GBS แนะช้อปหุ้นได้ประโยชน์ WFH

บลโกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยยัง Sideway จากยอดจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งต่อเนื่อง และที่ประชุมกลุ่มประเทศ G20 ยังกังวลเชื้อไวรัสกลายพันธุ์กระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก บวกปัญหาข้อพิพาทการค้าสหรัฐจีนมีแววปะทุขึ้นอีกครั้งหลังปธน.โจ ไบเดน เตรียมเพิ่มชื่อบริษัทและหน่วยงานจีนอีกอย่างน้อย 10 แห่งในบัญชีดำ จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี 1,520-1,580 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นได้อานิสงส์ WFH

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ มีโอกาสแกว่งตัว Sideway ออกข้าง โดยแรงกดดันหลักยังอยูที่สถานการณ์โควิดในประเทศที่จำนวนผู้ติดเชื้อยังอยู่ในระดับสูง และล่าสุดทางกลุ่มประเทศ G20 กังวลว่าเชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ขณะที่ปัญหาข้อพิพาทการค้าสหรัฐ-จีนมีแววปะทุขึ้นอีกครั้งจากการที่คณะบริหารของปธน.โจ ไบเดน วางแผนเพิ่มชื่อบริษัทและหน่วยงานจีนอีกอย่างน้อย 10 แห่งในบัญชีดำทางเศรษฐกิจอย่างเร็วที่สุดในข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่นเดียวกับทาง EU ได้ลงมติเห็นชอบให้ตัวแทนทางการทูตร่วมบอยคอตต์การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวประจำปี 2565 ซึ่งจะจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งเพื่อตอบโต้การละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลจีน อย่างไรก็ตามคาว่าจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบ WTI จะช่วยพยุงตลาดไว้ได้ จึงคาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ 1,520-1,580 จุด

ส่วนปัจจัยที่ยังต้องจับตานั้นปัจจัยในประเทศ อาทิ ประชุมครม. การเตรียมเปิด “สมุย พลัส โมเดล”การแจ้งงบไตรมาส 2/2564 ของหุ้นกลุ่มธนาคารระหว่าง 15 – 21 ก.ค. นี้ และ  BOJ ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย ด้านปัจจัยต่างประเทศยังคงเป็นตัวเลขเศรษฐกิจในแต่ละเดือนที่จะทยอยประกาศออกมา เช่น การรายงานยอดนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าเดือนมิ.ย.ของจีน และการรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ ซึ่งคาดว่าทางนายพาวเวล ประธาน FED แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร อียูรายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. สหรัฐรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ อีกทั้งจีนรายงาน GDP ไตรมาส 2/64 อัตราว่างงานเดือนมิ.ย. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย. ส่วนสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิ.ย.

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก WFH ได้แก่ ADVANC- DTAC- TRUE -JAS DIF –JASIF- ITEL- INSET-NETBAY –YGG และ AS

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า  ราคาทองคำโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรับตัวขึ้น 39$/Oz สู่ 1,806$/Oz โดยราคาทองคำได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดไปทั่วโลกของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา โดยล่าสุดรัฐบาลออสเตรเลียประกาศขยายมาตรการล็อกดาวน์ในหลายเมือง อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา

นอกจากนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีดิ่งลงแตะระดับ 1.33% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือน ก.พ. 2564 และ World Gold Council ซึ่งระบุว่า 1 ใน 5 ของธนาคารกลางรายใหญ่มีแผนที่จะเพิ่มทองคำในระบบทุนสำรองในปีหน้าเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตามในสัปดาห์นี้ราคาทองคำเริ่มมีสัญญาณรีบาวด์ทางเทคนิคจากการสร้างรูปแบบกลับตัว U Shape โดยฝ่ายวิจัยประเมินกรอบทองคำที่ 1,780-1,830 $/Oz และแนะนำให้เล่นฝั่ง Short เมื่อมีการรีบาวด์ เนื่องจากมีคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ลง 20,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนในการประชุมเฟดเดือน ส.ค. เป็นปัจจัยกดดันต่อทองคำในระยะกลาง

GBS แนะช้อปหุ้น รพ.-เครื่องมือแพทย์หลังโควิดพุ่งไม่หยุด

บลโกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยผันผวน กังวลยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งรายวัน บวกการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า แนะจับตาตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศ และต่างประเทศ รวมทั้งผลประชุมเฟดเมื่อ15-16 มิ.. ที่จะรู้ผลเช้าวันที่ 8 ก.ค.นี้ จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ระดับ 1,565-1,600 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล และเครื่องมือแพทย์ 

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่งตัวผันผวน โดยนักลงทุนยังกังวลจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับต้องติดตามจำนวนผู้ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่ามีความคืบหน้ามากขึ้นเพียงใด และที่สำคัญภาระหนี้ครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปัญหาขาดสภาพคล่องหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระบาดรอบใหม่

อีกทั้งผู้เชี่ยวชาญสหรัฐกล่าวเตือนให้ระวังการออกมาเดินทางท่องเทียวในในช่วงวันหยุดยาวสัปดาห์นี้เนื่องในวันชาติสหรัฐ เพราะผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังอยู่ระดับสูง จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาซึ่งมีโอกาสที่ติดเชื้อได้ง่าย

ขณะเดียวในหลายประเทศเริ่มส่งสัญญาณเรียกเก็บภาษีจากบริษัทขนาดใหญ่ได้มากขึ้น หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เพราะมีการฉีดวัคซีนป้องกันเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และในบางประเทศครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่แล้ว  ดังนั้นคาดการณ์กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ระดับ 1,565-1,600 จุด

พร้อมกันนี้ต้องจับตาการแถลงสถานการณ์การส่งออกของสภาผู้ส่งออก และ ส.อ.ท.แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งการรายงานดัชนี PMI ภาคบริการเดือน มิ.ย. ดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย.ของสหรัฐ และอียูเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือน พ.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจขั้นต้นเดือน ก.ค. ส่วนจีนก็มีการเปิดเผยทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนมิ.ย. ขณะที่ FOMC เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 15-16 มิ.ย. ซึ่งจะรู้ผลในช่วงเช้าวันที่ 8 ก.ค. และ ธปท. เผยแพร่รายงานนโยบายการเงิน ด้านสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์  สุดท้ายจีนเปิดเผยดัชนี CPI และ PPI เดือน มิ.ย. สหรัฐรายงานสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือน พ.ค.

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลและเครื่องมือแพทย์เป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในประเทศไทยพุ่งขึ้นแรงแตะระดับ 6 พันราย ขณะที่การฉีดวัคซีนยังมีความล่าช้า และการจัดสรรวัคซีนที่ไม่ครอบคลุมการป้องกันโรคได้อย่างแท้จริง ประกอบกับผลประกอบการในช่วง 2Q64 ของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 2Q63 จากจำนวนผู้ตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น  โดยหุ้นที่น่าสนใจและแนะนำซื้อเก็งกำไร ได้แก่  CHG -EKH –BDMS- BCH –SMD และ TM

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำโลกในในเดือนมิถุนายนปรับตัวลง 135$/Oz สู่ 1,769$/Oz เนื่องจากเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือนหลังจากที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์กล่าวว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในปีหน้า ซึ่งสอดคล้องกับกรรมการเฟดจำนวน 13 จาก 18 รายคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าเดิมที่เคยส่งสัญญาณในเดือน มี.ค.ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567 นอกจากนี้ เฟดยังคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปี 2566 ส่งผลให้มีแรงเทขายทำกำไรในทองคำซึ่งก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้น 7.2% ในเดือนพฤษภาคม

ทั้งนี้ จากความผันผวนของราคาทองคำ ฝ่ายวิจัยประเมินกรอบทองคำในเดือนนี้ที่ 1,730-1,810 $/Oz โดยแนะนำให้เล่นฝั่ง Short เมื่อมีการรีบาวด์ เนื่องจากมีคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ลง 20,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนในการประชุมเฟดเดือน ส.ค. เป็นปัจจัยกดดันต่อทองคำในระยะกลาง

GBS จับตาประชุมเฟดชี้ชะตาดอกเบี้ย ชู PTT- PTTEP – PTTGC   

บลโกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยยัง Sideway รอผลเฟดกำหนดทิศทางนโยบายอัตราดอกเบี้ยหลังประชุม 16 มิ.ย.นี้ พร้อมจับตากรรมการบาเซิลเล็งบังคับแบงก์ทั่วโลกตั้งสำรองเงินทุนรองรับกรณีขาดทุนจากบิตคอยน์ และปัญหาการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า จึงให้กรอบดัชนี 1,600-1,660 จุด พร้อมแนะลงทุนหุ้นได้ประโยชน์ราคาน้ำมันพุ่ง หลังโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ มีแนวโน้มพุ่งแตะระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล ชู PTT PTTEP – PTTGC   

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวในลักษณะ Sideway โดยนักลงทุนจับตาการประชุมเฟดวันที่ 15-16 มิ.ย. นี้ เพื่อรอดูทิศทางนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่จะประกาศออกมา รวมทั้งภาพรวมเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มชะลอตัวชัดเจนมากขึ้น จากการขาดแคลนชิปทั่วโลก และจากการที่รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมโควิด

ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการบาเซิลฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคาร (Basel Committee on Banking Supervision) วางแผนกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ทั่วโลกกันสำรองเงินทุนให้เพียงพอ หากเกิดกรณีการขาดทุนจากการถือครองสกุลเงินบิตคอยน์ ซึ่งหากมีการประกาศใช้มาตรการดังกล่าวธนาคารพาณิชย์ทั่วโลกก็จะเผชิญกับข้อกำหนดในการตั้งสำรองเงินทุนที่เข้มงวดมากขึ้น

ขณะเดียวกันในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้พบ 4 คลัสเตอร์ใหม่ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ของเขตจตุจักร-ห้วยขวาง-บางนา-คันนายาว ส่วนใหญ่เป็นแคมป์คนงาน ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 3 พันราย จากในช่วงปลายสัปดาห์ก่อนได้ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2 พันรายบ้างแล้ว  อีกทั้งยังประสบปัญหาการเลื่อนการฉีดวัคซีนของ รพ.เอกชนหลายแห่งส่งผลให้เกิดความกังวลต่อระยะเวลาในการเปิดสถานที่ท่องเที่ยวอาจล่าช้าออกไป จึงคาดการณ์การเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ในกรอบ 1,600-1,660 จุด

ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตาต่อ อาทิ การพิจารณาของศาลล้มละลายนัดฟังคำสั่งแผนฟื้นฟู บมจ.การบินไทย(THAI) การเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ค. ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนมิ.ย.จากเฟดนิวยอร์ก ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรมพ.ค. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย.ของสหรัฐ ทาง EIA สหรัฐรายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ ทาง  FOMC แถลงมติอัตราดอกเบี้ย ทาง จีน รายงานยอดค้าปลีกเดือนพ.ค.และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค.และสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น โดยปัจจุบันโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ มีแนวโน้มพุ่งแตะระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรลในฤดูร้อนปีนี้ จากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก จึงแนะนำลงทุนในหุ้น PTT, PTTEP และPTTGC

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่าจากความผันผวนของราคาทองคำ ฝ่ายวิจัยประมาณการกรอบราคาทองคำในสัปดาห์นี้ไว้ที่ระดับ 1,840-1,900 $/Oz  โดยแนะนำให้รอซื้อเมื่ออ่อนตัวเนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นมากว่า 7.6% ในเดือนที่ผ่านมาทำให้เป็นเป้าหมายในการทำกำไร อย่างไรก็ตามในระยะยาวหากอัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น เราคาดว่าทองคำจะกลับมา outperform สินทรัพย์อื่นๆ อีกครั้ง

“โกลเบล็ก” ปรับโมเดลให้ครบทุกมิติด้านการลงทุน

บล. โกลเบล็ก เดินหน้าปรับยุทธ์ศาสตร์ทางธุรกิจ เพิ่มช่องทางความหลากหลายในการให้บริการแบบครบทุกมิติด้านการลงทุน  ล่าสุดผนึก ฟินเทค (ประเทศไทย) เปิดให้บริการ “GLOBLEX ROBOTRADE” ดีเดย์ 14 มิ.ย.นี้ มั่นใจขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่ม ชูจุดเด่น 4 โมเดลการลงทุนในหุ้น SET100 ตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกรายย่อยมากขึ้น หนุนผลการดำเนินงานปี2564 เติบโตก้าวกระโดดจากปีก่อนที่มีรายได้ 553 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 47 ล้านบาท

นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า จากภาพรวมการแข่งขันในธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ ที่ยังคงมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งมีการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ โดยเพิ่มช่องทางการลงทุนให้มีความหลากหลายและครบวงจรมากขึ้น ส่งผลให้ บล.โกลเบล็ก เดินหน้าปรับกลยุทธ์การให้บริการ
ให้มีความหลากหลายด้านการลงทุน เพื่อรองรับความต้องการให้กับกลุ่มลูกค้าเดิม และมุ่งสู่การขยายไปยังฐานลูกค้าในกลุ่มใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ให้ครบทุกมิติด้านการลงทุน

ล่าสุด บล. โกลเบล็ก ได้ผนึกความร่วมมือกับ บริษัท ฟินเทค (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวโปรดักส์ใหม่ด้านการลงทุน ภายใต้ GLOBLEX ROBOTRADE ซึ่งเป็นโมเดลการลงทุนดังกล่าว จะเป็นการสร้างและบริหารพอร์ตการลงทุน โดยการนำเทคโนโลยีระบบ AI มาช่วยบริหารพอร์ต และส่งคำสั่งซื้อขายแบบอัตโนมัติ โดยระบบจะวิเคราะห์ และประมวลผลเชิงสถิติ เพื่อจับสัญญาณการลงทุน ให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเองได้

ทั้งนี้ สำหรับ โปรแกรมเทรด GLOBLEX ROBOTRADE ถูกออกแบบสำหรับการลงทุนในกลุ่ม SET100 เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงด้านการลงทุน โดยนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งหมด 4 โมเดล ได้แก่

1. Growth Factor Model ซึ่งเน้นการลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตแบบมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านรายได้ยอดขาย กำไร และกระแสเงินสด รวมทั้งราคาของหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.Quality Factor Model โดยเน้นการลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตที่ดี มีศักยภาพในการทำกำไร บริหารต้นทุน และจัดการกระแสเงินสดที่ดี 3. Valuation Factor Model เน้นการลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพในการบริหารสินทรัพย์ของบริษัทให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด และ 4. Dividend Factor Model เน้นการลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงและต่อเนื่อง รวมทั้งสามารถบริหารจัดการหนี้สินของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโปรแกรมเทรดดังกล่าวเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการวันนี้ (14 มิ.ย.)

“ เชื่อว่า “GLOBLEX ROBOTRADE” จะสามารถเข้ามาเพิ่มศักยภาพในการลงทุนให้กับนักลงทุน และสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ได้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก ROBOTRADE มีความรวดเร็ว และความแม่นยำด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติ รวมถึงในเรื่องคำสั่งซื้อ-ขาย และยิ่งเป็นความร่วมมือกับ บริษัท ฟินเทค (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีศักยภาพในการพัฒนาระบบโปรแกรมเทรดในรูปแบบดังกล่าว ยิ่งเป็นการช่วยสร้างความตอกย้ำความน่าเชื่อถือการเทรดในรูปแบบดังกล่าวมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้หากนักลงทุนสนใจ สามารถเลือกเปิดบัญชีกับ บล.โกลเบล็ก แล้วเลือกลงทุนใน 4 โมเดลดังกล่าวข้างต้น โดยใช้เงินลงทุนขั้นต่ำ 100,000 บาทต่อโมเดล และสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านบาท ซึ่งในแต่ละโมเดลทางระบบจะบริหารจัดสรรเงินลงทุนให้ โดยเน้นการลงทุนในหุ้น SET 100 ซึ่งมีทิศทางการเติบโตที่ดีเป็นตัวการันตีได้อยู่แล้ว”

ทั้งนี้ นอกจากโปรแกรมดังกล่าวในข้างต้นแล้ว บล.โกลเบล็ก ยังมีให้บริการด้านการเป็นตัวแทนซื้อขายกองทุนรวม (Wealth Management) โดยเน้นกับลูกค้ากลุ่ม High Net Worth , การออกหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง หรือ Structured Note ซึ่งมุ่งเน้นลงทุนในหุ้นใน SET 50 ปัจจัยพื้นฐานดี, การให้บริการด้านวาณิชธนกิจมีการเติบโตที่ดีขึ้นจากการเป็นที่ปรึกษาในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และการให้บริการตราสารทุน (Bond), Options และการรักษาความเสี่ยงด้านการลงทุนของฝ่ายค้าตราสารทุนและอนุพันธ์ (Proprietary Trading), เครดิตบาลานซ์, Margin Loan, Block Trade ที่มีการเติบโตที่ดีขึ้น

ดังนั้น บริษัทฯ มองว่า หลังจากเพิ่มศักยภาพการด้านการให้บริการที่ครบทุกมิติด้านการลงทุน จะส่งผลเชิงบวกต่อภาพรวมของบริษัทฯในอนาคต ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2564 ที่สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด เมื่อเทียบจากปี 2563 ที่มีรายได้รวม 553 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 47 ล้านบาท