ผ่ากลยุทธ์ มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง แบบฉบับฟูลมูนมอลต์

บริษัท รอยัล เกทเวย์ จำกัด ประเทศไทย ผู้จัดจำหน่าย ฟูลมูนมอลต์ ภายใต้การบริหารของ นายเทพอาจ กวินอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดตัวแคมเปญมิวสิกมาร์เก็ตติ้ง “เปิดก่อนได้เกิด” ภายใต้ผลิตภัณฑ์ฟูลมูนมอลต์ ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค หวังเป็นแรงบันดาลใจขับเคลื่อนและสะท้อนแนวคิดของวัยรุ่นในยุคปัจจุบันที่กล้าจะเปิดตัวตนแสดงความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น กล้าแสดงออกมากขึ้น เราสนับสนุนให้กล้าที่จะเปิดตัวตนในด้านที่ดีและสร้างสรรค์ด้วยความเชื่อมั่นว่าตัวตนของแต่ละคนนั้นพิเศษไม่ซ้ำใคร แค่กล้าที่จะเปิดมันออกมา มั่นใจกลยุทธ์นี้จะเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นในโค้งสุดท้ายปี 64

นายเทพอาจ กวินอนันต์ เผยว่ากว่า 12 ปีที่ผ่านมานั้น ฟูลมูน ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเราได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ ฟูลมูนมอลต์ 2 รสชาติใหม่พร้อมปล่อยแคมเปญ “เปิดก่อนได้เกิด Find Your Difference” ซึ่งผู้บริโภคของเราได้ออกมาขานรับแคมเปญนี้อย่างสูง เกิดเป็นกระแส #เปิดก่อนได้เกิด นำเสนอไลฟ์สไตล์และไอเดีย ที่เป็นตัวเองแบบไม่ซ้ำใครผ่านทางโซเชียลมีเดียเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กันและกัน

สำหรับแคมเปญเปิดก่อนได้เกิดนี้เราเลือกใช้กลยุทธ์มิวสิกมาร์เก็ตติ้ง เพราะดนตรีเหมือนภาษาที่ 3 ที่ใช้ถ่ายทอดความรู้สึก และเจตนารมณ์ของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี รวมถึงสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายปัจจุบันในเพลงที่มีชื่อว่า “เปิดก่อนได้เกิด (Find Your Difference) by First Anuwat Feat. NAINA” ได้ร่วมงานกับตัวแทนคนรุ่นใหม่คือ พัด และ ปาล์ม สองสมาชิกจากวง MEAN และยังเป็นผู้บริหารค่าย marr รับหน้าที่โปรดิวเซอร์ โดยมีศิลปินน้องใหม่มาแรง เฟิร์ส อนุวัตน์ และ นายนะ มาขับร้อง

ซึ่ง เฟิร์ส อนุวัตน์ และ นายนะ เปรียบเสมือนคลื่นลูกใหม่ จึงเหมาะที่จะเป็นตัวแทนในการถ่ายทอดเรื่องราวของคนรุ่นใหม่ อีกทั้งศิลปินทั้ง 2 คน ยังประสบความสำเร็จ และได้รับการยอมรับจากแฟนเพลง เป็นศิลปินยอดนิยมที่มีซิงเกิ้ลดังอย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าเพลงนี้จะเข้าไปอยู่ในใจของวัยรุ่นได้อย่างไม่ยาก

นอกจากเพลงแล้วเรายังมีเอ็มวีเปิดก่อนได้เกิด โดยใช้ท่อนฮุกของเพลง 2 ท่อนหลักที่สื่อสารเจตนารมณ์ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน เช่น ไม่มีเวลามาทำตามอย่างใครๆ เพราะตัวตนของเธอพิเศษ let’s find your difference และ ถึงเราจะต่างแต่หัวใจเราไม่ต่างมีจุดหมายปลายทางเป็นดั่งแสงสว่าง ถึงใครจะมองว่าเป็นแค่รอยด่างแต่ก็ด่างแบบพระจันทร์ที่โคตรจะกระจ่าง ที่มีสัมผัสและถ้อยคำที่จดจำง่ายมาปลุกกลุ่มเป้าหมายให้ลุกขึ้นมาโชว์ความเป็นตัวตน ปลุกให้ลงมือทำ

สำหรับเนื้อหาของมิวสิกวิดีโอถูกนำเสนอและถ่ายทอดผ่านวัยรุ่น 4 คน เป็นตัวแทนที่มีความฝันและกิจกรรมที่ชื่นชอบแต่ยังค้นหาตัวตนไม่เจอ ฟูลมูนมอลต์ ได้ใส่ตัวเอกของเรื่อง “ ฟูมู่ ” กระต่ายเพื่อนรัก ผู้ซึ่งจะมารับบทผู้เชี่ยวชาญในการจัดการปัญหา ค้นหาความโดดเด่นที่แตกต่างให้กับทั้ง 4 คน พร้อมเปิดบทสรุปสุดท้ายว่าแต่ละคนจะเปิดตัวตนของตัวเองออกมาเช่นไร

ทั้งนี้ เรายังต่อยอดแคมเปญด้วยการทำกิจกรรมผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ทุกช่องทาง เพื่อให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายของเราได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง เช่น TikTok Duet หรือ การทำชาเล้นจ์โคฟเวอร์เพลงเปิดก่อนได้เกิด รวมไปถึงกิจกรรมแปลกใหม่ที่เป็นไลฟ์สไตล์ให้สอดคล้องกับช่วงอยู่บ้านก็โชว์ความเป็นตัวตนได้

ฟูลมูนมอลต์ เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดัน ตอกย้ำให้เห็นความสำคัญของวัยรุ่น วัยที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความฝัน เพราะไม่ว่าจะยุคสมัยไหนๆ วัยรุ่นคือสัญลักษณ์แห่งความหวังที่เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ที่คอยพัฒนาสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นต่อไป

เจาะเบื้องลึกความสำเร็จก้าวสู่ปีที่ 12 ของ “ฟูลมูน”

เดินทางต่อเนื่องมาถึงปีที่ 12 อย่างสวยงาม สำหรับแบรนด์แห่งสัญลักษณ์ พระจันทร์เต็มดวง ฟูลมูน ในตลอดระยะเวลา 12 ปี มักจะนำเสนอจุดเด่นด้วยการสร้างไอเดียแปลกใหม่ที่ล้วนมาจากความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค ที่ปรับเปลี่ยนตามกาลเวลาและยุคสมัย สะท้อนความสดใส และส่องสว่าง เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ที่เติบโตไปพร้อมกับวัยรุ่นทุกยุคสมัยอย่างแท้จริง

ฟูลมูนนั้น อยู่ภายใต้ บริษัท รอยัล เกทเวย์ จำกัด โดยมี จี๊บ เทพอาจ กวินอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นหัวเรือใหญ่ที่สร้างให้ฟูลมูนครองใจวัยรุ่นทั้งประเทศได้อย่างต่อเนื่องมาตลอด 12 ปี  โอกาสนี้ ได้พูดคุยกับคุณจี๊บ เทพอาจ กวินอนันต์ ถึงประวัติความเป็นมาของฟูลมูน ณ จนถึงวันนี้ที่เติบโตมากว่า 12 ปี เล่าด้วย ประสบการณ์การบริหารที่เข้าใจธุรกิจนี้อย่างถ่องแท้ ผู้ที่นำฟูลมูนประสบความสำเร็จครองใจกลุ่มลูกค้าในตลาด

ฟูลมูนแบรนด์ที่สร้างตัวตนอย่างเข้าใจคนในทุกยุคสมัย

ตลอดระยะเวลา 12 ปี ในด้านการสื่อสารของทุกแคมเปญภายใต้ ฟูลมูน แบรนด์จะมีจุดเด่นคือ การที่เราเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค ที่ปรับเปลี่ยนตามกาลเวลาและยุคสมัยตลอดเวลา แบรนด์ฟูลมูนจึงมีการปรับเปลี่ยนการสื่อสารให้เข้ากับกลุ่มผู้บริโภคเรื่อยมา เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ที่กำลังเติบโตเคียงข้างไปพร้อมกับวัยรุ่นในแต่ละยุคสมัย

โดยในช่วงแรกๆ ฟูลมูนเลือกนำเสนอตัวตนของแบรนด์ผ่านทางการออกแบบ Packaging ที่แตกต่างด้วยความคลาสสิกสีทองของฉลาก ตามสมัยนิยมแห่งยุคและความชื่นชอบของกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ยังขี้เล่นและสร้างความสนุกซุกซนด้วยการซ่อน Easter Egg เล็กๆ เป็นเจ้ากระต่ายตัวน้อยตรงมุมขวาด้านล่างของโลโก้พระจันทร์ โดยเจ้ากระต่ายค่อยๆเติบโตเปลี่ยนผ่านมาถึงปัจจุบันจนเจ้ากระต่ายมีรูปร่างโตเต็มวัย

ในปีที่12 นี้ ฟูลมูนได้รีเฟรชแบรนด์เพื่อสะท้อนจุดยืนว่า ฟูลมูนคือแบรนด์ที่เข้าใจและพร้อมเติบโต และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ไปพร้อมกับวัยรุ่นในทุกยุคสมัยอยู่ตลอดเวลา

กระต่าย” สัญลักษณ์ ที่ให้นัยยะสะท้อนพฤติกรรมที่โดนใจกลุ่มเป้าหมาย

การสร้างแบรนด์สตอรี่ของฟูลมูนนั้น ฟูลมูนได้สร้างคาแรคเตอร์ของกระต่ายขึ้นมาเป็นตัวแทนของผู้ที่มีชีวิตในโลกปัจจุบันด้วยบุคลิกซุกซนและกล้ากระโดดออกจากกรอบเดิมๆ เปรียบเสมือนกระต่ายคือเพื่อนร่วมเดินทางของวัยรุ่นที่อยู่เคียงข้าง เปิดทุกประสบการณ์ใหม่ไปพร้อมกัน และสร้างภาพจำว่าทุกครั้งที่เห็นเจ้ากระต่ายที่กล้ากระโดดออกมาจากดวงจันทร์คือสัญลักษณ์แห่งความกล้าที่เต็มไปด้วยสีสันและถึงเวลาที่จะออกไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ

พูดถึงกลยุทธ์ “ป่าล้อมเมือง” การสร้างกระแสปากต่อปาก เป็นยุทธศาสตร์การตลาดที่ประสบความสำเร็จของฟูลมูน แบรนด์

นับตั้งแต่ปี 2552 ได้เปิดกลยุทธ์ทำการตลาดฟูลมูนในประเทศไทยแบบป่าล้อมเมือง เพราะแบรนด์ฟูลมูน เล็งเห็นว่าประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว ซึ่งคนไทยชื่นชอบการเดินทางคู่กับการดื่มสังสรรค์เสมอ ในวันนั้นย้อนไปประมาณเมื่อ 12 ปี เราเห็นโอกาสในการให้ฟูลมูนเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การดื่มที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย ไม่เพียงแต่กลุ่มลูกค้าจากต่างจังหวัดแต่ยังรวมไปถึงกลุ่มลูกค้าในเมืองที่ออกมาท่องเที่ยวต่างจังหวัดด้วย โดยเป้าหมายของแบรนด์ฟูลมูนนั้นคือ ฟูลมูนนั้นจะต้องกลายเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่จะสามารถสร้างประสบการณ์เติมเต็มสุขในการพักผ่อนระหว่างการท่องเที่ยวในไทยของกลุ่มเป้าหมายในยุคนั้น เราจึงเริ่มวางจำหน่ายสินค้าในพื้นที่ตลาดต่างจังหวัด เริ่มจากโซนแหล่งท่องเที่ยวไปถึงร้านขายของฝากและร้านขายส่งที่นักเที่ยวจะสามาถซื้อสินค้าไปเป็นลังไปดื่มด่ำแบบเบาๆ กับเพื่อนร่วมทริป หลังจากนั้นเราจึงค่อยๆ ขยายตัวอย่างรวดเร็วจากนอกเมือง ขยับมาจนถึงกลางเมือง จนเติบโตและทำให้กลยุทธ์ป่าล้อมเมืองนั้นสมบูรณ์

ถ้าให้พูดถึงผู้บริโภคนั้น เราจะเห็นกลุ่มนักเที่ยวนักเดินทางมักจะเลือกซื้อหาสินค้าฟูลมูนจากร้านขายส่งและร้านสะดวกซื้อบริเวณแหล่งที่พักและนำไปดื่มตามสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงวันหยุดตามเทศกาลของไทยจะปรากฏลังหรือขวดของฟูลมูนอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น ภูเขา ทะเล ดอย น้ำตก ตลาดน้ำ โรงแรม ที่พัก รีสอร์ท แม้กระทั้ง ลานกางเต็นท์ต่างๆ เป็นต้น

ในแง่ของภาพจำคนเมืองกับประสบการณ์การดื่มฟูลมูน อาจพูดได้ว่าครั้งแรกของกลุ่มเป้าหมายคนในเมือง มักจะมีภาพจำในลักษณะการดื่มของฟูลมูน เช่น ไวน์องุ่นที่มาจากวังน้ำเขียวเคยดื่มที่เขาใหญ่  ดื่มแล้วชื่นชอบจนต้องชื้อกลับมาที่บ้าน โดยจะเห็นจากร้านขายของฝากในพื้นที่เที่ยวจนเกิดเป็นกระแสปากต่อปาก ( word of mouth ) ในสมัยนั้นจนเริ่มมีการพูดถึงและความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ จากเพียงชื้อมาเป็นของฝากหรือชื้อมาดื่มที่บ้านกับคนในครอบครัว เติบโตจนเป็นการชื้อกลับมาเพื่อจำหน่าย ทำให้เพียงระยะเวลาไม่นานประมาณ 3-4 ปี ชื่อฟูลมูน ไวน์คลูเลอร์ ครองใจผู้ดื่มทั้งต่างจังหวัดและในเมือง พร้อมภาพจำ รสชาติที่ถูกปาก พร้อมกับความประทับใจในแต่ละทริปที่ตราตรึงในความทรงจำ

11 ปี ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งกับผู้สร้างวัฒนธรรมการดื่มแบบ “On The Go”

ตลอด 11 ปี ที่ผ่านมา ฟูลมูนพยายามสร้างสรรค์วัฒนธรรมการดื่มแบบ On The Go หรือเครื่องดื่มที่สามารถดื่มเติมเต็มความชิวได้ทุกที่ ไม่ว่าจะดื่มในบ้านหรือนำไปดื่มในระหว่างกิจกรรม Outdoor ด้วยคนในยุคนี้ไม่ได้ดื่มสังสรรค์โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเน้นความมึนเมาอีกต่อไป หากแต่เลือกดื่มเพราะชื่นชอบในรสชาติ บางคนดื่มพร้อมกันเติมเต็มประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับชีวิต เช่น การดื่มระหว่างท่องเที่ยวซึมซับบรรยากาศและช่วงเวลาที่ประทับใจ ไม่ว่าจะที่ไหนๆ ฟูลมูนสามารถช่วยเติมเต็มบรรยากาศ มิตรภาพในวงสนทนาและเป็นตัวเชื่อมให้พวกเค้าพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้อย่างถูกคอ นี่เองคือมนต์เสน่ห์ของเครื่องดื่มฟูลมูน

จากสถานการณ์โควิด19 ในปัจจุบัน ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ ฟูลมูนมีการปรับตัว โดยเน้น “สร้างประสบการณ์แคมเปญใหม่ๆ บนโลกออนไลน์”

ในสถานการณ์ปัจจุบัน การดื่ม การสังสรรค์ไม่สามารถทำได้อย่างสะดวก รวมถึงร้านกลางคืนที่ต้องปิดให้บริการ แต่ด้วยการทำตลาดและการสร้างแบรนด์ของฟูลมูนที่เน้นให้คนชื้อกลับไปดื่มที่บ้านหรือนอกสถานที่ต่างๆ ในเวลาพักผ่อนเพื่อเติมฟิลลิ่งความสดชื่นและเพื่อผ่อนคลาย ฟูลมูนจึงเป็นแบรนด์ที่ยังสามารถสร้างการเติบโตขึ้นอยู่ระดับหนึ่งได้แม้ในสถานการณ์โควิด-19

ส่วนในพาร์ทการตลาดฟูลมูนที่นำมาแก้เกมส์ในสถานการณ์โควิด-19 เรายังคงสื่อสารเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆต่อไป แม้แบรนด์ฟูลมูนเราที่เติบโตมาจากแหล่งท่องเที่ยวที่มาคู่กับการเดินทางก็ตาม แต่ในยุคดิจิทัลปัจจุบันคำว่าการเดินทางเปิดประสบการณ์ใหม่ๆไม่ได้ถูกจำกัดให้ต้องเป็นเดินทางไปในสถานที่จริง ๆ เสมอไป

ฟูลมูนเชื่อว่าในสถานการณ์ปัจจุบันเรายังคงสามารถเรียนรู้เปิดประสบการณ์แปลกใหม่ได้อยู่เสมอ ในโลกแพลตฟอร์มออนไลน์ คำว่าการเดินทาง ไม่ได้ถูกจำกัดเพียงแค่ต้องออกรถไปพบเจอสิ่งใหม่อีกต่อไป แต่หากการเดินทางผ่านความคิดบนโลกออนไลน์ ก็ถือเป็นการเดินทางที่เติมเต็มประสบการณ์ได้อีกรูปแบบหนึ่ง เราจึงปรับแคมเปญการสื่อสารสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในช่องทางออนไลน์แพลตฟอร์ม ชื่อแคมเปญ “เติมจันทร์ให้เต็ม” เพื่อเปิดโอกาสให้วัยรุ่นมีโอกาสได้เติมประสบการณ์ความสนุกไปกับการสร้างความทรงจำและประสบการณ์ใหม่ๆ ให้เต็มรูปแบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้พระจันทร์ดวงเดิมเพียงแต่เกิดขึ้นบนสถานที่แห่งใหม่

เตรียมก้าวสู่ปีที่ 13 ในการเป็นผู้นำแห่ง Brand Creativity Campaign กับกลุ่มเป้าหมาย ขยายช่องทางรุกทุกแพลตฟอร์มออนไลน์

ก้าวสู่ปีที่ 13 ทางฟูลมูนมีแผนที่จะปรับตัว เพิ่มช่องทางการสื่อสารเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันสื่อโซเชียลมีเดียมีหลากหลายช่องทาง บางช่องทางสามารถโต้ตอบกับกลุ่มเป้าหมายและกิจกรรมความประทับใจได้อย่างใกล้ชิด ดังนั้นทางฟูลมูนมีแผนที่จะเพิ่มช่องทางเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์ที่เต็มไปด้วย Creative & Innovative เพื่อสร้างสรรค์สินค้าให้ วาไรตี้ ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น พร้อมกับสร้างประสบการณ์การดื่มใหม่ๆ ไปพร้อมกับยุคสมัย เพราะโลก New Normal หลังจากสถานการณ์โควิด-19 พฤติกรรมผู้บริโภคอาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป