เปิดตัว โครงการแม็คโครเคียงข้างเกษตรกรไทย สู้ภัยโควิด

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เปิดตัวโครงการใหญ่ “โครงการแม็คโครเคียงข้างเกษตรกรไทย สู้ภัยโควิด” เดินหน้ารับซื้อสินค้าเกษตร ผัก-ผลไม้-สินค้าประมง ผ่านการรับซื้อตรงอย่างต่อเนื่อง หลังลงนามเอ็มโอยูกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ มุ่งช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 ตั้งเป้าหมายรับซื้อเพิ่ม 20%

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นเป็นสถานการณ์ที่ไม่จบลงโดยง่ายและอาจยืดเยื้อไปอีกหลายเดือน ซึ่งได้สร้างผลกระทบให้กับเกษตรกรรายย่อยเป็นจำนวนมาก ที่ต้องเผชิญกับปัญหาผลผลิตระบายไม่ทัน ล่าสุดแม็คโครจึงได้เปิดตัว ‘โครงการแม็คโครเคียงข้างเกษตรกรไทย สู้ภัยโควิด’ หลังจากได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยได้รับซื้อสินค้าเกษตรจากชาวสวนชาวไร่มาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง ผลไม้ตามฤดูกาล ผัก สินค้าประมง พร้อมวางแผนการส่งเสริมการขาย กระตุ้นการบริโภคให้กับลูกค้าทุกกลุ่มผ่านสาขาทั่วประเทศของแม็คโคร

แม็คโคร เรามีทีมพี่เลี้ยงเกษตรกร ประจำภูมิภาคต่างๆ คอยทำหน้าที่ในการลงพื้นที่หาผลผลิตจากเกษตรกรรายย่อยที่มีคุณภาพ และร่วมกันพัฒนาเพื่อให้เกิดการทำเกษตรที่ยั่งยืนในระยะยาว ภายใต้หลัก การตลาดนำการผลิต อีกทั้งยังจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าภูมิภาคที่เป็นช่องทางสำคัญในการสร้างโอกาสให้เกษตรกรส่งผลผลิตขายโดยตรงมากขึ้น ประกอบกับการประสานงานกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์และพาณิชย์จังหวัด ทำให้การแก้ปัญหา สินค้าเกษตรล้นตลาดเป็นไปด้วยความรวดเร็ว สามารถช่วยเกษตรกรที่กำลังประสบปัญหาได้ทันท่วงที ซึ่งคาดว่าในปีนี้เราจะรับซื้อสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นอีก 20%

แม็คโคร ได้วางแผนการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อยในหลายมาตรการ ประกอบด้วย

1. ขยายการรับซื้อและกระจายสินค้าสู่ทุกสาขาทั่วประเทศเพิ่มจาก 170,000 ตันในปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะรับซื้อเพิ่มขึ้นอีก 20% หรือ 204,000 ตันในปีนี้

2. แผนจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าย่อยในภูมิภาคต่างๆ 6 แห่ง เพิ่มโอกาสในการรับซื้อตรง (Direct sourcing) ให้เกษตรกรรายย่อยทั่วประเทศ โดยเปิดแห่งแรกแล้วที่จังหวัดเขียงใหม่

3. การพัฒนามาตรฐานการเพาะปลูกร่วมกับเกษตรกร ด้วยการจับมือกับหลายหน่วยงาน อาทิ ส่งเสริมเกษตรกรแปลงใหญ่ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พัฒนามาตรฐาน GAP ให้เกษตรกร จาก 1,200 ราย เพิ่มเป็น 1,500 รายในปี 2564

4. โครงการจับคู่ธุรกิจ Business Matching ตามภูมิภาคต่างๆ เพิ่มโอกาสเกษตรกรได้เข้าถึงช่องทางจำหน่ายที่มั่นคงอย่างแม็คโคร

5. การส่งเสริมสภาพคล่อง ด้วยการกำหนดระยะเวลาการชำระสินค้า (Credit Term) ส่วนใหญ่ ไม่เกิน 30 วัน

สำหรับผลผลิตที่รับซื้อจากเกษตรกรรายย่อยที่ประสบปัญหาล้นตลาดในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคมนี้ ประกอบด้วย ฟักทอง จากเกษตรกรกว่า 200 ครัวเรือนในภาคเหนือและภาคใต้จำนวน 303 ตัน, เผือก จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่เผือกหอม อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ที่มีสมาชิก 100 ครัวเรือน จำนวน 200 ตัน, หน่อไม้หวาน จากกลุ่มเกษตรกร จ.สระแก้วและ จ.ฉะเชิงเทรา 150 ครัวเรือน จำนวน 208 ตัน, พริกสด จากกลุ่มเกษตรกร จ.พัทลุง 50 ครัวเรือน จำนวน 30 ตัน, สับปะรดปัตตาเวีย จากกลุ่มแปลงใหญ่สับปะรด อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง 100 ครัวเรือน จำนวน 18,000 ผลต่อเดือน, สละอินโด จากเกษตรแปลงใหญ่ ต.ตะดละทรายทอง อ.ไม้แก่น และเกษตรแปลงใหญ่ ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี 100 ครัวเรือน จำนวน 16 ตันต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีสินค้าประมง อาทิ ปลานิล จาก จ.นครพนม จ.โคราช จ.สงขลา 199 ครัวเรือน ซึ่งในระยะเวลาสองอาทิตย์ รับซื้อไปแล้วมากกว่า 3 ตัน และยังมีโครงการรับซื้ออย่างต่อเนื่อง ฯลฯ

นางศิริพร กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน เรามีเกษตรกรรายย่อยที่เป็นคู่ค้ากับแม็คโคร มากกว่า 7,000 ราย และมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตการณ์โควิด-19 เช่นนี้ ยังมีเกษตรกรอีกมากมายที่กำลังเดือดร้อน และต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งเราไม่เพียงแค่รับซื้อ แต่ยังวางแผนการพัฒนาร่วมกัน เพื่อให้เกษตรกรรายนั้นๆ ได้เป็นคู่ค้าถาวร มีตลาดที่มั่นคงยั่งยืน ผ่านการกระจายผลิตผลไปยังลูกค้าผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นลูกค้าหลักที่สำคัญของแม็คโคร รวมถึงการจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นการบริโภคสินค้าจากเกษตรกรไทยสู้ภัยโควิดอย่างต่อเนื่อง

แม็คโคร ลาดพร้าว กลับมาเปิดให้บริการแล้ว

หลังทำความสะอาดบิ๊กคลีนนิ่ง อบพ่นยาฆ่าเชื้อครั้งใหญ่ ด้วยมาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในโรงพยาบาล และตรวจเชื้อเชิงรุกพนักงาน 100% แล้ว วันนี้ แม็คโคร ลาดพร้าว กลับมาเปิดให้บริการลูกค้าตามปกติแล้ว ตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น. ทุกวัน ด้วยมาตรฐานสถานประกอบการปลอดภัย ป้องกันโควิด-19 ‘THAI STOP COVID Plus’ ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และยังเน้นย้ำมาตรการป้องกันขั้นสูงสุดแบบจัดหนักจัดเต็ม

ที่ได้ใจลูกค้าสุดๆ เห็นจะเป็นมาตรการ แจกถุงมือ ให้ลูกค้าทุกคนก่อนเข้าสาขา เพื่อลดการสัมผัส และ “ทีมรักษาระยะห่าง” ที่กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของแม็คโคร กับการทำหน้าที่คอยประกาศเตือนให้ทุกคนเว้นระยะห่างแบบถี่ยิบในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะแผนกอาหารสดที่มีผู้ใช้บริการหนาแน่น ส่วนขั้นตอนชำระเงิน นอกจากจะเจอกับ พนักงานแคชเชียร์ที่จัดเต็มทั้ง ถุงมือ หน้ากากอนามัย เฟซชิลด์แล้ว ยังรณรงค์ให้ “ชำระเงินแบบ Cashless payment” ลดความเสี่ยงการสัมผัสเงินสดด้วย

งานนี้ ลูกค้า ถึงกับเก็บทรงไม่อยู่ เอ่ยปาก “เข้มกว่าเดิม” เพิ่มเติมทุกการป้องกัน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดจริงๆ

แม็คโคร ตั้งเป้าองค์กรปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ประกาศเจตนารมณ์รับวันสิ่งแวดล้อมโลก ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นศูนย์ในปี 2573 ขับเคลื่อนธุรกิจสีเขียวตลอดห่วงโซ่ ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไปแล้ว 2 หมื่นตันคาร์บอนเทียบเท่าต่อปี พร้อมเดินหน้าหยุดขายโฟมบรรจุอาหารทุกสาขาทั่วประเทศสิ้นปี 2564

ดร.อนันต์ วัชรพงษ์วินิจ ผู้อำนวยการ ฝ่ายก่อสร้างและบริหารทรัพยากรอาคาร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)

ดร.อนันต์ วัชรพงษ์วินิจ ผู้อำนวยการ ฝ่ายก่อสร้างและบริหารทรัพยากรอาคาร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม็คโครมีปรัชญาในการดำเนินธุรกิจเพื่อการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ ตลอดห่วงโซ่ธุรกิจ เริ่มตั้งแต่การไม่ให้ถุงพลาสติกหูหิ้วตั้งแต่วันแรกของการเปิดดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งช่วยลดการทิ้งถุงพลาสติกลงสู่สิ่งแวดล้อมไปกว่า 4,400 ล้านชิ้น ล่าสุด เนื่องในวาระครบรอบ 32 ปีของแม็คโคร เราได้ประกาศเจตนารมณ์ในการตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นศูนย์ ในปี 2573 ผ่านการวางโรดแมปการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพและการใช้พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด การส่งเสริมให้ลูกค้าผู้ประกอบการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านแผนเชิงรุกในการหยุดขายโฟมบรรจุอาหารและทดแทนด้วยบรรจุภัณฑ์แบบย่อยสลายได้

ในปีนี้การดำเนินการเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของแม็คโคร ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จากหลายโครงการ ทั้งการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar rooftop) จำนวน 52 สาขา ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปได้ประมาณ 20,000 ตัน CO2e ต่อปี เทียบได้กับการปลูกต้นไม้ 1.3 ล้านต้น , การบริหารจัดการพลังงานภายในอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ จากการเปลี่ยนโคมไฟแสงสว่างเป็นหลอด LED ประสิทธิภาพสูง ใน 26 สาขา การบริหารจัดการระบบทำความเย็นและน้ำยาทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ของระบบตู้แช่อาหารสด รวมทั้ง เปลี่ยนเครื่องทำความเย็น (Chiller) ระบบปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง จำนวน 17 สาขา ทำให้ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลง 5,460,000 กิโลวัตต์ชั่วโมง ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปได้ 2,800 ตัน CO2e ต่อปี

ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากประกาศความเป็นผู้นำธุรกิจค้าส่งไทยรายแรกที่ตั้งเป้าลดการจำหน่ายภาชนะโฟมใส่อาหารแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง ผ่านโครงการแม็คโครรักษ์โลก Say Hi to Bio, Say No to Foam ในปี 2562 จนถึงปัจจุบันแม็คโคร 52 สาขา หยุดจำหน่ายโฟมบรรจุอาหาร ลดการจำหน่ายไปแล้วกว่า 32.78 ล้านชิ้น ซึ่งโครงการนี้มีเป้าหมายหยุดขายโฟมบรรจุอาหารในทุกสาขาทั่วประเทศภายในปี 2564 นอกจากหยุดยั้งการสร้างขยะย่อยสลายยากให้แก่โลกแล้ว แม็คโครยังจัดกิจกรรมรณรงค์ผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านโชห่วย ที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่สำคัญ หันมาใช้บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายง่ายเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

ดร.อนันต์ กล่าวอีกว่า นอกเหนือจากวิกฤตโควิด-19 เราทุกคนยังต้องเผชิญกับภาวะโลกร้อนอย่างต่อเนื่อง ทุกภาคส่วนบนโลกจึงล้วนมีส่วนสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับการดำเนินงานและ พันธกิจของแม็คโคร ที่มุ่งสู่การเป็นธุรกิจสีเขียวตลอดห่วงโซ่ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ สร้างความตระหนักและชวนเชิญลูกค้าประชาชนให้เห็นความสำคัญของวิกฤตการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกด้วย

ทั้งนี้ แม็คโคร ได้รับรางวัลในด้านสิ่งแวดล้อมมากมาย อาทิ รางวัลประกาศเกียรติคุณในฐานะที่เป็นองค์กรที่สนับสนุนกิจกรรมการลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme) ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร ประจำปี 2561 โดย องค์การบริการจัดการก๊าซเรือนกระจก, ในปี 2563 รับรางวัลด้านความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมระดับยอดเยื่ยม Platinum จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค GSEE (Global Sustainable Energy and Environment) และโล่ห์ประกาศเกียรติคุณจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Programm : T-Ver) ประจำปี 2563 จำนวน 3 รางวัล

ดร.อนันต์ วัชรพงษ์วินิจ ผู้อำนวยการ ฝ่ายก่อสร้างและบริหารทรัพยากรอาคาร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)