หุ้นกู้ BGRIM 12,000 ล้าน ยอดจองล้นกว่า 5 เท่า

ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานบี.กริม และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง จากแผนระดมทุนผ่านการออกและเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) จำนวนรวมไม่เกิน 8,000 ล้านบาท และมีส่วนสำรองเพื่อเสนอขายเพิ่มเติม (Green shoe) อีก 2,000 ล้านบาท โดยมีผู้ลงทุนแสดงความจำนงในการลงทุน (Bookbuilding) ในหุ้นกู้ของบริษัทมากกว่า 5 เท่า เทียบกับแผนการเสนอขายเบื้องต้นที่ 8,000 ล้านบาท โดยบางรุ่นมีความสนใจเกินกว่าที่จะออกขายถึง 10 เท่า

 ทั้งนี้ ได้รับผลตอบรับอย่างดีจากผู้ลงทุนทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มประกันชีวิต บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กองทุนภาครัฐ สหกรณ์ และสถาบันการเงินอื่นๆ ทำให้บริษัทตัดสินใจเพิ่มยอดการเสนอขายหุ้นกู้ในสัดส่วนของกรีนชูเป็น 4,000 ล้านบาท รวมเป็นการจัดออกหุ้นกู้ทั้งหมด 12,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนจำนวนมาก ซึ่งมีความเชื่อมั่นต่อหุ้นกู้ของบริษัท

สำหรับการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ มีจำนวน 3 รุ่น ประกอบด้วย หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 1.41% ต่อปี จำนวน 2,000 ล้านบาท หุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 1.95% ต่อปี จำนวน 3,000 ล้านบาท และหุ้นกู้อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.20% ต่อปี จำนวน 7,000 ล้านบาท

สำหรับหุ้นกู้รุ่นอายุ 5 ปี ซึ่งเป็นหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายไปใช้เป็นเงินทุนสำหรับการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ประเทศเวียดนาม คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 87% ประกอบด้วย 2 โครงการ มีกำลังการผลิตรวม 677 เมกะวัตต์ เปิดดำเนินการปี 2562 ตั้งอยู่ที่จังหวัด Phu Yen และจังหวัด Tay Ninh และอีกประมาณ 13% จะใช้ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลมกำลังการผลิต 18 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดมุกดาหาร  โดยหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนี้ได้ผ่านการรับรองภายใต้มาตราฐานตราสารหนี้ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และได้ถูกบรรจุไว้ในฐานข้อมูลตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อมที่รวบรวมโดย Climate Bond Initiative

หุ้นกู้ทั้ง 3 รุ่นดังกล่าว ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ในระดับ “A-” แนวโน้ม “คงที่” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564 การเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ เป็นการเสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ และมีกำหนดการจองซื้อในวันที่ 2 และ 5 กรกฎาคม 2564 และจัดออกหุ้นกู้ในวันที่ 6 กรกฎาคม 2564 โดยมีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้

ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทขอขอบคุณผู้ลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัท ท่ามกลางสภาพตลาดที่ยังคงมีความผันผวนจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ เพื่อใช้ชำระคืนหนี้เดิมของบริษัท และ/หรือ ใช้สำหรับการลงทุนในโครงการต่างๆ ของบริษัท และ/หรือ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการของบริษัท โดยหุ้นกู้ที่บริษัทเสนอขายในครั้งนี้มีต้นทุนที่เหมาะสม และเชื่อมั่นว่าเป็นการสร้างฐานนักลงทุน สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ในอนาคต

การสนับสนุนจากผู้ลงทุนในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ทั้งผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์สูงในธุรกิจ ตลอดจนความเป็นผู้นำจากการดำเนินธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าและไอน้ำที่มีความเป็นเลิศ และมีมาตรฐานในระดับโลก ภายใต้วิสัยทัศน์ของ บี.กริม เพาเวอร์ เพื่อมุ่งสร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี (Empowering the World Compassionately) โดยยึดหลักการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี เพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคม พร้อมเติบโตเคียงคู่ไปกับประเทศไทย

บี.กริม ร่วมใจ สู้ภัยโควิด-19 ช่วยเหลือชุมชนชาวสระแก้ว

จังหวัดสระแก้ว ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ควบคุม 25 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะในอำเภออรัญประเทศ ซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศกัมพูชา ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยสะสมอยู่ในระดับสูง รวมถึงมีผู้ที่ต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน และผู้ที่ขาดรายได้จากการว่างงานเป็นจำนวนมาก

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ บี.กริม บวร (B.Grimm Smart Village) ส่งผลกระทบกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชนในด้านต่างๆ บี.กริม มีความห่วงใย และพร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ประสบความเดือดร้อน ผ่านโครงการ บี.กริม “ร่วมใจ สู้ภัยโควิด-19” โดยการส่งมอบอุปกรณ์ป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้แก่ หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ชนิดแกลลอน แอลกอฮอล์สเปรย์พกพา และเครื่องฉีดพ่นแอลกอฮอลล์ฆ่าเชื้อ เพื่อดูแลสุขภาพของประชาชนในหมู่บ้านบี.กริม วัดบี.กริม และโรงเรียนบี.กริม

โครงการ บี.กริม บวร เป็นโครงการที่น้อมนำแนวพระราชดำริ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” และ “บวร (บ้าน วัด โรงเรียน)” ของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยเปิดตัวที่หมู่บ้าน บี.กริม ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 8 ต.คลองทับจันทร์ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีเป้าหมายสร้างเป็นชุมชนต้นแบบให้กับหมู่บ้านต่างๆ สอดคล้องกับปรัชญาการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารีของ บี.กริม ที่มุ่งมั่นพัฒนาชุมชน สังคม และดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตลอด 143 ปีที่ก่อตั้งองค์กร

นอกจากนี้ บี.กริม ยังได้ส่งมอบอุปกรณ์ป้องกันไวรัสโควิด-19 ให้กับเด็กๆ และคุณครูในโรงเรียน อ.ฮ. ลิงค์ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ บี.กริม ให้การสนับสนุนในด้านการศึกษา ด้วยการมอบทุนการศึกษา และบริจาคอุปกรณ์การเรียน การสอน มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 50 ปี

“หมู่บ้าน บี.กริม ตั้งอยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยง อีกทั้งยังมีเด็กและผู้สูงอายุอาศัยอยู่จำนวนมาก ต้องขอขอบคุณ บี.กริม ที่ให้ความช่วยเหลือ ด้วยการจัดหาอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 ต่างๆ มาให้ ทำให้พวกเราทุกคนรู้สึกอุ่นใจและสามารถดูแลสุขภาพร่างกายได้ดียิ่งขึ้น” – ผู้นำชุมชนในหมู่บ้าน บี.กริม กล่าว 

ซีอีโอ BGRIM คว้า Entrepreneur of the Year of APEA 2021

ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ได้รับการยกย่องจากองค์กรสากล Enterprise Asia  มอบรางวัลทรงเกียรติ Entrepreneur of the Year of APEA 2021”สาขา Energy Industry จากงานประกาศรางวัลAsia Pacific Enterprise Awards (APEA) 2021 Regional Edition ครั้งที่ 15 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 30มิถุนายน 2564

รางวัลอันทรงเกียรตินี้ มอบให้เพื่อยกย่องความเป็นผู้นำองค์กรของ ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ที่มีความมุ่งมั่นและสามารถสร้างความเติบโตทางธุรกิจให้กับ บี.กริม เพาเวอร์ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงความเป็นองค์กรที่มีการพัฒนาและบริหารงานอย่างยั่งยืนตามหลักการสากล สะท้อนถึงผลสำเร็จในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ มุ่งสร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี (Empowering the World Compassionately) ของ บี.กริม เพาเวอร์ ที่มุ่งสร้างคุณค่าให้กับสังคมในรูปแบบของ Sustainable Utility Solution Provider ด้วยการผลิตพลังงานที่มีคุณภาพสูง และบริการแบบครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป

โดยงานมอบรางวัลในปี 2564 นี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “The Great Reset: Towards a Sustainable Recovery” คัดเลือกผู้นำทางธุรกิจและองค์กรต่าง ๆ จากกว่า 14 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่แสดงผลงานโดดเด่นและมีความมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจจนประสบความสำเร็จในระดับภูมิภาคและระดับโลก รวมทั้งตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมเพื่อสร้างการเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืนอีกทั้งมีความยืดหยุ่นในการปรับตัว โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ท้าทายจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน

แต่ละปีมีผู้นำองค์กรต่าง ๆ จากภาคเอกชนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลจาก Enterprise Asia ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับจากผู้นำในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย มากกว่า 800 รายชื่อ และมีเพียงแค่ 7% ของรายชื่อที่ได้รับการพิจารณาในรอบสุดท้าย  สำหรับปี 2564 มีผู้นำองค์กรที่มีคุณสมบัติโดดเด่นและมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ได้รับการพิจารณาเข้ารอบสุดท้าย130 รายชื่อจาก 15 ประเทศ และ มีเพียง 59 รายชื่อได้รับการยกย่องสูงสุด

BGRIM ขึ้นแท่นนำเข้า LNG เอกชนรายใหญ่ที่สุดแล้ว

บี.กริม เพาเวอร์ เฮ กกพ. ไฟเขียวนำเข้า LNG เพิ่ม 5.5 แสนตัน รวม 1.2 ล้านตันต่อปี ป้อนโรงไฟฟ้าเพิ่ม 13 ราย ก้าวสู่หนึ่งในผู้นำเข้า LNG เอกชนรายใหญ่ที่สุด

ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ บี.กริม เพาเวอร์ ถือหุ้น 100% ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในการเพิ่มปริมาณการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) อีกจำนวนไม่เกิน 550,000 ตันต่อปีและเห็นชอบให้เพิ่มรายชื่อลูกค้าเพื่อจัดจำหน่ายเพิ่มเติมให้กับโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการของกลุ่มบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ อีกจำนวน 13 ราย

ก่อนหน้านี้ บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี จำกัด ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (LNG Shipper) จาก กกพ. จำนวน 650,000 ตันต่อปี เพื่อจัดจำหน่ายให้กับโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าที่จะหมดอายุสัญญาลง 5 โครงการ ของกลุ่มบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ ในปี 2565

ส่งผลให้ปริมาณการนำเข้า LNG ในแต่ละปีของกลุ่มบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ เพิ่มขึ้นเป็น 1,200,000 ตันต่อปี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้นำเข้า LNG ภาคเอกชนรายใหญ่ที่สุดที่จะจำหน่าย LNG ให้กับโครงการโรงไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรม (SPP) และยังจะช่วยเอื้อประโยชน์ในด้านการบริหารต้นทุนเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติซึ่งมีสัดส่วน 65-70% ของต้นทุนในการขายและให้บริการของ บี.กริม เพาเวอร์

CEO บี.กริม โชว์วิสัยทัศน์สร้างธุรกิจอย่างยั่งยืน

ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เเปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยเป้าหมายขยายกำลังการผลิตไปสู่ 7,200 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 ด้วยปณิธานที่จะส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักธรรมภิบาล ตลอดจนการบริหารห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) อย่างรับผิดชอบ โดยคำนึงถึงผลกระทบใน 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมผ่านการพัฒนาพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นเป้าหมายของ บี.กริม ในการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด เพื่อร่วมลดภาวะโลกร้อนและดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน จากปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังคามร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงประมาณ 71% และจากพลังงานทดแทนหรือพลังงานสะอาดประมาณ 29%

ทั้งนี้ ในวันที่ 2 มิถุนายน 2564 บริษัทได้จัดโรดโชว์แก่กลุ่มผู้ลงทุนเพื่อให้ข้อมูลบริษัท และการเตรียมเสนอขายและจัดออกหุ้นกู้ครั้งใหม่จำนวนรวมไม่เกิน 8,000 ล้านบาท และมีกรีนชูอีก 2,000 ล้านบาท โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำไปลงทุนในโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าทั้งที่เป็นการสร้างใหม่ การควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ธุรกิจโรงไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณา 2-3 ดีล อาทิ โรงไฟฟ้าพลังงานลม และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ในประเทศเวียดนาม มาเลเซีย และเกาหลีใต้ ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ภายในครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ ยังเพื่อใช้คืนเงินกู้เดิมเพื่อลดต้นทุนภาระดอกเบี้ยให้ต่ำลง รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ

สำหรับการออกหุ้นกู้รวม 8,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งจะเป็นหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) อายุ 5 ปี โดยเงินที่ได้จากการเสนอขาย Green Bone ประมาณ 87% จะใช้เป็นเงินทุนสำหรับการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ประเทศเวียดนาม และอีกประมาณ 13% จะใช้ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลม จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งขณะนี้มีผู้ลงทุนให้ความสนใจในหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุด ได้แก่ หุ้นกู้อายุ 3 ปี 5 ปี (Green Bond) และ 10 ปี และคาดน่าจะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี โดยจะมีกำหนดราคาจากความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (Book Building) เร็วๆ นี้ โดยคาดว่าจะเสนอขายและจัดออกหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุดในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2564 ทั้งนี้ ได้แต่งตั้งธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ดังกล่าว

ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า แนวทางขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคตของ บี.กริม มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อก้าวสู่องค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ หรือ Net-Zero Carbon Emissions ภายในปี ค.ศ.2050 (ปี พ.ศ. 2593) ผ่านโครงการการศึกษาเชื้อเพลิงทางเลือก เทคโนโลยีใหม่และแผนดำเนินงานต่างๆ โดยเฉพาะการเดินหน้าขยายพื้นที่ป่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตอบโจทย์การพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายสำคัญในการนำ บี.กริม เพาเวอร์ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices) หรือ DJSI จัดขึ้นด้วยความร่วมมือของ S&P Global และ SAM ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้ประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลก เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม สามารถสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้ลงทุน รวมถึงการสร้างคุณค่าระยะยาวให้กับผู้มีส่วนได้เสีย

สำหรับการจัดหาเงินทุนผ่าน Green Financing บริษัทถือเป็นผู้บุกเบิกการระดมทุนผ่านการการออกตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) มาตั้งแต่ปี 2561 โดยเป็นบริษัทเอกชนบริษัทแรกที่ออก Green Bond จำนวน 5,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นหุ้นกู้รายแรกของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองโดย Climate Bonds Initiative ก่อนที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะมีการออกเกณฑ์การออก Green Bond อย่างเป็นทางการ ในปี 2562 ส่งผลให้บริษัทได้รับรางวัลจากองค์กรชั้นนำทั้งในประเทศ และต่างประเทศ จากการจัดออกหุ้นกู้ชุดดังกล่าว อาทิ รางวัล Most Innovative Deal of The Year 2018 จากสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) รวมถึงได้รับ รางวัล Green Financing of the Year in Thailand จาก The Asset Triple A Asia Infrastructure Awards 2019 จัดโดย The Asset นิตยสารทางการเงินชั้นนำของเอเชีย ณ โรงแรม Four Seasons ประเทศสิงคโปร์

ก่อนหน้านี้ ในเดือนตุลาคม 2563 ธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian  Development Bank (“ ADB”) ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้สีเขียวเพื่อโครงการที่มีส่วนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Loan) วงเงิน 183 ล้านเหรียญสหรัฐ กับบริษัท Phu Yen TTP Joint Stock Compan (“Phu Yen TTP JSC”) ซึ่งถือหุ้นโดย บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วน 80% และ Truong Thanh Viet Nam Group Joint Stock Company (TTVN) ในสัดส่วน 20% เพื่อพัฒนาและดำเนินงานโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กำลังการผลิต 257 เมกะวัตต์ ใน ฮว่า ฮอย จังหวัดฟู้เอียน ประเทศเวียดนาม

โดยสัญญาเงินกู้สีเขียววงเงิน 183 ล้านเหรียญสหรัฐ ประกอบด้วย เงินกู้โดยตรงจาก ADB 28 ล้านเหรียญสหรัฐ เงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารเกียรตินาคิน, Industrial and Commercial Bank of China (ICBC), และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ ผ่าน ADB (เงินกู้ B loan) 146 ล้านเหรียญสหรัฐ และการจัดสรรเงินกู้ 9 ล้านเหรียญสหรัฐจาก Private Infrastructure Fund (LEAP) โดยสัญญาเงินกู้ดังกล่าวถือเป็น Green Loan ที่ได้รับการรับรองจาก Climate Bonds Initiative หรือ CBI ครั้งแรกของประเทศเวียดนามและใน CLMVT นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับรางวัล Green Project of the Year in Vietnam จาก The Asset Triple A Asia Infrastructure Awards 2021 จัดโดย The Asset นิตยสารทางการเงินชั้นนำของเอเชียอีกด้วย

ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทยังประสบความสำเร็จในการจัดหาเงินกู้เกือบ 40,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 7 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวม 980 MW เพื่อผลิตไฟฟ้าที่มีคุณภาพให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม ส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศไทย และไม่ก่อให้เกิดมลพิษมากเกินค่ามาตรฐาน โดยได้รับการสนับสนุนจาก 5 สถาบันการเงินชั้นนำประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เป็นเงินกู้เกือบ 40,000 ล้านบาท ในลักษณะเงินกู้โครงการ (project finance) สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทในการระดมทุนแม้จะมีสถานการณ์ไม่พึงประสงค์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้บริษัทได้รับรางวัล Power Deal of the Year in Thailand จาก The AssetTriple A Asia Infrastructure Awards 2021 จัดโดย TheAsset นิตยสารทางการเงินชั้นนำของเอเชีย