ธนาคารกรุงเทพ เร่งเครื่องยุทธศาสตร์ “ธนาคารดิจิทัล”

ธนาคารกรุงเทพ เร่งเครื่องยุทธศาสตร์ “ธนาคารดิจิทัล” เดินหน้าขยายบริการรองรับ Digital Lifestyle ต่อเนื่อง ล่าสุด จับมือกับบริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด เพิ่มช่องทางยืนยันตัวตนเพื่อเปิดบัญชีใกล้บ้าน ผ่านบริการ     Be My ID ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น กว่า 13,000 สาขา ทั่วประเทศ รองรับความต้องการทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลที่เติบโต พร้อมขยายโอกาสเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ ช่วยยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19

นางปรัศนี อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสู่การเป็น “ธนาคารดิจิทัล” ตามยุทธศาสตร์ที่ได้กำหนดไว้ ธนาคารกรุงเทพจึงให้ความสำคัญกับการเร่งเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ภายใต้การขับเคลื่อนกลยุทธ์ Digital First ที่เน้นพัฒนานวัตกรรมและต่อยอดเทคโนโลยี เพื่อสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการได้ตรงความต้องการ รวมทั้งสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ลูกค้าในปัจจุบัน โดยที่ผ่านมา ธนาคารได้เพิ่มเติมบริการธนาคารดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการอัปเกรดเวอร์ชั่นใหม่ของโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ ทำให้ตอบโจทย์การใช้งานลูกค้าได้ครอบคลุม ทั้งการทำธุรกรรม การลงทุน และดิจิทัลไลฟ์สไตล์ อาทิ  ถอนเงินไม่ใช้บัตร บริการโอนเงินต่างประเทศ การเปิดบัญชีออนไลน์ e-Savings หรือ การเปิดบัญชีกองทุนต่าง ๆ เป็นต้น

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการยกระดับและเติมเต็มประสบการณ์ดิจิทัล (Digital Experience) ให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้อย่างไร้รอยต่อและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ธนาคารกรุงเทพ จึงได้เพิ่มทางเลือกและขยายจุดให้บริการยืนยันตัวตนเพื่อเปิดบัญชีด้วยบัตรประจำตัวประชาชน หรือ บริการ Be My ID ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ที่มีกว่า 13,000 แห่งทั่วประเทศ และสามารถรองรับการทำธุรกรรมได้ตลอด 24 ชั่วโมง (ช่วงเวลาให้บริการของร้านอาจเปลี่ยนแปลงตามพื้นที่ที่มีการประกาศมาตรการของทางการ) ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2564 เป็นต้นไป

นางปรัศนี กล่าวต่อว่า บริการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในสถานการณ์ปัจจุบัน ในหลายพื้นที่อยู่ภายใต้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่สาขาธนาคารที่ยังเปิดให้บริการอยู่ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด จำกัดจำนวนผู้เข้าใช้บริการและปรับเปลี่ยนช่วงเวลาให้บริการ จึงส่งผลกระทบต่อการให้บริการลูกค้า ธนาคารจึงพยายามส่งเสริมให้ลูกค้าหันมาทำธุรกรรมต่าง ๆ ด้วยตัวเองผ่านโมบายแบงก์กิ้ง เพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะบริการเปิดบัญชีเงินฝากออนไลน์ e-Savings ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เงินฝากที่ลูกค้าสามารถต่อยอดไปสู่การทำธุรกรรมประเภทอื่น ๆ ได้ตามต้องการ ทั้งการออมเงิน โอนเงิน เติมเงิน จ่ายชำระค่าสินค้าและบริการ รวมทั้งการลงทุนต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบายโดยไม่ต้องเดินทางไปที่สาขา

นอกจากนี้ ธนาคารยังประเมินว่าลูกค้าอาจจะมีความต้องการเปิดใช้งานบัญชีเงินฝากเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นช่องทางรับเงินช่วยเหลือ และมาตรการเยียวยาต่าง ๆ จากภาครัฐจะนำจ่ายให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบผ่านบัญชีเงินฝากที่ผูกพร้อมเพย์ ดังนั้น ลูกค้าใหม่ที่เปิดบัญชีครั้งแรกกับธนาคารกรุงเทพ ซึ่งจำเป็นต้องยืนยันตัวตนเพื่อเปิดบัญชี ก็สามารถใช้บริการ Be My ID เพื่อยืนยันตัวตนได้ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ที่มีสาขาอยู่เป็นจำนวนมาก ลูกค้าเข้าถึงง่ายและใช้บริการได้สะดวกรวดเร็ว ขณะที่ลูกค้าปัจจุบันที่ใช้บริการโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพอยู่แล้ว สามารถเปิดบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ e-Savings ได้ทันที

บริการ Be My ID เป็นเหมือนประตูที่เชื่อมให้ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกด้วยตัวเอง ลดข้อจำกัดเรื่องพื้นที่และระยะเวลาการให้บริการของธนาคาร ล่าสุดได้จุดรับชำระเคาน์เตอร์เซอร์วิส ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นอีกกว่า 13,000 แห่ง เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มความใกล้ชิดให้กับลูกค้ามากขึ้น รวมถึงสามารถทำธุรกรรมได้หลากหลาย เช่น การฝากเงิน และถอนเงิน จึงมั่นใจว่าลูกค้าจะให้การตอบรับที่ดีเช่นกัน” นางปรัศนี กล่าว

นายวีรเดช อัครผลพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด เปิดเผยว่า การร่วมมือของทั้งสองบริษัทในครั้งนี้ถือเป็นการส่งเสริมและผลักดันการทำธุรกรรมแบบดิจิทัล เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้กับลูกค้าธนาคารกรุงเทพ เนื่องจากจุดบริการเคาน์เตอร์เซอร์วิสที่มีกระจายอยู่ทั่วประเทศในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น สามารถเข้าถึงลูกค้าและแหล่งชุมชนได้หลากหลายพื้นที่ ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกสบาย รวดเร็ว ลดความหนาแน่นตามมาตราการของรัฐบาล และใช้ช่องทางที่มีอยู่ของเคาน์เตอร์เซอร์วิสให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ในการทำธุรกรรมในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ ณ ขณะนี้   

สำหรับลูกค้าที่ต้องการเปิดบัญชี e-Savings เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ และเลือกทำรายการเปิดบัญชีออนไลน์ โดยเลือกยืนยันตัวตนผ่านจุดบริการ By My ID และนำรหัส 7 หลัก ที่ได้รับจาก  โมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ พร้อมบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด ติดต่อทำรายการยืนยันตัวตนเพื่อเปิดบัญชี  ได้ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ทุกสาขา ตลอด 24 ชั่วโมง (ช่วงเวลาให้บริการของร้านอาจเปลี่ยนแปลงตามพื้นที่ที่มีการประกาศมาตรการของทางรัฐบาล) เพียงกรอกรหัส 7 หลัก ที่ได้รับจากโมบายแบงก์กิ้ง เสียบบัตรประชาชนที่เครื่องรูดบัตร (EDC) ถ่ายภาพและรับใบบันทึกรายการแสดงการยืนยันตัวตนสำเร็จ จากนั้นเข้าแอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ เพื่อทำการเปิดบัญชีต่อให้สำเร็จ เพียงเท่านี้ก็สามารถเริ่มต้นใช้งานบัญชี e-Savings ได้ทันที

พิเศษ เลือกรับฟรีโค้ดส่วนลด Shopee หรือ Starbucks e-Coupon มูลค่า 200 บาท เมื่อเปิดบัญชี e-Savings พร้อมสมัครโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ และทำธุรกรรมครบ 2 ครั้ง ภายใน 7 วันหลังเปิดบัญชีสำเร็จ ตั้งแต่วันที่  1 กันยายน 2564 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 นอกจากนี้ ลูกค้าที่ต้องการสมัครบริการพร้อมเพย์ ก็สามารถสมัครได้ด้วยตัวเองผ่าน โมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพได้อีกด้วย

ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดการเปิดบัญชี e-Savings พร้อมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยืนยันตัวตน รวมทั้งจุดบริการ Be My ID และข้อมูลอื่นที่น่าสนใจของธนาคาร ได้จากสื่อประชาสัมพันธ์ของธนาคารกรุงเทพทุกช่องทางได้แก่ www.bangkokbank.com, Bangkok Bank Line Official หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.1333 หรือ 0 2645 5555

ครั้งแรกในไทย ธ.กรุงเทพ บริการจ่ายเงินข้ามประเทศ สแกน QR เครือข่าย UnionPay ผ่านมือถือ

ธนาคารกรุงเทพ ต่อยอดแอปพลิเคชัน ‘BeWallet’ กระเป๋าเงินดิจิทัล เจาะตลาดคนไทยเดินทางต่างประเทศ ผูกบัญชีเงินฝาก-บัตรเดบิต-บัตรเครดิต ก็สแกนจ่ายได้ทันที พร้อมจับมือ UnionPay International (UPI) และ Thai Payment Network (TPN) ปล่อยบริการ UnionPay QR Code By Bangkok Bank รูปแบบการชำระเงินแบบข้ามประเทศ ด้วย QR Code ผ่านมือถือ สะดวก ปลอดภัย เบาใจเรื่องค่าธรรมเนียมอัตราแลกเปลี่ยน เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันนี้ (7 ก.ย. 64) เป็นต้นไป มั่นใจตอบโจทย์นักเดินทางเมื่อเปิดประเทศอีกครั้ง

นายโชค ณ ระนอง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อตอกย้ำความเป็น First Mover และผู้นำด้าน Digital Payment Total Solutions ทำให้ธนาคารกรุงเทพไม่เคยหยุดพัฒนาการส่งมอบโซลูชันที่หลากหลาย เพื่อลดข้อจำกัดในการชำระค่าสินค้าและบริการ รวมทั้งอำนวยความสะดวกให้แก่ตลาด และรองรับไลฟ์สไตล์ลูกค้าในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ล่าสุด ธนาคารได้พัฒนาต่อยอดบริการ BeWallet แอปพลิเคชันกระเป๋าเงินดิจิทัลที่จะเปลี่ยนการชำระเงินในต่างประเทศให้เป็นเรื่องง่าย โดยเชื่อมต่อหรือผูกเข้ากับบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงเทพ รวมถึงบัตรเดบิตและบัตรเครดิต ลูกค้าเพียงเปิดแอปพลิเคชันและสแกน QR Code ที่ร้านค้าเพื่อชำระเงินค่าสินค้าได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย โดยไม่ต้องพกเงินสด และไม่ต้องพกบัตร

โอกาสนี้ ธนาคารร่วมมือกับ UPI และ TPN แนะนำรูปแบบการชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน UnionPay QR Code By Bangkok Bank เพียงใช้แอปพลิเคชัน BeWallet ที่ผูกบัญชีเรียบร้อยแล้ว สแกน QR Code ชำระเงินค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ ที่ร้านค้าเครือข่ายยูเนี่ยนเพย์กว่า 30 ล้านแห่ง ใน 45 ประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เช่น ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง/มาเก๊า ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ และไต้หวัน เป็นต้น

บริการ UnionPay QR Code By Bangkok Bank พัฒนาขึ้นภายใต้เทคโนโลยีการชำระเงินแบบข้ามประเทศผ่านมือถือ หรือ Cross Border Mobile Payment เพียงผูกบัญชีไว้กับแอปพลิเคชัน BeWallet ก็สามารถชำระเงินผ่านระบบ QR Code ของยูเนี่ยนเพย์ได้ ช่วยเพิ่มทางเลือกการใช้จ่ายที่สะดวกสบายและทำธุรกรรมได้อย่างปลอดภัย สามารถชำระค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ ได้ทั่วโลกแม้ไม่มีบัตรเครดิต โดยเฉพาะในกรณีเดินทางต่างประเทศ ก็ลดความกังวลเรื่องการแลกเงินหรือการพกเงินสดจำนวนมาก เนื่องจากสามารถสแกนเพื่อชำระเงินเป็นสกุลท้องถิ่นได้เลย ที่สำคัญระบบจะคิดอัตราแลกเปลี่ยนแบบ Currency Real Time ที่ตัดบัญชีตามอัตราแลกเปลี่ยนขณะทำรายการ ลูกค้าจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งยังคิดค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าบัตรเครดิตด้วย”

สำหรับบริการ UnionPay QR Code By Bangkok Bank จะเริ่มให้บริการได้ตั้งแต่วันนี้ (7 ก.ย. 64) เป็นต้นไป โดยลูกค้าสามารถใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน BeWallet ได้แล้ว และเพื่อเป็นการเพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ลูกค้าจะสามารถใช้งานผ่านโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ ได้เร็วๆนี้

นอกจากบริการดังกล่าวจะตอบโจทย์สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปใช้งานในต่างประเทศแล้ว ลูกค้าที่นิยมการสั่งซื้อสินค้าผ่านระบบออนไลน์ หรือ e-Commerce จากต่างประเทศ ก็สามารถใช้ BeWallet และ UnionPay QR Code By Bangkok Bank ทำรายการชำระเงินได้เช่นกัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่สำคัญสำหรับธนาคารในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้ากลุ่มดังกล่าว ซึ่งมีความคุ้นเคยกับการชำระเงินผ่านช่องทางดิจิทัลอยู่แล้ว ทั้งนี้ ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่าปริมาณการทำธุรกรรมด้วยบัตรเดบิตผ่านช่องทางออนไลน์ในต่างประเทศ ปี 2563 มีมากกว่า 30 ล้านรายการเพิ่มขึ้นถึง 25% โดยมีมูลค่าของธุรกรรมรวมกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท

“ธนาคารเชื่อมั่นว่าแอปพลิเคชัน BeWallet และการให้บริการร่วมกับ UnionPay QR Code By Bangkok Bank จะเป็นประโยชน์กับทั้งผู้นิยมสั่งซื้อสินค้าและบริการจากต่างประเทศผ่านระบบออนไลน์ และลูกค้าที่นิยมการเดินทางที่ใช้จ่ายในต่างประเทศซึ่งจะทำธุรกรรมได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัย รวมถึงสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุค New Normal ที่ระมัดระวังเรื่องการสัมผัสสิ่งของต่าง ๆ เช่น เงินสด หรือบัตรที่ต้องส่งให้พนักงานเป็นผู้ทำรายการ ดังนั้น การชำระเงินด้วยระบบดิจิทัลและสแกนผ่านโทรศัพท์มือถือจะตอบโจทย์กับพฤติกรรมดังกล่าวได้เป็นอย่างดี เชื่อมั่นว่าหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เริ่มคลี่คลายลง ประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทยพร้อมกลับมาเปิดรับการเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ แอปพลิเคชัน BeWallet และ UnionPay QR Code By Bangkok Bank จะเป็นหนึ่งในบริการด้านชำระเงินจากธนาคารกรุงเทพที่พร้อมสนับสนุนให้ลูกค้ากลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมอีกครั้ง” นายโชค กล่าว

นายไช่ ฮุ่ยหมิง ผู้จัดการทั่วไป ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชียตะวันออกเฉียงใต้  กล่าวว่า “ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีความยินดีที่ผู้ใช้บริการ BeWallet จะสามารถชำระเงินด้วย UnionPay QR Code By Bangkok Bank ได้ทั่วโลกเมื่อการเดินทางกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ในฐานะผู้นำในการใช้บริการ QR Code สำหรับการชำระเงินทั่วโลก ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนลได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารกรุงเทพ และ TPN เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าชาวไทยจะชำระเงินด้วย UnionPay QR Code By Bangkok Bank ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และง่ายดายในทุกที่ที่เดินทางไป นอกจากนี้ UnionPay QR Code ยังใช้ข้อกำหนด EMV ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยในการชำระเงินระดับโลก การผลักดันอย่างต่อเนื่องของเราในการสนับสนุนการชำระเงินด้วย QR จะมีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้ลูกค้าทำธุรกรรมได้อย่างปลอดภัย และส่งเสริมสังคมไร้เงินสดได้อย่างครอบคลุมมากยิ่งขึ้น”

นางสาววิภาวรรณ ยงวิกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทย เพย์เมนต์ เน็ตเวิร์ก จำกัด (TPN) กล่าวว่า “บริษัทฯ ในฐานะที่เป็นเครือข่ายระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์สำหรับบัตรเดบิตภายในประเทศ (Local Card Scheme) รายแรกของประเทศไทย มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ และ ยูเนี่ยนเพย์ อินเตอร์เนชั่นแนล ในการสนับสนุนการให้บริการครั้งนี้  ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่ลูกค้าสามารถใช้บัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงเทพเพื่อผูกกับแอปพลิเคชัน BeWallet บนมือถือได้โดยตรง และนำไปใช้ชำระเงินระหว่างประเทศด้วย QR Code บนเครือข่ายร้านค้าของ UnionPay กว่า 30 ล้านแห่งทั่วโลกนอกเหนือจากการใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตแบบเดิม นับว่าเป็นนวัตกรรมทางการเงินที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกด้าน ทั้งความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และคุ้มค่า บริษัทฯ เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า บริการนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ”

ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน BeWallet เพื่อใช้งานได้ทั้งระบบ Android และ iOS และติดตามสอบถามรายละเอียดบริการ UnionPay QR Code By Bangkok Bank รวมทั้งข้อมูลอื่นที่น่าสนใจของธนาคาร ได้จากสื่อประชาสัมพันธ์ของธนาคารกรุงเทพทุกช่องทาง ได้แก่ www.bangkokbank.com หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.1333 หรือ 0 2645 5555

ธนาคารกรุงเทพ กำไรครึ่งแรกของปี 64 ทะลุ 13,280 ล้าน

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่สอง ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกที่สามของโควิด-19 ส่งผลให้เครื่องชี้ทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ปรับตัวลงต่อเนื่อง อาทิ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ต่ำสุดในรอบ 19 ปี กระทบต่อไปยังการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังไม่สามารถฟื้นตัว เนื่องจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ  อย่างไรก็ตาม การส่งออกของประเทศไทยปรับดีขึ้นต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ซึ่งได้เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมา ร่วมกับการใช้จ่ายของภาครัฐที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยพยุงเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยขณะนี้ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง มีผู้ติดเชื้อใหม่จำนวนหลายพันรายต่อวัน การกลายพันธุ์ของไวรัสทำให้การระบาดยืดเยื้อ สัดส่วนประชากรไทยที่ได้รับวัคซีนยังไม่มากพอ และแผนการเปิดประเทศ เพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงอยู่ในช่วงเริ่มดำเนินการ ด้วยเหตุนี้ ความต่อเนื่องของมาตรการภาครัฐ ในการช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจและลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการประคับประคองและฟื้นฟูเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารกรุงเทพได้สนับสนุนมาตรการของภาครัฐและเร่งดำเนินการช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 พร้อมดูแลลูกค้าให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกค้าแต่ละราย ขณะเดียวกัน ธนาคารให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง

กำไรสุทธิของธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยสำหรับครึ่งแรกของปี 2564 จำนวน 13,280 ล้านบาท

ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อย รายงานกำไรสุทธิครึ่งแรกของปี 2564 จำนวน 13,280 ล้านบาท  โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8  หลัก ๆ จากผลของการรวมธนาคารเพอร์มาตาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563  และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 2.12 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในครึ่งแรกของปีก่อน  รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.8  จากค่าธรรมเนียมบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวม และค่าธรรมเนียมธุรกิจหลักทรัพย์  รวมถึงการรวมรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารเพอร์มาตา  สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ร้อยละ 49.5   ทั้งนี้ ธนาคารมีการตั้งสำรองตามหลักความระมัดระวังโดยคาดการณ์ปัจจัยผลกระทบสำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า

ธนาคารกรุงเทพยังคงดำรงฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ตามแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ เพื่อรองรับผลกระทบจากเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้าและมีความไม่แน่นอนมากขึ้น

ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,420,305 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 จากสิ้นปี 2563 จากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจและสินเชื่อกิจการต่างประเทศ แม้ว่าอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ในระดับทรงตัวที่ร้อยละ 3.7 ธนาคารยังคงมีการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ร้อยละ 190.3

ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 จำนวน 3,046,985 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 จากสิ้นปีก่อน เป็นผลจากการที่ลูกค้าต้องการดำรงสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงในภาวะที่มีความไม่แน่นอน ทำให้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ร้อยละ 79.4 ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ร้อยละ 18.4 ร้อยละ 15.9 และร้อยละ 15.0 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

ธนาคารกรุงเทพ จัดมาตรการด่วนพักชำระหนี้ 2 เดือน

ธนาคารกรุงเทพ จัดมาตรการด่วนตามแนวทางของธปท. พักชำระหนี้ 2 เดือน ช่วยลูกค้าผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และลูกค้ารายย่อย ที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ เปิดหลากหลายช่องทางติดต่อ โดยเฉพาะการลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.bangkokbank.com และโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. ถึง 15 ส.ค. 2564 สำหรับมาตรการให้ความช่วยเหลือก่อนหน้ายังคงพร้อมเช่นเดิม จนถึง 31 ธ.ค. 64 ย้ำจุดยืน “เพื่อนคู่คิด” ดูแลลูกค้าผ่านสถานการณ์ยากลำบาก

นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กำหนดกรอบแนวทางการให้ความช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ ธนาคารจึงได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม เพื่อแบ่งเบาภาระให้แก่ลูกค้า ด้วยการพักชำระหนี้เป็นระยะเวลา 2 เดือน โดยสามารถลงทะเบียนเข้าขอรับมาตรการดังกล่าวผ่านหลากหลายช่องทาง ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม ถึง 15 สิงหาคม 2564

ลูกค้าที่สามารถเข้าร่วมมาตรการนี้ เป็นได้ทั้งลูกค้าสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอี และลูกค้าสินเชื่อรายย่อย ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการและอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามคำสั่งของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) ซึ่งเบื้องต้นออกประกาศจำนวน 10 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นครปฐม นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ปัตตานี ยะลา สมุทรปราการ สมุทรสาคร และสงขลา โดยลูกค้าสามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สำนักธุรกิจและสาขาธนาคารทั่วประเทศ และบัวหลวงโฟน โทร.1333 หรือ 0 2645 5555 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อป้องกันความเสี่ยง สามารถลงทะเบียนได้ทางเว็บไซต์ www.bangkokbank.com และ โมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ

สำหรับลูกค้าที่ยังสามารถเปิดดำเนินกิจการ แต่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ที่ลดลงจากมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐ ธนาคารพร้อมให้คำปรึกษาและนำเสนอความช่วยเหลือตามความจำเป็นและสอดคล้องกับสถานการณ์ของลูกค้าอย่างเต็มที่

นายสุวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ออกมาก่อนหน้านี้ ธนาคารกรุงเทพ ยังคงดำเนินมาตรการที่สามารถรองรับลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม และได้ขยายระยะเวลาไปจนถึง 31 ธันวาคม 2564 ทั้งนี้ ธนาคารได้ให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงและทันเวลา ทุกครั้งเมื่อมีการออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเพิ่มเติม ก็จะเข้าไปศึกษาผลกระทบและเตรียมแนวทางหรือมาตรการช่วยเหลือให้คลอบคลุมเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน ธนาคารยังมีมาตรการปกติที่เตรียมพร้อมเข้ามาช่วยดูแลหลังจากผ่านช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อให้ลูกค้าสามารถก้าวผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปได้ ซึ่งธนาคารพร้อมเป็น “เพื่อนคู่คิด” ที่อยู่เคียงข้างและก้าวไปด้วยกันในทุกสถานการณ์

สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบสามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือ และติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สำนักธุรกิจและสาขาธนาคารทั่วประเทศ และบัวหลวงโฟน โทร.1333 หรือ 0 2645 5555 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อป้องกันความเสี่ยง สามารถลงทะเบียนได้ทางเว็บไซต์ https://www.bangkokbank.com/COVID19-Update หรือ QR Code ตามแนบ หรือโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ ขณะเดียวกันลูกค้าที่ไม่ได้รับผลกระทบรุนแรงหรือมีความสามารถผ่อนชำระสินเชื่อได้เช่นเดิม ยังคงสามารถใช้บริการและชำระสินเชื่อต่างๆ ได้ตามปกติ

ธนาคารกรุงเทพ สนับสนุนทุนปริญญาโท ต่อเนื่องปีที่ 14

นายสุวิทย์ อินทรเฉลิม เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ฝ่ายการประชาสัมพันธ์ (ที่ 2 จากขวา) นางศิริกุล ไชยสิงห์ ผู้จัดการภาคนครหลวง 9 สายลูกค้าบุคคล (ขวาสุด) และ นางสาวลลิตา ทองชั่ง ผู้ช่วยผู้จัดการสาขามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต (ซ้ายสุด) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้แทนธนาคาร ร่วมส่งมอบทุนการศึกษาแก่ นางสาวอิสรีย์ แสวงศิริผล (ที่ 2 จากซ้าย) นักศึกษาระดับปริญญาโท สาขาเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) ประจำปีการศึกษา 2563 ผู้รับมอบทุนในโครงการบัณฑิตศึกษา คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่ง ธนาคารกรุงเทพ ได้ให้การสนับสนุนทุนแก่นักศึกษาที่มีศักยภาพ อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 14 เพื่อสนับสนุนโอกาสในการสร้างประโยชน์ให้กับองค์กรและประเทศชาติ โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ศรีสุชาติ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (กลาง) ให้เกียรติร่วมรับมอบ ณ ห้อง 403 ชั้น 4 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

สำหรับหลักสูตรดังกล่าวก่อตั้งขึ้นโดย ศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ในปี 2512 เป็นหลักสูตรการศึกษาแบบเต็มเวลา และมีคุณภาพสูง เทียบเท่ามาตรฐานการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาเดียวกันในต่างประเทศ

ผ่าแผน ธ.กรุงเทพ รุกเพิ่มฟีเจอร์ใหม่บนโมบายแบงก์กิ้ง

โมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ เดินหน้าอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ต่อเนื่อง ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ทั้งการลงทุน การทำธุรกรรมทางการเงิน พร้อมรองรับดิจิทัลไลฟ์สไตล์ให้ใช้บริการทางการเงินได้ทุกที่ทุกเวลา ชูไฮไลท์เด่น อาทิ การเปิดบัญชีกองทุนรวม การโอนเงินไปต่างประเทศ และการทำธุรกรรมจากบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD) รวมถึงการเปิดใช้งานอีกครั้ง (Re-activate) ด้วยเลขที่บัญชีและใบหน้า รับเทรนด์ธุรกรรมผ่าน Mobile Banking เติบโต

นางปรัศนี อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารเดินหน้าเป็นแพลตฟอร์มที่มีความเป็นมิตร เข้าถึง และเข้าใจผู้ใช้งานอย่างแท้จริง สอดคล้องกับแนวคิดการสื่อสารแบรนด์ครั้งล่าสุด เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม เข้าใจคุณมากกว่าเดิม ของโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ (Bangkok Bank Mobile Banking)

ล่าสุด โมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ ทำการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่เพื่อเติมเต็มประสบการณ์และตอบโจทย์การใช้งานด้านต่าง ๆ ได้ดีและครอบคลุมยิ่งขึ้น ดังนี้

เติมเต็มประสบการณ์ลงทุน : ลงทุนได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วย ‘บริการเปิดบัญชีกองทุนรวม สำหรับลูกค้าปัจจุบันที่ใช้โมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ’ ช่วยให้สามารถเปิดบัญชีกองทุนรวมได้อย่างรวดเร็ว ทั้งกองทุนเปิดทั่วไปและกองทุนลดหย่อนภาษี ของ บลจ.บัวหลวง และ บลจ. บางกอกแคปปิตอล รวมถึงซื้อกองทุนครั้งแรก (1st Time Buy) และกองทุนที่เสนอขายในช่วง IPO ได้ด้วย โดยไม่จำเป็นต้องไปที่สาขา

สำหรับพันธบัตรออมทรัพย์แบบไร้ใบตราสาร นอกจากลูกค้าจะสามารถจองซื้อพันธบัตรรุ่นใหม่ได้ด้วยตนเอง ธนาคารยังเพิ่มฟีเจอร์ ‘แสดงรายละเอียดการลงทุนบัญชีพันธบัตร’ ให้ลูกค้าเรียกดูข้อมูลพันธบัตรรุ่นที่ถือครอง และประวัติการทำรายการได้ โดยไม่ต้องเดินทางไปปรับสมุดพันธบัตรที่สาขา

เติมเต็มประสบการณ์ธุรกรรมระหว่างประเทศ : ให้การทำธุรกรรมระหว่างประเทศไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ด้วย ‘บริการโอนเงินต่างประเทศ’ ทั้งการโอนผ่านระบบ SWIFT ที่เลือกโอนได้มากถึง 17 สกุลเงิน ครอบคลุม 124 ประเทศทั่วโลก วงเงินสูงสุดถึงวันละ 1.5 ล้านบาท ในอัตราค่าธรรมเนียมถูกกว่าการใช้บริการที่สาขา ทั้งยังทำรายการได้ทันทีโดยไม่ต้องสมัครบริการหรือยื่นเอกสารประกอบ

นอกจากนี้ บริการ บัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (FCD) ได้ขยายบริการเพิ่มเติมให้สามารถโอนเงินระหว่างบัญชีสกุลเงินบาทและบัญชี FCD ของตนเองได้มากถึง 14 สกุลเงิน สูงสุดถึง 3 ล้านบาท/รายการ โดยไม่จำกัดวงเงินสูงสุดต่อวัน ช่วยให้ลูกค้าบริหารกระแสเงินสดและความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนได้ดียิ่งขึ้น

เติมเต็มประสบการณ์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ : เพิ่มความสะดวกสบาย มอบประสบการณ์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่ราบรื่น ไม่มีสะดุด แม้จะเปลี่ยนมือถือเครื่องใหม่ ก็สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันและเปิดใช้งานอีกครั้ง (Re-activate) ได้อย่างปลอดภัย เพียงใช้เลขบัญชีหรือหมายเลขบัตรเดบิต พร้อมยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า ผ่านแอปได้ทันที ไม่ต้องไปสาขาหรือเครื่องเอทีเอ็ม พร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เข้าใจคุณมากกว่าเดิม ทั้งบริการเตือนเพื่อจ่ายบิล (Bill Alert) ช่วยให้ไม่พลาดทำรายการชำระบิลต่าง ๆ  การปรับปรุงบันทึกช่วยจำ ให้สามารถแยกหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายได้ พร้อมใส่สติกเกอร์ อีโมจิและอักขระพิเศษได้ นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์เพื่อต้อนรับการเปิดประเทศด้วยบริการ ซื้อประกันภัยการเดินทาง (Travel Insurance) ผ่านโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ พร้อมรับเอกสารกรมธรรม์ผ่านทางอีเมลได้หลังจากทำรายการเสร็จเรียบร้อย

อย่างไรก็ตาม ธนาคารได้อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์ทำธุรกรรมทางการเงินได้ด้วยตัวเองโดยไม่มีข้อจำกัดทั้งด้านเวลาและสถานที่ พร้อมเชื่อมต่อความสะดวกสบายให้ทุกบริการทางการเงินเข้าถึงลูกค้าได้​โดยง่าย และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ด้วยการ เปิดบัญชีเงินฝาก e-Savings ได้ด้วยตัวเอง ทุกที่ ทุกเวลา สำหรับลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยมีบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงเทพมาก่อนสามารถดาวน์โหลดโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ และเปิดบัญชีออนไลน์ “บัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ e-Savings” โดยไม่มีกำหนดยอดเงินฝากขั้นต่ำ และบัตรบีเฟิสต์ สมาร์ทได้เลย โดยไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีสำหรับปีแรก (ตั้งแต่ 11 ม.ค. 64 – 31 ธ.ค. 64) และสามารถยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนที่จุดบริการ Be My ID ของธนาคารทุกสาขาหรือ ร้าน Kerry Express ทั่วประเทศ

เราให้ความสำคัญและรับฟังเสียงจากลูกค้าอยู่เสมอ เพื่อนำมาปรับปรุงและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ผู้ใช้งาน สะท้อนความตั้งใจที่ต้องการเป็น “เพื่อนคู่คิด” สำหรับลูกค้าอยู่ตลอดเวลา ไม่หยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดความยุ่งยากหรือซับซ้อน ทำให้ใช้งานไม่สะดวก เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่ม

นางปรัศนี กล่าวอีกว่า พฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันต้องการจัดการธุรกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเองผ่านสมาร์ทโฟน โดยไม่ต้องไปสาขา ตามข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทยที่พบว่า ในไตรมาสแรกของปี 2564 คนไทยทำธุรกรรมผ่านโมบายแบงก์กิ้ง มากกว่า 3,200 ล้านรายการ หรือเพิ่มขึ้นราว 10% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้นถึง 88% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่าการทำธุรกรรมรวมกันกว่า 11 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 57% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่การเติบโตของโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ มียอดผู้สมัครใช้งาน ณ สิ้นปี 2563 เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้ากว่า 17% และมียอดการทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์มเติบโตขึ้น 60% โดยคาดว่าจำนวนผู้ใช้งานในสิ้นปี 2564 นี้ จะเติบโตได้ 30% หรือมีจำนวนผู้ใช้งานรวมกว่า 13 ล้านราย ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้

สามารถอัปเดตและเข้าใช้งานแอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ และข้อมูลอื่นที่น่าสนใจของธนาคาร ได้จากสื่อประชาสัมพันธ์ของธนาคารกรุงเทพทุกช่องทาง ได้แก่ www.bangkokbank.com, Bangkok Bank Line Official หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.1333 หรือ 0 2645 5555

ธนาคารกรุงเทพ รุกหนักขยายเครือข่ายร้านค้ารับบัตรทั่วไทย

อเมริกัน เอ็กซ์เพรส ลงนามความร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ ขยายเครือข่ายร้านค้ารับบัตร เตรียมพร้อมรุกตลาดภายในประเทศ พร้อมต่อจิ๊กซอว์เสริมจุดแข็งธนาคารกรุงเทพ เป็นธนาคารแรกในไทย รองรับบัตรเครดิตแบรนด์หลักได้ครบทุกราย ขึ้นแท่นผู้ให้บริการรับชำระเงินอย่างครบวงจร

โดยภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว ธนาคารกรุงเทพจะเซ็นต์สัญญารับบัตรอเมริกัน เอ็กซ์เพรส กับร้านค้าต่างๆ ในประเทศ ซึ่งจะทำให้ทั้งสมาชิกบัตรอเมริกัน เอ็กซ์เพรส สามารถเข้าถึงระบบชำระค่าสินค้าและบริการ ผ่านเครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิก (EDC) จำนวนมาก รวมถึงเครือข่ายในการรับชำระเงินของธนาคารกรุงเทพได้ เพิ่มโอกาสให้ร้านค้าในประเทศได้เข้าถึงเครือข่ายระดับโลกของอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ที่มีฐานสมาชิกกว่า 114 ล้านคนทั่วโลก รวมถึงสมาชิกบัตรอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ในประเทศไทยซึ่งเป็นกลุ่มที่มียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 2.5 เท่า

มร. มาร์ลิน บราวน์ ผู้จัดการใหญ่ ประจำประเทศไทย บริษัท อเมริกัน เอ็กซ์เพรส (ไทย) จำกัด

มร. มาร์ลิน บราวน์ ผู้จัดการใหญ่ ประจำประเทศไทย บริษัท อเมริกัน เอ็กซ์เพรส (ไทย) จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ทางธุรกิจที่สำคัญของอเมริกัน เอ็กซ์เพรส และความร่วมมือในระยะยาวกับธนาคารกรุงเทพในครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้อเมริกัน เอ็กซ์เพรสสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในฐานลูกค้าระดับบนที่มีรายได้สูง โดยเครือข่ายร้านค้ารับบัตรที่เพิ่มมากขึ้น จะช่วยให้สมาชิกบัตรมีช่องทางในการใช้จ่ายผ่านบัตรที่หลากหลายขึ้น ขณะเดียวกันจะช่วยขยายตลาดลูกค้าระดับบนไปสู่ร้านค้าต่าง ๆ ในประเทศไทย นอกจากนี้ เรายังเชื่อมั่นว่าเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผ่อนคลายลง สมาชิกบัตรอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทั่วโลก จะพร้อมใจกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซื่งถือเป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นโอกาสอันดีในการเพิ่มยอดใช้จ่ายให้กับสถานธุรกิจในประเทศไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น

นายโชค ณ ระนอง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากความร่วมมือในครั้งนี้ ช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านบริการร้านค้ารับบัตรของธนาคารกรุงเทพให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นและครบวงจร ทั้งยังถือเป็นธนาคารแรกในประเทศไทยที่สามารถรองรับการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตแบรนด์หลักได้ครบทุกแบรนด์และมีรูปแบบการชำระเงินที่หลากหลาย นอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจกิจแล้ว ยังสอดรับกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในยุค New Normal ที่นิยมการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงการขับเคลื่อนนโยบาย ‘สังคมไร้เงินสด’ (Cashless Society) ดังนั้น ธุรกิจที่มีความพร้อมในการรองรับการชำระเงินได้หลากหลายฟังก์ชั่นก็จะยิ่งมีโอกาสเติบโตได้เพิ่มมากยิ่งขึ้นเช่นกัน

สำหรับอเมริกัน เอ็กซ์เพรส และธนาคารกรุงเทพได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันมาตั้งแต่ปี 2542 โดยธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์บัตรร่วมกับอเมริกัน เอ็กซ์เพรสมาแล้ว 3 ผลิตภัณฑ์ ปัจจุบันธนาคารกรุงเทพเป็นผู้ให้บริการด้านร้านค้ารับบัตรชั้นนำของประเทศ มีเครือข่ายร้านค้าในหลากหลายธุรกิจ รวมกว่า 100,000 ร้านค้า ทำรายการผ่านเครื่องรูดบัตรกว่า 150,000 เครื่อง

นอกจากนี้ ทั้งสององค์กร ยังมีแผนพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยความแข็งแกร่งด้านการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มฟังก์ชั่นให้รองรับรูปแบบการชำระเงินได้อย่างหลากหลายและมีความปลอดภัย เช่น การพัฒนาระบบรับชำระเงินผ่านอินเตอร์เน็ตหรือ  Internet Payment Gateway และ QR Payment ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่สามารถเติบโตได้ดีท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

สำหรับร้านค้าหรือภาคธุรกิจที่สนใจติดตั้งเครื่องรับบัตร (EDC) ของธนาคารกรุงเทพ หรือร้านค้าสมาชิกที่ต้องการอัพเกรดเครื่อง EDC ที่มีอยู่แล้วเพื่อให้สามารถรับชำระค่าสินค้าและบริการสำหรับ    ผู้ถือบัตรอเมริกัน เอ็กซ์เพรส สามารถติดต่อได้ที่ [email protected] หรือโทร. 0 2638 4808

ธนาคารกรุงเทพ มอบน้ำดื่มสนับสนุนหน่วยบริการฉีดวัคซีนโควิด-19

ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และ นางสาวคณารัฏฐ์ กิตติโรจนาธรรม ผู้จัดการภาคนครหลวง 3 สายลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) มอบน้ำดื่มบรรจุขวดตราสัญลักษณ์ธนาคาร จำนวน 90,000 ขวด   แก่ นางวรรณา เพิ่มสุวรรณ รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส และนางณัฐศมน วงศ์กิตติพัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่การตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด สำหรับนำไปใช้บริการประชาชน บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ณ หน่วยบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ณ เดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน เดอะมอลล์ กรุ๊ป ผนึกความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายภาคเอกชน ร่วมกับสมาคมค้าปลีก หอการค้าไทย กรุงเทพมหานคร และจังหวัดปริมณฑล เพื่อร่วมสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการเร่งกระจายการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในวงกว้าง

ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะ เพื่อนคู่คิด พร้อมเคียงข้างคนไทยเพื่อร่วมเผชิญกับวิกฤติที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งนอกจากการมีมาตรการช่วยเหลือเพื่อแบ่งเบาภาระทางการเงินให้แก่ทั้งผู้ประกอบการและลูกค้ารายย่อยแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนโครงการต่างๆ ของทางภาครัฐ โดยเฉพาะการเร่งกระจายการฉีดวัคซีนให้ประชาชนวงกว้าง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวาระแห่งชาติที่ทุกฝ่ายต่างให้ความสำคัญและเร่งขับเคลื่อนเพื่อให้สถานการณ์ที่ยากลำบากครั้งนี้ผ่านพ้นไปโดยเร็วที่สุด

ธ.กรุงเทพ ต้อนรับ รมว.แรงงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม

บ่ายวันนี้ (10 มิ.ย. 64) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อม นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นางสาวอำพันธ์ ธุววิทย์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพร้อมให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และคณะทำงาน ณ “สโมสรธนาคารกรุงเทพ” ถนนศรีนครินทร์ สถานที่ให้บริการฉีดวัคซีนแก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ของสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 8 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่เขตบางนา ประเวศ พระโขนง และสวนหลวง เพื่อร่วมเร่งกระจายการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในวงกว้าง โดยมี นายศิริเดช เอื้องอุดมสิน รองผู้จัดการใหญ่ นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และ นายเวทิศ อัศวมังคละ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการสายทรัพยากรบุคคล ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมให้การต้อนรับ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ขอขอบคุณธนาคารกรุงเทพในการสนับสนุนพื้นที่สโมสรธนาคารกรุงเทพ เพื่อเป็นสถานที่บริการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 รวมถึงอำนวยความสะดวกทั้งการดูแลจัดเตรียมสถานที่ รวมทั้งการให้บริการ ดูแลอำนวยความสะดวกต่างๆ ในพื้นที่ตลอดโครงการ ขณะที่ภาพรวมการให้บริการฉีดวัคซีนแก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 ตลอด 3 วันมานี้ เป็นไปตามเป้าหมาย มีผู้มารับบริการฉีดวัคซีนจากทั้ง 45 จุด รวมแล้วกว่า 130,000 คน โดยเฉพาะเมื่อวาน (9 มิ.ย.) มีผู้ประกันตนมารับบริการฉีดถึง 90% จากจำนวนผู้ประกันตนทั้งหมดที่ได้มีการแจ้งลงทะเบียนไว้

“ในส่วนของปัญหาและอุปสรรคของโครงการยังพบบ้างเล็กน้อย เช่น การบริหารจัดการคิว ซึ่งได้พยายามแก้ไขเพื่อให้สามารถบริการผู้มารับบริการได้โดยสะดวกมากที่สุด โดยในส่วนของกระทรวงแรงงานจะให้บริการฉีดวัคซีนโดยยึดตามพื้นที่ให้บริการเป็นสำคัญ เพื่อให้สามารถกระจายวัคซีนได้ครอบคลุมมากที่สุด ทั้งในส่วนของแรงงานคนไทย รวมไปถึงแรงงานต่างชาติที่อยู่ในพื้นที่ด้วย ทั้งนี้ อยากฝากให้ผู้ประกันตนที่ได้ลงทะเบียนไว้แล้วมารับบริการตามสิทธิ์ เพื่อช่วยกันสร้างให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่เป็นวงกว้างโดยเร็ว รวมทั้งเพื่อประสิทธิภาพในการจัดสรรวัคซีนได้อย่างสูงสุด”

นายศิริเดช เอื้องอุดมสิน รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะ “เพื่อนคู่คิด” ที่พร้อมเคียงข้างคนไทยก้าวข้ามสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน ซึ่งนอกเหนือจากมาตรการดูแลช่วยเหลือลูกค้าเพื่อบรรเทาผลกระทบทางการเงินแล้ว ธนาคารยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐเพื่อแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยในโอกาสนี้ธนาคารจึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 8 เร่งกระจายฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชนในวงกว้าง ผ่านการสนับสนุนพื้นที่สโมสรธนาคารกรุงเทพ เพื่อเป็น 1 ใน 6 จุดบริการ ในพื้นที่เขตบางนา ประเวศ พระโขนง และสวนหลวง ซึ่งมีผู้ประกันตนลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอรับการฉีดวัคซีนกว่า 1.5 แสนคน ทั้งนี้ สโมสรธนาคารกรุงเทพ มีศักยภาพในการรองรับผู้มารับบริการฉีดวัคซีนได้วันละ 1,000 คน โดยธนาคารจะอำนวยความสะดวกในการจัดเตรียมสถานที่ และบริการน้ำดื่มสำหรับผู้มารับการฉีดวัคซีน ตลอดจนบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่คอยดูแลทำความสะอาดพื้นที่และห้องน้ำทุกจุดภายในสโมสรตามมาตรฐานสุขอนามัยที่ภาครัฐกำหนดอย่างเคร่งครัด และจะเปิดให้บริการแก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 7–26 มิ.ย. 2564 เวลา 8.00 – 17.00 น.

ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ในเขตพื้นที่รับผิดชอบดังกล่าวข้างต้นที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์รับการฉีดวัคซีนไว้เรียบร้อยแล้ว สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บัวหลวงโฟน โทร.1333 หรือ 0 2645 5555

ธ.กรุงเทพ จับมือประกันสังคม ปล่อยกู้เสริมสภาพคล่อง

ธนาคารกรุงเทพ จับมือสำนักงานประกันสังคม ปล่อยกู้ต่อลมหายใจให้ผู้ประกอบการ สูงสุดไม่เกิน 15 ล้านบาทต่อสถานประกอบการ ช่วยเพิ่มสภาพคล่อง หวังให้มีการจ้างงานผู้ประกันตนต่อเนื่อง ลดต้นทุนการเงิน คิดดอกเบี้ยต่ำ คงที่ตลอด 3 ปี แค่ 2.75% ต่อปี กรณีมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือ 4.75% ต่อปี กรณีไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือค้ำประกันโดยบุคคล หรือบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) วงเงินรวมทั้งโครงการ 3 หมื่นล้านบาท

สุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

นายสุวรรณ แทนสถิตย์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมกับสำนักงานประกันสังคม ในโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน ระยะที่ 2 (พ.ศ.2563 – 2564) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคมให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจ เพื่อเพิ่มผลผลิตแรงงาน รักษาระดับการจ้างงานลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนกับสำนักงานประกันสังคม โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่ธุรกิจอาจได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อประคองธุรกิจให้ผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้

สำหรับโครงการดังกล่าว มีวงเงินสินเชื่อรวมทั้งโครงการ 30,000 ล้านบาท ระยะเวลาสินเชื่อตามโครงการ 3 ปี วงเงินสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 15 ล้านบาทต่อสถานประกอบการ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.75% ต่อปี สำหรับกรณีมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.75% ต่อปี กรณีไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือค้ำประกันโดยบุคคล หรือใช้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ทั้งนี้ การพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของธนาคาร และไม่สามารถขอสินเชื่อเพื่อ Refinance สินเชื่อเดิมได้

ผู้ประกอบการที่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ จะต้องเป็นสถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับประกันสังคม โดยต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน และได้รับการรับรองสถานะความเป็นสถานประกอบการจากสำนักงานประกันสังคม ทั้งนี้ เมื่อได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้ว ผู้ประกอบการจะต้องรักษาจำนวนผู้ประกันตนในสถานประกอบการให้อยู่ในระดับไม่น้อยกว่า 80% ของจำนวนผู้ประกันตนในสถานประกอบการ ณ วันที่ธนาคารส่งแบบรายงานผลการอนุมัติสินเชื่อให้ประกันสังคม ไว้ตลอดอายุสินเชื่อ

นายสุวรรณ กล่าวอีกว่า โครงการนี้นับเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจ รวมถึงการคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ และคงที่ตลอด 3 ปี เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการ โดยมีเงื่อนไขให้ยังคงรักษาระดับการจ้างงานเอาไว้ เพื่อช่วยให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนยังคงมีรายได้ต่อเนื่อง และบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมได้อีกทางหนึ่งเช่นกัน

“ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ธุรกิจส่วนใหญ่กำลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ธนาคารกรุงเทพเข้าใจและห่วงใยผู้ประกอบการทุกระดับ และพร้อมที่จะเป็นอีกหนึ่งกลไกในการส่งมอบความช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการเข้าถึงบริการทางการเงินต่าง ๆ รวมถึงสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่อง ผ่านหลากหลายแนวทาง ทั้งมาตรการให้ความช่วยเหลือโดยตรงของธนาคาร และมาตรการที่ธนาคารดำเนินการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูของธนาคารแห่งประเทศไทย และสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงานกับประกันสังคมในครั้งนี้ ซึ่งในฐานะ “เพื่อนคู่คิด” ธนาคารก็พร้อมให้คำปรึกษาและนำเสนอความช่วยเหลือให้แก่ลูกค้าอย่างเต็มที่ในทุกสถานการณ์” นายสุวรรณ กล่าว

สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและสมัครขอสินเชื่อในโครงการดังกล่าวได้ที่เจ้าหน้าที่ธุรกิจสัมพันธ์ หรือ สำนักธุรกิจของธนาคารกรุงเทพทุกสาขา โดยสามารถยื่นคำขอสินเชื่อได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 หรือ เมื่อเงินสนับสนุนตามโครงการครบจำนวนตามที่กำหนด ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถติดตามข้อมูลมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ เพิ่มเติม ตลอดจนข้อมูลอื่นที่น่าสนใจของธนาคาร ได้จากสื่อประชาสัมพันธ์ของธนาคารกรุงเทพทุกช่องทาง ได้แก่ www.bangkokbank.com, Bangkok Bank Line Official หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ บัวหลวงโฟน โทร.1333 หรือ 0 2645 5555