บริษัทในเครือ CV คว้างาน 4 โครงการ มูลค่ากว่า 528 ล้าน

บมจ. โคลเวอร์ เพาเวอร์ หรือ CV ดึงบริษัทในเครือลงนาม MOU ออกแบบและติดตั้ง (EPC) ในโครงการผลิตเชื้อเพลิง Bio Fusion ร่วมกับ บจ.พรีเมี่ยม เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำนวน 4 โครงการ มูลค่างานรวมกว่า 528 ล้านบาท ร่วมพัฒนาโครงการออกแบบ ก่อสร้างและทดสอบเดินเครื่องระบบผลิตเชื้อเพลิง Bio Fusion พร้อมขยายความร่วมมือในด้านอื่นๆ เพิ่มเติม แย้มอยู่ระหว่างพิจารณาเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน หรือพลังงานสะอาดในอนาคต เสริมแกร่งหนุนผลการดำเนินงานให้เติบโตโดดเด่นมากขึ้น

นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CV ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และผู้ให้บริการด้านงานวิศวกรรมแบบครบวงจร ผ่านนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัย  ตามวิสัยทัศน์ในการเป็นบริษัทพลังงานชั้นนำ ที่ส่งมอบคุณค่าจากพลังงานหมุนเวียน สู่สังคมโลก เพื่อความยั่งยืน เปิดเผยว่า บริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท ศแบง คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ บริษัท ศแบง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) การออกแบบและติดตั้ง (EPC) ในโครงการผลิตเชื้อเพลิง Bio Fusion ร่วมกับ บริษัท พรีเมี่ยม เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด จำนวน 4 โครงการ มูลค่างานรวมทั้งสิ้น 528 ล้านบาท ซึ่งเป็นความร่วมมือกันในการพัฒนาโครงการออกแบบ ก่อสร้าง และทดสอบเดินเครื่อง ระบบผลิตเชื้อเพลิง Bio fusion

โดยปัจจุบัน ได้ลงนามเป็นสัญญา EPC แล้วจำนวน 1 โครงการ คาดว่าจะสามารถติดตั้งและดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในต้นปี 2565 นับจากลงนามสัญญาซื้อขายเครื่องจักรและสัญญาออกแบบ ติดตั้ง ทดสอบเดินเครื่อง และรับมอบพื้นที่ของโครงการ ซึ่งโครงการดังกล่าวจะมีความร่วมมือในด้านอื่นๆ ทยอยออกมาเพิ่มเติมอีกด้วย

“การลงนาม MOU ครั้งนี้ถือเป็นการเพิ่มโอกาสเข้ารับงานการออกแบบและติดตั้งในโครงการผลิตเชื้อเพลิง Bio Fusion จากการที่ CV ทำธุรกิจให้บริการด้าน EPC แบบครบวงจรนับตั้งแต่การออกแบบก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียน ตลอดจนถึงงานเดินเครื่องและบำรุงรักษา ผ่านทีมงานที่มีประสบการณ์ยาวนาน ทำให้สามารถแข่งขันด้านต้นทุนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าและโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานหมุนเวียน CV จึงมีศักยภาพในการเข้าร่วมประมูลโครงการอีกมาก เพื่อคว้าโอกาสการรับงานซึ่งจะช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว” นายเศรษฐศิริ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนการพัฒนาผลการดำเนินงานให้สามารถเติบโตอย่างโดดเด่น ผ่านการพัฒนาและลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าและโครงการที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียนต่างๆ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพิจารณาเพื่อตัดสินใจเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน หรือพลังงานสะอาด ไม่ว่าจะเป็น โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล โครงการระบบพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) โครงการโรงพลังงานแสงอาทิตย์ประเภทติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm) และโครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเชื้อเพลิง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงลงทุนในกิจการด้านงานวิศวกรรม ที่กลุ่มบริษัทฯ เห็นประโยชน์ในการต่อยอดธุรกิจในอนาคต ทั้งรูปแบบเป็นผู้พัฒนาโครงการเอง หรือเข้าซื้อกิจการ หรือเป็นการเข้าลงทุนทั้งหมด หรือการร่วมลงทุนบางส่วน โดยเกณฑ์พิจารณารูปแบบการลงทุนนั้นจะมองถึงโอกาสทางธุรกิจ อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน ฐานะทางการเงินและสภาพคล่องของกลุ่มบริษัทฯ รวมถึงประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นประกอบการพิจารณาเข้าลงทุนในแต่ละโครงการ เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ เป็นสำคัญ

CV ชูแผนลงทุนขยายโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเทียบชั้นระดับอาเซียน

‘บมจ. โคลเวอร์ เพาเวอร์’ หรือ CV โชว์ฟอร์มเข้าเทรดวันแรกแกร่ง ตอกย้ำพื้นฐานธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่ครบวงจร ต่อยอดประสบการณ์ขยายธุรกิจและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้า เดินหน้าขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในไทยและต่างประเทศ รุกสร้างธุรกิจเทียบชั้นบริษัทพลังงานในระดับภูมิภาคอาเซียน หนุนกำลังการผลิตไฟฟ้าตามเป้าหมายแตะ 180 เมกะวัตต์ ภายในปี 2566 รองรับการเปลี่ยนแปลงพลังงานของโลก

นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CV ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และผู้ให้บริการด้านงานวิศวกรรมแบบครบวงจร ผ่านนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัย  ตามวิสัยทัศน์ เป็นบริษัทพลังงานชั้นนำ ที่ส่งมอบคุณค่าจากพลังงานหมุนเวียน สู่สังคมโลก เพื่อความยั่งยืน เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หมวดทรัพยากร/พลังงานและสาธารณูปโภค โดยใช้ชื่อย่อ ‘CV’ ในการซื้อขายหลักทรัพย์ บริษัทฯ พร้อมก้าวสู่การเป็นบริษัทพลังงานชั้นนำเทียบชั้นบริษัทพลังงานในระดับภูมิภาคอาเซียนที่พร้อมส่งมอบคุณค่าจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อการใช้ชีวิตของมนุษย์และสังคมโลกอย่างสมดุล และยั่งยืนในอนาคต จึงมั่นใจว่าด้วยศักยภาพของบริษัทฯ จะช่วยสนับสนุนให้ CV เป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน

ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นขยายการลงทุนธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานหมุนเวียนสอดรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานทั้งประเทศไทยและในประเทศ ที่กำลังเติบโตด้านอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้ดีขึ้น โดยเน้นลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนควบคู่กับงานด้านวิศวกรรม Valued EPC แบบครบวงจร ในกลุ่มเทคโนโลยีพลังงานจากเชื้อเพลิงชีวภาพ ได้แก่    ชีวมวล ขยะ และก๊าซชีวภาพ รวมถึงพลังงานสะอาด ได้แก่ แสงอาทิตย์ พลังงานลม และก๊าชธรรมชาติ โดยมีเป้าหมายภายในสิ้นปีนี้เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วและโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างพัฒนารวม 85 เมกะวัตต์ และเพิ่มเป็น 180 เมกะวัตต์ ในปี 2566 เพื่อต่อยอดประสบการณ์ขยายธุรกิจและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโรงไฟฟ้า เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต

บริษัทฯ วางแผนขยายธุรกิจในปี 2564-2566 สำหรับการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในเบื้องต้นมีแผนลงทุนขยายโครงการโรงคัดแยกและแปรรูปขยะ RDF จำนวน 1 โครงการ และโรงไฟฟ้าจำนวน 3 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 47.16 เมกะวัตต์ ดังนี้ (1)โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง จำนวน 1 โครงการ ได้แก่ โรงคัดแยกและแปรรูปขยะ เพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิงขยะ (RDF) ดำเนินการภายใต้บริษัท CVR จังหวัดพิจิตร กำลังการผลิตประมาณ 150 ตันต่อวัน มูลค่าเงินลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นไม่เกิน 210 ล้านบาท คาดก่อสร้างแล้วเสร็จไตรมาส 4 ปีนี้

(2) โครงการที่อยู่ระหว่างเข้าซื้อกิจการจำนวน 1 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าแบบพลังงานความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าชธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก กำลังการผลิตติดตั้ง 7.36 เมกะวัตต์ มูลค่าเงินลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 170 ล้านบาท คาดจะเข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญเดิมจากผู้ขายได้ภายในเดือนกันยายนนี้ และ (3) บริษัทฯ อยู่ระหว่างพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลในประเทศญี่ปุ่นจำนวน 2 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 39.8 เมกะวัตต์ ในประเทศญี่ปุ่น เงินลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นโครงการละประมาณ 430 ล้านบาท รวมทั้ง 2 โครงการประมาณ 860 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ในไตรมาส 3/2566

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CV กล่าวว่า นอกจากนี้ สำหรับเงินที่ได้จากจากระดมทุนบริษัทฯ จะนำไปใช้ในการชำระคืนหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงินและคืนเงินกู้ยืมกรรมการของกลุ่มบริษัทฯ จำนวน 330 ล้านบาท โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) หลัง IPO จะลดลงต่ำกว่า 0.6 เท่า จากปี 2563 อยู่ที่ 2.3 เท่า ซึ่งการระดมทุนจะทำให้ต้นทุนทางการเงินดีขึ้นถือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้า รวมถึงช่วยสนับสนุนความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน และที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ รองรับการขยายตัวทางธุรกิจในอนาคต

ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในอนาคต ตั้งเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่องจากแผนลงทุนโครงการใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ใน 1-3 ปีข้างหน้า

นายดิถดนัย สังขะรมย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า CV ถือเป็นบริษัทที่มีจุดเด่นในการดำเนินธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานหมุนเวียน ที่ผ่านมา CV ได้มุ่งเน้นขยายการลงทุนและสร้างการเติบโตผ่านธุรกิจพลังงานหมุนเวียนแบบครบวงจร ผ่าน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า (Power Producer) ธุรกิจด้านงานวิศวกรรม (Valued EPC) และธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Supporting Business) ซึ่งจะอาศัยความเชี่ยวชาญในการดำเนินการออกแบบและก่อสร้างโรงไฟฟ้า สร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันด้านการควบคุมต้นทุน เพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนตามเป้าหมาย