SCGP เปิดเกมรุกตลาดวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ 

SCGP เดินหน้ากลยุทธ์การให้บริการลูกค้าแบบครบวงจร ด้วยการขยายธุรกิจครั้งสำคัญเข้าสู่ตลาดวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical Supplies and Labwareรับเทรนด์โลกที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับสุขอนามัยและการดูแลสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยลงนามสัญญาเข้าซื้อหุ้นร้อยละ 85 ใน Deltalab, S.Lประเทศสเปน ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ในยุโรป เพิ่มพอร์ตสินค้ามูลค่าสูง เสริมศักยภาพการให้บริการและ การเติบโตของ SCGP ในระดับโลก

วิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP

นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า ปัจจุบันหนึ่งในเทรนด์ของโลกสำหรับผู้บริโภคคือความสนใจดูแลรักษาสุขภาพมากขึ้น และแนวโน้มการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งส่งผลให้ความต้องการในการตรวจและวินิจฉัยโรคสูงขึ้นทั่วโลก เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพและการแพทย์ จนกลายเป็นหนึ่งในเซ็กเมนต์ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 26,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8.แสนล้านบาท) ในยุโรป และประมาณ 48,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.ล้านล้านบาท) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 79 ต่อปี*

ตามแผนกลยุทธ์ของ SCGP ที่มุ่งเน้นการให้บริการลูกค้าแบบครบวงจร ด้วยการขยายไปยังธุรกิจที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย และการมุ่งขยายในธุรกิจปลายน้ำ (Downstream) ให้เติบโตยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีความเกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ สุขภาพและการแพทย์ SCGP จึงรุกเข้าสู่ตลาดวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง โดยการนำความรู้และความเชี่ยวชาญมาต่อยอด ด้วยการลงนามสัญญาเข้าซื้อหุ้นร้อยละ 85 ใน Deltalab, S.L. (หรือ Deltalab) ประเทศสเปน ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยธุรกรรมจะเสร็จสิ้นประมาณไตรมาสที่ ของปี 2564

Deltalab, S.L. ตั้งอยู่ที่ประเทศสเปน เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและจัดจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์คุณภาพสูงในยุโรป โดยมีผลิตภัณฑ์มากกว่า 15,000 รายการ (SKUs) และมีกำลังการผลิต 250 ล้านชิ้นต่อปี ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่น ประกอบด้วย  ถ้วยเก็บตัวอย่างของเหลวจากร่างกาย หลอดสุญญากาศสำหรับถ่ายเทตัวอย่าง (Liquid containers and tubes for vacuum system) หลอดเก็บตัวอย่างเลือด (Traceable blood collection tube set for Haematology) หลอดขนาดเล็กสำหรับงานวิเคราะห์พันธุกรรม (Microtubes and flexible plates for real time PCR) หลอดปิเป็ตขนาดต่าง ๆ สำหรับถ่ายเท ตวง ของเหลว (Various types of pipettes for liquid handling) ตู้แช่แข็งเก็บวัคซีนและตัวอย่างทางพันธุกรรม (Cold (Cryogenicstorage system for vaccine and Molecular Biology) ชุดตรวจสวอบ (Swab test set) ภาชนะและบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มที่เน้นความปลอดภัยและสุขอนามัย (Hygine & Safety industrial packaging) เป็นต้น โดยมีการส่งออกสินค้าไปยัง 125 ประเทศทั่วโลก ในปี 2563 Deltalab, S.L. มีรายได้ 72.ล้านยูโร (ประมาณ 2,800 ล้านบาท) และมีทรัพย์สินรวม ณ สิ้นปี 2563 อยู่ที่ 54.3 ล้านยูโร (ประมาณ 2,100 ล้านบาท) 

การเข้าลงทุนในตลาดด้านวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์นี้ นับเป็นก้าวที่สำคัญของ SCGP ในการนำศักยภาพ ความเชี่ยวชาญ และองค์ความรู้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ ตลอดจนการผลิตกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้อง มาต่อยอดสู่ธุรกิจด้านสุขภาพและการแพทย์ (Healthcare and Medical Business) ทั้งความรู้ในการขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ การใช้เทคโนโลยีการผลิตที่คล้ายกัน การวิจัยและพัฒนาในระดับสูงที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการแพทย์ ฯลฯ ที่สามารถส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชันใหม่ ๆ เพื่อรองรับการใช้งานของผู้บริโภคที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว

SCGP ดำเนินการตามกลยุทธ์ในการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรอย่างแข็งแกร่ง ด้วยการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีการวิจัยและพัฒนาร่วมกัน เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เพิ่มฐานลูกค้าและผลิตภัณฑ์ของ SCGP และเพิ่มมูลค่าจากฐานลูกค้าร่วม รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการสู่ระดับโลก อันเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับแผนการขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพและการแพทย์ในทวีปเอเชีย ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและสร้างมูลค่าเพิ่มของ SCGP ต่อไปในระยะยาว” นายวิชาญ กล่าวเพิ่ม

PTG จับมือ SCGP ตั้งจุดรับขยะไปรีไซเคิล

PTG ร่วมกับ SCGP ตั้งจุดรับกล่อง-ลังกระดาษและพลาสติก ภายในสถานีบริการน้ำมัน PT พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อรีไซเคิลนำกลับใช้ประโยชน์ใหม่ ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน ช่วยลดวิกฤตขยะล้นเมืองอย่างยั่งยืน

ปัจจุบันกล่อง ลังกระดาษ รวมทั้งขวดพลาสติกที่มีปริมาณมากขึ้น อันเนื่องมาจากพฤติกรรมการใช้แล้วทิ้งของผู้บริโภค ตลอดจนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ที่ภาครัฐได้ออกมาตรการล็อกดาวน์หลายพื้นที่  ทำให้เกิดการใช้วิถีชีวิตแบบใหม่ให้ห่างไกลจากการสุ่มเสี่ยงต่อการรับเชื้อโควิด-19  ส่งผลให้เกิดปริมาณขยะกระดาษและพลาสติกมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และเพื่อเป็นการลดปริมาณขยะและสานต่อเจตนารมณ์การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ร่วมกับ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG จึงร่วมกันรณรงค์คัดแยกขยะก่อนทิ้ง ภายใต้ โครงการ SCGP x PTG ตู้รับกระดาษและขวดน้ำพลาสติกรีไซเคิล นำขยะกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากร  เริ่มตั้งแต่การวางแผนและออกแบบ การผลิต การบริโภค การจัดการของเสีย ตลอดจนการนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งรูปแบบดังกล่าวเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการรีไซเคิลและการกำจัดขยะอย่างถูกวิธีและเป็นระบบ ด้วยการติดตั้งจุดบริการรับฝากขยะ (SCGP reXycle Drop Point) ภายในสถานีบริการน้ำมัน PT ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวม 5 สาขา เพื่อรับกล่องและลังกระดาษ รวมทั้งขวดพลาสติกที่ใช้แล้ว โดยจะเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป

นายสุวัชชัย พิทักษ์วงศาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอลิมปัส ออยล์ จำกัด บริษัทในกลุ่มของบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจ LPG ภายใต้แบรนด์ PT , ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม , ร้านสะดวกซื้อ , ศูนย์ซ่อมบำรุง และพลังงานทดแทน  บริษัทฯ ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างจุดรับขยะอย่างเป็นระบบ เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการทิ้งขยะของประชาชน ลดปริมาณขยะล้นเมือง เพิ่มอัตราการรีไซเคิลของกระดาษรวมทั้งขวดน้ำพลาสติก และสร้างสังคม  รีไซเคิลอย่างเป็นรูปธรรมภายในประเทศให้ขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น

สำหรับประชาชนทั่วไป ที่ต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดปริมาณขยะและร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สามารถนำขยะจากบรรจุภัณฑ์ต่างๆเพื่อกลับสู่ระบบรีไซเคิล มาฝากทิ้งที่จุดบริการรับฝากขยะ (SCGP reXycle Drop Point) ภายในสถานีบริการน้ำมัน PT พื้นที่นำร่อง 5 สาขา ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประกอบด้วย  สาขา ถ.กาญจนาภิเษก กม.18 , สาขาหนองแขม (ถนนเพชรเกษม 81) , สาขา ถ.จันทน์1 (ซ.40) , สาขาคลองหลวง 4 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และสาขาประตูน้ำพระอินทร์ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งในอนาคตจะขยายการตั้งจุดบริการรับฝากขยะ ภายในสถานีบริการน้ำมัน PT อื่นๆ เพิ่มเติมต่อไป

“บริษัท โอลิมปัส ออยล์ จำกัด ขอเชิญประชาชนและลูกค้าทุกท่าน ร่วมให้ความสำคัญกับการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธีและปลอดภัยตั้งแต่ต้นทาง ก่อนเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสิ่งที่กำลังจะกลายเป็นขยะ  โดยบริษัทฯ พร้อมเดินหน้าลดปัญหาขยะจากการบริโภคอย่างเป็นระบบและยั่งยืน เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกอันเกิดจากขั้นตอนการกำจัดขยะที่ส่งผลต่อภาวะโลกร้อน และนับเป็นโอกาสที่ดีในการเริ่มผลักดันการจัดการขยะและขับเคลื่อนการรีไซเคิลให้เป็นวาระแห่งชาติอย่างจริงจัง  เพื่อสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่และความอยู่ดี มีสุขของประชาชน” นายสุวัชชัย กล่าว

ขณะที่ นายกุลเชฏฐ์ ธาราจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงิน บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP กล่าวว่า SCGP มีความยินดีและขอขอบคุณ PTG ที่ได้ร่วมมือกันเป็นพันธมิตรส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างสะดวก ด้วยการคัดแยกขยะและส่งให้ที่ SCGP reXycle Drop Point ในสถานีบริการน้ำมัน PT ใกล้บ้าน เพื่อนำกลับสู่กระบวนการรีไซเคิลเป็นวัตถุดิบในการผลิตใหม่และยังสร้างมูลค่าเพิ่มได้อีกด้วย เช่น เศษกระดาษสามารถรีไซเคิลและออกแบบเป็นเฟอร์นิเจอร์กระดาษที่มีน้ำหนักเบาและแข็งแรง ขวดพลาสติก PET ก็สามารถรีไซเคิลเป็นใยสังเคราะห์สำหรับผลิตเสื้อผ้าได้ เป็นต้น ซึ่งการส่งเสริมพฤติกรรมจัดการขยะตั้งแต่ต้นทางนี้จะช่วยให้ทรัพยากรได้หมุนเวียนใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปริมาณขยะปนเปื้อนที่ไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ทำให้ต้องกำจัดด้วยการเผาหรือฝังกลบ มีส่วนเพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของปัญหาโลกร้อน โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือระหว่างกันในครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยสังคมและผู้บริโภคให้ร่วมดูแลโลกได้อย่างยั่งยืน โดยเริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ใกล้ตัว