SWC ทุ่มงบ 100 ล้าน รีแบรนด์ดิ้ง ‘เชนไดร้ท์’ ครั้งใหญ่รอบ 5 ปี

‘บมจ.เชอร์วู้ด คอร์ปอเรชั่น’ หรือ SWC ประกาศรีแบรนด์ดิ้ง ‘เชนไดร้ท์’ ยกระดับผลิตภัณฑ์ทุกมิติ ปรับภาพลักษณ์ใหม่ ตอกย้ำผู้เชี่ยวชาญเรื่องการกำจัดปลวกและแมลงรบกวน เปิดตัวดีไซน์บรรจุภัณฑ์และปรับสูตรใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘เชนไดร้ท์ น็อกไว ยุง มด แมลงสาป ตายครบจบทุกแมลง’ เดินหน้าเสริม Route to Market ให้แข็งแกร่ง เพิ่มดิสทริบิวเตอร์กระจายสินค้าเข้าถึงช่องทางจำหน่ายทั่วประเทศ สร้าง Partnership กับร้านค้าที่มีศักยภาพเพิ่มการเติบโตทุกช่องทาง พร้อมส่งกลยุทธ์ Brand identity ตอบโจทย์การใช้งานแต่ละประเภท ชูการตลาด 360 องศา ดึง ‘หมาก-ปริญ สุภารัตน์’ ขึ้นแท่นพรีเซ็นเตอร์ หวังสิ้นปีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่ม 35% ในปีนี้ พร้อมประกาศแผนบุกเวียดนามและเมียนมาร์ ดันรายได้ CLMV แตะ 10% ของรายได้รวมต่างประเทศ คาดยอดขายสินค้ากลุ่มกำจัดแมลงทุกช่องทางแตะ 1,350 ล้านบาท

นายธนากร วัฒนวิจารณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เชอร์วู้ด  คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SWC ผู้ดำเนินธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยแผนรุกกลุ่มผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงรบกวนแบรนด์ ‘เชนไดร้ท์’ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ และเป็นพอร์ตรายได้หลักของกลุ่ม SWC โดยทุ่มงบ 100 ล้านบาท รีแบรนด์ดิ้งครั้งใหญ่ในรอบ 5 ปีเพื่อปรับภาพลักษณ์แบรนด์สินค้าให้ดูทันสมัยและตอกย้ำผู้เชี่ยวชาญเรื่องการกำจัดปลวก ยุง แมลงสาป มด และมอด ที่ยกระดับผลิตภัณฑ์ทุกมิติทั้งดีไซน์บรรจุภัณฑ์และปรับสูตรใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘เชนไดร้ท์ น็อกไว ยุง มด แมลงสาป ตายครบจบทุกแมลง’

“แบรนด์ เชนไดร้ท์ เป็นผู้นำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านการป้องกันและกำจัดปลวก-แมลงในเมืองไทยมานานกว่า 20 ปี และเป็นแบรนด์ที่ทำรายได้หลักคิดเป็นสัดส่วน 70% ของรายได้รวม เป็นผู้นำตลาดกลุ่มสเปรย์กำจัดปลวกที่มีส่วนแบ่งตลาด 90% (ข้อมูลจากนีลเส็น เดือน ม.ค.-ก.ค.2564) เชื่อมั่นว่าแคมเปญนี้จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์สเปรย์กำจัดแมลงสาบ และยุงให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น” นายธนากร กล่าว  

นายธนากร เผยแผนการตลาดแบรนด์ ‘เชนไดร้ท์’ มุ่งสร้างการเติบโตของกลุ่มสินค้าสเปรย์กำจัดแมลง โดยการปรับดีไซน์บรรจุภัณฑ์ให้เข้าใจง่ายต่อการเลือกใช้ มีการใช้คัลเลอร์โค้ดเข้ามาบ่งชี้ ประเภทของผลิตภัณฑ์ ภายใต้สัญลักษณ์สีส้ม เขียว เหลือง ตอบโจทย์ทุกปัญหาแมลงเพื่อสื่อสารคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันและสร้างการจดจำให้แก่ผู้บริโภค โดยผลิตภัณฑ์ที่สามารถกำจัดแมลงสาป ยุง มด ใช้สัญลักษณ์สีเขียว ส่วนผลิตภัณฑ์กำจัดยุง ใช้สัญลักษณ์สีเหลือง และผลิตภัณฑ์กำจัดปลวก มอด มด และแมลงคลานใช้ลัญลักษณ์สีส้ม เป็นสูตรที่ขายดีที่สุดจาก ‘เชนไดร้ท์’ การแบ่งกลุ่มตามประเภทแมลงที่กำจัดได้โดยมีสีของกระป๋องมาบ่งชื้ จะช่วยสร้างการจดจำแบรนด์ และผลิตภัณฑ์ได้ดี และช่วยให้ผู้บริโภคเลือกซื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น

‘เชนไดร้ท์’ ดำเนินการสื่อสารการตลาดครบ 360 องศา เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านทางโทรทัศน์ สื่อโฆษณากลางแจ้งและสื่อออนไลน์ พร้อมดึง ‘หมาก-ปริญ สุภารัตน์’ เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรก เนื่องจากมีภาพลักษณ์และไลฟ์สไตล์แบบคนรุ่นใหม่ที่ฉลาดเลือก ได้ปล่อยโฆษณาชุดแรก สำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มกำจัดแมลงสาป ยุง มด ภายใต้คอนเซ็ปต์ สมาร์ท ไฟต์เตอร์ น็อกไว ยุง มด แมลงสาป ตายครบจบทุกแมลง และจะมีการปล่อยโฆษณา สำหรับผลิตภัณฑ์กำจัดยุง และกำจัดปลวก ตามลำดับ คาดหวังส่วนแบ่งการตลาด 35% ซึ่งจะทำให้ยอดขายรวมทุกช่องทางแตะ 1,000 ล้านบาทในปีนี้

นายอนุศาสตร์ สระทองเวียน ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพาณิชย์ SWC กล่าวว่า SWC เสริมความแข็งแกร่งระบบจัดจำหน่ายสินค้าหรือ Route to Marketโดยเพิ่มผู้แทนจำหน่าย (Distributor) จาก 6 ราย เป็น 14 ราย เพื่อกระจายสินค้าเข้าถึงผู้บริโภคให้ครอบคลุมทั่วประเทศได้ดีขึ้น พร้อมเดินหน้าสร้าง Partnership กับคู่ค้าทางธุรกิจ ในการร่วมมือกันทำการตลาดและการขายในลักษณะพันธมิตร เติบโตร่วมกันไม่ว่าจะเป็นร้านค้าใหญ่ใน Traditional Trade หรือกลุ่มร้านค้า Modern Trade เพื่อสร้างอิมแพคไปสู่ผู้บริโภคได้อย่างเข้าถึงและถูกต้องตามกลยุทธ์รายช่องทาง ซึ่งจะผลักดันให้สินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคมากขึ้น

ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพาณิชย์ กล่าวว่า  บริษัทฯ เดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศในเชิงรุกให้ครอบคลุมกลุ่มประเทศ CLMV หลังได้เข้าไปทำตลาดที่ สปป.ลาวและกัมพูชาแล้ว ล่าสุดได้นำ ‘เชนไดร้ท์’ ทำตลาดเวียดนามและเมียนมาร์ ผ่านเทรดเดอร์และตัวแทนจัดจำหน่ายในช่วงไตรมาส 4 ภายใต้การดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดรับกับตลาดท้องถิ่น  (Local Market) โดยมุ่งพัฒนาและกระจายสินค้าผ่านช่องทางร้านค้าปลีกสมัยใหม่ พร้อมสื่อสารการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือสร้างการรับรู้แบรนด์ วางเป้าหมายการขายกลุ่มประเทศ CLMV เพิ่มเป็น 10% ของรายได้รวมต่างประเทศ จากรายได้ครึ่งปีแรกที่มีสัดส่วน 5% ของรายได้รวมต่างประเทศทั้งหมด

ส่วนภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศไทย (Fast Moving  Consumer Goods) ในช่วงที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบ Covid-19 ส่งผล พฤติกรรมผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย โดยตลาดสเปรย์กำจัดแมลงได้รับผลกระทบ -3.4% อย่างไรก็ตาม แบรนด์ ‘เชนไดร้ท์’ ยังทำยอดขายเติบโต +6% และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มจาก 23% เป็น 26% (ข้อมูลนีลเส็นเดือน ม.ค.-ก.ค. 2564) โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าสิ้นปีจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 35%

SWC โชว์ผลงานครึ่งปีแรกฝ่าวิกฤต Covid-19 รายได้เติบโตก้าวกระโดด

บมจ.เชอร์วู้ด คอร์ปอเรชั่น หรือ SWC หนึ่งในบริษัทในเครือ TOA โชว์ศักยภาพการดำเนินธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคในครึ่งปีแรก สวนกระแสปัจจัยลบ Covid-19 ทำกำไรสุทธิ 63 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดด 203% รับเครื่องดื่มสมุนไพรซุปเปอร์ไฟต์ ผลิตภัณฑ์เชนไดร้ท์และทีโพล์ โปรเฟสชั่นแนล ทำยอดขายเติบโต พร้อมบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ด้านบอร์ดฯ เคาะจ่ายปันผลระหว่างกาลตอบแทนผู้ถือหุ้นในในอัตรา 0.125 บาทต่อหุ้น  

นายเถกิงพล เหล่าพิสุทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท เชอร์วู้ด คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SWC ผู้ดำเนินธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการผลักดันผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 (เมษายน –  มิถุนายน 2564) แม้มีปัจจัยลบจากการแพร่ระบาดไวรัส Covid-19 ส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจรวมทั้งกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง โดยมีรายได้จากการขาย 486 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% และส่งผลให้ในครึ่งปีแรก (มกราคมมิถุนายน 2564) มีรายได้จากการขาย 795 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคภายใต้กลุ่ม SWC มีอัตราการเติบโตโดดเด่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

ทั้งนี้ ความสำเร็จดังกล่าวมาจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเปิดตัวเครื่องดื่มสมุนไพร ซุปเปอร์ไฟต์ ที่ช่วยเสริมพอร์ตโฟลิโอสินค้าในกลุ่ม Food และสอดรับกับเทรนด์ผู้บริโภคในการดูแลรักษาสุขภาพ จึงได้รับการตอบรับที่ดี รวมถึงการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ Non Food ทำให้สินค้ากลุ่มเคมีเคหะภัณฑ์แบรนด์ เชนไดร้ท์’ และน้ำยาล้างจาน ‘ทีโพล์ กระจายสินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวาง รวมถึงทำกิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แบรนด์ ทีโพล์ โปรเฟสชั่นแนล’ ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั่วไปและน้ำยาฉีดพ่นฆ่าเชื้อ Covid-19 ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าองค์กร (B2B) เช่นเดียวกับตลาดส่งออกที่ขยายตัวได้ 85%   

นอกจากนี้ บริษัทฯ มุ่งบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากปริมาณวอลุ่มการผลิตที่เพิ่มขึ้นช่วยให้ประหยัดต่อขนาดกดต้นทุนต่อหน่วยต่ำลง ประกอบกับกลุ่มสินค้าเคมีเคหะภัณฑ์ในครัวเรือนทำสัดส่วนกำไรที่ดี ส่งผลให้กำไรสุทธิของไตรมาส 2/2564 (เมษายน – มิถุนายน 2564 ทำได้ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 200%  และผลักดันให้กำไรสุทธิของครึ่งปีแรก (มกราคมมิถุนายน 2564) เท่ากับ 63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 203% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2564 มีมติเสนอจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 ในอัตรา 0.125 บาทต่อหุ้น เป็นจำนวนเงิน 40 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 25 เดือนสิงหาคม 2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 10 เดือนกันยายน 2564  

นายเถกิงพล กล่าวว่า แผนงานครึ่งปีหลัง บริษัทฯ รุกขยายช่องทางจำหน่ายแพลตฟอร์มออนไลน์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย Facebook ของบริษัทฯ รวมทั้งขายผ่านมาร์เก็ตเพลส อาทิ Shopee Lazada สอดรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์หลังจากภาครัฐออกมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ช่องทางจำหน่ายร้านค้าปลีกดั้งเดิมและร้านค้าปลีกสมัยใหม่ต้องปิดให้บริการเร็วขึ้น ตลอดจนดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการขายด้วยการทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขาย และแผนดำเนินงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และขยายธุรกิจในกลุ่ม Food อย่างต่อเนื่อง เช่น ผลิตภัณฑ์ใหม่เครื่องดื่มซุปเปอร์ไฟต์ที่มีส่วนผสมของกัญชา (CBD) ผลิตภัณฑ์ถั่วแบรนด์ มารูโจ้ และผลิตภัณฑ์นมและไอศกรีมแบรนด์ ฮอกไกโด’ ช่วยผลักดันผลดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย