OCEAN ประกาศลุยอสังหาฯ เปิดมูลค่าโครงการในมือเกือบหมื่นล้าน

OCEAN ประกาศบุกตลาดอสังหาฯ ขนทัพมาทั้งคอนโดฯ โครงการบ้านเดี่ยว และ Office Building ต้นปี 65 เตรียมเปิดโปรเจคใหม่ THE VALOR โครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ย่านรามอินทรา มูลค่า 480 ล้านบาท คาดเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ต้นปี 65 หนุนยอดขายเติบโตแข็งแกร่ง จากปัจจุบันมี Backlog กว่า 500 ล้านบาท ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง “ธีร ชุติวราภรณ์” เผยโครงการในมือ และโปรเจคในอนาคตรวมมูลค่าเกือบหมื่นล้านบาท

นายธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอเชี่ยน คอมเมิรช จำกัด (มหาชน) หรือ OCEAN เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2565 ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทฯพร้อมบุกตลาดอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค ทั้งในส่วนของโครงการคอนโดมิเนียม โครงการบ้านเดี่ยว โครงการอาคารสำนักงานให้เช่า เพื่อรองรับการเติบโตในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า (2565-2568) โดยมีมูลค่าโครงการรวมกันเกือบ 1 หมื่นล้านบาท สนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต

ทั้งนี้ ประกอบด้วย โครงการ IKON SUKHUMVIT 77 มูลค่า 1,170 ล้านบาท คาดว่าจะปิดโครงการภายในปี 2565 โดยมี Backlog ที่คาดว่าจะโอนจนจบปี 2564 ยังมีอยู่เกือบ 80 ล้านบาท ซึ่งมีจุดเด่นทำเลที่ตั้ง และตกแต่งครบ ให้กับลูกค้าแบบครบวงจร มาพร้อมกับสโลแกน “ก้าวเดียวถึงห้างใจกลางอ่อนนุช” โครงการมีประตูเชื่อม กับ People Park Community Mall ที่ครบครัน Co-Working Space 24 ชั่วโมง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ราคาเริ่มต้นปัจจุบันอยู่ที่ 1.99 ล้านบาท

โครงการ KON UDOMSUK มูลค่า 600 ล้านบาท เป็นโครงการที่เน้นการดีไซน์ที่แตกต่าง ใช้วัสดุ พรีเมี่ยม ในราคาที่ดีกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะแบบห้องขายดี คือห้อง Loft ที่ Sold Out ไปเป็นที่เรียบร้อย บนทำเลศักยภาพในราคาที่แข่งขันกับคู่แข่งได้อย่างชนะขาด ทำให้โครงการได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก มียอดจองมากกว่า 80% ภายใต้แรงกดดันจากสถานการณ์โควิด-19 โดยปัจจุบันมี backlog อยู่ที่ 478 ล้านบาท คาดการรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2565-2566
โครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ ย่านรามอินทรา โครงการ THE VALOR มูลค่า 480 ล้านบาท ซึ่งโดดเด่นด้วยความเป็นส่วนตัว เพียง 25 หลัง เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน เพราะเป็นตลาดที่ยังมีกำลังซื้อที่เติบโตได้ต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและจะเริ่มโอนในต้นปี 2565

โครงการ V TOWER Office Building ตั้งอยู่บน PRIME Location ติดสถานีรถไฟฟ้า พระโขนง ซึ่งในอนาคตจะเป็น New CBD (Central Business District) เป็น Interchange Station ของรถไฟฟ้า 2 สาย คือ สายสีเทา และสายสีเขียวมูลค่าโครงการ 5,500 ล้านบาท โดยแผนจะเริ่มดำเนินกิจการในปี 2566 Office Building พื้นที่เช่า (พื้นที่ขาย) 12,500 ตร.ม. ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ พื้นที่ให้เช่าของโครงการมีขนาด 450 – 550 ตารางเมตรต่อชั้น ทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจของผู้เช่าในเรื่องการเช่าทั้งชั้น ส่งผลให้สามารถปล่อยเช่าได้ทั้งอาคารในระยะเวลาอันสั้น

โครงการ The 38 Sukhumvit มูลค่าโครงการกว่า 1,050 ล้านบาท วางแผนรับรู้รายได้ในปี 2567 ตั้งอยู่ในสุขุมวิท 38 ซึ่งเป็นซอยที่ทุกคนทราบดีว่าเป็นหนึ่งในถนนที่ดีที่สุดในบริเวณทองหล่อ และห่างจากรถไฟฟ้าสถานีทองหล่อเพียง 750 เมตรเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ชูจุดเด่นเรื่อง โครงการที่มียูนิตน้อยที่สุดในคอนโดละแวกเดียวกัน เพียง 95 ยูนิตเท่านั้น และราคาเริ่มต้นต่อตารางเมตรไม่เกิน 200,000 บาทซึ่งนับว่าดีกว่าคู่แข่งซึ่งบนทำเลเดียวกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นโครงการที่สร้างเสร็จแล้วหรือเตรียมเปิดขาย ก็เริ่มต้นที่ราคาสูงกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตร

“การขยายการลงทุนโครงการอสังหาฯในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวที่สำคัญของ OCEAN สอดรับกับการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น บริษัท อัลฟ่า ดิวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) (ALPHAX) ซึ่งหมายถึง “Leader” หรือผู้นำในสิ่งที่ดำเนินการอยู่ อาทิ ธุรกิจอสังหาฯ ในแต่ะโครงการจะมีจุดเด่นที่มีความเป็นผู้นำของโครงการนั้นๆ อาทิ ทำเลที่ตั้ง การออกแบบ-ดีไซน์ การบริหารส่วนกลาง ที่มีความโดดเด่นเป็นพิเศษในแต่ละจุด และปัจจุบันได้รุกสู่ตลาด Office Building โดยมั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้กับบริษัท ซึ่งยังไม่นับรวมแผนรุกสู่ธุรกิจกัญชง-กัญชา ที่คาดว่าจะมีข่าวดีในช่วงปลายปีนี้ และพร้อมส่งออเดอร์ให้กับลูกค้าในปี 2565 ซึ่งจะเข้ามาเสริมทัพ ผลักดันรายได้และกำไรเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตามแผนงานที่วางไว้” นายธีร กล่าวในที่สุด

OCEAN เผยแผนงานในช่วงครึ่งปีหลังในงาน Opportunity Day

ธีร ชุติวราภรณ์ (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร , กิตติคุณ พินขาว (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท โอเชี่ยน คอมเมิรช จำกัด (มหาชน) หรือ OCEAN ได้นำเสนอข้อมูลบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (Opportunity Day) บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เผยแผนงานในช่วงครึ่งปีหลัง เตรียมเปิดโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ ย่านรามอินทรา มูลค่า 480 ล้านบาท คาดสร้างเสร็จปลายปีนี้ และเริ่มทยอยโอนต้นปี 2565 พร้อมจับมือพันธมิตรลุยผลิตและจำหน่ายโปรดักส์ “กัญชง-กัญชา” ก้าวสู่การเป็นผู้คุมปัจจัยการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ หนุนผลงานปี 65 โตก้าวกระโดด

OCEAN ลุยอสังหาฯ แนวราบย่านรามอินทรา

OCEAN ประกาศบุกตลาดอสังหาฯแนวราบ เตรียมเปิดโปรเจคใหม่ THE VALOR โครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ย่านรามอินทรา มูลค่า 480 ล้านบาท สินค้าเป็นที่ต้องการของตลาด คาดสร้างเสร็จปลายปีนี้และเริ่มทยอยโอนต้นปี 65 หนุนยอดขายเติบโตแข็งแร่ง จากปัจจุบันมี Backlog ในมือกว่า 600  ล้านบาท ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง “ธีร ชุติวราภรณ์” พยายามที่จะล้างขาดทุนสะสมให้ได้ภายในปี 64 พร้อมปั้น New S Curve จับมือพันธมิตรลุยผลิตและจำหน่ายโปรดักส์ “กัญชง-กัญชา” ก้าวสู่การเป็นผู้คุมปัจจัยการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ หนุนผลงานปี 65 โตก้าวกระโดด

นายธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอเชี่ยน คอมเมิรช จำกัด (มหาชน) หรือ OCEAN เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯเตรียมเปิดโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ ย่านรามอินทรา โครงการ THE VALOR มูลค่า 480 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน เพราะเป็นตลาดที่ยังมีกำลังซื้อที่เติบโตได้ต่อเนื่อง และมีความต้องการสูง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ความต้องการบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยปัจจุบันอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและจะเริ่มโอนในต้นปี 2565

ขณะที่ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ ในงวดครึ่งปีแรกเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากจุดเด่นทำเลที่ตั้ง และการนำเสนอบริการด้านต่างๆ ให้กับลูกค้าแบบครบวงจร ทำให้โครงการคอนโดมิเนียม IKON SUKHUMVIT77 มูลค่า 1,170 ล้านบาท โดยตั้งแต่เริ่มมีการโอนจนถึงปีสิ้นปี 2564 คาดว่าจะมียอดโอนคิดเป็น 78% ส่วนโครงการ IKON UDOMSUK มูลค่า 600 ล้านบาท มียอดขายแล้ว 85% ซึ่งทั้ง 2 โครงการ ผลตอบรับดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) ประมาณ 600 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้ในปี 2565

“มั่นใจว่าปี 2564 จะเป็นปีแห่งการเทิร์นอะราวด์ของบริษัทฯ โดยตั้งเป้าหมายรายสร้างกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนมาจากธุรกิจอสังหาฯที่ฟื้นตัว และกำลังซื้อเริ่มทยอยกลับมาหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังวางเป้าหมายที่จะล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ประมาณ 80 ล้านบาท ให้หมดภายในปีนี้ให้ได้”

เขากล่าวต่อว่าเพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งและมั่นคง ทีมผู้บริหารของบริษัทฯได้มองโอกาสในการขยายธุรกิจ เพื่อสร้าง New S Curve โดยล่าสุด ได้ผนึกกำลังร่วมกับ 2 พันธมิตรในตลาดกัญชง-กัญชา บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (JP) ในฐานะโรงงานผลิตยา , อาหารเสริม , เครื่องสำอาง , สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทวิตามินบำรุงร่างกาย รวมทั้งกาแฟ เพื่อสุขภาพ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาและอาหารเสริมกับองค์การคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ภายใต้แบรนด์ของลูกค้า กว่า 2,000 ผลิตภัณฑ์ และบริษัท แคนนาบิซ เวย์ จำกัด ผู้ออกแบบและพัฒนาระบบปลูกกัญชง-กัญชาอัจฉริยะ เพื่อป้อนวัตถุดิบให้กับบริษัท ทำให้ก้าวสู่ความเป็นผู้คุมปัจจัยการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร

ทั้งนี้ OCEAN ได้นำเข้าเครื่องจักรขนาดกำลังการผลิต 300 กก./เดือน ซึ่งสามารถแยกสาร CBD ได้ 4 รูปแบบ เริ่มตั้งแต่ FULL SPECTRUM , BROAD SPECTRUM , CBD ISOLATE และ WATER SOLUBLE CBD ISOLATE  จุดเด่นสามารถสกัดได้ในระดับ ISOLATE CBD WATER SOLUBLE ซึ่งสามารถผสมเครื่องดื่มได้ทันที ต่างจากคู่แข่งในตลาดที่ยังไม่มีใครสามารถทำได้

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OCEAN กล่าวอีกว่า หลังบริษัทฯได้รับใบอนุญาตแล้วก็จะสามารถเดินเครื่องผลิต เพื่อรองรับออเดอร์ลูกค้าได้ทันที และตามแผนงานของบริษัทฯ คาดว่าจะรับรู้รายได้จากธุรกิจสกัดสารกัญชงกัญชาในปีนี้ราว 15-20 ล้านบาท ก่อนขยับขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ในปี 2565 มีแผนงานที่จะลงทุน เพื่อนำเข้าเครื่องจักรเพิ่ม เพื่อรองรับดีมานด์ลูกค้า ที่มีเป็นจำนวนมาก เพิ่มโอกาสผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากธุรกิจกัญชง-กัญชา

ขณะที่ผลการดำเนินงานในงวดครึ่งแรกของปี 2564 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิ 27.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.84% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 16.96 ล้านบาท

OCEAN แตกไลน์รุกธุรกิจอินเทรนด์กัญชง-กัญชา

OCEAN โชว์ผลงานทะยานฟ้า Q2/64 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1,386% จากปีก่อน อานิสงส์ยอดขายคอนโดฯ IKON SUKHUMVIT 77 โตสวนกระแสโควิด! เหตุตกแต่งห้องสวย โลเคชั่นเยี่ยม สภาพแวดล้อมดี ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างลงตัวในราคาที่จับต้องได้  พร้อมกันนี้สยายปีกรุกสู่ธุรกิจอินเทรนด์ โดยลงทุนผ่านบริษัทย่อย “เค ที ดี เอ็ม” ลุยรอบด้านทั้งจัดจำหน่าย ร่วมผลิตสินค้า และว่าจ้างผลิตสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ วัตถุดิบ ประเภทรวมพืชกัญชง-กัญชา เพื่อใช้ในการผลิตอาหารเสริมและยา คาดว่าจะสามารถเริ่มเดินเครื่องผลิตในไตรมาส 4/64  ด้านผู้บริหารหนุ่มไฟแรง “ธีร ชุติวราภรณ์” มั่นใจปี 64 ผลงานดีต่อเนื่องและจะพยายามล้างขาดทุนสะสม ส่วนปี 65 มั่นใจเติบโตแบบก้าวกระโดด

นายธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอเชี่ยน คอมเมิรช จำกัด (มหาชน) หรือ OCEAN เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในไตรมาส 2 ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 19.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.16 ล้านบาท หรือ 1,386.26% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1.31 ล้านบาท โดยกลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 120.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.99 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 122% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 54.09 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้จากธุรกิจให้คำปรึกษาและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำนวน 94.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากโครงการ IKON77 ที่เป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการแรกของกลุ่มบริษัทได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และเริ่มโอนกรรมสิทธิ์พร้อมทั้งรับรู้รายได้มาตั้งแต่ไตรมาส 4/2563

โครงการ IKON77 เป็นคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร 442 ยูนิต พร้อมอยู่  ได้รับความนิยมอย่างมากเพราะช่วยอัพเกรดชีวิตด้วยการใช้พื้นที่ส่วนกลางอย่างคุ้มค่า เปิดบริการตลอด 24 ชม. ตั้งอยู่บนทำเลดี ติดคอมมูนิตี้มอลล์ People Park เดินทางสะดวกเพียง 3 นาที จาก BTS สถานีอ่อนนุช (มีบริการรถรับ-ส่ง) สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างลงตัวในราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้

ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนปีนี้ มีกำไรสุทธิ 42.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.40 ล้านบาท หรือ 364.82%  เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 9.15 ล้านบาท

“ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทีมผู้บริหารชุดใหม่ ที่มีความตั้งใจจะทำธุรกิจให้ดีจริงๆ และฟื้นฟูผลประกอบการของ OCEAN ให้ได้  ซึ่งธุรกิจอสังหาฯ เป็นฐานรายได้หลักในขณะนี้มีการเติบโตที่แข็งแกร่งและเป็นธุรกิจที่สามารถเติบโตไปได้อย่างต่อเนื่อง เพราะอสังหาฯคือปัจจัย 4 ที่ขาดไม่ได้ ขณะเดียวกัน ได้พยายามมองหาธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจและพร้อมจะเข้าลงทุนหากสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี มีความเสี่ยงต่ำและมีโอกาสที่จะเติบโตในอนาคตได้ดีควบคู่ไปด้วย เพื่อให้บริษัทฯมีช่องทางในการสร้างรายได้อื่นเพิ่มขึ้นและถือเป็นการบริหารความเสี่ยงอีกทางหนึ่ง โดยมีเป้าหมายหลักที่ OCEAN ปักธงไว้คือการเป็นบริษัทจดทะเบียนปัจจัยพื้นฐานดี คือมีฐานทุนและฐานะทางการเงินมั่นคงแข็งแรง มีธุรกิจที่สร้างกำไรที่ดีต่อเนื่อง มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องทุกปี”

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติเพิ่มทุน “บริษัท เค ที ดี เอ็ม จำกัด” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยอีกจำนวน 290,000 หุ้น คิดเป็น 29,000,000 บาท เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้น โดยแหล่งที่มาของเงินที่ใช้มาจากเงินทุนหมุนเวียน โดยการเพิ่มทุนในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่ใช้ประกอบธุรกิจลงทุนเพื่อจัดจำหน่าย ร่วมผลิตสินค้า และว่าจ้างผลิตสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ วัตถุดิบ ประเภทรวมพืชกัญชง หรือกัญชา เพื่อใช้ในการผลิตอาหารเสริม และยา รวมถึงสั่งซื้อเครื่องจักรสำหรับการผลิต

ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเริ่มเดินเครื่องผลิตในช่วงไตรมาส 4/64 และจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาทันที  โดยก่อนหน้าบริษัทฯได้ลงนามความร่วมมือทางธุรกิจ (MOU) กับบริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (JSP) ด้านการลงทุนการค้าในรูปแบบสัญญาร่วมผลิตสินค้า จัดจำหน่ายและส่งออก ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ อาหารและยา ด้วยนวัตกรรมจากพืชกัญชาและพืชกัญชง

“มั่นใจว่าการแตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจกัญชงและกัญชา โดยการเป็นผู้ผลิตสารสกัด จะช่วยผลักดันรายได้และกำไรของกลุ่มบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับสูง และความต้องการของลูกค้ามีเข้ามาเป็นจำนวนมาก ในปีนี้จะเริ่มมีรายได้เข้ามาบางส่วน และคาดว่าปี 2565 ธุรกิจสารสกัดกัญชงและกัญชา มีโอกาสที่จะสร้างรายได้ให้กับกลุ่มบริษัทกว่า 100 ล้านบาท สนับสนุนผลงานในปี 2565 ให้โตแบบก้าวกระโดดได้”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OCEAN กล่าวต่อในช่วงท้ายว่าปี 2564 นี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของบริษัทฯ ไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งเรื่องของผลประกอบการที่ทำกำไรได้ดีอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้น่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้ และในปี 2565 จะเป็นปีที่น่าตื่นเต้นสำหรับ OCEAN โดยคาดว่าจะเห็นการเติบโตที่โดดเด่นยิ่งขึ้น ผ่านการรุกธุรกิจทั้งจากด้านอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจกัญชงและกัญชา

OCEAN ผนึก JP เจาะตลาดสารสกัดกัญชง-กัญชา

OCEAN ผนึกกำลังพันธมิตรในตลาด “JP-นางฟ้ากัญชา” คุมปัจจัยการผลิตกัญชง-กัญชา ตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้ครบจบที่เดียว พร้อมเดินเครื่องจักรผลิตสารสกัดป้อนออเดอร์ลูกค้าภายในไตรมาส 4/64 และคาดในปี 2565 จะโกยรายได้จากธุรกิจ สกัดสารกัญชง-กัญชาเพื่อสร้าง New S Curve ให้กับ OCEAN ประกอบกับจะศึกษาเพื่อลงทุนเพิ่ม ในการนำเข้าเครื่องจักรเพื่อรองรับกำลังการผลิตที่มากขึ้น ฟากผู้บริหาร “ธีร ชุติวราภรณ์” มั่นใจผลงานปีนี้ “เทิร์นอะราวด์” ตามแผน พร้อมกันนี้จ่อล้างขาดทุนสะสมเกลี้ยง

นายธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอเชี่ยน คอมเมิรช จำกัด (มหาชน) หรือ OCEAN เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ผนึกกำลังร่วมกับ 2 พันธมิตรในตลาดกัญชง-กัญชา  บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (JP) ในฐานะโรงงานผลิตยา , อาหารเสริม , เครื่องสำอาง , สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทวิตามินบำรุงร่างกาย รวมทั้งกาแฟเพื่อสุขภาพ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาและอาหารเสริมกับองค์การคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ภายใต้แบรนด์ของลูกค้า กว่า 2,000  ผลิตภัณฑ์ และบริษัท แคนนาบิซ เวย์ จำกัด  ผู้ออกแบบและพัฒนาระบบปลูกกัญชง-กัญชาอัจฉริยะ เพื่อป้อนวัตถุดิบให้กับบริษัท ทำให้ก้าวสู่ความเป็นผู้คุมปัจจัยการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร

“การจับมือร่วมกันของพันธมิตรทั้ง 3 ในครั้งนี้ จะนำไปสู่การพัฒนาสินค้าร่วมกันครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อป้อนให้กับกลุ่มลูกค้าในตลาดที่มีความต้องการเป็นจำนวนมาก และเป็นการการันตีได้ว่า เรามีวัตถุดิบที่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ขณะที่โรงงานของ JP มีคุณภาพ และมาตรฐาน ผ่านการรับรองของ อย. สามารถผลิตสินค้าได้หลากหลาย และลูกค้าไม่จำเป็นต้องทำงานด้านวิจัยและพัฒนาเพิ่ม และเครื่องจักรที่บริษัทฯ นำเข้ามายังมีจุดเด่นที่แตกต่างจากตลาดทั่วไป โดยสามารถสกัดได้ในระดับ ISOLATE CBD WATER SOLUBLE ซึ่งสามารถผสมเครื่องดื่มได้ทันที ต่างจากคู่แข่งในตลาดที่ยังไม่มีใครสามารถทำได้”

ทั้งนี้ ในเบื้องต้น OCEAN ได้นำเข้าเครื่องจักรขนาดกำลังการผลิต 300 กก./เดือน ซึ่งสามารถแยกสาร CBD ได้ 4 รูปแบบ เริ่มตั้งแต่ FULL SPECTRUM , BROAD SPECTRUM , CBD ISOLATE และ WATER SOLUBLE CBD ISOLATE

“เมื่อบริษัทฯได้รับใบอนุญาตแล้วก็จะสามารถเดินเครื่องผลิต เพื่อรองรับออเดอร์ลูกค้าได้ทันที และตามแผนของ OCEAN คาดว่าจะรับรู้รายได้จากธุรกิจสกัดสารกัญชงกัญชาในปีนี้ราว 15-20 ล้านบาท ก่อนขยับขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ในปี 2565 ทั้งนี้ บริษัทฯก็มีแผนงานที่จะลงทุนเพื่อนำเข้าเครื่องจักรเพื่อรองรับการผลิตที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้บริษัทฯมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด จาก New S Curve ธุรกิจสกัดสารกัญชง-กัญชา”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OCEAN กล่าวอีกว่า อยากจะบอกให้ลูกค้าได้เข้าใจว่าถ้ามาใช้บริการกับ OCEAN ในฐานะผู้คุมปัจจัยการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ ร่วมกับพันธมิตรอย่าง JP ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ผลิตสินค้าได้หลากหลาย และได้นางฟ้ากัญชา เข้ามาเสริมทัพ ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างครบวงจร แบบ Total Solution เพียงแค่มาหาเราก็จะได้รับสินค้าที่ต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องไปวิจัยและพัฒนาเพิ่มเติม

สำหรับภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ OCEAN ในช่วงครึ่งปีแรกมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน เนื่องจากโครงการคอนโดมิเนียมที่มีอยู่ทั้ง  IKON SUKHUMVIT 77  มูลค่ารวม 1,170 ล้านบาท โดยตั้งแต่เริ่มมีการโอนจนถึงปีสิ้นปี 2564 คาดว่าจะมียอดโอนคิดเป็น 78% และโครงการ IKON UDOMSUK มูลค่า 600 ล้านบาท มียอดขายแล้ว 85% ซึ่งทั้งสองโครงการผลตอบรับดีกว่าที่คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) ประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้ในปี 2564-2565 ขณะเดียวกันในช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีแผนจะเปิดโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ ย่านรามอินทรา โครงการ THE VALOR มูลค่าโครงการ 480 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน เพราะเป็นตลาดที่ยังมีกำลังซื้อที่เติบโตได้ต่อเนื่อง และมีความต้องการสูง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ความต้องการบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยปัจจุบันอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 64 และเริ่มโอนในต้นปี 2565

“มั่นใจว่าปี 2564 จะเป็นปีแห่งการเทิร์นอะราวด์ของ OCEAN โดยตั้งเป้าหมายรายสร้างกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ฟื้นตัวและกำลังซื้อเริ่มทยอยกลับมาแม้ว่าจะสถานการณ์โควิด-19 ยังกดดันอยู่ก็ตาม แต่ด้วยโครงการที่มีคุณภาพ ทำเลที่ตั้งเหมาะสม มีสภาพแวดล้อมที่ดี และการจัดระบบ Facilities ที่ตอบโจทย์และตรงกับความต้องการของลูกบ้านทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาดหมาย นอกจากนี้ได้ตั้งเป้าหมายที่จะล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ประมาณ 80 ล้านบาท ให้หมดภายในปีนี้ให้ได้”

ดร.สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JP กล่าวว่า มั่นใจว่าความร่วมมือกับ OCEAN ในครั้งนี้ จะนำไปสู่การเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน โดยบริษัทฯ มีความพร้อมให้บริการผลิตสินค้าตามความต้องการของลูกค้า ผลิตยา, อาหารเสริม, เครื่องสำอาง, สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทวิตามินบำรุงร่างกาย รวมทั้งกาแฟเพื่อสุขภาพ พร้อมขึ้นทะเบียนอาหารเสริมกับองค์การคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ภายใต้แบรนด์ของลูกค้า

โดย JP มีประสบการณ์กว่า 40 ปี ด้านการผลิตยาแผนปัจจุบันและอาหารเสริมได้รับมาตรฐาน  GMP PIC/s และมาตรฐาน ISO 9001:2015 ควบคุมโดยทีมนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญ. ซึ่งในปัจจุบันได้มีการให้บริการขึ้นทะเบียนตำรับยาและทะเบียนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกับอย. รวมทั้งผลิตยา, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, ยาแผนโบราณและ ผลิตยาสมุนไพร ในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ ตอกเม็ด, บรรจุแคปซูล, บรรจุแผงบริสเตอร์, บรรจุขวดตามความต้องการของลูกค้า โดยบริษัทฯมีโรงงานผลิตที่ถนนพระรามสาม และโรงงานในภาคเหนือ ตั้งอยู่ที่จังหวัดลำพูน มีผลิตภัณฑ์ที่จดทะเบียนมากว่า 2,000  ผลิตภัณฑ์

ขณะที่ นางสาวอุนารินทร์ กิจไพบูลทวี  กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคนนาบิซ เวย์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯได้ออกแบบและพัฒนาระบบปลูกกัญชงและกัญชาอัจฉริยะ Cannabis Smart Farm (CSF) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยนเรศวร ทำการติดตั้งระบบในพื้นที่ปลูกของบริษัทที่จัดตั้งเป็น “CBD Agro-Tech Center” บนเนื้อที่กว่า 36 ไร่ ด้วยระบบการควบคุมสภาพแวดล้อมที่ปรับให้เหมาะสมกับทุกสายพันธุ์ เพื่อรองรับการปลูกกัญชง-กัญชาคุณภาพได้มากกว่า 250,000 ต้นต่อปี และมีโครงการขยายพื้นที่การผลิตให้ครอบคลุมกว่า 1,000 ไร่ทั่วประเทศ มีเป้าหมายเพื่อให้ได้ผลผลิตต่อการลงทุนสูงที่สุด และได้กัญชง-กัญชาคุณภาพป้อนเข้าสู่ภาคธุรกิจในทุกภาคส่วน ทำให้ได้วัตถุดิบกัญชง-กัญชาคุณภาพสู่ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมกลางน้ำและปลายน้ำ