คนไทยเข้าประเทศไหนได้บ้างในช่วงโควิด-19

กรมการกงสุล รวบรวมข้อมูลคนไทยเดินทางเข้าประเทศไหนได้บ้าง และ ประเทศที่ห้ามต่างชาติ (รวมคนไทย) เข้า ทั้งนี้ ปรดตรวจสอบข้อมูลจากประเทศปลายทางอีกครั้ง

ภูเก็ตยกระดับคุมเข้มโควิด-19 เริ่มพรุ่งนี้

คำสั่งจังหวัดภูเก็ต ที่ 4157/2564

เรื่อง กำหนดมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต ตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

สาระสำคัญ ดังนี้

ยกเลิกคำสั่งจังหวัดภูเก็ตที่ 4021/2564 ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 และกำหนดมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต ตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 การเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต ทางด่านตรวจท่าฉัตรไชย ช่องทางน้ำ (ท่าเรือ) ทุกท่าในจังหวัดภูเก็ต และช่องทางภายในประเทศ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ผู้เดินทาง ยกเว้นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ที่เดินทางมากับผู้ปกครองหรือผู้ดูแล ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติและต้องถือปฏิบัติ ดังนี้

(1) ต้องเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 ชนิดซิโนแวค (Sinovac) , ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ครบ 2 เข็ม หรือซิโนแวค (Sinovac) เข็ม 1 แอสตราเซนิกา (AstraZeneca) เข็ม 2 หรือได้รับวัคซีนชนิดแอสตราเซนิกา (AstraZeneca), ไฟเซอร์ (Pfizer), โมเดอร์นา (Moderna), จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (Johnson and Johnson) จำนวน 1 เข็ม มาแล้วเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน หรือเป็นผู้ที่หายจากอาการป่วยด้วยโรคโควิด – 19 มาแล้วไม่เกิน 90 วัน

และ

(2) ต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ด้วยวิธีการ RT- PCR หรือวิธีการ Antigen Test โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางถึง  ยกเว้น เด็กอายุตั้งแต่ 6 ปี จนถึงผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ไม่อยู่ในเกณฑ์การได้รับวัคซีนและเดินทางมาพร้อมกับผู้ปกครองหรือผู้ดูแลให้มีการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ด้วยวิธีการ RT – PCR หรือวิธีการAntigen Test โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางถึง

(3) ยกเว้น บุคคลผู้เดินทางตามกรณีดังต่อไปนี้

3.1) รถฉุกเฉินทางการแพทย์ ผู้ป่วยฉุกเฉิน กู้ชีพ กู้ภัย

3.2) รถขนส่งยา เวชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ (ต้องมีใบส่งของ หรือใบแจ้งรายการสินค้า)

3.3) ผู้มีนัดหมายฉีดวัคซีนโควิด – 19 เข็มที่ 2 (ต้องมีใบนัดหมายการฉีดวัคซีน เข็มที่ 2)

3.4) ผู้มีความจำเป็นในการเดินทางออกทางท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต (ต้องมีตั๋วโดยสาร ของวันที่เดินทางเท่านั้น)

ให้สามารถเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตได้ แต่ต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ด้วยวิธีการ RT- PCR หรือวิธีการAntigen Test โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางถึง

(4) กรณี นักเรียนนักศึกษาอายุไม่ถึง 18 ปี ที่ไม่สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 ได้และมีความจำเป็นต้องเดินทางผ่านเข้าออกจังหวัดภูเก็ตเพื่อการเรียนการศึกษา ให้หน่วยงานต้นสังกัดของสถานศึกษาหรือศึกษาธิการจังหวัดออกบัตรประจำตัวเป็นรูปแบบเดียวกัน แสดงต่อเจ้าหน้าที่เมื่อเดินทางผ่านเข้าออกจังหวัดภูเก็ตและให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตทำการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 ด้วยวิธีการ RT – PCR และออกใบรับรองการตรวจหาเชื้อโควิด – 19  ให้มีผลใช้ได้ครั้งละไม่เกิน 1 เดือน

(5) ต้องดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันหมอชนะบนสมาร์ทโฟน และยินยอมเปิดแชร์ตำแหน่งที่ตั้ง (Location) ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ต

(6) แสดงเอกสารหลักฐานข้างต้น ต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อก่อนเข้าจังหวัดภูเก็ต

(7) การใช้เส้นทางคมนาคมและการตรวจคัดกรองการเดินทาง ผ่านทางด่านตรวจท่าฉัตรไชย ห้ามบุคคลและยานพาหนะทุกประเภทเข้าจังหวัดภูเก็ต ระหว่างเวลา 23.00 นาฬิกา ถึงเวลา 04.00 นาฬิกา ของวันรุ่งขึ้น  ยกเว้น เมื่อมีความจำเป็นเร่งด่วนหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ

(8 ) ให้สังเกตติดตามอาการตนเอง (Self Monitoring) ตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคหากพบอาการป่วยหรือสงสัยว่ามีอาการป่วยด้วยโรคโควิด – 19 ให้พบแพทย์โดยด่วน

ผู้ติดเชื้อที่จงใจปกปิดข้อมูลการเดินทางหรือแจ้งข้อมูลเท็จ ต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อทำให้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนและควบคุมโรคเป็นผลให้เชื้อโรคแพร่ออกไป อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ .. 2558 ด้วย

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่  25 .. – 2 .. 64

ก. คลัง เร่งเชื่อมต่อระบบ Food Delivery ภายใต้โครงการคนละครึ่ง

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผย ว่ากระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบกลางเพื่อให้ผู้ให้บริการ Food Delivery Platform สามารถเชื่อมต่อกับระบบของโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิ์โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 โดยการสั่งอาหารผ่าน Food Delivery Platform ได้

โฆษกกระทรวงการคลัง ย้ำด้วยว่า จะเร่งดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อให้การใช้จ่ายภายใต้โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 สอดคล้องกับมาตรการป้องกันโควิด-19

ยะลา เตรียมเปิดให้ผู้สูงอายุ-หญิงตั้งครรภ์ Walk-in ฉีดวัคซีน

หน่วยฉีดวัคซีน รพ.ยะลา เตรียมเปิดให้ผู้สูงอายุหญิงตั้งครรภ์ Walk-in ฉีดแอสตร้าฯ-ซิโนแวค ได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า

 จ.ยะลา เดินหน้าฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชน ล่าสุด โรงพยาบาลยะลาเตรียมให้ 2 กลุ่มเป้าหมาย เดินเข้ามา Walk-in รับการฉีดวัคซีนโควิด-19  ได้แล้ว โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จะได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 เป็นแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งจะมีวันรับบริการ คือ วันที่ 29 , 30 ก.ค. 64 และ 3-6 ส.ค. 64 ส่วนหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป จะได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 เป็นซิโนแวค เข็มที่ 2 เป็นแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งจะให้บริการในวันที่ 27 , 28 ก.ค. 64 และ 2 ส.ค. 64

โดยประชาชนสามารถรับบริการได้ที่ หน่วยฉีดวัคซีน อาคารศรีนิบงศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา ทั้งนี้ ผู้ที่จะได้รับบริการต้องเป็นผู้มีบัตรประจำตัวประชาชนที่มีภูมิลำเนาใน จ.ยะลา โดยจะต้องนำบัตรประจำตัวประชาชน สมุดบันทึกสีชมพู สมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก (สำหรับหญิงตั้งครรภ์) ไปเป็นหลักฐานในการรับบริการ สอบถามได้ที่เบอร์ 08-4075-4762 สายด่วนโควิด-19 รพ.ยะลา

พรุ่งนี้ ตรัง เปิดใช้โรงพยาบาลสนาม แห่งที่ 5

จังหวัดตรัง เปิดใช้โรงพยาบาลสนาม แห่งที่ 5 ที่มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตตรัง อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (อาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม 2564) เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น

          นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในชุมชนบ้านหนองเสม็ด ตำบลคลองชีล้อม อำเภอกันตัง และชุมชนทุ่งกอ ตำบลบ้าหวี อำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง จากการทำกิจกรรมทางศาสนาร่วมกัน ทำให้อัตราพบผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยในรอบสัปดาห์ของจังหวัดตรัง อยู่ที่ 29 รายต่อวัน

อีกทั้ง จังหวัดตรังได้รับผู้ติดเชื้อจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด มารักษาตัวในพื้นที่อีก จำนวน 117 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2564 เวลา 15.00 น.)

จังหวัดตรังจึงต้องเปิดใช้โรงพยาบาลสนาม แห่งที่ 5 ของจังหวัดตรัง ที่มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตตรัง อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (อาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม 2564) เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการค้นหาเชิงรุกตรวจหาเชื้อโควิด-19 แก่ประชาชนในชุมชนที่มีการแพร่ระบาด และรอผลตรวจอยู่อีก จำนวน 456 ราย โดยโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ สามารถรองรับผู้ป่วยได้มากถึง 700 เตียง

ยอดโควิด-19 วันนี้ ผู้ติดเชื้อเพิ่ม 14,260 ราย

ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม 2564 รวม 14,260 ราย จำแนกเป็น ผู้ติดเชื้อใหม่ 13,605 ราย ผู้ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 655 ราย ผู้ป่วยสะสม 453,104 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน)
ผู้หายป่วยกลับบ้าน 7,637 ราย ผู้หายป่วยสะสม 300,363 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้เสียชีวิต 119 ราย

เตรียมจัดตั้ง รพ.สนามบีดีเอ็มเอส สนามกีฬา ทอ. (ธูปะเตมีย์)

บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จากัด (มหาชน) หรือ BDMS ร่วมกับกองทัพอากาศ เตรียมการจัดตั้ง โรงพยาบาลสนามบีดีเอ็มเอส สนามกีฬา ทอ. (ธูปะเตมีย์) รองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลุ่มสีเหลือง เพื่อช่วยเหลือประชาชนพร้อมบรรเทาและตัดวงจรสู่การเจ็บป่วยรุนแรง โรงพยาบาลสนามแห่งนี้ จะสามารถรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ได้จานวน 100 เตียง โดยจะรับผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงปานกลาง ผ่านทีมแพทย์ของโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ เพื่อช่วยเหลือประชาชนและชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในวันที่ 28 กรกฏาคมนี้

ช้อปอะไรดี? ไอเทมจำเป็นสำหรับรับมือ Home Isolation

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยยังคงวิกฤตหนักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ขาดแคลนเตียงสำหรับผู้ป่วยแทบทุกที่ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ออกมาตรการดูแลรักษาผู้ป่วยที่บ้านอย่างเป็นระบบ หรือ Home Isolation เพื่อลดความหนาแน่นของผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรืออาการน้อย (ผู้ป่วยสีเขียว) ในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นแนวทางที่ควรศึกษาและเตรียมพร้อมรับมือไว้ล่วงหน้า ลาซาด้าจึงขอเป็นกระบอกเสียงในการแนะแนวทางการปฏิบัติตัวช่วง Home Isolation และนำเสนออุปกรณ์ที่จำเป็น ให้ทุกคนสามารถเลือกซื้อได้อย่างคุ้มค่าบนแพลตฟอร์ม พร้อมขยายเวลาช่วยสนับสนุนคูปองค่าส่งฟรี แบบไม่มีขั้นต่ำ เพื่อช่วยคลายความกังวลด้านค่าใช้จ่ายในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้

การรักษาตัวแบบ Home Isolation นั้น ผู้ป่วยที่ต้องการแยกกักตัวที่บ้าน สามารถติดต่อได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือโทรสายด่วน 1330 โดยจะต้องเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวที่มีผลตรวจเป็นบวก (Positive) คือ พบเชื้อ แต่ไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย หรือแพทย์อนุญาตให้กักตัวที่บ้านต่อหลังได้รับการรักษาแล้ว 10 วัน ผู้ป่วยที่มีอายุน้อยกว่า 60 ปี มีที่พักหรือห้องที่สามารถแยกตัวคนเดียวได้ ไม่มีภาวะโรคอ้วนและไม่มีโรคแทรกซ้อน อาทิ โรคปอดอุดตันเรื้อรัง, โรคไตเรื้อรัง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเบาหวานที่คุมไม่ได้ ที่สำคัญต้องยินยอมแยกตัวในที่พักของตนเองตามดุลยพินิจของแพทย์  เพื่อให้สามารถติดตามอาการและได้รับการจัดสรรอุปกรณ์และยารักษาต่าง ๆ รวมถึงได้รับคำแนะนำจากแพทย์ตลอดระยะเวลาที่รักษาตัวที่บ้าน

โดยการวางแผน Home Isolation แนะนำให้เตรียมการตั้งแต่เนิ่น ๆ เบื้องต้นควรเตรียมพื้นที่ภายในบ้านสำหรับการแยกกักตัว ควรเป็นห้องที่ระบายอากาศได้ดี เตรียมเสบียงอาหารไว้ให้พร้อม หากมีลูกหลานหรือผู้สูงอายุควรติดต่อคนรู้จักเพื่อให้ช่วยดูแลในช่วงที่พักรักษาตัว รวมถึงจดเบอร์โทรศัพท์ของโรงพยาบาลไว้ใกล้ตัวเผื่อมีอาการหนักขึ้น แต่ถ้าหากประเมินแล้วว่าสถานที่ไม่เอื้ออำนวยในการรักษาตัวแบบ Home Isolation อาจจำเป็นต้องหาสถานที่อื่นที่เหมาะสม เช่น การแยกกักตัวในชุมชน (Community Isolation) เป็นต้น

นอกจากนี้ ขณะที่แยกกักตัวที่บ้าน ควรหมั่นสังเกตอาการและวัดอุณหภูมิร่างกายเป็นระยะ ไม่ควรเกิน 37.5 องศาเซลเซียส และค่าออกซิเจนไม่ต่ำกว่า 95% ทุกวัน หากมีอาการผิดปกติ เช่น เหนื่อย หอบ หรือมีอาการแทรกซ้อนควรติดต่อโรงพยาบาลใกล้บ้านให้เร็วที่สุด หรือโทรสายด่วน 1669

เตรียมอุปกรณ์จำเป็นให้พร้อม สำหรับ Home Isolation

ใครที่กำลังวางแผนเตรียมรับมือกับการแยกกักตัวที่บ้านอยู่ ลาซาด้าขอแนะนำอุปกรณ์หรือของใช้ที่จำเป็นที่ควรมีติดบ้านไว้เป็น Survival Kits สำหรับช่วงล็อกดาวน์ ตามนี้เลย

  • เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิร่างกาย https://bit.ly/3B8vIlg

  • เครื่องวัดออกซิเจนจากปลายนิ้ว https://bit.ly/3BiZ3K1

  • ถุงขยะสีแดงมีหูผูก สำหรับขยะติดเชื้อ https://bit.ly/3rd0ZPF

ลาซาด้ายังต่อยอดแคมเปญ ‘ช้อปคุ้ม ส่งฟรีถึงบ้าน’ ตั้งแต่ 24 กรกฎาคม – 10 สิงหาคมนี้ รวบรวมสินค้าของใช้ที่จำเป็นในปัจจุบันเข้าไว้ด้วยกัน ในราคาที่คุ้มค่า เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถช้อปได้สะดวกสบายจากที่บ้าน แม้อยู่ในภาวะล็อกดาวน์ พบกับสินค้าลดสูงสุด 80% พร้อมมอบคูปองส่งฟรีทั่วไทยแบบไม่มีขั้นต่ำอีกด้วย

ทำความรู้จัก Pfizer First-aid Center ศูนย์ปฐมพยาบาลชุมชน

แม้โควิด-19 จะเป็นโรคอุบัติใหม่ ที่กำลังสร้างความกังวลให้กับผู้คนในยุคนี้อย่างมาก แต่นั่นไม่ใช่ภัยคุกคามด้านสุขภาพเพียงชนิดเดียวที่สังคมไทยต้องเผชิญ เพราะการเจ็บป่วยเฉียบพลันจากโรคประจำถิ่น โรคตามฤดูกาล หรือแม้แต่อุบัติเหตุ ยังคงเป็นปัญหาพื้นฐานในชีวิตประจำวันที่ทุกคนไม่อาจนิ่งนอนใจ โดยเฉพาะกับพื้นที่ห่างไกลซึ่งไม่สะดวกต่อการเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีระยะทางเป็นตัวแปรสำคัญ จากสถิติการเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยเฉียบพลันของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) พบว่าผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตที่เสียชีวิตช่วงก่อนถึงโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลมีอยู่มากกว่า 20%* เนื่องจากการนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตไปรักษายังเป็นไปอย่างล่าช้า ทั้งจากสภาพการจราจรบนท้องถนนในเขตเมือง และความห่างไกลจากสถานพยาบาลของชุมชนหลายท้องถิ่น สิ่งนี้ทำให้มูลนิธิไฟเซอร์ประเทศไทยริเริ่มโครงการสร้างศูนย์ปฐมพยาบาล (Pfizer First-aid Centerเพื่อมอบให้กับชุมชนห่างไกล โดยดำเนินงานร่วมกับมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ซึ่งหลังจากดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี .2562 ศูนย์ปฐมพยาบาลที่สร้างแล้วเสร็จใน จังหวัด ได้นำความช่วยเหลือไปหาผู้ป่วยฉุกเฉินในพื้นที่ห่างไกล ทำหน้าที่เป็นสถานที่บำบัดรักษาความเจ็บป่วยเบื้องต้นอย่างทันท่วงที รวมทั้งมีบทบาทเป็นศูนย์กลางทางด้านสุขภาพให้กับผู้ที่อาศัยในพื้นที่ใกล้เคียง

ที่ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ที่ตั้งของหนึ่งใน ศูนย์ปฐมพยาบาลจากมูลนิธิไฟเซอร์ประเทศไทยที่สร้างแล้ว  นายอาฐินนท์ พึ่งสันเทียะ ผู้ประสานงานพันธกิจภูมิภาค ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ได้เล่าว่า “ในพื้นที่ของชุมชนบ้านโป่งสามสิบ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เคยมีโรคประจำถิ่นคือไข้เลือดออกซึ่งน้อยลงไปแล้ว แต่กลับมีชิคุนกุนยา (โรคติดเชื้อไวรัสที่มียุงลายเป็นพาหะ) มาแทน และเมื่อเป็นแล้วจะเป็นหนักด้วย จะเห็นว่าแม้เป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้สถานที่ซึ่งมีชื่อเสียงอย่างเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง แต่จริง ๆ แล้วชาวบ้านและเด็กในพื้นที่ยังขาดโอกาสเข้าถึงสุขภาพที่ดี เพราะโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) ตั้งอยู่ห่างออกไปถึง 5 – 6 กิโลเมตร บนเส้นทางที่ไม่สะดวกสบายนัก ปัญหาเหล่านี้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของมูลนิธิไฟเซอร์ประเทศไทยในการมอบคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน นำมาสู่การสร้างศูนย์ปฐมพยาบาลชุมชนขึ้นที่โรงเรียนบ้านโป่งสามสิบ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีห้องพยาบาลเลย ทั้งยังขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์สำหรับการปฐมพยาบาล มีเพียงตู้ยาสามัญประจำบ้านเก็บไว้ที่ห้องเรียนชั้น ป.และใช้ห้องเรียนชั้นอนุบาลเป็นห้องพักฟื้น โดยศูนย์ปฐมพยาบาลที่สร้างใหม่แห่งนี้มี เตียง ซึ่งแพทย์จาก รพ.สต.สามารถใช้เป็นฐานสำหรับดูแลรักษาชาวบ้านที่เจ็บป่วย รวมทั้งให้การอบรมให้ความรู้ในเรื่องของการเจ็บป่วย ตลอดจนการให้ความรู้ในเรื่องของการป้องกันและการรับมือกับโรคระบาดต่าง  เช่นโรคโควิด-19 ได้ เป้าหมายในอนาคตคือการสร้างความยั่งยืนด้านสุขภาพให้กับผู้คนในชุมชน ขยายความร่วมมือให้สามารถเป็นหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ในการดูแลชาวบ้าน เปิดคลินิกเป็นประจำทุกสัปดาห์หากเป็นไปได้ หรือแม้แต่การเป็นศูนย์อพยพหรือดูแลคนเจ็บป่วยกรณีเกิดภัยพิบัติ

ด้าน นายสาโรจน์ วิทยชาญวิฑูร ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม  รักษาราชการแทนปลัดเทศบาลตำบลกะเปอร์ จ.ระนอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ดำเนินโครงการสร้างศูนย์ปฐมพยาบาลเล่าว่า “ปัญหาหลักในเรื่องของการรับบริการด้านสาธารณสุขในพื้นที่กะเปอร์ อันดับแรกคือประชากรที่แอบแฝงอยู่  เช่น แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ อันดับสองคือโรคติดต่อที่มีแมลงเป็นพาหะ เช่น ไข้เลือดออก รวมทั้งโรคเรื้อรังที่เกิดจากพฤติกรรมของประชาชน และอาการเจ็บป่วยเฉียบพลัน เช่น ท้องร่วง เพราะสภาพอากาศที่ปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ ส่งผลให้น้ำบาดาลและน้ำประปาที่ใช้อาจไม่สะอาด ทำให้แต่ละวันจะมีผู้ป่วยเข้าใช้บริการที่ รพ.สต.ค่อนข้างมาก”

ส่วน นางชาลี คฑาเพ็ชร ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลบ้านด่าน อ.กะเปอร์ จ.ระนอง ซึ่งเป็นสถานที่สร้างศูนย์ปฐมพยาบาลของมูลนิธิไฟเซอร์ประเทศไทย ได้เล่าถึงแผนงานในอนาคตว่า ได้ตั้งเป้าหมายให้โรงพยาบาลมาใช้ประโยชน์จากที่นี่ด้วย โดยอาจจะเป็นจุดนัดหมายเพื่อติดตามโรคบางโรค หรือการให้บริการตรวจสุขภาพฟันของนักเรียน แทนการต้องพาเด็ก ๆ ไปที่โรงพยาบาล นอกจากนี้ยังวางแผนร่วมกับเทศบาลในการจัดอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. มาดูแลประจำที่ศูนย์ปฐมพยาบาลวันละไม่ต่ำกว่า คน ในส่วนของสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเอง ก็จะจัดเจ้าหน้าที่ของสำนักงานมาช่วยดูแลอย่างน้อยสัปดาห์ละ ครั้ง

ขณะที่ ชุมชนหนองบอน อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ อีกหนึ่งพื้นที่ในโครงการสร้างศูนย์ปฐมพยาบาล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวบ้านป่วยเป็นโรคเบาหวานจำนวนมากนั้น นายวีระชัย มุขะกัง ผู้จัดการกลุ่มโปรแกรม จ.บุรีรัมย์ มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ผู้รับผิดชอบการก่อสร้างศูนย์ปฐมพยาบาลในพื้นที่นี้ เล่าว่า  เมื่อชาวบ้านมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำจะส่งผลให้เกิดอาการ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย น้ำหนักลด ปัสสาวะบ่อยและมากผิดปกติ โดยเฉพาะเวลากลางคืน ถ้าอาการรุนแรงอาจชัก หมดสติ หรือเสียชีวิตได้ เคยมีกรณีของผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในชุมชนหนองบอนที่เป็นผู้ป่วยเบาหวาน แล้วเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดแปรปรวนเฉียบพลันขณะขับรถ ทำให้วูบจนหมดสติกะทันหัน จนรถประสบอุบัติเหตุลงข้างทาง ถือเป็นอีกหนึ่งในความน่ากลัวและคงจะเป็นเรื่องที่ลำบากไม่น้อยหากเกิดขึ้นกับในผู้สูงอายุ จึงเสนอพื้นที่ในโรงเรียนหนองบอนฐานเจ้าป่าเป็นสถานที่สร้างศูนย์ปฐมพยาบาล ที่นี่เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก นักเรียนทั้งหมดมีฐานะยากจนและไม่สามารถดูแลจัดการเรื่องสุขภาพอนามัยเองได้ ที่ผ่านมาเมื่อมีการเจ็บป่วยจะให้เด็กนอนพักด้านหลังห้องเรียนของแต่ละระดับชั้นเรียน เช่นเดียวกับคนในชุมชน เมื่อต้องการการรักษาพยาบาลก็ต้องเดินทางไปยัง รพ.สต. ที่อยู่ไกลกว่า 10 กม. ในขณะที่ชุมชนนี้อยู่ในหุบเขา ไม่มีถนนลาดยาง ทำให้ลำบากหากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น การมีศูนย์ฯ จึงช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยเฉียบพลันของคนในชุมชนที่อยู่ห่างไกลได้

โครงการศูนย์ปฐมพยาบาลชุมชน (Pfizer First-aid Center) ไม่เพียงเป็นศูนย์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่พึ่งพาแห่งแรกของคนในชุมชน ช่วยประเมินความรุนแรงในการรักษาพยาบาลได้อย่างทันท่วงที เพราะความเจ็บป่วยนั้นเกิดขึ้นได้กับทุกคนและในทุกพื้นที่ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางการดูแลด้านสุขอนามัย เผยแพร่ความรู้ ฝึกฝนการปฏิบัติ เพื่อให้นักเรียน บุคลากรในโรงเรียน ตลอดจนชาวชุมชนสามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพอย่างทั่วถึง

ในปี 2564 ซึ่งเป็นวาระครบรอบ 20 ปี ของมูลนิธิไฟเซอร์ประเทศไทย มีศูนย์ปฐมพยาบาลสร้างแล้วเสร็จ แห่ง ภายในปี 2565 มูลนิธิไฟเซอร์ประเทศไทยและมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย จะเดินหน้าสร้างศูนย์ปฐมพยาบาลเพิ่มเติมในโรงเรียนที่ห่างไกลอีก 6 แห่ง ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ (2 แห่ง) พังงา เพชรบุรี จันทบุรี และสตูล รวมเป็น 10 แห่งในทุกภูมิภาคของประเทศ ตามปณิธานของมูลนิธิไฟเซอร์ประเทศไทย ที่ต้องการให้คนไทยมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

ยอดโควิด-19 วันนี้ ผู้ติดเชื้อเพิ่ม 14,575 ราย

ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม 2564 รวม 14,575 ราย จำแนกเป็น ผู้ติดเชื้อใหม่ 13,503 ราย ผู้ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 1,072 ราย ผู้ป่วยสะสม 438,844 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้หายป่วยกลับบ้าน 7,775 ราย ผู้หายป่วยสะสม 292,726 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้เสียชีวิต 114 ราย