7UP ตัดขายธุรกิจโทรคมนาคมและการสื่อสาร

บอร์ด 7UP อนุมัติตัดขายธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม และIoT เดินหน้ามุ่งเน้นธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภคทางด้านน้ำ ด้วยการขายหุ้นที่ถือทั้งหมดใน  บริษัท เอ็ม โซลูชั่น จำกัด และบริษัท อินฟอร์เมติกส์ พลัส จำกัด คิดเป็นมูลค่ารวม 130 ล้านบาท ยืนยันไม่กระทบเป้าหมายรายได้รวม

นายมนต์เทพ มะเปี่ยม รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ 7UP เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้ขายธุรกิจกลุ่มวิทยุสื่อสารโทรคมนาคมและInternet of Things (IoT) วัตถุประสงค์หลักต้องการมุ่งให้ความสำคัญกับธุรกิจที่บริษัทฯมีความเชี่ยวชาญ ในการเป็นผู้ให้บริการในธุรกิจพลังงานและธุรกิจสาธารณูปโภค โดยเฉพาะการทำหน้าที่ให้บริการจำหน่ายน้ำประปา และบำบัดน้ำเป็นหลัก

ทั้งนี้ บริษัทฯจะดำเนินการขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งจำนวนในบริษัท เอ็ม โซลูชั่น จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจอุปกรณ์ระบบวิทยุสื่อสารคมนาคมเฉพาะกิจ สัดส่วน 99% คิดเป็นมูลค่า 90 ล้านบาท และบริษัท อินฟอร์เมติกส์ พลัส จำกัด ดำเนินธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและให้บริการด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร สัดส่วน 99% คิดเป็นมูลค่า 40 ล้านบาท รวมแล้ว 130 ล้านบาท

ผลของการขายหุ้นครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายรายได้ของบริษัทฯ โดยยังคงไว้ที่ 2,000 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจโทรคมนาคมนั้น มีสัดส่วนรายได้ไม่สูงนัก และทำให้บริษัทฯ มีเงินทุนนำไปใช้ขยายกิจการธุรกิจสาธารณูปโภคตามแผนการขยายธุรกิจ โดยเฉพาะภายหลังการเข้าซื้อหุ้นบริษัท โกลด์ ชอร์ส จำกัด เพิ่มเป็น 81% สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ ต้องการมุ่งพัฒนาธุรกิจสาธารณูปโภคอย่างเต็มที่

ปัจจุบันโกลด์ ชอร์ส มีกำลังการผลิตน้ำประปา 48,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และอยู่ระหว่างก่อสร้างส่วนขยายเพิ่มเติมเพื่อให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 96,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันภายในปี 2565-2566 และกรณีจังหวัดภูเก็ตเตรียมเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติภายใต้รูปแบบแซนด์บอกซ์ เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคม นี้ คาดว่าจะส่งผลดีต่อโกลด์ ชอร์ส ในฐานะผู้ให้บริการน้ำประปาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต

7UP มาตามนัด ซื้อหุ้นโกลด์ ชอร์ส เพิ่มเป็น 81%

7UP มาตามนัด จ่อเข้าซื้อหุ้นโกลด์ ชอร์ส จากBKD ส่วนที่เหลืออีก 40% ภายหลังพบสถานการณ์ในจังหวัดภูเก็ต ฉีดวัคซีนให้ประชาชนในพื้นที่มากกว่า 70% และเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 กรกฎาคม นี้ คาดเข้าทำรายการแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2564 หนุนผลประกอบการแข็งแกร่งในระยะยาว เหตุได้รับสัมปทานขายน้ำประปา ระยะยาวถึง 30 ปี เร่งเดินหน้าก่อสร้างกำลังการผลิตน้ำประปาให้ได้ 96,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ภายในปี 2566 คาดจะสร้างรายได้ถึง 550 ล้านบาทต่อปี

นายมนต์เทพ มะเปี่ยม รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด(มหาชน) หรือ 7UP เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯมีมติให้กลับเข้าลงทุนเพิ่มเติมโครงการผลิตน้ำประปาในจังหวัดภูเก็ต ด้วยการซื้อหุ้นบริษัท โกลด์ ชอร์ส จำกัด หรือGS เพิ่มอีกในสัดส่วน 40% จากบริษัท บางกอกเดค-คอน จำกัด(มหาชน) หรือBKD คิดเป็นมูลค่าการลงทุน 550 ล้านบาท เนื่องจากได้พิจารณาแล้วว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดภูเก็ตกำลังจะฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยพบว่าทางจังหวัดภูเก็ตดำเนินมาตรการเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในพื้นที่มากกว่า 70% และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีกำหนดการเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติภายใต้รูปแบบแซนด์บ็อกซ์ ผ่านโครงการภูเก็ตโมเดล โดยจะเริ่มรับนักท่องเที่ยวต่างชาติวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นี้

ก่อนหน้านี้ บริษัทฯได้ชะลอการเข้าลงทุนเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงตั้งแต่ปลายปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดความไม่แน่นอนต่อการใช้น้ำในจังหวัดภูเก็ต ทางบริษัทฯได้ติดตามสถาการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และเมื่อพบว่าทางจังหวัดภูเก็ตมีความชัดเจนถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทำให้บริษัทฯ พิจารณากลับเข้าลงทุนดังกล่าว โดยจะเข้าทำรายการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2564 นี้ และจะส่งผลให้7UP ถือหุ้นใน โกล์ด ชอร์ส เพิ่มเป็น 81%

นายมนต์เทพ กล่าวว่า การเข้าซื้อหุ้นGS จะสนับสนุนให้บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจสาธารณูปโกคทางด้านน้ำ และจะมีส่วนช่วยสร้างรายได้และกำไรในระยะยาว ขยายขอบเขตงานในกลุ่มธุรกิจสัมปทานผลิตน้ำประปา นับเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ เนื่องจากโกลด์ ชอร์ส ดำเนินธุรกิจพัฒนาระบบสาธารณูปโภคด้านการประปา พื้นที่ให้บริการหลักอยู่ในจังหวัดพังงาและภูเก็ต และได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปา เป็นระยะเวลา 30 ปี หรือระหว่างปี 2560-2589 ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้มั่นคงให้กับบริษัทฯในระยะยาว

ปัจจุบันโกลด์ ชอร์ส มีกำลังการผลิตน้ำประปา 48,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และคาดว่าจะได้รับสัญญาขายน้ำประปาในจังหวัดภูเก็ตมากกว่า 40,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันภายในปี 2564 นี้ และทางโกลด์ ชอร์ส อยู่ระหว่างการก่อสร้างส่วนขยายเพิ่มเติม เพื่อให้มีกำลังการผลิต 96,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันภายในปี 2566

“กรณีขยายกำลังการผลิตได้เต็มกำลังผลิต คาดว่าจะสร้างรายได้ราว 550 ล้านบาท และจะเป็นผลให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจจำหน่ายน้ำประปา เพิ่มขึ้นสูงขึ้นและจะมีส่วนสำคัญในการสร้างผลประกอบการที่ดีให้กับบริษัทฯอย่างมั่นคงในระยะยาว เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวมีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูงถึง 75% และมีอายุสัมปทานเป็นระยะเวลานานถึง 30 ปี” นายมนต์เทพ กล่าว

ทั้งนี้ โอกาสทางธุรกิจในการขายน้ำประปาในจังหวัดภูเก็ตยังมีอีกสูง หากสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ นับเป็นจังหวัดท่องเที่ยวหลักของประเทศ รวมถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว พบว่าความต้องการใช้น้ำกรณีสูงสุดอยู่ที่ 300,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ขณะที่การประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.) สามารถให้บริการรองรับได้เพียง 80,000-100,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันเท่านั้น นับเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจของโกลด์ ชอร์สใน อนาคต