โรงงานน้ำตาล ต่ออายุรับประกันราคาซื้ออ้อยสดขั้นต่ำตันละ 1,000 บาท อีก 1 ปี 

โรงงานน้ำตาล ประกาศต่ออายุรับประกันราคาซื้ออ้อยสดเข้าหีบขั้นต่ำตันละ 1,000 บาท ค่าความหวาน 10 ซี.ซี.เอส.เพิ่มขึ้นอีก 1 ปี และจะพิจารณาปรับเพิ่มอีกตามสภาวะราคาตลาดโลกเพิ่มขึ้น หวังสร้างความมั่นคงด้านผลผลิตในรอบปีถัดไป (2565/66) ช่วยชาวไร่วางแผนเตรียมพันธุ์อ้อยรับขยายพื้นที่เพาะปลูกอ้อยมีรายได้เพิ่มขึ้น หลังปีนี้ชาวไร่ตอบรับดี พร้อมจัดทำแผนมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 รับการเปิดหีบอ้อยในช่วงปลายปีนี้

นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี ประธานคณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย หรือ TSMC เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลมีนโยบายมุ่งสร้างความมั่นคงด้านผลผลิตอ้อยให้แก่อุตสาหกรรม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีนโยบายสนับสนุนและช่วยเหลือชาวไร่ยึดอาชีพการเพาะปลูกอ้อยและมีรายได้เลี้ยงดูครอบครัว จึงได้ประกาศต่ออายุการรับประกันราคารับซื้ออ้อยสดเข้าหีบในฤดูการผลิตปีถัดไป (2565/66) ที่ราคาขั้นต่ำ 1,000 บาทต่อตันอ้อย ณ ระดับค่าความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส. และหากราคาตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นจะพิจารณาปรับราคาอ้อยเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับทิศทางราคา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ชาวไร่ และวางแผนขยายพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มผลผลิตอ้อยมากขึ้น

“การประกาศประกันราคารับซื้อผลผลิตอ้อยในฤดูถัดไปตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อให้ชาวไร่ได้มีเวลาเตรียมตัววางแผนการเพาะปลูกทั้งการจัดหาพันธุ์อ้อย การขยายพื้นที่เพาะปลูกเพื่อให้ได้ปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้น เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านความมั่นคงด้านผลผลิตอ้อยให้แก่อุตสาหกรรม โดยเราคาดว่า ด้วยมาตรการที่ต่อเนื่องเช่นนี้จะสร้างความมั่นใจให้ชาวไร่เพาะปลูกอ้อยเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อปริมาณอ้อยเข้าหีบในฤดูการผลิตปีถัดไปเพิ่มเป็น 100 ล้านตัน” นายสิริวุทธิ์ กล่าว

ทั้งนี้ นโยบายการประกันราคารับซื้ออ้อยสดขั้นต่ำ 1,000 บาทต่อตัน ณ ระดับค่าความหวานที่ 10 ซี.ซี.เอส ซึ่งเริ่มประกาศใช้ตั้งแต่ฤดูการผลิตปีนี้ (2564/2565) ทำให้ชาวไร่ไม่ต้องกังวลเรื่องราคาอ้อยและทุ่มเทการดูแลพื้นที่เพาะปลูกอ้อยอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ สด สะอาด จัดส่งให้แก่โรงงาน โดยคาดว่า ปริมาณอ้อยเข้าหีบในปี 2564/65 จะเพิ่มขึ้นเป็น 87-90 ล้านตันอ้อย เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีปริมาณอ้อยเข้าหีบที่ 67 ล้านตัน อีกทั้ง เป็นการสร้างแรงจูงใจให้ชาวไร่ตัดอ้อยสดส่งมอบให้แก่โรงงานที่ช่วยลดปัญหาการเผาอ้อยในระยะยาวอีกด้วย

ประธานคณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ TSMC กล่าวว่า โรงงานน้ำตาลทุกแห่งได้เตรียมแผนมาตรการป้องกัน เฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 รองรับกับการเปิดหีบอ้อยประจำฤดูการผลิตปี 2564/65 โดยโรงงานได้สนับสนุนให้พนักงานทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดเข็มแรกให้ครบ 100% จากปัจจุบันที่มีฉีดไปแล้วกว่า 50% พร้อมกันนี้ ยังได้ยึดกรอบนโยบายตามมาตรการ Bubble and Seal ของภาครัฐที่มุ่งเน้นการป้องกันการแพร่ระบาดมาเป็นแนวทางปฎิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อเฝ้าระวัง ติดตามและป้องกันการแพร่ระบาด โดยมีมาตรการคัดกรองพนักงานที่เข้ามาปฏิบัติงานภายในโรงงานทุกวันและผู้ที่มาติดต่อทุกรายเข้าเขตพื้นที่โรงงาน พร้อมจัดหาพื้นที่คัดแยกผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ เพื่อเฝ้าระวังและประสานงานไปยังสาธารณสุขจังหวัดหรืออาสาสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หากพบผู้ป่วยที่มีอาการเข้าไปรับการรักษาต่อไป

กดดันอินเดีย ยกเลิกมาตรการอุดหนุนการส่งออกน้ำตาล

อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไทย ออสเตรเลีย บราซิล และกัวเตมาลา ผนึกกำลังกดดันประเทศอินเดีย เพื่อให้ยกเลิกการอุดหนุนการผลิตและการส่งออกน้ำตาลที่ดำเนินการมากว่า 10 ปี ส่งผลให้ราคาตลาดโลกผันผวน กระทบต่อทุกประเทศผู้ส่งออก ระบุทุกประเทศต้องปฏิบัติตามกฎ WTO หลังประเมินผลกระทบ ไทยได้รับความเสียหายเฉลี่ยประมาณ หมื่นล้านบาทต่อปี 

นายปราโมทย์  วิทยาสุข ประธาน สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย หรือ TSMC เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายประเทศออสเตรเลีย เสนอหน่วยงานภาครัฐให้ดำเนินการผลักดันอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ ของโลก ให้ยกเลิกการอุดหนุนการปลูกอ้อยของชาวไร่และการส่งออกน้ำตาลไปยังตลาดโลก ที่ส่งผลให้ราคาน้ำตาลในตลาดโลกผันผวน สร้างความเสียหายและทำลายโอกาสทำรายได้จากการส่งออกในราคาที่ควรจะเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันที่เฉลี่ยราคาประมาณ 17 เซนต์ต่อปอนด์ หลังความต้องการปริมาณน้ำตาลในตลาดโลกเพิ่มขึ้นจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว 

ทั้งนี้ การศึกษาของประเทศออสเตรเลีย พบว่า การดำเนินนนโยบายของรัฐบาลอินเดียเพื่อช่วยเหลือชาวไร่อ้อยด้วยการอุดหนุนการผลิตและการส่งออกน้ำตาลส่วนเกินประมาณกว่า ล้านตัน โดยในช่วงรอบฤดูการผลิต ปีที่ผ่านมา หรือปี 2560/61 – 2563/64 รัฐบาลอินเดียใช้เงินอุดหนุนการส่งออกมากกว่า 1.998 พันล้านหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 6.55 หมื่นล้านบาท ซึ่งกดดันต่อราคาตลาดโลกปรับตัวลดลงประมาณปีละ 13.1% และทำให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของออสเตรเลียสูญเสียรายได้จากการส่งออกน้ำตาล 63 เหรียญออสเตรเลียต่อตันน้ำตาล (ประมาณ 1,530 บาทต่อตันอ้อย) หรือคิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 189 ล้านเหรียญออสเตรเลียต่อปี (ประมาณ 4.58 พันล้านบาท) จากปริมาณการส่งออกน้ำตาลปีล่าสุดอยู่ที่ ล้านตัน 

ขณะที่ประเทศไทย ในฐานะที่เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ ของโลก มีปริมาณการส่งออกน้ำตาลทรายไปยังตลาดโลกในรอบการผลิตปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ ล้านตันน้ำตาล ซึ่งได้รับความเสียหายประมาณกว่า หมื่นล้านบาทต่อปี เมื่อเปรียบเทียบเชิงปริมาณการส่งออกน้ำตาลของไทยที่สูงกว่าออสเตรเลียถึง 2 เท่า ดังนั้น TSMC จึงเรียกเรียกร้องให้รัฐบาลไทยดำเนินการผลักดันประเทศอินเดียให้ยกเลิกมาตรการอุดหนุนและเรียกร้องให้ปฎิบัติตามกฎกติกาการค้าโลก ภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) อย่างเคร่งครัด 

“เราในฐานะผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลกย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้กับผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยสร้างความเสียหายแก่อุตสาหกรรม ต้องสูญเสียโอกาสส่งออกน้ำตาลช่วงที่ราคาตลาดโลกที่ดี และเราเชื่อว่าราคายังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่เมื่อเจอแรงกดดันจากซัพพลายของประเทศอินเดียทำให้ราคามีความผันผวนมากขึ้น และหากรัฐบาลอินเดียยังคงให้อุดหนุนอุตสาหกรรมน้ำตาลต่อไป ราคาตลาดโลกจะยังเผชิญแรงกดดันต่อไปอีก” นายปราโมทย์ กล่าว 

ประธาน สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย หรือ TSMC กล่าวว่า จากการประเมินปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้นในช่วงนี้ จะส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตของอ้อย โดยคาดว่าปริมาณผลผลิตอ้อยในฤดูการผลิตหน้า (ปี 2564/65) จะอยู่ที่ประมาณ 90 ล้านตัน ตามที่ TSMC เคยประมาณการไว้ เนื่องจากชาวไร่อ้อยมีการขยายการเพาะปลูกอ้อยและบำรุงรักษาอ้อยเพิ่มขึ้น ขณะที่ โรงงานน้ำตาลได้สนับสนุนช่วยเหลือชาวไร่ด้านเงินทุนและปัจจัยการผลิตต่างๆ รวมทั้ง การประกันราคาอ้อยปีหน้าที่ตันอ้อยละ 1,000 บาท ที่ค่าความหวาน 10 ซี.ซี.เอส.