กลุ่มบริษัทศรีตรัง แบ่งปันรักให้ชุมชนปี 2

กลุ่มบริษัทศรีตรัง สานต่อเจตนารมณ์ช่วยเหลือคนไทยก้าวผ่านวิกฤต COVID-19 ระลอกใหม่ เดินหน้าโครงการกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ใหญ่ในรอบปีภายใต้ชื่อ ‘กลุ่มศรีตรัง แบ่งปันรักให้ชุมชนปี 2’ วางเป้าหมายบริจาคถุงมือยางทางการแพทย์ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานต่างๆ อย่างต่อเนื่องทั้งปีตั้งเป้ามากกว่า 4.5 ล้านชิ้น นำร่องจังหวัดที่เป็นการผลิตของยางและถุงมือยางของกลุ่มบริษัทศรีตรัง ก่อนขยายสู่จังหวัดอื่นๆ

นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ผู้นำองค์กรแห่งยางสีเขียวแบบครบวงจรอย่างยั่งยืน เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทศรีตรัง ประกอบด้วย บมจ.ศรีตรังแอโกร อินดัสทรี , บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT และบริษัทในเครือทั้งหมด มีนโยบายให้ความสำคัญกับการจัดโครงการกิจกรรมเพื่อสังคม (Corporate Social Responsibility หรือ CSR) ตลอดการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สังคมและชุมชนตามแนวทางESG มาโดยตลอด เรามีโครงการและกิจกรรมเพื่อสังคมรวม 200 กว่าโครงการที่ทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ผู้คนในชุมชนอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 นับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และปัจจุบันเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง กลุ่มบริษัทศรีตรังเล็งเห็นถึงความสำคัญในการให้ความช่วยเหลือประชาชน จึงได้จัดโครงการ ‘กลุ่มบริษัทศรีตรัง แบ่งปันรักให้ชุมชนปี 2’ ซึ่งนับเป็นการจัดโครงการอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ที่ต้องการให้ความช่วยเหลือและอยู่เคียงข้างผู้คนในสังคมในรูปแบบต่างๆ โดยการบริจาคถุงมือยางทางการแพทย์ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานต่างๆ อาทิ โรงพยาบาล, โรงพยาบาลสนาม , อนามัย, มูลนิธิ, สถานีฉีดวัคซีนโควิด-19 , ศูนย์ช่วยเหลือต่างๆ, วัด, ทัณฑสถาน ฯลฯ ตลอดจนมีการบริจาคสิ่งของที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต เช่น ถุงยังชีพ อาหาร น้ำดื่ม ชุด PPE เป็นต้น และให้ความช่วยเหลือฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อภายในโรงงานและชุมชนโดยรอบโรงงาน

สำหรับโครงการกลุ่มศรีตรัง แบ่งปันรักให้ชุมชนปี 2 วางเป้าหมายที่จะบริจาคถุงมือยางอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีแก่จังหวัดต่างๆ รวมทั้งสิ้นมากกว่า 4.5 ล้านชิ้น จากปีที่ผ่านมาที่บริจาคถุงมือยางไปแล้วกว่า 3.57 ล้านชิ้น โดยในปีนี้กลุ่มศรีตรังเริ่มต้นส่งมอบถุงมือยางให้แก่จังหวัดที่เป็นสาขาและฐานการผลิตของบริษัท รวมถึงกรุงเทพฯ ก่อนขยายพื้นที่ไปยังจังหวัดอื่นๆ

“เราต้องการแสดงเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือคนไทยให้ก้าวผ่านวิกฤต COVID-19 พร้อมทั้งอยู่เคียงข้างคนไทยในทุกสถานการณ์ จึงจัดโครงการกลุ่มบริษัทศรีตรัง แบ่งปันรักให้ชุมชนปี 2 จากความห่วงใยบุคลากรทางการแพทย์และหน่วยงานที่เป็นด่านหน้าในการเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 ไปจนถึงชุมชนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เราช่วยสนับสนุนดูแลในรูปแบบต่างๆ เช่น การบริจาคถุงมือยางทางการแพทย์อันถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่สำคัญที่ใช้ในการป้องกันการแพร่ระบาด , ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 และใช้สำหรับการฉีดวัคซีน โดยส่งมอบถุงมือยางให้แก่จังหวัดและหน่วยงานต่างๆ ให้ครอบคลุมมากที่สุด เพื่อจะช่วยลดการสัมผัสและป้องกันโรคติดต่อ นอกจากนี้เราได้ดูแลการจัดจำหน่ายถุงมือยางในระดับราคาที่เหมาะสม เพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงการใช้ถุงมือยางอย่างทั่วถึง” นายวีรสิทธิ์ กล่าว

นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์รายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาได้เดินหน้าจัดโครงการกลุ่มบริษัทศรีตรัง แบ่งปันรักให้ชุมชนปี 2 เพื่อมอบถุงมือยางให้แก่จังหวัดต่างๆ ทั้งที่บริษัทฯ ได้ประสานงานเพื่อส่งมอบและที่ติดต่อเข้ามายังบริษัทฯ เพื่อขอรับบริจาค โดยนับจากวันที่ 1 มกราคม – 11 มิถุนายน 2564 กลุ่มบริษัทศรีตรังได้บริจาคถุงมือยางไปแล้วกว่า 1.4 ล้านชิ้น ซึ่งนับเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ที่ต้องการร่วมช่วยเหลือสังคมให้ก้าวผ่านการแพร่ระบาดระลอกใหม่ครั้งนี้ และสอดคล้องกับแนวคิดของ STGT ที่ต้องการส่งมอบการปกป้องทุกสัมผัส ด้วยความห่วงใย ไปสู่ทุกชีวิตทั่วโลก

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะทยอยส่งมอบถุงมือยางให้แก่จังหวัดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยจะเดินหน้าจัดโครงการดังกล่าวตลอดทั้งปีเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี เนื่องจากในปัจจุบันประเทศไทยยังคงเผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง จึงคาดหวังว่าโครงการดังกล่าว จะส่งเสริมสุขอนามัยที่ดีขึ้น ลดความเสี่ยงจากสถานการณ์การแพร่ระบาด และป้องกันการแพร่ระบาด เพื่อช่วยสนับสนุนคนไทยก้าวผ่านวิกฤต COVD-19 ไปด้วยกัน

SFT มอบเครื่องพ่นยาฆ่าเชื้อโรคต้านโควิด-19 ให้เรือนจำ

นายซุง ชง ทอย (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นายสมิทธิ์ ทอย (ที่ 5 จากซ้าย) กรรมการ และผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SFT มอบเครื่องพ่นยาฆ่าเชื้อโรค น้ำยาฆ่าเชื้อโรค แอลกอฮอล์75% และหน้ากากอนามัย ให้แก่เรือนจำกลางชลบุรี เรือนจำกลางสมุทรปราการ และเรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นเรือนจำที่อยู่ในพื้นที่สีแดง และเป็นเรือนจำที่มีผู้ต้องขังจำนวนมาก จึงมีความจำเป็นต้องเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 กันอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยหลือด้านการป้องกันและลดการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา (COVID-19) ให้แก่เจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังในเรือนจำ

พฤกษาใส่ใจ ส่งต่อความห่วงใยสู่ผู้รับเหมาก่อสร้าง

พฤกษา รุดลงพื้นที่ ส่งมอบความช่วยเหลือแก่แรงงานและพันธมิตรบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่ได้ดำเนินการปิดแคมป์คนงานเป็นระยะเวลา 30 วัน เพื่อลดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ตามนโยบายภาครัฐ นำทีมโดย นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมคณะผู้บริหารและทีมงาน บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ลงพื้นที่ให้กำลังใจและส่งมอบข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ยารักษาโรค รวมถึงสิ่งของเครื่องใช้อื่นๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่แรงงานภายใต้ความดูแลของพาร์ทเนอร์บริษัทผู้รับเหมาที่ได้รับผลกระทบกว่า 4,000 ราย

นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้ พฤกษา ได้ร่วมมือกับภาครัฐ และบริษัทผู้รับเหมาพันธมิตร จัดให้มีการตรวจคัดกรองและฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แก่แรงงานที่โครงการแนวสูง ซึ่งได้ทยอยดำเนินการในทุกโครงการจนครบตามลำดับ ทั้งนี้พฤกษาจะยังคงระดับความเข้มข้นของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่แคมป์คนงานอย่างเคร่งครัด และต่อเนื่อง เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่ง เคียงข้างคนไทยก้าวผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน

TPIPP ส่งมอบกำลังใจบุคลากรทางการแพทย์

นางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ (ที่ 2 จากซ้าย) รองประธานกรรมการ บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP นางณิธาวัน เลี่ยวไพรัตน์ (ซ้าย) ผู้ช่วยรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท โรงกลั่นน้ำมัน 1997 จำกัด และ นางสาวชุตินันท์ เลี่ยวไพรัตน์ (ขวา) ผู้ช่วยรองผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายปฏิบัติการการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนกลุ่มบริษัทฯ ร่วมส่งมอบอาหารกล่องให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงาน ณ จำนวน 1,000 กล่องต่อวัน ตลอดเดือนกรกฎาคม เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างขวัญและกำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถอยู่ในขณะนี้ และขอร่วมฝ่าฟันวิกฤตโควิด-19 นี้ ไปด้วยกัน โดยมี นางศิริลักษณ์ อุบลเหนือ (ที่ 2 จากขวา) รองผู้อำนวยการด้านอำนวยการ สถาบันโรคผิวหนัง เป็นผู้รับมอบ ณ ศูนย์บริการฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ

 

แนะเทรนด์เกษตรยุคใหม่ สร้างอาชีพและรายได้ในยุคโควิด-19

ด้วยสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กำลังวิกฤตไปทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีตัวเลขพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อปัญหาในด้านต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่เศรษฐกิจโลก ทำให้หลายคนต้องว่างงาน และมีรายได้น้อยลง รักบ้านเกิด ผู้สร้างสรรค์สื่อดิจิทัลและธุรกิจเกษตรสร้างสรรค์สู่ความยั่งยืน ได้เล็งเห็นและเข้าใจในสถานการณ์นี้เป็นอย่างดี พร้อมมุ่งมั่นตั้งใจเคียงข้างทุกคนให้ร่วมต่อสู้ไปด้วยกัน โดยแนะนำการสร้างอาชีพและสร้างรายได้ในยุคโควิด-19 ไปกับการทำเกษตรกรรม ภายใต้แนวคิด “เกษตรสร้างสรรค์ สุขยั่งยืน”

อาชีพเกษตรกรรม นับเป็นอาชีพที่สร้างความมั่นคงและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในทางเศรษฐกิจ อาชีพเกษตรกรรมถือเป็นหัวใจหลักที่สร้างรายได้และสร้างผลผลิตให้กับประเทศ ยิ่งในยุคนี้ที่มีโรคระบาด ความนิยมหางานในเมืองหลวงยิ่งน้อยลง คนรุ่นใหม่เริ่มหันกลับบ้านเพื่อไปพัฒนาถิ่นฐานบ้านเกิด นำเอาความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีต่างๆ มาปรับใช้ในการทำเกษตร จนนำไปสู่เทรนด์ “เกษตรยุคใหม่”

เทรนด์ “เกษตรยุคใหม่” ไม่ได้นิยมแค่เฉพาะในกลุ่มเกษตรกรเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงบุคคลทั่วไปที่สนใจและอยากปลูกผักไว้ทานเอง เพราะนอกจากจะได้ผลผลิตที่สด สะอาด และปลอดภัยแล้ว ยังสามารถต่อยอดสร้างเป็นอาชีพและรายได้ในอนาคตได้อีกด้วย รักบ้านเกิด จึงอยากแชร์ไอเดียและประสบการณ์ของเกษตรกรมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จ รวมถึงเป็นตัวแทนของเกษตรกรยุคใหม่ เพื่อแนะแนวทางการทำเกษตรในช่วงโควิค-19 มาฝากกัน

นิธิภัทร์ ทองอ่อน หรือคุณโอ๋ เกษตรกรหนุ่มจากสวนทุเรียนลุงแกละ จังหวัดระยอง เกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิดประจำปี 2560 ได้ให้แนวคิดการทำเกษตรไว้ว่า อยากให้คนที่สนใจในอาชีพเกษตรมองว่าตนอยากทำเพราะอะไร ส่วนตัวผมทำเพราะใจรักในอาชีพนี้ มองว่าอาชีพเกษตรเป็นอาชีพที่ปลอดภัย และปัจจุบันผมทำเกษตรด้านไม้ผลคือทุเรียน ในช่วงนี้ถึงแม้จะเกิดโรคระบาดโควิดติดกัน 2 ปี แต่ก็อยู่รอดมาได้เพราะอาชีพเกษตร อาจจะเป็นเพราะผมเลือกทำทุเรียน ซึ่งเป็นผลไม้ที่คนส่วนใหญ่นิยมทานกันเลยทำให้พออยู่ได้ในช่วงวิกฤตนี้ ผมอยากสนับสนุนให้ทุกคนลองหันมาทำเกษตร หรือถ้าที่บ้านทำเกษตรอยู่แล้ว ก็อยากให้กลับมาต่อยอดจากพ่อแม่ที่ทำไว้ เพียงขอแค่มีใจรักมีต้นทุนก็ทำอาชีพนี้ได้

ด้าน เกษตรกรหญิง นวลลออ เทอดเกียรติกุล หรือคุณออน จาก Aromatic Farm จังหวัดราชบุรี  เกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิดประจำปี 2560  ก็ได้กล่าวถึงการทำเกษตรในยุคโควิด-19 ไว้ว่า “ท่ามกลางวิกฤตการณ์ COVID-19 ที่เผชิญมา 2 ปี แบรนด์อะโรแมติก ฟาร์ม เราได้ผลิตและจำหน่ายมะพร้าวน้ำหอมอินทรีย์ ทั้งผลสดและแปรรูป โดยยึดหลักแนวคิดของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่มีเบ้าหลอมจากความรู้จักตน การมีเหตุมีผล และมีภูมิคุ้มกัน ด้วยเงื่อนไของค์ความรู้และคุณธรรมต่างๆ นำไปสู่แบรนด์แห่งผู้สานต่อศาสตร์แห่งพระราชา เราเลือกใช้กลยุทธ์โดยปรับเปลี่ยนและยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์และบริบทที่เปลี่ยนไป พร้อมกับอาศัยความร่วมมือกันของกลุ่มเพื่อนร่วมธุรกิจที่คอยสนับสนุนกันมาโดยตลอด ทั้งเกษตรกรในชุมชน, คู่ค้า และลูกค้า ทำให้เราสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้”

สำหรับใครที่สนใจการทำเกษตร เพื่อสร้างอาชีพและสร้างรายได้ในยุคโควิดนี้ หรืออยากลองศึกษาหาข้อมูลเพื่อเตรียมพร้อมเป็นเกษตรกร ทาง รักบ้านเกิด ก็มีความรู้ด้านการเกษตรและกิจกรรมดีๆ พร้อมสิทธิพิเศษ เพียงมาร่วมเป็นครอบครัวเดียวกันได้ง่ายๆ แค่สมัครสมาชิก “RAKBANKERD Family Club” ที่เปิดรับทั้งเกษตรกรและบุคคลทั่วไปที่สนใจทำเกษตร มาร่วมเป็นเครือข่ายเกษตรกรรักบ้านเกิดกันแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อเพิ่มโอกาสและช่องทางการขายสินค้าเกษตรอีกด้วย

สามารถสมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่  www.facebook.com/rakbankerd และสามารถติดตามข่าวสารของรักบ้านเกิดผ่านช่องทางต่างๆได้ที่ www.rakbankerd.com, Youtube:rakbankerdthailand และ  Instragram: rakbankerd_official  หรือแอดไลน์มาพูดคุยกันได้ที่  Line@ : @rakbankerd

ส่งเครื่องพิมพ์บราเดอร์ กู้วิกฤติ COVID-19

บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงานบราเดอร์ เดินหน้าผนึกกำลังทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย กรมแพทย์ทหารอากาศ เดอะมอลล์ กรุ๊ป สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และเพจหมอแล็บแพนด้า ร่วมต้านภัย COVID-19 ในประเทศไทยอย่างเต็มกำลัง ด้วยการส่งมอบเครื่องพิมพ์บราเดอร์เพื่อใช้ในกิจกรรมของศูนย์แพทย์สนามและศูนย์ฉีดวัคซีนต่างๆ เพื่อร่วมหยุดการแพร่ระบาดและสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย พร้อมมอบทุนสนับสนุนเพื่อพัฒนา SWAB MOBILE UNIT รถตู้ตรวจเชื้อโรคแบบความดันบวก เพื่อใช้งานในการตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 ในแบบเชิงรุกตามชุมชนต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร พร้อมร่วมบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในการดำรงซีวิตให้แก่กลุ่มคลัสเตอร์เฝ้าระวังในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

ทราเวลโลก้า มอบถุงปันสุข สู้ภัยโควิด-19

ทราเวลโลก้า ซูเปอร์แอปท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปิดกิจกรรมร่วมแบ่งปันภายใต้แคมเปญ Stay Home First, Then Explore the World รวบรวมเป็นถุงปันสุข 1,000 ถุง มูลค่ารวม 100,000 บาท มอบแก่มูลนิธิอิสรชน ซึ่งนอกจากจะเสริมสร้างโอกาสการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ ต้องมาดำรงชีวิตเร่ร่อนไร้บ้าน แคมเปญยังสนับสนุนให้ลูกค้าใช้เวลาอยู่ที่บ้านในช่วงที่ต้องมีการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ทั้งนี้ การร่วมบริจาคและบรรเทาทุกข์ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ #WalkTogether Against COVID-19 ของบริษัท ที่มุ่งเสริมสร้างความร่วมมือของภาคส่วนต่าง ๆ ในการประคองให้ผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไปด้วยกัน

ปณิชา ธนณาเคนทร์ ผู้จัดการฝ่ายขาย ทราเวลโลก้า ประจำประเทศไทย

นางสาวปณิชา ธนณาเคนทร์ ผู้จัดการฝ่ายขาย ทราเวลโลก้า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ทราเวลโลก้ามุ่งมั่นในการเป็นส่วนช่วยสังคมไทยให้สามารถฝ่าฟันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงได้เปิดตัวแคมเปญ ‘Stay Home First, Then Explore the World’ ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างบรรยากาศการพักผ่อนหย่อนใจ ให้กับผู้ใช้ชาวไทยที่โหยหาการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงที่ต้องใช้เวลาอยู่บ้านให้ปลอดภัย ขณะเดียวกันก็ยังเปิดโอกาสการมีส่วนร่วมช่วยเหลือผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาด วันนี้จึงรู้สึกขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ร่วมแรงกัน ส่งผลให้สามารถระดมเงินจำนวน 100,000 บาทจากการขายตั๋วเครื่องบินในช่วงสองสัปดาห์ในเดือนมิถุนายน แปรเป็นถุงปันสุขจำนวน 1,000 ถุง ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมดี ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและบรรเทาทุกข์ครั้งนี้

วิไลพรรณ หลวงยา ประธานมูลนิธิอิสรชน

นางวิไลพรรณ หลวงยา ประธานมูลนิธิอิสรชน กล่าวว่า ขอขอบคุณทราเวลโลก้าที่ให้การสนับสนุนแก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือในช่วงสถานการณ์อันยากลำบากเช่นนี้ ถุงปันสุขจำนวน 1,000 ถุง จะบรรจุสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น เช่น อาหาร ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว ยารักษาโรค และเสื้อผ้า โดยจะนำไปแจกจ่ายยังจุดต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ซึ่งหวังว่าจะช่วยลดภาระและบรรเทาปัญหาการดำรงชีพของคนไร้บ้าน ความร่วมมือของภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคมจะช่วยให้สังคมดีขึ้นได้และช่วยให้เราผ่านพ้นสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคครั้งนี้ได้”

ในการร่วมมือกับมูลนิธิอิสรชนนั้น จะมีการนำถุงปันสุขที่บรรจุข้าวของเครื่องใช้จำเป็นไปทยอยแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบในจุดต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ ได้แก่ บริเวณรอบถนนราชดำเนิน อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย บริเวณวังบูรพา ชุมชนตรอกสาเก อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และย่านราชวิถี

PRAPAT MODEL คว้า IPHA การันตีโรงงานปลอดโควิด-19

นายวีระพงค์ ลือสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PRAPAT เปิดเผย สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในส่วนของคลัสเตอร์โรงงานพื้นที่ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ทำให้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ว่าในฐานะที่  PRAPAT มีสำนักงานและโรงงานผลิตในพื้นที่​เดียวกันกับที่พบคลัสเตอร์ จึงออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในบริษัท โดยพนักงานและผู้มาติดต่อ ต้องสวมหน้ากากอนามัย , ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ รวมทั้งตรวจคัดกรองและวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าบริษัท พร้อมทั้งเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดภายในสำนักงานด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในแต่ละวัน เพื่อให้พนักงาน ผู้มาติดต่อ และลูกค้า มั่นใจในมาตรการป้องกันของบริษัท

แต่ทันที ที่จังหวัดเพชรบุรี มีคำสั่งล็อกดาวน์พื้นที่รอยต่อตำบล 6 ตำบล ในอ.เขาย้อย บริษัท ได้ประกาศให้พื้นที่สำนักงานและโรงงานผลิตเขาย้อย เป็นพื้นที่ปลอดภัยสูงสุด ยกระดับคุมเข้มความปลอดภัยโรงงานป้องกันโควิด-19 อย่างน้อย 1 เดือน โดยพนักงานประจำสำนักงานปรับเป็นการทำงานแบบ Work From Home แต่ถ้ามีการเดินทางมาทำงานต้องพักที่บ้านพักที่บริษัทจัดเตรียมไว้เท่านั้น   ในส่วนของฝ่ายการผลิตให้มีการทำงานปกติและพักในหอพักที่

บริษัทฯ จัดเตรียมไว้ พร้อมขอความร่วมมือพนักงานทั้งหมด ห้ามเดินทางออกนอกพื้นที่ จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน รวมถึงจัดทีมแพทย์เข้าตรวจคัดกรองโควิด-19 ให้กับพนักงานทั้งหมด ซึ่งผลปรากฏว่าไม่มีผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด

การบริหารจัดการป้องกันโควิด-19 อย่างอย่างจริงจังและเข้มงวด ทำให้  PRAPAT ได้รับเครื่องหมายรับรองตนเองด้านสุขอนามัย หรือ IPHA (Industrial and Production Hygiene Administration) สถานประกอบการที่ปฏิบัติตามมาตรการควบคุม ติดตาม และป้องกันการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมหน่วยงานในสังกัด ประกอบด้วย กรมควบคุมโรค สถาบันอาหาร และสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ มอบให้แก่สถานประกอบการที่มีการบริหารจัดการสถานที่ กระบวนการผลิต และบุคลากร ได้มาตรฐานและครบถ้วนตามเกณฑ์ของ IPHA

“สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 PRAPAT ได้ยกระดับการบริหารจัดการป้องกันอย่างเข้มงวด กำหนดรูปแบบมาตรการปกป้องสู้วิกฤตโควิด-19 เต็มรูปแบบ  “PRAPAT  MODEL”  เพื่อสุขอนามัยและความปลอดภัยอย่างสูงสุดของพนักงาน คู่ค้า และลูกค้า  ซึ่งการได้รับการรับรองมาตรฐาน IPHA จึงช่วยตอกย้ำถึงคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยการผลิตในทุกขั้นตอน รวมถึงยังได้จัดเตรียมแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน เพื่อไม่ให้คู่ค้าและลูกค้าได้รับเสียหายจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น” นายวีระพงค์ กล่าว   

ธนาคารกรุงเทพ มอบน้ำดื่มสนับสนุนหน่วยบริการฉีดวัคซีนโควิด-19

ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และ นางสาวคณารัฏฐ์ กิตติโรจนาธรรม ผู้จัดการภาคนครหลวง 3 สายลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มอบน้ำดื่มบรรจุขวดตราสัญลักษณ์ธนาคาร จำนวน 90,000 ขวด   แก่ นางวรรณา เพิ่มสุวรรณ รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส และนางณัฐศมน วงศ์กิตติพัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่การตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด สำหรับนำไปใช้บริการประชาชน บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ณ หน่วยบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ณ เดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน เดอะมอลล์ กรุ๊ป ผนึกความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายภาคเอกชน ร่วมกับสมาคมค้าปลีก หอการค้าไทย กรุงเทพมหานคร และจังหวัดปริมณฑล เพื่อร่วมสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการเร่งกระจายการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในวงกว้าง

ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะ เพื่อนคู่คิด พร้อมเคียงข้างคนไทยเพื่อร่วมเผชิญกับวิกฤติที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งนอกจากการมีมาตรการช่วยเหลือเพื่อแบ่งเบาภาระทางการเงินให้แก่ทั้งผู้ประกอบการและลูกค้ารายย่อยแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนโครงการต่างๆ ของทางภาครัฐ โดยเฉพาะการเร่งกระจายการฉีดวัคซีนให้ประชาชนวงกว้าง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวาระแห่งชาติที่ทุกฝ่ายต่างให้ความสำคัญและเร่งขับเคลื่อนเพื่อให้สถานการณ์ที่ยากลำบากครั้งนี้ผ่านพ้นไปโดยเร็วที่สุด

แม็คโคร รับซื้อกุ้งขาว ช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง สู้โควิด-19

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) จับมือ กรมการค้าภายใน คิกออฟ กิจกรรมส่งเสริมการบริโภค โครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งปี 2564 รับซื้อกุ้งขาวสองเดือน มิ.ย.- ก.ค. จำนวน 1,500 ตัน เพิ่มช่องทางระบายผลผลิตกระจายขายทุกสาขาทั่วประเทศ พร้อมชวนคนไทยกินกุ้ง หนุนบริโภคต่อเนื่อง ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน

ศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม็คโคร ได้ร่วมกับ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในการบูรณาการความร่วมมือขับเคลื่อนโครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งปี 2564 อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องไปกับพันธกิจสำคัญของแม็คโคร นั่นคือ  โครงการแม็คโครเคียงข้างเกษตรกรไทย สู้ภัยโควิด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งขาว หลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ประสบปัญหามีช่องทางระบายผลผลิตน้อยลง ในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี้ แม็คโครจึงรับซื้อตรงเพื่อแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน ทำให้เกษตรกรในหลายพื้นที่ได้ระบายผลผลิตรวมแล้วมากกว่า 1,500 ตัน ซึ่งคาดว่าตลอดทั้งปี 2564 จะสามารถรับซื้อกุ้งจากเกษตรกรได้ประมาณ 10,000 ตัน นอกจากนี้ยังจัดโปรโมชั่นและกิจกรรมส่งเสริมการกินกุ้งในทุกสาขาทั่วประเทศ รวมถึงจัดกิจกรรมพิเศษทุกวันศุกร์-อาทิตย์ ใน 17 สาขาของกรุงเทพฯ และปริมณฑลด้วย

ความร่วมมือระหว่างแม็คโครและกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในทุกโครงการประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี  ไม่ว่าจะเป็น การร่วมแก้ปัญหารับซื้อผลผลิตในระยะสั้น ที่ทำได้อย่างรวดเร็วช่วยเกษตรกรในหลายพื้นที่ได้ทันท่วงที และการพัฒนาขีดความสามารถเกษตรกรตามแนวทาง ตลาดนำการผลิตเพื่อเป็นคู่ค้าในระยะยาว เช่นเดียวกับ ผลผลิตกุ้งขาว ที่แม็คโครรับซื้ออย่างต่อเนื่อง  โดยยังคงมาตรการป้องกันอย่างเข้มข้น  ภายใต้การรับรองจากกรมประมงเกี่ยวกับกระบวนการตรวจสอบและจัดเก็บสินค้าว่ามีความปลอดภัยจากโควิด-19 เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน

ปัจจุบัน แม็คโคร มีเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งรายย่อยส่งผลผลิต กุ้งขาว และกุ้งก้ามกราม กุ้งนาง ให้แม็คโครประมาณ 945 ราย จากหลายภูมิภาค ทั้งภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก  ในจำนวนนี้มีหลายรายที่พัฒนามาจากการเป็นเกษตรกรรายย่อยที่ประสบปัญหาและเข้าร่วมโครงการเชื่อมโยงกับกรมการค้าภายใน จนกลายเป็นคู่ค้าสำคัญของแม็คโคร สร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน อาทิ ศรีสุบรรณฟาร์ม จังหวัดสุราษฎร์ธานี และประกอบฟาร์ม จังหวัดราชบุรี

นางศิริพร กล่าวอีกว่า ในช่วงวิกฤตการณ์โควิด-19 เช่นนี้ ยังมีเกษตรกรอีกมากมายที่กำลังเดือดร้อน และต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน  แม็คโครเชื่อว่า หากเกษตรกรรายย่อยเหล่านี้ ได้รับการพัฒนาศักยภาพ พวกเขาจะกลายเป็นคู่ค้าคุณภาพ ที่สามารถพัฒนาทั้งผลผลิตได้มาตรฐานและสร้างรายได้ที่มั่นคงยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันมีเกษตรกรรายย่อยที่เป็นคู่ค้ากับแม็คโครมากกว่า 7,000 รายแล้ว