เจาะความสำเร็จเบี้ยครึ่งปีแรกโต 5% ของอลิอันซ์ อยุธยา

บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต รายงานผลการดำเนินธุรกิจครึ่งปีแรก เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง เบี้ยประกันภัยรับปีแรกเติบโต 5% สอดรับความสำเร็จแคมเปญกระตุ้นยอดขายช่องทางตัวแทน และผลตอบรับทีดีจาก ผลิตภัณฑ์ใหม่ ปลดล็อคสบายกระเป๋า” เร่งเครื่องเดินหน้าดันธุรกิจโตแกร่งทุกช่องทาง

มร.โทมัส วิลสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า “ครึ่งปีแรก 2564 ถือเป็นครึ่งปีที่ท้าทายสำหรับทุกธุรกิจรวมถึงธุรกิจประกันชีวิต เนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง หากแต่ อลิอันซ์ อยุธยา ยังสามารถสร้างผลงานได้เป็นที่น่าพอใจ สามารถสร้างเบี้ยประกันรับปีแรกเติบโตถึง 5% อยู่ที่ 2,974 ล้านบาท โดยมาจากช่องทางขายผ่านธนาคาร 1,014 ล้านบาท เติบโต 56% สะท้อนถึงผลิตภัณฑ์การลงทุนและการออมที่ให้ผลตอบแทนที่ดีเหนือตลาด ช่องทางตัวแทน 1,091 ล้านบาท เติบโต 4% ซึ่งเป็นผลมาจากช่องทางตัวแทนที่เข้มแข็ง ประกอบกับความสำเร็จจากการออกผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพใหม่ “ปลดล็อคสบายกระเป๋า” ที่เป็นแบบประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองสุขภาพแก่ลูกค้าในราคาที่คุ้มค่า ทั้งยังมีกิจกรรมและเครื่องมือดิจิทัลเพื่อสนับสนุนให้ตัวแทนขายสินค้าได้ง่ายขึ้น ปัจจุบัน สุขภาพ ปลดล็อค สบายกระเป๋า มียอดขายแล้วกว่า 3,000 กรมธรรม์ ตั้งแต่เปิดตัวกลางเดือนมีนาคม ส่วนช่องทางขายตรง เติบโตลดลง 23% อยู่ที่ 735.7 ล้านบาท เป็นผลมากจากสถานการณ์โควิดที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของลูกค้าในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา

ถึงแม้สถานการณ์โควิดจะยังคงอยู่และส่งผลกระทบต่อธุรกิจ แต่สำหรับอลิอันซ์ อยุธยา ด้วยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และการปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัลก่อนใคร ทำให้ธุรกิจของเรายังคงเติบโตไปได้ในทุกช่องทาง ปัจจุบันช่องทางตัวแทนมีการส่งใบคำขอผ่านเครื่องมือดิจิทัล ที่เรียกว่า Allianz Discover (AZD) ถึง 99% และจากกลุ่มนี้ มีอยู่ถึง 45% ที่เป็นการขายแบบไม่ต้องพบลูกค้า (Non Face-to-Face) ซึ่งเป็นการส่งเสริมการทำงานภายใต้สถานการณ์โควิดและรักษา social distancing ได้เป็นอย่างดี และล่าสุดได้มีการจัดงาน AL Seminar ACTIV 21 งานสัมมนาผู้บริหารตัวแทน รูปแบบออนไลน์ครั้งแรก ที่เน้นการสร้างกำลังใจ การทำงานเป็นทีมเพื่อเป้าหมายการเติบโต นอกจากนั้น ยังมีโปรแกรมกระตุ้นการสร้างผลงานมากมาก อาทิ โครงการ Friend Of Agency ชวนเพื่อนแนะนำเพื่อน มีผู้เข้าร่วมกว่าพันคนภายในหนึ่งเดือน โครงการ Allianz Elite Agency คือ เป็นการนำโมเดลที่ประสบความสำเร็จไปใช้พัฒนาตัวแทนกลุ่มอื่นๆเพื่อเร่งการสร้างผลงาน ซึ่งตัวแทนที่อยู่ในโปรแกรมนี้ พบว่าจะสร้างผลิตผลได้มากกว่าเดิมถึง 6 เท่า

ขณะเดียวกัน กลุ่มอลิอันซ์ ผู้ถือหุ้นหลักของ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต รายงานผลกำไรจากการดำเนินการของอลิอันซ์ในเอเชียเพิ่มขึ้น 37% เป็น 343 ล้านยูโร หรือประมาณ 1.35 หมื่นล้านบาท โดยรายได้ทั้งหมดในเอเชียเพิ่มขึ้น 14% เป็น 4.1 พันล้านยูโร หรือประมาณ 1.61 แสนล้านบาท และมีผลกำไรจากการดำเนินงานด้านประกันชีวิตและสุขภาพเพิ่มขึ้น 46% เป็น 279 ล้านยูโร หรือประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท

มร. โซลมาส อัลทิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาค อลิอันซ์ เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า ท่ามกลางภาวะของตลาดที่ท้าทายและผลกระทบของโควิด-19 ซึ่งยังคงส่งผลต่อทุกด้านของชีวิต อลิอันซ์ เอเชีย แปซิฟิค ยังคงมีรายได้และผลกำไรจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในครึ่งแรกของปี 2564 กลยุทธ์ของเราประสบความสำเร็จด้วยดีจากการทำงานหนักและความทุ่มเทของพนักงาน เราจะยังคงให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดี ความปลอดภัย และสุขภาพจิตของพนักงานเป็นอันดับต้นๆ การปรับตัวสู่ดิจิทัลตั้งแต่ก่อนการระบาดของโควิด-19 ช่วยให้เรายังคงสามารถให้บริการและช่วยเหลือลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจในภูมิภาคนี้ รวมถึงหลายตลาดในเอเชียที่ดำเนินธุรกิจอยู่

แม้ว่าความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดจะยังคงส่งผลกระทบต่อตลาด แต่เรามั่นใจว่าเราจะสามารถสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจผ่านทางโมเดลที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และสิ่งนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับเราในการรักษาความเป็นที่หนึ่งในบริษัทประกันที่ใหญ่ที่สุดและมีความมั่นคงมากที่สุดในโลก เราจะพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อช่วยลดภาระด้านการเงินของลูกค้า รวมถึงช่วยเพิ่มระดับการคุ้มครองทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างไร้รอยต่อและตอบสนองความต้องการเฉพาะตัวของตลาดทุกตลาดและลูกค้าทุกคน

มร.แอรอน ฟรายเยอร์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน อลิอันซ์ เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “แม้จะยังคงมีความไม่แน่นอนในตลาด รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา อลิอันซ์ยังมีอัตราการเติบโตที่สูงในเอเชีย โดยมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 37% เป็น 343 ล้านยูโร หรือประมาณ 1.35 หมื่นล้านบาท  ธุรกิจกลุ่มประกันชีวิตและประกันสุขภาพในภูมิภาคยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยกำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น 46% เป็น 279 ล้านยูโร หรือประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท จากกำไรจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในไทย ผลประกอบการที่ดีขึ้นในไต้หวันจากการฟื้นตัวของตลาดทุน มูลค่าของธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น 38% เป็น 199 ล้านยูโร หรือประมาณ 7.8 พันล้านบาท จากปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในตลาด เช่น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ภูมิภาคนี้ยังมีกำไรที่สูงขึ้นจากส่วนผสมทางธุรกิจที่ดีขึ้น รวมถึงการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยในบางตลาด

รายได้รวมของธุรกิจประกันทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ดเพิ่มขึ้น 13% เป็น 741 ล้านยูโร หรือประมาณ 2.9 หมื่นล้านบาท และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในจีนและได้รับอานิสงค์จากสิงคโปร์ ผลกำไรจากการดำเนินงานในภูมิภาคเพิ่มขึ้น 8% เป็น 63 ล้านยูโร หรือประมาณ 2.5 พันล้านบาท โดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นในประเทศไทยและมาเลเซีย จากการดำเนินงานที่มีความเป็นเลิศในด้านต่างๆ รวมถึงกลยุทธ์ดิจิทัลที่ขยายกว้างมากขึ้นสำหรับช่องทางหลักของเรา ค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยทั้งหมด เพิ่มขึ้นครึ่งเบซิสพ้อยท์เป็น 96.8% เมื่อเทียบปีต่อปี

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา อลิอันซ์เอเชียแปซีฟิกได้รับการเรียกร้องค่าสินไหมมากขึ้นจากลูกค้าและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินโดนีเซีย แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของโซลูชั่นด้านสุขภาพและการให้ความคุ้มครองของเราในชุมชนโดยรวม เราจะยังคงเติบโตในตลาดให้มากยิ่งขึ้นเพื่อสร้างความเข้มแข็งในการให้ความคุ้มครองลูกท้าทางด้านการเงิน”

“เรามาไกลกว่าสิ่งที่คาดหวังเป็นอย่างมากในปีนี้ ซึ่งรวมถึงการขยายธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินเพิ่มเติม หลังจากที่อลิอันซ์ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการให้จัดตั้งบริษัทจัดการทรัพย์สินประกันซึ่งมีชาวต่างชาติเป็นเจ้าของทั้งหมดได้เป็นบริษัทแรกในจีน เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทิศทางที่ดีเช่นนี้จะยังคงดำเนินต่อไป โดยเราจะยังคงมุ่งมั่นและระมัดระวังในการดำเนินแผนการ โดยใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับพนักงาน พันธมิตรทางธุรกิจและลูกค้าของเรา” มร. โซลมาส กล่าวเสริม

โครงการ Go Green Sandbox เฟ้นหาคนรุ่นใหม่ โชว์ไอเดียจัดการขยะ

บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ร่วมกับSchool of Changemakers เปิดเวทีออนไลน์โครงการ Go Green Sandbox ครั้งแรกกับการ Pitching ผ่านระบบออนไลน์ นำเสนอไอเดียเกี่ยวกับการจัดการขยะ จาก 10 ทีมสตาร์ทอัพด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อคัดสรรเหลือเป็น 5 ทีมสุดท้าย รับเงินทุนตั้งต้น สูงสุด 20,000 บาทต่อทีม เพื่อนำเอาไอเดียต้นแบบมาทดลองจริง ณ สำนักงานของ  อลิอันซ์ อยุธยา โดยตลอดระยะเวลา 6 เดือน ทุกทีมจะได้รับการพัฒนาและเรียนรู้ พร้อมไปกับโค้ชที่ปรึกษาและโค้ชอาสาสมัครประจำทีมที่ เป็นพนักงาน อลิอันซ์ อยุธยา

การนำเสนอไอเดียจะเกิดขึ้นผ่านการไลฟ์สดในวันพุธ 11 สิงหาคม 2564 เวลา 17.00 น. ผ่านช่องทาง FB LIVE : Humans of Allianz Ayudhya ตลอดการไลฟ์ นอกจากผู้ชมจะได้รับฟังไอเดียจาก 10 ทีมสตาร์ทอัพแล้ว ยังมีสิทธิ์ร่วมลุ้นรับรางวัลรักษ์โลก มูลค่ากว่า 100,000 บาท ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการได้ที่ https://bit.ly/3tZOFCe

อลิอันซ์ อยุธยา ยืนยันจ่ายเคลม ผู้ติดโควิดและรักษาแบบ Home Isolation

อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ร่วมเดินหน้าจับมือคนไทยสู้โควิด ขานรับประกาศคปภ. ยืนยันจ่ายเคลมลูกค้าผู้ติดเชื้อโควิด 19 และรับการรักษาแบบ (Home Isolation) สำหรับลูกค้าที่มีกรมธรรม์ประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก

นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารงานลูกค้า บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การติดเชื่อโควิด 19 ที่เข้าขั้นวิกฤต มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากแต่ไม่มีสถานพยาบาลเพียงพอ ประชาชนที่ติดเชื้อจำนวนมาก ต้องรับการรักษาแบบ Home Isolation หรือ Community Isolation บริษัทฯ จึงขานรับประกาศของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เรื่องการจ่ายค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อไวรัส โควิด 19 ซึ่งมีการดูแลรักษาแบบ Home Isolation หรือการดูแลรักษาแบบ Community Isolation โดยยืนยันที่จะให้ความคุ้มครองผู้ถือกรมธรรม์คุ้มครองชีวิตและสุขภาพของอลิอันซ์ อยุธยา เมื่อติดเชื้อโควิด 19 และรับการรักษาแบบ Home Isolation หรือ Community Isolation โดยความคุ้มครองจะเป็นไปตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง และไม่เกินจำนวนผลประโยชน์สำหรับ ค่าใช้จ่าย ซึ่งเกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ประกันภัยของลูกค้า

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังคงให้ความคุ้มครองลูกค้าตามปกติ กรณีลูกค้าติดเชื้อและเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน ซึ่งครอบคลุมการรักษาทั้งในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (hospitel) ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ ได้จ่ายเคลมตามกรมธรรม์จากสถานกาณณ์โควิด 19 ไปแล้ว กว่า 2,500 เคส ยอดเคลมกว่า 157 ล้านบาท

“อลิอันซ์ อยุธยา ยืนยันที่จะอยู่เคียงข้างลูกค้าคนไทย พร้อมที่จะให้ความคุ้มครองตามคำมั่นสัญญา และเป็นอีกแรงขับเคลื่อนของสังคมไทย ที่จะจับมือทุกฝ่ายก้าวผ่านสถานการณ์ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน” นางสาวพัชรา กล่าวทิ้งท้าย

อลิอันซ์ อยุธยา มอบน้ำดื่ม ณ จุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 รพ.กรุงเทพ

บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต โดย นายพิเชษฐ์ บำรุงกิจเจริญ(ขวา) ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารพื้นที่ตัวแทนภูมิภาคกรุงเทพฯ  เป็นตัวแทนในการส่งมอบผลิตภัณฑ์น้ำดื่มแบบไร้ฉลาก สามารถรีไซเคิลได้ 100% จำนวน 6,408 ขวด ให้กับจุดบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 โรงพยาบาลกรุงเทพ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่มาใช้บริการ โดยมี นพ.มนต์สรร อัศวนพเกียรติ(ซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายระบบประกันและพัฒนาผลิตภัณฑ์ โรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นผู้รับมอบ ณ  อาคารโรงพยาบาลกรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล ชั้น 3

อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ยืนยันคุ้มครองลูกค้าทุกรายที่ถือกรมธรรม์ฯ

อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ตอกย้ำความแข็งแกร่งท่ามกลางสถานการณ์โควิด 19 ยืนยันให้ความคุ้มครองลูกค้าทุกรายที่ถือกรมธรรม์อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิตและสุขภาพ พร้อมเดินหน้ามาตรการช่วยเหลือต่อเนื่อง สนับสนุนสังคมไทยให้เดินหน้าฝ่าโควิดไปด้วยกัน

นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารงานลูกค้า บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์วิกฤตโควิด 19 ในขณะนี้ มีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นมากมาย ทำให้ผู้บริโภคเริ่มเกิดความไม่มั่นใจ สำหรับ อลิอันซ์ อยุธยา ในฐานะผู้นำในประกันชีวิตและสุขภาพ ขอยืนยันความมั่นคงของบริษัท และยืนยันความคุ้มครองที่ลูกค้าจะได้รับจะเป็นไปตามกรมธรรม์ที่ลูกค้าถือไว้ทุกประการ บริษัทไม่มีนโยบายในการยกลิกสัญญากับลูกค้าอันเนื่องมาจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน

ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบัน บริษัทฯ ได้จ่ายเคลมตามกรมธรรม์จากสถานกาณณ์โควิด 19 ไปแล้ว กว่า 2,500 เคส ยอดเคลมกว่า 157 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังมีมาตรการเสริมความคุ้มครองโควิด-19 รอบด้านสำหรับลูกค้า อาทิ การให้ความคุ้มครอง กรณีลูกค้าติดเชื้อและเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน ซึ่งครอบคลุมการรักษาทั้งในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (hospitel) ความคุ้มครองการตรวจหาเชื้อโควิด-19 สำหรับลูกค้าที่มีอาการและได้รับคำแนะนำจากแพทย์ การช่วยประสานงานและให้คำปรึกษาการเข้ารับการรักษา กรณีที่ลูกค้า ได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นโควิด-19 และ การลดระยะเวลารอคอยให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครองเร็วขึ้น กรณีที่ลูกค้ามีการซื้อสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพฉบับใหม่ โดย ลดระยะเวลารอคอยการเข้ารับการรักษาด้วยโรคโควิด-19 จาก 30 วันเป็น 14 วัน และสามารถใช้บริการเคลมแบบที่ลูกค้าไม่ต้องสำรองจ่ายออกไปก่อน (แฟกซ์เคลม) จากเดิม ที่จะใช้สิทธิ์ได้ต้องรอ 90 วัน ลดเหลือเพียง 30 วันก็สามารถเคลมแบบไม่ต้องสำรองจ่ายได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของรพ.คู่สัญญา และ เงื่อนไขกรมธรรม์ด้วย

“ไม่ว่าสถานการณ์จะไม่แน่นอนซักเพียงใด อลิอันซ์ อยุธยา จะอยู่เคียงข้างลูกค้า พร้อมที่จะให้ความคุ้มครองตามคำมั่นสัญญาของเรา และพร้อมจะเป็นอีกแรงขับเคลื่อนของสังคมไทย ที่จะจับมือทุกฝ่ายก้าวผ่านสถานการณ์ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน” นางสาวพัชรา กล่าวทิ้งท้าย