ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ (ที่ 2 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD ตระหนักถึงความสำคัญในการคัดกรองหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้ส่งมอบชุดตรวจหาแอนติเจนของเชื้อไวรัสโควิด-19 แบบตลับทดสอบ หรือ Rapid Antigen Test จำนวน 2,000 ชุด มูลค่ารวม 360,000 บาท ให้กับคณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อช่วยลดความแออัดในระหว่างรอตรวจ และสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะแรกของการติดเชื้อ ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่รวดเร็ว โดยมี ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา (กลาง) คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี, รศ.นพ.บุญส่ง องค์พิพัฒนกุล (ที่ 2 จากซ้าย) รองคณบดีฝ่ายวิจัย, ศ.นท.หญิง พญ.ศิรินธรา สิงหรา ณ อยุธยา (ขวา) รองคณบดี ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ และรศ. นพ.มงคล คุณากร (ซ้าย) หัวหน้าภาควิชาพยาธิวิทยา ให้เกียรติเป็นผู้รับมอบ ณ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
ป้ายกำกับ: เซนต์เมด
SMD บริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์
ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยทีมงาน บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD ได้ร่วมบริจาคอุปกรณ์
SMD เด้งรับดีมานต์เครื่อง AED หนุนออเดอร์ไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน
บมจ.เซนต์เมด (SMD) ผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์เฉพาะทางด้านระบบการหายใจและช่วยชีวิต รับลูกมาตรการภาครัฐฯ ออกกฎให้อาคารสูงติดตั้งเครื่องกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ หรือ AED (Automated External Defibrillator) เพิ่มศักยภาพการช่วยชีวิตฉุกเฉินภาคประชาชน หนุนความต้องการซื้อและติดตั้งใช้งานจากภาคเอกชน คาดว่าจะเข้ามาไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท รุกสร้างการเติบโตในระยะยาว
ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD ผู้ดำเนินจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์เฉพาะทางด้านระบบการหายใจและช่วยชีวิต เปิดเผยว่า อีกก้าวสำคัญหนึ่งของการยกระดับมาตรฐานการช่วยชีวิตฉุกเฉินภาคประชาชนในประเทศไทย เมื่อกระทรวงมหาดไทยประกาศกฎกระทรวง กำหนดให้อาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่พิเศษที่เป็นอาคารสาธารณะ ต้องติดตั้งเครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติ หรือ AED (Automated External Defibrillator) และต้องมีพื้นที่สำหรับรถฉุกเฉิน รวมถึงต้องจัดให้มีลิฟท์ที่มีขนาดสำหรับเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินได้ โดยจะมีผลบังคับใช้นับจากวันที่ประกาศ (4 มิ.ย.64) ในอีก 180 วัน
สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ โดยในปัจจุบัน SMD ได้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องมือประเภทนี้ให้แก่โรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนอยู่แล้ว โดยประเมินว่าเมื่อภาครัฐมีมาตรการดังกล่าวข้างต้น จะส่งผลดีต่อยอดคำสั่งซื้อของ SMD ให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีเข้ามาไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
“มาตรการภาครัฐครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการช่วยชีวิตฉุกเฉินภาคประชาชนของประเทศไทย เนื่องจากในปัจจุบันประเทศไทยมี AED ติดตั้งใช้งานกระจายอยู่ทั่วประเทศ ทั้งในโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน โรงงาน โรงแรม โรงเรียน สถานที่ราชการและเอกชนอื่นๆ รวมกันแล้วประมาณ 30,000 เครื่อง แต่เมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่นที่มีการติดตั้งเครื่อง AED ในพื้นที่สาธารณะจำนวน 600,000 เครื่อง และเกาหลีติดตั้งแล้วประมาณ 200,000 เครื่อง ก็ยังถือว่าประเทศไทยมีเครื่อง AED น้อยมาก ซึ่งหากกฎหมายดังกล่าวบังคับใช้ คาดว่าประเทศไทยจะมี AED ใกล้เคียงกับประเทศเกาหลี ภายใน 5 ปีข้างหน้า จะทำให้ประชาชนที่ประสบเหตุหัวใจหยุดเต้นเฉียบหลันนอกโรงพยาบาลมีอัตราการรอดชีวิตมากขึ้น ใกล้เคียงกับนานาอารยประเทศในทวีปเอเชีย” ดร.วิโรจน์ กล่าว
SMD บริจาคเครื่องสั่นปอดความถี่สูงช่วยผู้ป่วยโควิด
ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ (ที่ 3 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยทีมงาน บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD ร่วมส่งมอบ เครื่องสั่นปอดความถี่สูงระบบอั
SMD ส่งมอบอุปกรณ์การแพทย์ให้ รพ.มหาราชนครราชสีมา
ตัวแทนคณะผู้บริหารและพนักงาน บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD ร่วมส่งมอบเครื่องสั่นปอดความถี่สูงระบบอัตโนมัติ เพื่อขับเสมหะที่ติดอยู่ในถุงลม สำหรับรักษาผู้ป่วยโควิด จำนวน 1 เครื่อง และเครื่อง PAPR จำนวน 5 เครื่อง มูลค่ารวมกว่า 570,000 บาท ให้แก่ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา หลังตระหนักถึงวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ช่วยเหลือผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา และพร้อมช่วยแบ่งเบาภาระของบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยการจัดหาและส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้ตรงกับความจำเป็นมากที่สุด โดยมี นายแพทย์ เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ให้เกียรติเป็นผู้รับมอบ ณ เซ็นทรัลพลาซา นครราชสีมา
SMD เดินหน้าขยายแผนการลงทุนด้านเครื่องมือ-อุปกรณ์แพทย์
บมจ.เซนต์เมด (SMD) โชว์ฟอร์มก้าวสู่ความเป็นเลิศด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อสร้างการเติบโตแบบสมดุลและยั่งยืนในระยะยาว หลังเข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) รองรับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและสังคมแห่งการดูแลสุขภาพ พร้อมขานรับนโยบายผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) เดินหน้าขยายแผนการลงทุนศูนย์ตรวจการนอนหลับ-ธุรกิจให้เช่า คาดปี 2564 – 2566 ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 240 ล้านบาท

ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD ผู้ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ชั้นนำระดับโลก เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรก เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564 ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค โดยใช้ชื่อย่อ ‘SMD’ ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งมั่นใจว่าด้วยศักยภาพของบริษัทฯ และพื้นฐานการดำเนินธุรกิจในการเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์มากกว่า 30 ราย แก่ผู้ผลิตชั้นนำในหลากหลายประเทศ เพื่อจัดจำหน่ายให้แก่บุคคลทั่วไปและสถานพยาบาลชั้นนำในประเทศ ที่จะได้รับประโยชน์จากความต้องการทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น จะสนับสนุนให้ SMD เป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายก้าวสู่ความเป็นเลิศด้านตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ พร้อมสร้างการเติบโตควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ SMD ต้องเร่งปรับตัว สร้างธุรกิจให้มีความพร้อม สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และรับนโยบายผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) เพื่อสร้างการเติบโตแบบสมดุลและยั่งยืนในระยะยาว มากกว่าการเร่งสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยวางเป้าหมายรายได้ช่วง 3 ปี (2564-2566) จะเติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี
หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ บริษัทฯ วางแผนขยายธุรกิจในปี 2564-2566 คาดใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 240 ล้านบาท แบ่งเป็น 1. ใช้เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับโครงการศูนย์ตรวจการนอนหลับ จำนวน 90 ล้านบาท โดยร่วมกับโรงพยาบาลชั้นนำในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล วางเป้าหมายจะเริ่มโครงการให้ได้อย่างน้อย 8 เตียงตรวจต่อโครงการต่อปี ด้วยงบประมาณเบื้องต้น 15 ล้านบาท ต่อ 4 เตียงตรวจ และมีระยะดำเนินการตามสัญญาไม่น้อยกว่า 8 ปี ซึ่งคาดว่าภายในปี 2566 จะมีเตียงทั้งสิ้น 28 เตียงตรวจ
และ 2. เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการลงทุนในเครื่องมือแพทย์ให้เช่า จำนวน 150 ล้านบาท รองรับการขยายตัวทางธุรกิจให้เช่าเครื่องมือแพทย์ในอนาคต โดยจะเน้นโครงการขนาดใหญ่ และเครื่องมือแพทย์พื้นฐาน เช่น เครื่องวัดสัญญาณชีพ เครื่องกระตุกหัวใจ เครื่องให้น้ำเกลือ เป็นต้น ซึ่งรูปแบบสัญญาเช่าต้องไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ระยะเวลาให้เช่าเฉลี่ย 3-5 ปี ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางเป้าหมายหาสัญญาเช่าใหม่ระหว่างปี 2564-2566 ปีละไม่ต่ำกว่า 200-400 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากจากระดมทุนใช้ในการชำระคืนหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงิน จำนวน 60 ล้านบาท โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) หลัง IPO จะลดลงต่ำกว่า 0.5 เท่า จากปี 2563 อยู่ที่ 1.87 เท่า ซึ่งการระดมทุนทำให้มีฐานทุนเพิ่มขึ้นและสนับสนุนความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน ทำให้ SMD สามารถจ่ายเงินปันผลตามนโยบายที่กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิในแต่ละปี เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน และที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ รองรับการขยายตัวทางธุรกิจในอนาคต
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า SMD เป็นบริษัทฯ ที่มีศักยภาพจากจุดเริ่มต้นในการเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ ซึ่งมีฐานรายได้หลักมาจากกลุ่มสินค้าในห้องฉุกเฉิน (ER)+ และห้องผู้ป่วยวิกฤติ (ICU) รวมถึงเครื่องช่วยหายใจสำหรับผู้ป่วยนอนกรนและหยุดหายใจขณะนอนหลับ ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับการยอมรับในแวดวงทางการแพทย์ ส่งผลให้ธุรกิจของ SMD เติบโตสม่ำเสมอ และถือได้ว่าโดดเด่นเหนือกว่าบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน
หลังจากนี้ SMD ได้วางแผนขยายการลงทุนด้านศูนย์ตรวจการนอนหลับ ซึ่งปัจจุบันมีกลุ่มผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือช่วยหายใจในขณะนอนหลับเป็นจำนวนมาก และยังเป็นโอกาสที่ดีในการรุกขยายเข้าสู่กลุ่มธุรกิจให้เช่าเครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าภาครัฐ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยได้ง่ายกว่าเดิม ส่งผลให้บุคลากรทางการแพทย์มีโอกาสได้ใช้เครื่องมือที่ทันสมัยเร็วขึ้น และถือเป็นการสร้างประโยชน์ไปสู่คนไข้ให้ได้รับการรักษาผ่านเครื่องมือที่ทันสมัยอยู่เสมออีกด้วย

SMD พร้อมลงสนามเข้าเทรดในตลาด mai วันแรก 17 มิ.ย.นี้
บมจ.เซนต์เมด (SMD) พร้อมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันแรก 17 มิ.ย. ปลื้มกระแสตอบรับการเสนอขายหุ้น IPO ล้นหลาม มั่นใจนักลงทุนให้การตอบรับดี โชว์ศักยภาพก้าวสู่ความเป็นเลิศด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เฉพาะทาง ด้านระบบการหายใจและช่วยชีวิต พลิกโฉมปั้นโมเดลธุรกิจ มุ่งขยายศูนย์ตรวจการนอนหลับ-ให้เช่าเครื่องมือทางการแพทย์ รับสังคมไทยก้าวสู่สังคมสูงอายุ หนุนสร้างการเติบโตแบบสมดุลและยั่งยืน ผลักดันรายได้เติบโต 15% ต่อปี ใน 3 ปีต่อจากนี้
ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD ผู้ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ชั้นนำระดับโลก เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 17 มิถุนายน 2564 โดยใช้ชื่อย่อ ‘SMD’ และหลังปิดการเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 54 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นจำนวนไม่เกินร้อยละ 25.23 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 7.20 บาท โดยพิจารณาจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัท (P/E) ที่ประมาณ 17.52 เท่า ซึ่งภายหลังจากเปิดจองซื้อหุ้น ในวันที่ 9-11 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา หุ้น SMD ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดยมียอดจองล้นหลาม สะท้อนพื้นฐานธุรกิจและศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต เพื่อขับเคลื่อนองค์กรก้าวสู่ความเป็นเลิศด้านตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนขยายการลงทุนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน เสริมความแข็งแกร่งให้กับโมเดลธุรกิจเดิมโดยต่อยอดขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในกลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงขยายธุรกิจ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1. รูปแบบการจัดหาบริการให้เช่าครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ให้กับโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เช่น โรงพยาบาลเฉพาะทาง โรงเรียนแพทย์ และโรงพยาบาลศูนย์ โดยมีระยะเวลาให้เช่า 3-5 ปี เพื่อลดการจัดสรรปันส่วนงบประมาณของโรงพยาบาลรัฐที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก และนำเงินงบประมาณดังกล่าวไปใช้ในส่วนอื่น ที่ช่วยเพิ่มโอกาสการดูแลผู้ป่วยให้เข้ารับการรักษาพยาบาลมากขึ้น
และ 2.การดำเนินโครงการศูนย์ตรวจการนอนหลับ เนื่องจากคนไทยได้ตระหนักถึงอันตรายจากการนอนกรน และหยุดหายใจในขณะนอนหลับมากขึ้น โดย SMD ถือว่าเป็นผู้ประกอบการรายแรกๆ ของไทย ที่นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่มการช่วยหายใจและเวชศาสตร์การนอนหลับ (Respiration) ซึ่งได้ลงทุนในศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จำนวน 4 เตียงตรวจ ที่ให้บริการไปตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ในลักษณะสัญญาความร่วมมือระหว่าง SMD กับโรงพยาบาล หรือเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (PPP) ที่ SMD เป็นผู้ลงทุนและให้บริการ ทั้งลงทุนปรับปรุงตกแต่งพื้นที่ การจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ การจัดหาเจ้าหน้าที่ผู้มีความรู้ความชำนาญในการตรวจการนอนหลับ (sleep technician) โดยรูปแบบสัญญาจะมีลักษณะเป็นการปันส่วนรายได้จากการให้บริการ และจากการขายเครื่องมือให้แก่โรงพยาบาล
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนจะร่วมมือกับโรงพยาบาลชั้นนำในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อขยายการลงทุนโครงการศูนย์ตรวจการนอนหลับเพิ่มเติมอีก 8 เตรียงตรวจต่อโครงการต่อปีในช่วงปี 2564-2566 รองรับจำนวนผู้ที่มีสิทธิการรักษาพยาบาล เช่น ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น ถือเป็นการสร้างการเติบโตแบบสมดุลและยั่งยืน ซึ่งจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปี มีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 15%

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า SMD มีศักยภาพเติบโตสูงจากข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันต่างๆ จากการมีผลิตภัณฑ์ที่ดี (P-Product) ที่วงการแพทย์ให้การยอมรับ การมีราคาที่เหมาะสมและจับต้องได้ (P-Price) และมีทีมงานที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ (P-People) ในการอธิบายแนะนำสินค้า และการบริการหลังการ รวมถึงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้า นอกจากนี้ SMD ยังมีจุดเด่นที่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่มีความสามารถในการทำกำไรที่โดดเด่นจากความเป็นเลิศเฉพาะทางด้านระบบการหายใจและช่วยชีวิต รับจังหวะกับการเติบโตตามอุตสาหกรรมโรงพยาบาล ที่ไม่ได้รัรบผลกระทบจากปัจจัยทางเด้านเศรษฐกิจ รวมถึงสังคมไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้ความต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูแลประชาชนจะเพิ่มสูงขึ้นอีกมากในอนาคต
SMD จองซื้อ 9-11 มิ.ย. นี้ IPO หุ้นละ 7.20 บาท
บมจ.เซนต์เมด (SMD) ผู้ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ชั้นนำระดับ เคาะราคาขายหุ้น IPO ที่ 7.20 บาทต่อหุ้น เตรียมเปิดให้นักลงทุนรายย่อยจองซื้อวันที่ 9-11 มิ.ย. 64 พร้อมเตรียมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ 17 มิถุนายนนี้ ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “SMD” เตรียมเดินหน้าขยายศูนย์ตรวจการนอนหลับ-ให้เช่าเครื่องมือทางการแทพย์ หนุนผลงานปี 64 รายได้เติบโต 15%
วันที่ 8 มิถุนายน 2564 บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD ได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย พร้อมแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์อีก 4 ราย เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ SMD ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน)

นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า บมจ.เซนต์เมด ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 7.20 บาทต่อหุ้น โดยเตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้น IPO ในวันที่ 9-11 มิถุนายนนี้ และคาดว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนและซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 17 มิถุนายน 2564 โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “SMD”
สำหรับการจัดโรดโชว์ให้ข้อมูลแก่นักลงทุนรายย่อยในช่วงที่ผ่านมา ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มนักลงทุน ที่มาเข้าร่วมรับฟังแผนดำเนินงานและเป้าหมายในอนาคต โดย SMD ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เฉพาะทางด้านระบบการหายใจและช่วยชีวิต ซึ่งเตรียมพร้อมก้าวสู่ความเลิศด้านการจัดจำหน่ายและบริการเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยมีศักยภาพเติบโตสูงจากข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันต่างๆ โดยเฉพาะการเผชิญต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้หลายโรงพยาบาลเปลี่ยนจากซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์เป็นการเช่าเพื่อสำรองกระแสเงินสด ส่งผลให้ตลาดเครื่องมือแพทย์ให้เช่าของ SMD เติบโต ประกอบกับจากประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในธุรกิจมายาวนาน ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้ผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ชั้นนำระดับ ทำให้มีฐานลูกค้าที่ครอบคลุมและมีการใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
“การกำหนดราคาหุ้น IPO ของ SMD ที่ราคา 7.20 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จากแผนการลงทุนที่ชัดเจน จะช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ ให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนมากขึ้น ประกอบกับมีความมั่นคงของผลการดำเนินงาน การรันตีได้จากประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในธุรกิจมายาวนาน ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้ผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ชั้นนำระดับโลก ส่งผลให้ SMD มีโอกาสที่จะเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาวในอนาคตข้างหน้า” นายกิตติพันธ์ กล่าว

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า SMD การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ของ SMD ถือเป็นก้าวสำคัญในการจะเพิ่มศักยภาพ และฐานะการเงินเพื่อรองรับแผนขยายการลงทุนต่างๆ จากประสบการณ์การทำงานที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปีซึ่งได้รับความไว้วางใจจากผู้ผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ชั้นนำระดับโลกกว่า 30 ราย โดยผลิตภัณฑ์ของ SMD อยู่ในกลุ่มตลาดที่เน้นการแข่งขันด้านคุณภาพมากกว่าการแข่งขันด้านราคา อีกทั้ง การเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ ที่เป็นฐานรายได้หลักที่อยู่ในกลุ่มสินค้าในห้องฉุกเฉินและหอผู้ป่วย ICU และเครื่องช่วยหายใจ รวมถึงสำหรับผู้ป่วยหยุดหายใจขณะนอนหลับ ทำให้เป็นข้อได้เปรียบ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานสามารถเติบโตได้อย่างสม่ำเสมอและโดดเด่นกว่าในอุตสาหกรรมเดียวกัน
ทั้งนี้ SMD มีทุนจดทะเบียนจำนวน 107 ล้านบาท แบ่งเป็น 214 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 80 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 54 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นจำนวนไม่เกินร้อยละ 25.23 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ

ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซนต์เมด จำกัด (มหาชน) หรือ SMD ผู้ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ชั้นนำระดับโลก เปิดเผยว่า การเข้าระดมทุนในครั้งนี้ได้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันรองรับโอกาสทางธุรกิจในอนาคต จากแผนรุกขยายธุรกิจเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เช่า และโครงการศูนย์ตรวจการนอนหลับ โดยได้ร่วมมือกับรพ.ศิริราช และศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก พร้อมทั้งมีแผนขยายไปสู่โรงพยาบาลชั้นนำอีกหลายแห่ง เพื่อดำเนินโครงการศูนย์ตรวจการนอนหลับ
ขณะเดียวกัน การระดมทุนทำให้มีฐานทุนเพิ่มขึ้นและสนับสนุนความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) หลัง IPO ลดลงมาต่ำกว่า 0.5 เท่า จากปี 2563 อยู่ที่ 1.87 เท่า ทำให้ SMD สามารถจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอตามนโยบายที่กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิในแต่ละปี เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปี (2564-2566) ตั้งเป้ารายได้เติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี หลังเดินหน้าลงทุนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายเตียงสำหรับตรวจการนอนหลับโดยตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนเตียงตรวจเฉลี่ยปีละ 8 เตียงตรวจ ซึ่งคาดว่าภายในปี 2566 จะมี 28 เตียงตรวจ จากปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 4 เตียงตรวจ นอกจากนี้ ยังจะเพิ่มเครื่องมือแพทย์ใหม่ๆ เข้ามาจำหน่ายเพื่อรองรับความต้องการลูกค้าทั้งโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน และการลงทุนให้เช่าเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้ SMD มีแนวโน้มที่จะเติบโตในระยะยาว สอดคล้องกับภาวะอุตสาหกรรม การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมผู้สูงอายุ และนโยบายผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub)
สำหรับผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 1/2564 บริษัทฯ มีรายได้มีจากการขายและบริการรวม 155.4 ล้านบาท เติบโต 38.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 112.3 ล้านบาท หลังความต้องการใช้อุปกรณ์การแพทย์ของภาครัฐที่เพิ่มขี้นต่อเนื่อง ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาหลายองค์กรในภาคเอกชน ติดต่อเข้ามาเพื่อซื้อสินค้าของ SMD เพื่อนำไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลมากขึ้น ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ด้านกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2564 ทำได้ 8.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 464.54% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 2.2 ล้านบาท หลังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบได้อย่างโดดเด่น
