บี.กริม เดินเครื่อง COD โรงไฟฟ้าพลังงานลม ตอบโจทย์ขยายพลังงานสะอาด

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม บ่อทองวินด์ฟาร์ม 1 และ 2 ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร ดำเนินการโดยบริษัท บ่อทองวินด์ฟาร์ม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บี.กริม เพาเวอร์ ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้ง 2 โครงการ โดยโครงการบ่อทองวินด์ฟาร์ม 2 ได้ COD เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 และโครงการบ่อทองวินด์ฟาร์ม 1 COD เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564

โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม บ่อทองวินด์ฟาร์ม 1 และ 2 มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 16 เมกะวัตต์ จำหน่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเป็นระยะเวลา 25 ปี โดยมีส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (adder) 3.5 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงจากอัตราค่าไฟฟ้าฐาน เป็นระยะเวลา 10 ปี

การดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของ บี.กริม เพาเวอร์ ที่มุ่งขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ภายใต้รูปแบบสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับภาครัฐทั้งในประเทศไทย และประเทศต่างๆ ทั่วโลก (B2G) เพื่อให้บริการไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภคที่มีประสิทธิภาพและเสถียรภาพสูงอันเป็นรากฐานสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ โดยจะเป็นการพัฒนาโครงการใหม่หรือการเข้าซื้อกิจการ ทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก ที่สำคัญคือ เดินหน้าสู่องค์กรที่ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Net-Zero Carbon Emissions ภายในปี ค.ศ. 2050 (ปี พ.ศ. 2593)

“บี.กริม เพาเวอร์ พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนต่อเนื่อง ด้วยปณิธานที่จะส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักธรรมภิบาล ตลอดจนการบริหารห่วงโซ่คุณค่าอย่างรับผิดชอบ โดยคำนึงถึงผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านการพัฒนาพลังงานสะอาดและการปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นเป้าหมายของ บี.กริม ในการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด เพื่อร่วมลดภาวะโลกร้อนและดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน จากปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงประมาณ 74% และจากพลังงานทดแทนหรือพลังงานสะอาดประมาณ 26%” ดร.ฮาราลด์ ลิงค์  กล่าว

ขณะนี้ บี.กริม เพาเวอร์ อยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 5 โครงการ (ABP1, ABP2, BPLC1 และ BGPM1&2) คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งรวม 700 เมกะวัตต์ เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม โดยมีกำหนดการ COD ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 รวมถึงอยู่ระหว่างการเจรจาและศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายการลงทุนในโครงการพลังงานทดแทนในหลายประเทศ เช่น ประเทศเกาหลี เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย กัมพูชา และฟิลิปปินส์ด้วย

ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวม 50 โครงการ และตั้งเป้ากำลังการผลิตเติบโตจาก 3,058 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2563 เป็นมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 7,200 เมกะวัตต์ในปี 2568 และมุ่งสู่ 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573 โดยมีเป้าหมายรายได้ต่อปีกว่า 100,000 ล้านบาท

บี.กริม เพาเวอร์ คว้ารางวัลสูงสุดระดับ Gold จาก The International ARC Awards 2021

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า บริษัทได้รับรางวัลสูงสุดระดับ Gold จาก The International ARC Awards 2021 กลุ่ม Sustainability Report : Asia/Pacific สาขา Interior Design จาก “รายงานความยั่งยืนประจำปี 2563: สร้างพลังให้สังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี” (Sustainability Report 2020: Empowering the World Compassionately) โดย บี.กริม ถือเป็นบริษัทไทยเพียงรายเดียวและหนึ่งเดียวในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่ได้รับรางวัล The International ARC Awards 2021 ในสาขานี้ ตอกย้ำความเป็นเลิศในการออกแบบรายงานความยั่งยืนที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีรูปแบบการนำเสนอและจัดวางข้อมูลที่สวยงาม และสามารถสื่อสารวิสัยทัศน์และพันธกิจ (Vision & Missions) ของ บี.กริม ออกมาได้อย่างชัดเจน ครบถ้วน และเข้าใจง่าย

“การได้รับรางวัลนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของ บี.กริม ที่จะส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainability) ภายใต้หลักธรรมภิบาล ตลอดจนการบริหารห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) อย่างรับผิดชอบ และคำนึงถึงผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม” ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าว

สำหรับรางวัล The International ARC เป็นรางวัลภายใต้ MerComm International Awards Programs จัดโดยบริษัท MerComm Inc. องค์กรอิสระระดับโลกที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐานความเป็นเลิศในด้านการสื่อสาร และเพื่อยกย่องบุคลากรขององค์กรและบริษัทที่มีผลงานโดดเด่น  โดยจัดอย่างต่อเนื่องมาถึง 35 ปี  ทั้งนี้ รางวัลดังกล่าวได้รับการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านการสื่อสารข้อมูลเชิงเศรษฐกิจ และวิทยาการเทคโนโลยีจากทั่วโลก แบบ Blind Judges โดยมีการจัดลำดับคะแนนตามเกณฑ์ของรางวัล ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลจะต้องได้รับคะแนนอยู่ในเกณฑ์มากกว่า 70%

ตลอดเวลากว่า 143 ปีที่ บี.กริม ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้ปรัชญา “การดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี เพื่อสร้างความศิวิไลซ์ ภายใต้ความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ” บี.กริม มุ่งเน้นการสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนและสังคม พร้อมให้ความสำคัญในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสัตว์ป่า

หนึ่งในโครงการสำคัญที่ บี.กริม เข้าไปร่วมสนับสนุนเป็นเวลากว่า 7 ปีที่ผ่านมา คือ “โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรเสือโคร่ง” ณ อุทยานแห่งชาติแม่วงก์และคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ WWF ประเทศไทย เพื่อร่วมปกป้องถิ่นที่อยู่ของเสือโคร่งจากการลักลอบล่าสัตว์และรุกล้ำที่อยู่อาศัย และช่วยฟื้นฟูธรรมชาติของผืนป่าตะวันตกของปรเทศไทย โดยเข้าไปร่วมสนับสนุนตั้งแต่การศึกษาวิจัยและสำรวจประชากรเสือโคร่ง และสัตว์ป่าอื่นๆ การเสริมประสิทธิภาพการลาดตระเวนด้วยระบบลาดตระเวนเชิงคุณภาพ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่า รวมไปถึงการเข้าไปมีบทบาทสำคัญในการร่วมสร้างจิตสำนึกและเครือข่ายการอนุรักษ์เสือโคร่งและสัตว์ป่าในประเทศไทย

นอกจากนี้ บี.กริม ยังให้การสนับสนุนร่วมมือกับองค์กรไม่หวังผลกำไร คือ ฟรีแลนด์ (Freeland) ในการรณรงค์การยุติการค้าสัตว์ป่า ในแคมเปญ EndPandemics ผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ เช่น การจัดงานเสวนาประชาสัมพันธ์โครงการ สื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาคมโลกในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

ด้านการดำเนินธุรกิจ ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวม 50 โครงการ โดยตั้งเป้ามีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 7,200 เมกะวัตต์ในปี 2568 จากสิ้นปี 2563 มีกำลังผลิตรวม 3,058 เมกะวัตต์ และเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 1 หมื่นเมกะวัตต์ในปี 2573 ด้วยเป้าหมายรายได้กว่า 100,000 ล้านบาท เพื่อก้าวสู่บริษัทผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก โดยมีเป้าหมายระยะยาวที่สำคัญคือ การก้าวสู่องค์กรที่ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Net-Zero Carbon Emissions ภายในปี ค.ศ. 2050

บี.กริม เพาเวอร์ โชว์กำไรสูงสุดไตรมาส 2 พุ่ง 56.5%

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสที่ 2/2564 มีกำไรสุทธิ ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 1,022 ล้านบาท หากไม่รวมกำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง กำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 1,011 ล้านบาท เติบโต 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 56.5% จากไตรมาสก่อนหน้านี้ ขณะที่ EBITDA เพิ่มขึ้นสู่ 3,524 ล้านบาท เติบโต 9.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยมีปัจจัยสำคัญจากปริมาณไฟฟ้าที่ขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 47.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 831 กิกะวัตต์-ชั่วโมง จากหลายกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมหลัก โดยเฉพาะกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์, ยางรถยนต์, กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน และกลุ่มก๊าซอุตสาหกรรม ควบคู่กับการเชื่อมเข้าระบบของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 21.2 เมกะวัตต์ ในช่วงไตรมาส 2/2564 หรือ 31.5 เมกะวัตต์ ในครึ่งปีแรก จากเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 40 เมกะวัตต์ในปีนี้

นอกจากนี้ กำไรสุทธิจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ยังเป็นผลจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในกัมพูชาเมื่อเดือน ธันวาคม 2563 และการเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้า บริษัท อมตะ บี. กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 1 จำกัด (ABPR1) และ บริษัท อมตะ บี. กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 2  จำกัด (ABPR2) ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 รวมถึงประสิทธิภาพในการควบคุมค่าใช้จ่าย ที่ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 17.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติได้ปรับตัวลดลง 8.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนด้วย

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุด บี.กริม เพาเวอร์ ได้ประกาศ 7 ยุทธศาสตร์หลักในการขับเคลื่อนองค์กรในอนาคต เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก ซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของ บี.กริม เพาเวอร์ ที่มุ่งสร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี (Empowering the World Compassionately) เพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคมในรูปแบบของ Sustainable Utility Solution Provider ด้วยการผลิตพลังงานที่มีคุณภาพสูงและบริการแบบครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนการพัฒนาความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ส่วนความคืบหน้าของโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและเตรียมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปีนี้ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมบ่อทอง วินด์ฟาร์ม 1&2 ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 16 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในจังหวัดมุกดาหาร มีกำหนดการ COD ในเดือนสิงหาคม 2564

ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวม 48 โครงการ โดยตั้งเป้ากำลังการผลิตเติบโตจาก 3,058 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2563 เป็นมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 7,200 เมกะวัตต์ในปี 2568 และมุ่งสู่ 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573 ด้วยมีเป้าหมายรายได้ต่อปีกว่า 100,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลที่ 0.15 บาทต่อหุ้น สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 26 สิงหาคม 2564 และวันที่จ่ายปันผล 10 กันยายน 2564

“บี.กริม เพาเวอร์” ได้ปรับเพิ่มดัชนีระดับโลก MSCI ESG Ratings เป็น A

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลก เปิดเผยว่า บริษัทได้รับการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือ MSCI ESG Ratings จากระดับ BBB สู่ระดับ A โดย MSCI ESG Research หน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญและความน่าเชื่อถือในด้านดัชนี ESG ในระดับนานาชาติ ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจโดยยึดหลัก ESG (Environment, Social and Governance) ของบี.กริม เพาเวอร์ ซึ่งประเมินศักยภาพในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ซึ่งยืนยันถึงความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในระดับสากล

นอกจากได้รับการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือ MSCI ESG Ratings บี.กริม เพาเวอร์ ยังได้รับการคัดเลือกให้เข้ารับรางวัลด้านความยั่งยืนจากสถาบันและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนระดับโลก “FTSE4Good Index Series” เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน และได้รับคัดเลือกให้อยู่ในกลุ่มหลักทรัพย์ ESG 100 จากสถาบันไทยพัฒน์ เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย และสอดคล้องกับแนวทางการลงทุนอย่างยั่งยืน

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า จากนี้บริษัทยังเดินหน้าดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนตามหลัก ESG ต่อไป ซึ่งการได้รับการเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือ MSCI ESG Rating จากระดับ BBB สู่ระดับ A เป็นสิ่งสะท้อนความมุ่งมั่นตั้งใจของบริษัทที่จะส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainability) ภายใต้หลักธรรมภิบาล ตลอดจนการบริหารห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) อย่างรับผิดชอบ โดยคำนึงถึงผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของ บี.กริม เพาเวอร์ ที่ยึดหลักการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี สร้างคุณค่าให้กับสังคมในรูปแบบของ Sustainable Utility Solution Provider ด้วยการผลิตพลังงานที่มีคุณภาพสูงและบริการแบบครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป ตลอดจนการพัฒนาความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ