TPCH ติดปีก! ฤกษ์ดีเปิดโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ SP 9.5 MW

บมจ.ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) ได้ฤกษ์ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ สยาม พาวเวอร์ (SP) ขนาดกำลังผลิต 9.5 เมกะวัตต์ และศูนย์การเรียนรู้การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากขยะมูลฝอย จ.นนทบุรี โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานในพิธี ฟากบิ๊กบอส “กนกทิพย์ จันทร์พลังศรี” ระบุ พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงขยะเพิ่ม ประมาณ 7 แห่ง จ่อเซ็น PPA เพิ่ม 1 โครงการภายในปีนี้ หนุนผลงานอนาคตเติบโตก้าวกระโดด

นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH)  เผยว่า บริษัทฯ ได้ทำพิธีอย่างเป็นทางการเพื่อเปิดโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ สยาม พาวเวอร์ (SP) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.5 เมกะวัตต์ และศูนย์การเรียนรู้การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากขยะมูลฝอย ที่ตั้งโครงการ ตำบลคลองขวาง อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี  โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดโรงไฟฟ้าฯ

โดยโรงไฟฟ้า SP เป็นกิจการร่วมค้าของ TPCH ซึ่งเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ได้เริ่มมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) กับการไฟฟ้านครหลวง โดยมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 8 เมกะวัตต์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นโรงไฟฟ้าจากพลังงานขยะมูลฝอย โรงที่ 1 ของ TPCH  ที่ได้จ่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้านครหลวง

โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ SP เป็นกิจการร่วมค้าที่ TPCH เข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 50% และ กลุ่มนายทวี จงควินิต ถือหุ้นในสัดส่วน 50% และยังเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานขยะแห่งแรกของ TPCH ขณะเดียวกัน ได้เดินหน้าพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงขยะเพิ่มอีก ประมาณ 7โครงการ ภายใต้บริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นโครงการรูปแบบ VSPP (Very Small Power Producer) เพื่อเข้าร่วมโครงการรับซื้อไฟฟ้าของภาครัฐ ขณะนี้ เตรียมเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ภายในปีนี้ เพิ่มอีก 1 โครงการ ซึ่งมั่นใจว่า จะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนผลงานของบริษัทฯ ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต” นางกนกทิพย์ กล่าว

ด้านนายทวี จงควินิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด (SP) กล่าวว่า สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ สยาม พาวเวอร์ (SP) เป็นโรงไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ เนื่องจากเป็นการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากขยะฝังกลบแบบครบวงจร และได้ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพสูง มาคัดแยกเชื้อเพลิงขยะจากหลุมฝังกลบเดิมของ อบจ.นนทบุรี เพื่อนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ด้วยเตาเผาระบบฟลูอิดไดซ์เบดแบบหมุนเวียน (CFB) มีระบบบำบัดอากาศจากการเผาไหม้ (Flue Gas Treatment) และมีระบบควบคุมการบำบัดอากาศอย่างต่อเนื่อง (CEMs) ที่จะทำการตรวจวัดคุณภาพอากาศตลอด 24 ชั่วโมง ก่อนระบายออกสู่ปล่องระบายอากาศ

พร้อมกันนี้ ได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากขยะมูลฝอย เพื่อแบ่งปันองค์ความรู้และนำเสนอสาระดีๆ ที่เกี่ยวกับขั้นตอนการจัดการขยะเพื่อนำไปเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยนำขยะจากหลุมฝังกลบขยะมูลฝอยเดิมของ อบจ.นนทบุรี มาใช้ประโยชน์เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตพลังงานไฟฟ้า ทั้งนี้ เพื่อสนองนโยบาย รัฐบาล ในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมให้เติบโตควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม

ซึ่งภายในศูนย์การเรียนรู้ฯ จะให้ความรู้ความเข้าใจขั้นตอนต่างๆ ของการจัดการขยะ เพื่อเปลี่ยนเป็นเชื้อเพลิงขยะ ไปจนถึงกระบวนการนำเชื้อเพลิงขยะมาผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้า โดยมีการนำสื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาประกอบการเรียนรู้เพื่อให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น และยังสามารถมองเห็นการปฏิบัติงานจริงของเครื่องจักร และเจ้าหน้าที่ภายในอาคารได้แบบ 180 องศา อีกด้วย

TPCH เตรียม COD โครงการโรงไฟฟ้าขยะ “สยาม พาวเวอร์”

บมจ.ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) ส่งสัญญาณครึ่งหลังปี 64 ผลงานโดดเด่น จากการรับรู้รายได้ของโรงไฟฟ้า 10 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตรวม 106.8 เมกะวัตต์ ฟาก”กนกทิพย์ จันทร์พลังศรี” ประธานคณะกรรมการบริหาร ระบุเตรียม COD โครงการโรงไฟฟ้าขยะ”สยาม พาวเวอร์” ขนาด 9.5 เมกะวัตต์ ในไตรมาส 4/64  ดันกำลังผลิตไฟฟ้ารวมปีนี้เพิ่มเป็น 116.3 เมกะวัตต์ เผยล่าสุด มีบริษัทย่อยสามารถผ่านคุณสมบัติและคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิคในโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนฯ รวม 10 แห่ง ขนาดกำลังการผลิต 38 เมกะวัตต์ รอลุ้นประกาศผล 23 ก.ย.นี้  มั่นใจหนุนการเติบโตก้าวกระโดด

นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2564 ว่าจะมีทิศทางที่ดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากสามารถรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลครบ 10 แห่ง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวล CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP , PTG ,TPCH 5 , TPCH 1 และ TPCH 2 ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 106.8 เมกะวัตต์ รวมทั้ง คาดว่าโรงไฟฟ้าขยะ สยาม พาวเวอร์ (SP) จะทำการ COD ได้ตามแผนที่วางไว้

“ในครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้ จากโรงไฟฟ้าชีวมวลทั้ง 10 แห่ง โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าชีวมวลปัตตานี กรีน จำกัด (PTG) กำลังการผลิตไฟฟ้าเสนอขาย 21 เมกะวัตต์ ที่สามารถขายไฟฟ้าได้เพิ่มมากขึ้น  รวมทั้งคาดว่าจะ COD โรงไฟฟ้าขยะสยาม พาวเวอร์ (SP) มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.5 เมกะวัตต์ ได้ภายในไตรมาส 4/2564 ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำลังการผลิตรวมในสิ้นปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 116.3 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 106.8 เมกะวัตต์ มั่นใจว่า จะช่วยสนับสนุนให้ผลงานปี 2564 เป็นไปตามเป้าหมายอย่างแน่นอน” นางกนกทิพย์กล่าว

ด้าน นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH กล่าวว่า แผนการดำเนินงานที่เหลือของปีนี้บริษัทฯ เดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) ล่าสุด บริษัทฯ ได้ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติและข้อเสนอขอขายไฟฟ้าด้านเทคนิคเพิ่มมาอีก 1 โครงการ คือ บริษัท ไบโอเอ็นเนอร์ยี่ สตูล จำกัด จังหวัดสตูล ขนาดกำลังการผลิต 3 เมกะวัตต์  ประเภทเชื้อเพลิงชีวภาพ ภายหลังที่ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานเรียบร้อยแล้ว จากเดิม 9 บริษัท รวมเป็น 10 บริษัท ทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนฯ รวม 38 เมกะวัตต์ ซึ่งรอการประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการในวันที่ 23 กันยายนนี้

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นกู้มีประกันของบริษัท ครั้งที่ 1/2564 มูลค่าไม่เกิน 1,500 ล้านบาท อายุ 2 ปี 9 เดือน เพื่อใช้ชำระคืนตั๋วแลกเงินที่จะครบกำหนด ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และใช้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า ในการสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัท รวมถึง การขยายธุรกิจ ประกอบด้วย เตรียมพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะเพิ่มเติมอีกประมาณ 5 แห่ง  รวมทั้ง โรงไฟฟ้าชุมชนฯ

 “TPCH ยังคงเป้าหมายการมีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 250 เมกะวัตต์ ทั้งโรงไฟฟ้าชีวมวล ชีวภาพ และโรงไฟฟ้าขยะ ภายในปี 2566 โดยเข้าไปศึกษา โครงการต่างๆ ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาวและเพื่อการเติบโตของบริษัทในอนาคตได้อย่างยั่งยืน” นายเชิดศักดิ์กล่าวในที่สุด

อนึ่ง ผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,209 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.24% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวมเท่ากับ 832.41 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 95.85 ล้านบาท

ขณะที่งวดไตรมาส 2/2564  บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่  642.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้รวมเท่ากับ 439.06 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 48.40 ล้านบาท