SAPPE เปิดตัวกาแฟปรุงสำเร็จ 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ เจาะเทรนด์ดูแลสุขภาพ

บมจ.เซ็ปเป้ หรือ SAPPE จับพฤติกรรมผู้บริโภคนำ Pain Point ของลูกค้ามาสร้างสรรผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ เปิดตัว ผลิตภัณฑ์ใหม่ กาแฟปรุงสำเร็จแบรนด์ เพรียว คอฟฟี่ สูตรใหม่ “คอลลาเจน ไทพ์ทู” มีส่วนช่วยบรรเทาอาการปวดข้อปวดเข่า เพิ่มความแข็งแรงให้กับกระดูก และแม็กซ์ทีฟ ‘กาแฟถังเช่าสายพันธุ์ทิเบตผสมวิตามินบีรวม’ กาแฟสำหรับผู้ชายที่ต้องการดูแลสุขภาพ เจาะกลุ่มผู้บริโภคกาแฟ 3in1 วางจำหน่ายแล้วผ่านร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ ราคาซองละ 10 บาท 

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสที่ บริษัทฯ รุกหนักพัฒนาสินค้าใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะเทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงครึ่งปีหลัง โดยล่าสุดได้เปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเจาะตลาดกาแฟปรุงสำเร็จ แบบ 3 in 1 ได้แก่ กาแฟปรุงสำเร็จแบรนด์ เพรียว คอฟฟี่ สูตรใหม่ คอลลาเจน ไทพ์ทู และ แม็กซ์ทีฟ กาแฟถังเช่าสายพันธุ์ทิเบตผสมวิตามินบีรวม พร้อมวางจำหน่ายทั่วประเทศผ่าน 4 ช่องทางหลัก คือ ร้านสะดวกซื้อ, โมเดิร์นเทรด, ร้านค้าปลีก และช่องทางออนไลน์ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนยอดขายของบริษัทฯ ให้เติบโตในช่วงครึ่งปีหลัง  

สำหรับเพรียว คอฟฟี่ สูตรใหม่ คอลลาเจน ไทพ์ทู เกิดจากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน พบปัญหา (Pain Point) ของกลุ่มผู้บริโภคที่เกิดขึ้นมาจากภาวะปัญหาน้ำหนักตัว ซึ่งอาจส่งผลต่อปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมา รวมทั้งอาการปวดข้อปวดเข่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายมักจะใช้วิธีเติมผงคอลลาเจนลงในกาแฟ 3 in 1 ที่รับประทานทุกวัน ประกอบกับหากประเมินภาพรวมตลาดกาแฟควบคุมน้ำหนักในปัจจุบัน ยังไม่มีผู้เล่นรายใดหรือแบรนด์ใดเข้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟปรุงสำเร็จ 3 in 1 ในรูปแบบนี้ บริษัทฯ จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภค เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาให้ตรงจุด  ด้วยการออกผลิตภัณฑ์กาแฟปรุงสำเร็จแบรนด์ เพรียว คอฟฟี่ สูตรใหม่ คอลลาเจน ไทพ์ทู กาแฟสำหรับคนรักสุขภาพ ด้วยคุณสมบัติของคอลลาเจน เปปไทด์ ไทพ์ทู มีส่วนช่วยบรรเทาอาการเข่าลั่น ปวดข้อ ข้อเข่าติด โดยมีแคลเซียม แอลทีโอเนต เพิ่มความแข็งแรงให้กับกระดูก ซึ่งเป็นแคลเซียมที่ดูดซึมได้ดีที่สุด ประกอบกับมีโครเมียม อะมิโน แอซิด คีเลต  และไม่ผสมน้ำตาลทราย มีแคลอรีต่ำเพียง 70 Kcal ในราคาซองละ 10 บาท 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะที่กาแฟปรุงสำเร็จแม็กซ์ทีฟ “กาแฟถังเช่าสายพันธุ์ทิเบตผสมวิตามินบีรวม” เกิดจากกระแสการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคที่ในปัจจุบันจะมองหาผลิตภัณฑ์หรือส่วนผสมจากธรรมชาติมากขึ้น และถั่งเช่าถือเป็นสมุนไพรที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจเป็นอย่างมาก บริษัทจึงจับกระแสตลาดกาแฟสมุนไพร ด้วยการผสมถั่งเช่าสายพันธุ์ทิเบตและวิตามินบีรวม เพื่อให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์จากการดื่มกาแฟมากยิงขึ้น โดยกาแฟปรุงสำเร็จแม็กซ์ทีฟ มีวิตามินบีรวม มีส่วนช่วยลดอาการอ่อนเพลีย  ไม่ผสมน้ำตาลทราย ไม่มีคอเลสเตอรอล ในราคาซองละ 10 บาท สามารถดื่มเพื่อสุขภาพได้เป็นอย่างดี  

“เมื่อเราดูจากผลวิจัย พบว่ามีการปรับตัวของผู้บริโภคกาแฟในช่วงวิกฤตโควิด-19 ส่งผลให้ตลาดกาแฟในปี 2563 เติบโต 10.7% ปัจจัยหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและการปรับตัวรับเทรนด์ใหม่ๆ ของผู้ผลิตกาแฟ ทำให้ผู้บริโภคนิยมชงกาแฟดื่มเองมากขึ้น ประกอบกับเราได้ลงลึกถึงรายละเอียดสำคัญในการสำรวจพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย SAPPE จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพรียว คอลลาเจน ไทพ์ทู และกาแฟถังเช่าสายพันธุ์ทิเบตผสมวิตามินบีรวม ตราแม็กซ์ทีฟ ที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นสายสุขภาพ รวมถึงเจาะเข้าถึงกลุ่มตลาดกาแฟควบคุมน้ำหนัก และขยายฐานสู่กลุ่มลูกค้าที่นิยมดื่มกาแฟ 3 in 1” นางสาวปิยจิต กล่าว

เปิดตัว ‘รูบี้ เลดี้’ เครื่องดื่มฟังก์ชันนัลช็อต เจาะกลุ่มผู้หญิง

บมจ.เซ็ปเป้ หรือ SAPPE ผู้นำด้านนวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่ม สร้างปรากฏการณ์ใหม่อีกครั้ง เปิดตัวเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลช็อตสำหรับผู้หญิงในช่วงที่มีประจำเดือนโดยเฉพาะ แบรนด์ บิวติ ดริ้งค์ รูบี้ เลดี้ โดยนับเป็นสินค้าเปิดตัวซีรีส์ใหม่ภายใต้แบรนด์ บิวติ ดริ้งค์ ที่นำคุณสมบัติของสมุนไพรมาทำให้ดื่มง่าย ช่วยให้สาวๆ ผ่านวันนั้นของเดือนไปได้อย่างสวยงาม วางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ทุกสาขา ราคา 29 บาท ตั้งเป้ายอดขายปีแรก 50 ล้านบาท  

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า จากภาพรวมตลาดเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในประเทศปี 2564 ที่จัดทำโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่ามีมูลค่าตลาดรวม 1.97 – 1.99 แสนล้านบาท เติบโตเล็กน้อยที่ 0.5 – 1.5% โดยหากเจาะลึกลงไปใน Category ที่เติบโตได้ดีมากยังคงเป็น Functional drink ซึ่งปี 2020 โต 9-11%  และยังคงโตอยู่ในครึ่งปีแรก 2021  ดังนั้น เครื่องดื่มที่คาดว่าจะมีโอกาสเติบโตในปีนี้ ได้แก่ เครื่องดื่ม Specialty ที่ตอบโจทย์ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ น้ำผสมวิตามิน เครื่องดื่มวิตามิน และฟังก์ชันนัลดริ้งค์ เนื่องจากสามารถดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคที่ยังมีกำลังซื้อและต้องการทดลองเครื่องดื่มใหม่ๆ โดยพบว่าปัจจุบันมีกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและต้องการเครื่องดื่มที่มีโภชนาการเพื่อฟื้นฟูร่างกาย จึงมุ่งคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว โดยเฉพาะผู้หญิงในช่วงที่มีประจำเดือน ถือเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก

บริษัทฯ จึงคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ผ่านโครงการ InnoThink ซึ่งเซ็ปเป้เปิดเวทีให้พนักงานทุกคนในองค์กร ส่งไอเดียเข้าร่วมประกวด เพื่อเฟ้นหาไอเดียที่สามารถเปลี่ยนโลกได้ และช่วยทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้น โดยไอเดียที่ชนะการประกวดจากโครงการดังกล่าวเซ็ปเป้จะนำมาต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด และหนึ่งในไอเดียที่มาจาก Insight ของผู้บริโภค ที่พบว่า 70 – 80% ของผู้หญิงในช่วงเวลาที่มีประจำเดือน จะมีปัญหาไม่สบายตัวเนื่องจากฮอร์โมนร่างกายขาดความสมดุล ซึ่งการทานยาสตรีเพื่อปรับสภาพร่างกายในช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือก อย่างไรก็ตามพบว่าวัยรุ่นส่วนหนึ่งมีปัญหาทานยาสตรีได้ค่อนข้างลำบาก บริษัทฯ จึงเห็นช่องว่างทางการตลาดและเดินหน้าคิดค้นและพัฒนาเครื่องดื่ม เพื่อตอบโจทย์ผู้หญิงในช่วงที่มีประจำเดือนโดยเฉพาะ ภายใต้แบรนด์หลักที่เป็นสินค้าเพื่อผู้หญิงอย่าง “บิวติ ดริ้งค์” โดยแตกไลน์เป็นกลุ่มสินค้าซีรีส์ใหม่ Herbal Series เปิดตัวด้วยเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลช็อตจากสมุนไพร รูบี้ เลดี้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของวงการเครื่องดื่มเพื่อเป็นตัวช่วยผู้หญิงช่วงวันนั้นของเดือนโดยเฉพาะ มีส่วนประกอบจากสมุนไพรที่สำคัญ คือ สารสกัดตังกุย ดอกคำฝอย พริกไทยดำ ผสมอยู่ในน้ำทับทิม มีกลิ่นหอม รสชาติอร่อย ดื่มง่าย ยิ่งดื่มเย็นๆ ยิ่งชื่นใจ และไม่ผสมน้ำตาล วางจำหน่ายแล้วที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ทุกสาขา ในราคา 29 บาท และช่องทาง Sappe Online โดยติดตามโปรโมชั่นได้ในเพจ Facebook @sappebeautyclub, Shopee: Sappe official store และผ่าน Line: Sappeonline 

กลุ่มเป้าหมายหลักของ รูบี้ เลดี้ ได้แก่ 1. นักเรียน นักศึกษา เด็กสาวที่เพิ่งเข้าสู่วัยที่เริ่มมีประจำเดือน 2. สาวๆ ออฟฟิศที่มีปัญหาช่วงนั้นของเดือน เป็นอุปสรรคกับการทำงาน และ 3. กลุ่มผู้ชายที่มีนิสัยอบอุ่นแบบแฟมิลี่แมนใส่ใจคนรักให้ผ่านช่วงที่มีประจำเดือนโดยไม่มีปัญหากวนใจ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในช่วงปีแรกนี้ราว 50 ล้านบาท

ถือเป็นครั้งแรกของวงการเครื่องดื่มที่เอาใจสาวๆที่มีปัญหากวนใจในช่วงประจำเดือน และอยากให้ รูบี้ เลดี้ อยู่เคียงข้างสาวๆ ให้ผ่านพ้นช่วงนั้นของเดือนโดยไม่ต้องหงุดหงิดหรือทรมาน ถือเป็นไอเทมเด็ดเพื่อเตรียมพร้อมรับมือช่วงที่มีประจำเดือน และคาดหวังว่า รูบี้ เลดี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในสินค้าที่ผู้หญิงต้องนึกถึงเมื่อมีประจำเดือน นางสาวปิยจิต กล่าว

SAPPE ดึง ตะขาบ 5 ตัว รุกตลาด Functional Herbal Drink

บมจ.เซ็ปเป้ หรือ SAPPE ผู้นำด้านนวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่มร่วมมือ Collaboration ครั้งแรกกับแบรนด์อันเป็นตำนาน ตะขาบ 5 ตัว พัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพรแบบขวดช็อต SAPPE x Takabb จัดเต็มสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการระคายคอ รุกสร้างความแปลกใหม่ในตลาด Functional Herbal Drink พร้อมขยายสู่กลุ่ม Consumers Gen Y และ Z จำหน่ายแล้วที่ 7-11 ทุกสาขา ราคา 29 บาท ตั้งเป้ายอดขาย 100 ล้านบาทในปีแรก

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดสมุนไพรไทยในกลุ่มอาหารเสริมที่บริโภคในประเทศและการส่งออกมีมูลค่าเฉลี่ย 80,000 ล้านบาท Product Champion ของสมุนไพรในประเทศไทย ได้แก่ ไพล กระชายดำ ขมิ้นชัน ใบบัวบก (อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์) โดยในครั้งนี้นับเป็นการร่วมมือระหว่างแบรนด์ผู้นำด้านนวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่มอย่าง SAPPE และแบรนด์อันเป็นตำนานอย่าง บริษัท ห้าตะขาบ (ซิมเทียนฮ้อ) จำกัด หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีอย่างแบรนด์ตะขาบ 5 ตัว ซึ่งเป็นยาสามัญประจำบ้านที่มีมานานร่วม 86 ปี ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์ และเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งที่สุดใน Category ตัวเอง จึงได้ต่อยอดสู่การทำ Collaboration ผ่านผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร SAPPE x Takabb

ด้วยจุดเด่นของตัวผลิตภัณฑ์ ที่ผลิตจากสารสกัดสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการระคายคอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ หล่อฮั่งก๊วย มะขามป้อม ชะเอมเทศ และมะนาว ซึ่งเป็นสมุนไพรที่คนไทยรู้จักและทราบถึงคุณประโยชน์ดี ในรูปแบบของขวดแก้วช็อตขนาด 50 มล. ดื่มง่าย ตอบโจทย์ให้ความชุ่มคอ ช่วยให้หายระคายคอ หรือเสริมความมั่นใจในการใช้เสียงของผู้บริโภค และยังคงเอกลักษณ์ (Identity) ของแบรนด์ตะขาบ 5 ตัวไว้ชัดเจน ถือเป็นการสร้างความแปลกใหม่ในตลาด Functional Herbal Drink โดยมีช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านร้านสะดวกซื้อ 7-11 ทุกสาขา ราคา 29 บาท รวมถึง SAPPE Online และติดตามโปรโมชั่นได้ในเพจ Facebook Sappe x Takabb

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ถือเป็นการสร้างความแปลกใหม่และจะเป็นสีสันในตลาดเครื่องดื่ม พร้อมขยายเข้าไปสู่ผู้บริโภคกลุ่ม Gen Y และGen Z ซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่กล้าลองของใหม่ มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย รวมทั้งชอบความมีเอกลักษณ์ของแบรนด์ รวมถึงเพิ่มทางเลือกให้กลุ่มเป้าหมายในรูปแบบที่คุ้นเคย และเป็นการขยายฐานลูกค้าให้แบรนด์ ตะขาบ 5 ตัว

ในขณะเดียวกันกัน แม้ว่าปัจจุบันกลุ่ม Categories F&B ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 แต่มีเพียง Functional Drink Category เท่านั้นที่เติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามบริษัทฯ เชื่อว่าจาก กลยุทธ์ Brand Collabs ที่น่าตื่นเต้นนี้ รวมถึงความแปลกใหม่ของตัวผลิตภัณฑ์ จะสามารถดึงความสนใจของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้พอสมควร และหวังว่าหากมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา ผลิตภัณฑ์นี้จะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ที่คนจีนนิยมนำไปเป็นของฝากไม่ต่างจากยาอมตะขาบ 5 ตัว อย่างแน่นอน โดยตั้งเป้าหมายยอดขายจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวประมาณ 100 ล้านบาทในปีแรก

“จุดเริ่มต้นความร่วมมือกับบริษัท ห้าตะขาบ (ซิมเทียนฮ้อ) จำกัด เกิดจากการที่เรามองเห็นว่าผลิตภัณฑ์ตรา ตะขาบ 5 ตัว มีการทำการตลาดที่ทันสมัยมาอย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบอื่น ๆ โดยใช้จุดเด่นและเอกลักษณ์ในยาแก้ไอจากสมุนไพร ในขณะที่ SAPPE เป็นผู้นำสินค้ากลุ่ม Functional Drink ในไทย เราต่างมีจุดแข็งของทั้งสองแบรนด์ และเห็นตรงกันที่อยากให้แบรนด์รุ่นใหญ่อย่างตะขาบ 5 ตัว มาพบกับแบรนด์รุ่นใหม่อย่าง SAPPE เกิดไอเดียเป็น Shot Drink ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้เพิ่มขึ้นอีก 1 Category เราปรับ Mood & Tone ให้เป็น Lifestyle Drink เชื่อมโยงและเข้าถึง Consumers Gen Y และ Z ได้มากขึ้น ซึ่งโลโก้ กับ Pattern ของแบรนด์ ตะขาบ 5 ตัว ถือว่าเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นมากๆ อยู่แล้ว เป็นการร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์และ Brand Collab ที่น่าตื่นเต้นอีกครั้งหนึ่ง” นางสาวปิยจิต กล่าว

นายสุนทร สิมะวรา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ห้าตะขาบ (ซิมเทียนฮ้อ) จำกัด เปิดเผยว่า แบรนด์ตะขาบ 5 ตัว ถือเป็นธุรกิจยาสมุนไพรแผนโบราณที่มีมายาวนาน 86 ปี โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รุกขยายเข้าไปสู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ รวมถึงพยายาม Connect กับกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ ๆ ซึ่งไม่ใช่แค่​การพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์หลัก แต่มองเห็นโอกาสในการผลักดันให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรแผนโบรา​ณเติบโตไปสู่การเป็น Global Brand ในอนาคต ประกอบกับได้รับโอกาสอันดีจากทางผู้บริหาร SAPPE ที่เกิดไอเดีย จนได้ร่วมมือกันทำ Collaboration ผ่านผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มน้ำสมุนไพรขวดช็อต นับว่าเป็นการ Collaboration ที่ลงตัวที่สุด

โดยดึงจุดแข็งและความชำนาญของแต่ละบริษัทมารวมกัน โดยผลิตภัณฑ์ SAPPE x Takabb จะนำคุณประโยชน์ของแต่ละสมุนไพรมาผสมให้ลงตัว ให้ความ เย็น ชุ่มคอ ในแบบที่ผู้บริโภคจะต้องสัมผัสได้ทันทีที่จิบ คงความเป็นตัวตนในรสชาติ (Taste) และ Texture ของยาอมตะขาบไว้ด้วย ซึ่งหวังว่าความร่วมมือครั้งนี้ จะได้รับความสนใจจนกลายเป็นกระแสไปทั่วโซเชียลอย่างแน่นอน

ผ่ากลยุทธ์ Collaboration ฉบับ SAPPE เจาะตลาดลูกอม

บมจ.เซ็ปเป้ หรือ SAPPE ร่วมกับ บมจ.เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ หรือ WORK เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ลูกอมครูเพ็ญศรี แบรนด์น้องใหม่ ส่งชิมลางสู่ตลาดลูกอมเคี้ยวหนึบ รสชาติใหม่ เผ็ดสเปิ๊ดปร๊าดและเปรี้ยวสปรู๊ดปรี๊ด เพิ่มไอเดียระหว่างรับประทาน เอาใจกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย พร้อมจัดจำหน่ายทั่วประเทศในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ผ่านร้านสะดวกซื้อ 7-11 ราคา 20 บาท วางเป้ายอดขายปีแรก 100 ล้านบาท เตรียมแผนขยายช่องทางจัดจำหน่ายต่างประเทศ ประเดิมกลุ่มประเทศ CLMV  

นับเป็นการจับมือครั้งสำคัญในการใช้กลยุทธ์ Collaboration ระหว่างผู้นำตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอย่าง SAPPE และผู้นำด้านสื่อเอนเตอร์เทนเมนท์แห่งยุค  อย่างบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK ในการขยายเข้าสู่ตลาดลูกอมเคี้ยวหนึบ โดยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ลูกอมครูเพ็ญศรี ซึ่งเป็นลูกอมเม็ดใหญ่เคี้ยวนุ่ม หนึบหนับ 2 รสชาติอันโดดเด่น คือ เผ็ดสเปิ๊ดปร๊าดและเปรี้ยวสปรู๊ดปรี๊ด แถมมีประโยชน์ด้วยวิตามินซีสูง 35 มิลลิกรัม ถือเป็นรสชาติแนวใหม่ที่อยากให้กลุ่มผู้บริโภคได้ทดลอง เปิดตัวในรูปแบบซอง 8 เม็ด ราคา 20 บาท พร้อมจัดจำหน่ายทั่วประเทศในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ผ่านร้านสะดวกซื้อ 7-11 

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า จากแนวโน้มภาพรวมตลาดลูกอมปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 11,000 ล้านบาท และเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยลูกอมประเภทเคี้ยวหนึบหรือลูกอมแบบนิ่มมีสัดส่วนประมาณ 15% ของมูลค่าตลาดรวม ทำให้บริษัทฯ มองเห็นโอกาสขยายตลาดไปสู่ตลาดลูกอมแบบนิ่มยังมีช่องว่างทางการตลาดสูง ซึ่งในปัจจุบันยังมีผู้เล่นไม่กี่รายและการแข่งขันยังไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับตลาดลูกอมแบบอื่น 

บริษัทฯ คาดหวังผลตอบรับจากกลุ่มผู้บริโภคเป็นอย่างมาก เจาะกลุ่มคนทุกเพศทุกวัยที่ชื่นชอบการทาน     ลูกอม หรือขนมรสชาติจี๊ดจ๊าด แซ่บซี้ด หรืออาจชอบรับประทานขนมเล่นระหว่างวัน โดยเฉพาะเวลาง่วง เบื่อ เพลีย รวมไปถึงผู้ที่ชอบทดลองอะไรใหม่ๆ ขี้เล่น สนุกสนาน อารมณ์ดี รวมถึงกลุ่มแฟนคลับครูเพ็ญศรี กับซิทคอมหกฉากครับจารย์ โดยตั้งเป้ายอดขายในปีแรก 100 ล้านบาท และได้วางกลยุทธ์ขยายการจัดจำหน่ายสินค้าต่างประเทศกว่า 90 ประเทศทั่วโลก ซึ่งถือเป็นช่องทางที่แข็งแกร่งของ SAPPE ผ่านทางพันธมิตรในต่างประเทศ ทำให้มีการกระจาย (Distribution) สินค้าได้ดี โดยจะคัดเลือกพาร์ทเนอร์และประเทศเป้าหมายที่เหมาะสมกับสินค้า ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นจากกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งได้รับอิทธิพลจากสื่อและรายการบันเทิงของไทยอยู่บ้างแล้ว รวมทั้งรสชาติอันเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มผู้บริโภคใน CLMV ซึ่งก็มีความคล้ายคลึงกับผู้บริโภคในไทย

นอกจากนี้ คาดว่าจะขยายไปสู่ กลุ่มลูกค้าประเทศจีนเมื่อผ่านพ้นช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ไปแล้ว เนื่องจากสินค้ามีรสชาติเปรี้ยวและเผ็ดที่ลงตัว แปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร กลุ่มลูกค้าจีนน่าจะชื่นชอบและซื้อเป็นของฝากได้  จากปัจจุบันที่บริษัทฯ ได้ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใน 7-11 ทุกสาขาทั่วประเทศกว่า 11,000 สาขา และยังมีช่องทางร้านค้าแบบดั้งเดิมหรือ Traditional Trade เป็นพาร์ทเนอร์ที่เข้มแข็งอีกด้วย และช่องทาง Online ที่น่าจะเป็นช่องทางสำคัญอีกทางในการกระจายสินค้าและได้สื่อสารตรงกับกลุ่มผู้บริโภค Target ในยุคปัจจุบัน 

นายธนศักดิ์ หุ่นอารักษ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) WORK เปิดเผยว่า จุดแข็งของเวิร์คพอยท์ คือการมี Creative Content ที่สร้าง Character ที่ สนุก และสามารถเข้าถึงคนทุกเพศทุกวัย ในขณะที่ SAPPE มีความเชี่ยวชาญในการผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพที่เป็นนวัตกรรมและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้  การที่ SAPPE มองเห็น Character Asset ครูเพ็ญศรี ในซิทคอม หกฉากครับจารย์  ออกอากาศทางช่องเวิร์คพอยท์  ซึ่งจุดเด่นของตัวละครครูเพ็ญศรีนั้น ถือว่ามีเอกลักษณ์และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวาง  เราได้ร่วมกันสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์โดยใช้ชื่อสินค้าและถ่ายทอดผ่านใบหน้าสุดกวนชวนยิ้มของครูเพ็ญศรีบนซองลูกอม แถมมีประโยคเด็ดแสบๆ มันส์ๆ อยู่ในซองลูกอมทุกเม็ด ถือเป็นไอเดียที่ผู้บริโภคจะพบความสนุกหลากอารมณ์ในระหว่างทาน  

นายธนศักดิ์ หุ่นอารักษ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นับเป็นครั้งแรกของเวิร์คพอยท์ ในการขยายโอกาสทางธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจอาหาร และขนม ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีในการร่วมมือกับ SAPPE ที่เป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มและอาหาร ผลิตภัณฑ์ลูกอมครูเพ็ญศรีนี้ ถือเป็นการสร้างสีสันในตลาดลูกอมเคี้ยวหนึบอย่างแน่นอน คาดว่ากลุ่มผู้บริโภคจะให้การตอบรับกับความแปลกใหม่ในผลิตภัณฑ์ของเรา นอกจากนี้คาดว่าจะมีความร่วมมือกับ SAPPE ในด้านอื่นๆ จึงอยากให้ผู้บริโภครอติดตามต่อไป

 

SAPPE ร่วมแคมเปญ ไปรษณีย์ reBOX กล่อง Box บุญ

นายอดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ (ที่ จากขวา) รองประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE และ นายพงษ์พันธ์ เพชรบัณฑูร หรือหลุยส์ (ขวา) ดารานักแสดงชื่อดัง ร่วมมอบกล่องและซองกระดาษที่ไม่ใช้แล้ว จำนวนกว่า 1,000 กิโลกรัม (1ตัน) ใน โครงการไปรษณีย์  reBOX กล่อง Box บุญ เปลี่ยนกล่องที่ไม่ใช้แล้วเป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เพื่อส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยมี ดร.วราภรณ์ ข้องเกี่ยวพันธุ์ (ที่ จากซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านกลยุทธ์ สายงานกลยุทธ์และการขับเคลื่อนองค์กร, นายสำเริง ชื่นศิริ (ซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านปฏิบัติการภูมิภาค สายงานปฏิบัติการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ให้เกียรติเป็นผู้รับมอบ ณ สำนักงานใหญ่ ไปรษณีย์ไทย เมื่อเร็ว ๆ นี้ 

ทั้งนี้ SAPPE เตรียมทยอยส่งมอบกล่องกระดาษจากกระบวนการผลิตนับจากปัจจุบันถึงเดือนตุลาคม 2564 คาดว่าจะสามารถร่วมโครงการดังกล่าวได้อีกกว่า 40,000 กิโลกรัม 

SAPPE เปิดตัวเครื่องดื่ม Beauti Drink กลิ่นกัญชา

‘บมจ.เซ็ปเป้’ หรือ SAPPE เดินหน้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ กรีน รีแล็กซิ่งคาล์ม (Green Relaxing Calm) กลิ่นเทอร์ปีน นำเอากลิ่นเทอร์ปีนซึ่งเป็นกลิ่นลักษณะเดียวกับในใบกัญชามาใช้เป็นส่วนผสม ช่วยผ่อนคลายอารมณ์และบำบัดความเครียด ส่งผลดีต่อสุขภาพ ชิมลางก่อนที่กฎหมายจะปลดล็อกให้ใช้พืชกัญชา เพิ่มทางเลือกใหม่ให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะสายเขียวทั้งหลาย พร้อมวางแผนทยอยออกสินค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 20 SKUs ในครึ่งปีหลัง ผลักดันให้ผลการดำเนินงานทั้งปีเติบโต 10-15%

ปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE

นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า ถือเป็นการตอกย้ำการเป็นผู้นำเครื่องดื่ม Functional Drink ในกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม ที่เน้นนำเอานวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในเครื่องดื่มอย่างแท้จริง โดยบริษัทฯ ได้หยิบเอาสินค้าที่เคยเป็นกระแสโด่งดังกลับมาเพิ่มสีสันด้วยการผสมนวัตกรรม กลิ่นกัญชา (เทอร์ปีน) ซึ่งเป็นกลิ่นลักษณะเดียวกับในใบกัญชามาใช้เป็นส่วนผสม นำมาสร้างความแปลกใหม่และเพิ่มทางเลือกใหม่ๆ ให้กับกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นหรือบุคคลทั่วไปที่สนใจ และอยากทดลองกลิ่นเทอร์ปีนในเครื่องดื่ม ถือเป็นการชิมลาง ก่อนที่กฏหมายจะปลดล็อกให้ใช้พืชกัญชาได้ในอนาคต

โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้เปิดตัว เครื่องดื่มเซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ กรีน รีแล็กซิ่งคาล์ม (Green Relaxing Calm) กลิ่นเทอร์ปีน และสารสกัดจากลาเวนเดอร์ คาโมไมล์ & แอล-ธีอะนีน ซึ่งทีมงานได้ใช้เวลาและความพยายามในการคิดค้นและพัฒนาสินค้าให้มีกลิ่นและรสชาติที่ใกล้เคียงกับของจริงมากที่สุด หวังเอาใจสายเขียวทั่วประเทศ ซึ่งกลิ่นเทอร์ปีนช่วยเสริมในเรื่องการผ่อนคลายอารมณ์และบำบัดความเครียด ส่งผลให้สุขภาพร่างกายและจิตใจดีขึ้น ​สารสกัดจากลาเวนเดอร์ทำให้คลายความวิตกกังวล และคาโมไมล์ & แอล-ธีอะนีน จะช่วยลดความเครียด ช่วยให้นอนหลับสบาย รวมถึงมีสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อร่างกาย ไม่มีส่วนผสมจากน้ำตาล แคลอรี่ต่ำ อร่อย สดชื่น ดื่มง่ายได้ทุกวัน ให้ความรู้สึกสนุกกว่าเดิม ในราคาเพียงขวดละ 20 บาท วางจำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ทุกสาขาทั่วประเทศ​

นางสาวปิยจิต กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ สูตรกรีน รีแล็กซิ่งคาล์ม (Green Relaxing Calm) ถือว่าได้รับผลตอบรับดีมาก สามารถเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ และขยายครอบคลุมได้หลากหลายกลุ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เตรียมทยอยออกสินค้าใหม่ต่อเนื่องกว่า 20 SKUs ในช่วงที่เหลือของปีนี้

ขณะที่ภาพรวมตลาดในต่างประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น แม้ยังต้องเผชิญกับปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน แต่หลายๆ ประเทศทั่วโลกได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น จึงคาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของตลาดต่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป โดยเฉพาะการส่งออกไปอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ที่เข้าสู่ช่วง High Season ขณะที่รายได้ในประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกยังคงทรงตัว อย่างไรก็ตามคาดว่าจะฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลัง และจะช่วยสนับสนุนเป้าหมายผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้มีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15%