11 เหตุผลที่สำนักพิมพ์จะไม่ตีจากโรงพิมพ์ ในมุมมอง‘คุณจรัญ หอมเทียนทอง’

                                                ขันติ ลาภณัฐขันติ...เรื่องและภาพ

ไม่ว่าครั้งไหน ๆ บรรยากาศของงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ, งานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ รวมทั้งงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย   ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ก็จะพบเห็นความคึกคัก ผู้คนล้นหลามหลั่งไหลไปเลือกซื้อหาหนังสือ และที่สำคัญคือ มีหนังสือทั้งปกใหม่ปกเก่า จัดพิมพ์ออกมาจำหน่ายกันอย่างมากมายหลากหลาย..นับวันนับปีมีแต่เพิ่มขึ้น!!

แต่ในภาคของการผลิตหนังสือซึ่งก็คือโรงพิมพ์  กลับมีเสียงพร่ำบ่นเล็ดลอดออกมาให้ได้ยินเสมอ ๆ ทุกฤดูกาลว่า “งานหาย..ลูกค้าหด และสำนักพิมพ์ตีจาก” ซ้ำร้ายบางรายถึงกับม้วนเสื่อกลับบ้านเลิกกิจการไปเลยก็มี  จึงเป็นปรัศนี?ที่มีความขัดแย้งกันในตัวว่า งานพิมพ์ลดน้อยหดหายจริงหรือ ? หากไม่จริงโดยอ้างอิงกับบรรยากาศงานสัปดาห์หนังสือฯ ก็จะมีคำตอบกลับกลายเป็นว่า ลูกค้าและสำนักพิมพ์เป็นฝ่ายตีจากไปเสียเอง..บางโรงพิมพ์จึงไม่มีงาน

 แล้วทำอย่างไร?? เพื่อไม่ให้ลูกค้าสำนักพิมพ์ตีจากหรือหนีหายไปไหน แบบที่ภาษาการตลาดเรียกว่า “ภักดีแบรนด์”  จึงขอนำเสนอคำตอบ ด้วยการสัมภาษณ์แนวคิดและมุมมองของคุณจรัญ หอมเทียมทอง อดีตนายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย และอดีตประธานสหพันธ์อุตสาหกรรมการพิมพ์ ในฐานะตัวแทนสำนักพิมพ์ และคำตอบที่ได้จำนวน 11 เหตุผล แม้บางเหตุผลจะ “แรง ๆ” สักนิด แต่หากพิจารณาให้ดีจะเห็นว่า เป็นการสะท้อนมุมมองของลูกค้า และล้วนมีคุณประโยชน์ต่อโรงพิมพ์ที่ต้องการพัฒนาตนเองได้เป็นอย่างดี

เหตุผลข้อที่ 1 ที่สำนักพิมพ์จะไม่หลีกหนีตีจากไปไหนนั้น คุณจรัญระบุว่า โรงพิมพ์จะต้องให้การบริการที่ดี มีการดำเนินการแบบวันสต็อปเซอร์วิส ให้บริการตั้งแต่การทำเพลท การพิมพ์ เข้าเล่มและอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับการจัดทำหนังสือ ซึ่งข้อแรกนี้อาจจะเป็นคำตอบที่กว้างไปหน่อย แต่ก็คงจะทำให้เห็นภาพเบื้องต้นได้ว่า พื้นฐานงานบริการในฐานะโรงพิมพ์ควรเป็นอย่างไร

เหตุผลข้อที่ 2 คุณจรัญใช้คำว่าโรงพิมพ์ต้องซื่อสัตย์ ซึ่งที่ผ่านมี 2 ประเด็นที่ไม่ซื่อสัตย์และสำนักพิมพ์ยอมรับไม่ค่อยได้คือ  ประเด็นที่ 1 โรงพิมพ์เอากระดาษที่สำนักพิมพ์จัดส่งให้ไปใช้ก่อน ซึ่งสมาชิกพบเห็นเยอะแยะมากและร้องเรียนว่า โรงพิมพ์เอากระดาษเขาไปใช้ด้วยการเอาไปหมุนเวียนก่อน

“ระหว่างที่สำนักพิมพ์ส่งกระดาษไปให้เพื่อรอพิมพ์งาน เขาจะเอากระดาษไปใช้พิมพ์ให้คนอื่นก่อน แล้วก็อ้างว่าทำไม่ทันและเลื่อนออกไปเรื่อย ๆ เหตุที่สำนักพิมพ์จับได้เพราะว่า หนังสือที่ผลิตออกมามีกระดาษเป็นคนละสี ซึ่งเป็นไปได้ยากที่กระดาษล็อตเดียวกันจะเป็นคนละสี

ความไม่ซื่อสัตย์ประเด็นที่ 2  คือ นอกจากเอากระดาษไปหมุนเวียนใช้ก่อนแล้ว เมื่อถึงเวลาพิมพ์จริงให้ลูกค้าเจ้าของงาน กลับพบว่า กระดาษที่นำมาพิมพ์ให้ใหม่กลายเป็นแกรมที่ต่ำกว่า หรือเรียกให้ชัดว่า  เป็นการหลอกลูกค้าเรื่องแกรมกระดาษ

เหตุผลข้อที่ 3 คือเรื่องคุณภาพการพิมพ์ อันนี้เข้าใจว่า โรงพิมพ์ก็เหมือนกับร้านทำผม บางแห่งก็ทำผมสวย แต่บางแห่งก็ทำไม่สวย โดยเหตุที่ทำไม่สวยส่วนหนึ่งเป็นเพราะช่างไม่มีฝีมือ ประสบการณ์น้อยหรือขาดความชำนาญอะไรก็ตาม  แต่ที่พบบ่อยก็คือ โรงพิมพ์ส่วนใหญ่จะอาศัยเด็กว่างงานจากต่างจังหวัดแล้วนำมาฝึกเป็นช่างพิมพ์แบบพี่สอนน้อง จึงขาดทักษะความเชี่ยวชาญด้านการพิมพ์ คุณภาพก็ต้องเสียไป งานพิมพ์ออกมาไม่ดี เหตุผลข้อนี้ ร้อยทั้งร้อยลูกค้าก็อยากเปลี่ยนโรงพิมพ์ใหม่

 หตุผลข้อที่ 4 คือเรื่องเวลาหรือกำหนดงานแล้วเสร็จ แต่ถึงเวลากลับไม่เสร็จ อย่างเช่น กำหนดส่งมอบงานวันที่ 1 เพื่อลูกค้าจะนำไปแจกในงานเปิดตัววันที่ 2 แต่พอถึงเวลาส่งมอบกลับทำไม่ได้ อันนี้ ลูกค้าก็เสียหาย ซึ่งเหตุผลข้อนี้ก็นำไปสู่เหตุผลข้อที่ 5 คือ  รับปากโดยไม่รับผิดชอบ

โดยคุณจรัญระบุว่า เหตุผลข้อที่ 5 นั้น มีที่มาจากการที่โรงพิมพ์หลายแห่งมักจะรับปากได้ทุกอย่าง จะเอาเวลาไหนได้หมด เพื่อให้ได้งานหรือไม่ต้องการให้งานนั้น ๆ หลุดไป   แต่เมื่อทำงานจริงและถึงเวลาส่งมอบงาน กลับมีการอ้างสารพัดไปเรื่อยว่า ทำไม่เสร็จเป็นเพราะอะไร  ซึ่งคุณจรัญมองว่า เป็นผลเสียของโรงพิมพ์มากกว่า เพราะยิ่งกลัวงานหลุดด้วยการรับปากไปทุกเรื่อง งานก็หลุดไปจริง ๆ ตรงกันข้าม หากรู้ว่า งานไหนจะทำไม่ทัน ก็ควรจะบอกลูกค้าตรง ๆ เพื่อร่วมหาทางแก้ไข  หรือแม้กระทั่งในส่วนของโรงพิมพ์เอง ก็อาจต้องใช้พันธมิตรมาร่วมผลิตก็ได้  ซึ่งอันนี้ ก็อยู่ที่ว่าโรงพิมพ์จะบริหารตัวเองอย่างไร

เหตุผลข้อที่ 6 คือเรื่องการเงิน โดยปัจจุบันมีโรงพิมพ์ใหญ่ปล่อยเครดิตยาว ๆ ซึ่งเป็นความต้องการของลูกค้าสำนักพิมพ์ทุกราย เช่น โรงพิมพ์กลุ่มทุนใหญ่ให้เครดิต 3 เดือน แต่โรงพิมพ์ขนาดกลางและเล็กให้ไม่ได้ แถมมีการไปเร่งให้ชำระหนี้บ้างจุกจิกอะไรบ้าง คุณจรัญย้ำว่า เหตุผลข้อนี้เป็นเรื่องสำคัญและเกิดขึ้นจริงแล้ว จะไปโทษลูกค้าสำนักพิมพ์ก็ไม่ได้ เพราะต่างก็ใช้ระบบเงินหมุนเวียนทั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม เหตุผลข้อนี้ก็เห็นใจโรงพิมพ์ที่สายป่านสั้นเช่นกัน โดยเฉพาะโรงพิมพ์ขนาดกลางหรือเล็กที่ไม่สามารถหมุนเงินแบบยาว ๆ ได้ แต่ก็ไม่สามารถชี้ทางออกอะไรให้ได้ เพียงแต่ต้องการบอกให้รู้ว่า ปัจจุบันมีแบบนี้แล้ว และบังเอิญว่าสำนักพิมพ์กลุ่มหนึ่งก็อยากได้แบบนี้ ส่วนโรงพิมพ์จะนำไปพิจารณาบริหารจัดการอย่างไร หรือจะใช้จุดแข็งอะไรมาใช้เป็นกลยุทธ์แก้ปัญหาข้อนี้ก็ว่ากันไป

เหตุผลข้อที่ 7 คือโรงพิมพ์อื่นครบวงจรกว่า เช่น มีบริการทั้งการทำเพลทและเป็นโรงพิมพ์ด้วย บางแห่งก็ให้บริการไสกาวเข้าเล่มด้วย ใครที่รับจ้างพิมพ์อย่างเดียว ก็คงมีตลาดและอยู่ได้ในแบบหนึ่ง แต่ถ้าถามใจสำนักพิมพ์ ก็คงอยากทำที่เดียวให้เสร็จไปเลย  ซึ่งเหตุผลข้อที่ 7 ก็มีผลสืบเนื่องไปเป็นเหตุผลข้อที่ 8 ได้ว่า เป็นความไม่สะดวกของสำนักพิมพ์ เพราะใช้ทำงานแล้วไม่สะดวก ต้องย้ายกระดาษไปพิมพ์ที่นั่น แล้วขนไปไสกาวที่อื่นฯลฯ

เหตุผลข้อที่ 9 คือหนังสือหายและหนังสือเกิน  เช่น สั่งพิมพ์ 3,000 เล่ม แต่ส่งจริง 2,500 เล่ม แล้ว 500 เล่มหายไป ส่วนหนึ่งที่หายไปเพราะใช้ทดลองพิมพ์ตอนตั้งเครื่องพิมพ์มากไปหน่อยกว่าจะเข้าที่  คุณอ้างลองแท่น 200 แผ่น ขณะที่คนอื่นเขาลองแท่น 50 แผ่น  คุณก็ไม่ไหวแล้ว บางแห่งไม่บอกด้วยว่าหนังสือหายไป ถ้าลูกค้าไม่นั่งนับอย่างละเอียดก็ไม่สามารถรู้ได้

กรณีการพิมพ์เกินจากที่สั่งพิมพ์ก็เป็นปัญหาเช่นกัน โดยคุณจรัญระบุว่า ในวงการโรงพิมพ์อาจพูดถึงน้อย แต่สำหรับวงการสำนักพิมพ์มีการพูดถึงมาก เพราะหนังสือบางปกพิมพ์ออกมาแล้ว ก็ไปเจอตามตลาดนัดหรือตลาดหนังสือบางแห่งที่ไม่อยู่ในแผนงานของสายส่ง เห็นแล้วก็ได้แต่งงว่า หลุดมาได้ไง? มิหนำซ้ำยังขายต่ำกว่าราคาปกอีกด้วย ทั้งที่เป็นหนังสือใหม่และเป็นหนังสือขายดี

“หนังสือแปลแนวเวทมนตร์พ่อมด ๆ ที่เป็นวรรณกรรมขายดีที่สุดในโลก”นี่ล่ะ เป็นตัวอย่างของการพิมพ์หนังสือที่ต้องเปลี่ยนโรงพิมพ์บ่อย เพราะหนังสือของเขาหาย แล้วไปโผล่ที่สวนจตุจักรบ้างตามตลาดนัดบ้าง แม้ไม่ได้มีการประเมินว่าเสียหายวงเงินเยอะหรือไม่ แต่ได้ทำให้เกิดความเสียหายและเสียความรู้สึกกับโรงพิมพ์แล้วเหตุผลข้อที่ 10 เป็นปัญหาทั่วไปที่รวมตั้งแต่ข้อที่ 1-9 คือปัญหาการจัดการภายในของโรงพิมพ์ กล่าวคือ  โรงพิมพ์ต้องมีระบบการจัดการที่ดี จะต้องมีคนรับงาน คนดูแลงาน คนที่ติดต่อและตามงานได้   แต่โรงพิมพ์ส่วนใหญ่ถ้าถามว่า จะตามงานกับใครได้ ก็ต้องตามกับเถ้าแก่ “เฮีย”ไม่อยู่คนเดียว ตามงานไม่ได้เลย

แถมเหตุผลข้อ 11 อีกข้อหนึ่ง คือโรงพิมพ์อื่นมาเซลล์งาน หรือมาเสนอเงื่อนไขที่ดีกว่า เช่น คุณเคยได้รับเงื่อนไขอะไร คู่แข่งมาให้ดีกว่านั้น  ประเด็นนี้ แม้แต่โรงพิมพ์เองก็มีการพูดถึงมากเช่นเรื่องตัดราคา เขาทำได้เพราะมีการบริหารต้นทุนและการจัดการที่ดี  เป็นเรื่องที่สำนักพิมพ์ได้ประโยชน์ แต่ก็ไม่ได้แนะนำว่าโรงพิมพ์จะต้องตัดราคากันเสมอไป เพราะเรื่องราคาเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ ที่พิจารณาเท่านั้น แต่อยากบอกว่า โรงพิมพ์ควรจะเป็นผู้นำเสนอสิ่งดี ๆ ให้แก่สำนักพิมพ์ตลอดเวลา

 การประมวลเหตุผลทั้ง 11 ข้อมานี้ ขอย้ำว่า เป็นการสะท้อนมุมมองส่วนหนึ่งของลูกค้า โดยผ่านการสัมภาษณ์คุณจรัญ หอมเทียนทอง อดีตนายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ขณะเดียวกัน ก็เชื่อว่า มุมมองนี้ถือเป็นปัญหาของโรงพิมพ์ส่วนน้อยที่มีวิธีการดำเนินการที่ผิดบ้างถูกบ้าง และ 11 เหตุผลที่นำเสนอ ถือเป็นคำแนะนำเชิงตักเตือนว่า สุดท้ายโรงพิมพ์ที่ไม่พัฒนาการให้บริการ และประเภทที่เข้าข่ายละเมิดลูกค้าจะไม่สามารถอยู่ได้

แต่ทั้งนี้ ก็เป็นที่น่ายินดีว่า โรงพิมพ์ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในขอบเขตของ 11 เหตุผลที่สำนักพิมพ์จะไม่หลีกหนีตีจากไปไหน ดังจะเห็นได้จาก มีหลายร้อยพันสำนักพิมพ์ก็ยังคงใช้บริการของโรงพิมพ์เดิมไม่เปลี่ยนแปลง หรือเปลี่ยนก็เปลี่ยนน้อยที่สุด และส่วนหนึ่งก็ไม่ถึงกับเปลี่ยนการใช้บริการของโรงพิมพ์นั้น ๆ เลยทีเดียว เพียงแต่เพิ่มการใช้บริการโรงพิมพ์ใหม่เข้ามาเสริม เพราะนับวัน ๆ จะมีผู้อ่านเพิ่มจำนวนมากขึ้น ตามโครงการส่งเสริมการรักการอ่าน และมีการพิมพ์ปกหนังสือเพิ่มมากขึ้น ตามที่เห็นเป็นรูปธรรมและกลายเป็นที่มาของประเด็นการนำเสนอในวันนี้คือ บรรยากาศงานสัปดาห์หนังสือฯ ที่มีความคึกคัก ผู้คนแห่ซื้อหนังสือล้นหลาม และมีปริมาณและยอดการพิมพ์หนังสือเพิ่มขึ้น

โรงพิมพ์ที่สามารถปฏิบัติได้ตามเหตุผล 11 ข้อ จึงไม่น่าเป็นห่วงที่จะต้องพบคำว่า “งานหด ลูกค้าหาย และสำนักพิมพ์ตีจาก” อีกต่อไป!!

      

ขายเครื่องปั๊มไดคัท มือ 2

เครื่องปั้มไดคัทมือ2 รุ่น ML 720. 20*28
และ รุ่น ML 930. 25*36
สภาพใหม่เหมือนมือ1
สนใจสอบถามได้ที่ 0944211296(อั๋น)

เครื่องหนีบหัวปฏิทิน

– สินค้า มือ 1 (พร้อมส่ง)
– รับประกัน 1 ปี
สนใจสอบถาม ราคากันได้
ติดต่อคุณแบงค์
มือถือ : 082-782-9415
Line ID : bank_ronnakorn

‘บราเดอร์’เป็นเลิศงานบริการ คว้าอีก 7 รางวัลการประกวด TCCTA 2021

นางสาวรัสสิญากร ตัณฑวณิชย์ รักษาการผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการลูกค้า บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การประกวด TCCTA Contact Center Awards 2021 ได้จัดขึ้นโดยสมาคมการค้าธุรกิจศูนย์บริการทางโทรศัพท์ไทย (TCCTA : Thai Contact Center Trade Association) เพื่อส่งเสริมบุคลากรในอุตสาหกรรมคอนแทคเซ็นเตอร์ของประเทศไทย ได้แก่ ระดับผู้บริหาร หัวหน้างาน เจ้าหน้าที่ให้บริการลูกค้าทางโทรศัพท์และระดับองค์กร ซึ่งเป็นการผลักดันการพัฒนาธุรกิจ ขับเคลื่อนบริการคอนแทคเซ็นเตอร์ให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมและบริการรูปแบบใหม่ๆ ที่สามารถตอบสนองและสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภค อันจะส่งผลให้บริการในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอด 5 ครั้งที่ผ่านมาของการจัดประกวด บราเดอร์ สามารถคว้ารางวัลในหมวด The Best Customer Satisfaction Contact Center มาโดยตลอด

ในปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่ 6  บราเดอร์ โชว์ศักยภาพอีกขั้น ด้วยการคว้า 7 รางวัลอันทรงเกียรติมาครองได้อย่างสมภาคภูมิ ทั้งจากประเภทองค์กร (Corporate) รวม 4 รางวัล ได้แก่ The Best Human Care Contact Center ระดับ Gold, The Best Social Media Contact Center ระดับ Gold, The Best Effective Technology Contact Center ระดับ Silver และ The Best Customer Satisfaction Contact Center ระดับ Bronze และจากประเภทบุคคล (Individual) รวม 3 รางวัล ได้แก่ The Best Agent Contact Center of the Year รางวัลดีเด่น, The Best Manager Contact Center of the Year รางวัลดีเด่น และ The Best Supervisor Contact Center of the Year รางวัลชมเชย