 20 คู่สาย เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชน ซึ่งขณะนี้แต่ละเขต มีประชาชนโทรขอรับบริการกว่า 50 -70 สายต่อวัน