เตือนภัย! แอปพลิเคชันกู้เงินออนไลน์

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์และเตือนภัย กรณีการฉ้อโกงในรูปแบบของแอปพลิเคชัน กู้เงินออนไลน์ และ แอปพลิเคชันเงินกู้ที่มีการทวงหนี้ที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้พี่น้องประชาชนต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและหันมาทำธุรกรรมการเงินต่าง ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์หรือผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือมากขึ้น

เหล่ามิจฉาชีพจึงฉวยโอกาสนี้แฝงตัวมาในรูปแบบของแหล่งเงินกู้ออนไลน์ โดยรูปแบบการกระทำความผิดหลัก ๆ ที่พบ จะมี 2 ลักษณะ คือ

1.แอปพลิเคชัน ที่หลอกว่าจะให้กู้เงินและใช้กลอุบายว่าทางผู้กู้จะต้องโอนเงินมาก่อนส่วนหนึ่ง เพื่อเป็นการค้ำประกันเงินกู้ จากนั้นเมื่อผู้กู้โอนเงินไป มิจฉาชีพก็ไม่ได้โอนเงินมาให้ผู้กู้ตามที่ตกลงกันไว้
2.แอปพลิเคชัน เงินกู้ ให้กู้ยืมเงินจริง แต่มีการทวงหนี้ที่ผิดกฎหมาย อย่างเช่น การโทรไปข่มขู่ว่าจะใช้ความรุนแรงกับผู้กู้หากไม่ชำระหนี้ตามที่กำหนด หรือการประจาน ให้ผู้อื่นทราบถึงหนี้นั้น ๆ

จากสถิติของศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปน.ตร.) พบว่า ช่วงระหว่างวันที่ 1 มิ.ย. 64 – 16 ก.ค. 64 มีการแจ้งการกระทำความผิดซึ่งเกี่ยวข้องกับ แอปพลิเคชัน เงินกู้ ออนไลน์มากถึง 263 เรื่อง ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดําเนินการสืบสวนสอบสวน จับกุมผู้กระทําความผิด อย่างจริงจัง ต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม

โดยแอปพลิเคชัน ที่มีการหลอกให้โอนเงินมัดจำและไม่ให้เงินกู้จริง จะเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดฐานนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้า สู่ระบบคอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท

ส่วนการทวงหนี้โดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการข่มขู่ การใช้ความรุนแรง การใช้วาจาดูหมิ่นหรือการเปิดเผย ข้อมูลการเป็นหนี้ของลูกหนี้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เล็งเห็นความสำคัญ และรับรู้ถึงพิษภัยของการกระทำความผิดดังกล่าวบนโลกออนไลน์ จึงได้มีนโยบายให้ทุกหน่วยในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน ทราบถึงพิษภัย รวมถึงเร่งทำการ สืบสวน สอบสวน ปราบปราม และจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี เพื่อเป็นการจำกัดความเสียหายและตัดโอกาสในการกระทำความผิดที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

จึงขอเรียนประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชนถึงแนวทางการหลีกเลี่ยงป้องกัน การถูกหลอกลวงในรูปแบบของ แอปพลิเคชัน เงินกู้ออนไลน์ ว่า “ควรวางแผนการเงิน หากจำเป็นต้องกู้เงินจริง ๆ ควรเลือกกู้เงินจากสถาบันการเงินที่มีความน่าเชื่อถือ และควรศึกษา รายละเอียดของผู้ให้กู้ให้ดี รวมถึงมีสัญญาการกู้ที่ชัดเจนและเป็นธรรม เพื่อป้องกันการถูกเอาเปรียบ”

หากพบเห็นความผิดปกติ หรือขอเสนอที่ดีเกินไป ควรหลีกเลี่ยง และ อย่าหลงเชื่อว่าตัวเองโชคดี นอกจากนี้หากพี่น้องประชาชนหากพบเบาะแสการทวงหนี้ผิดกฎหมายหรือการกระทำความผิดอื่น ๆ สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

จับกุมสาวแสบงัดตู้เติมเงิน

กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ, พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ ปิตะบุตร, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ. ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป., พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์, พ.ต.ท.รณกร สุขมงคล, พ.ต.ท.พงษ์พันธ์ ศิริภัทรนุกุล, พ.ต.ท.มนูญ แก้วก่ำ, พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปานสีทา รอง ผกก.4 บก.ป. และ พ.ต.ท.ฐานิษฎ์ นันทาวิศิษฐ์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนครสวรรค์

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ภัทรพันธ์ ศิริเพิ่มพูลชัย สว.กก.4 บก.ป., ร.ต.อ.ธนัทเทพ สังกา รอง สว.กก.4 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๔ บก.ป.

ร่วมกันจับกุม นางสาวจริญญา หรือน้อง (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ที่ 217/2562 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2562 ในความผิดฐาน“มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และเป็นผู้ขับขี่รถเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย”

สถานที่จับกุม หน้าบ้านพัก หมู่ที่ 10 ต.หนองกรด อ.เมือง จ.นครสวรรค์

พฤติการณ์ สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับการประสานมาจากตัวแทนบริษัทตู้เติมเงินชื่อดังแห่งหนึ่ง ว่าเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2564 มีคนร้ายก่อเหตุลักเอาเงินสดภายในตู้เติมเงินไปจำนวนหลายครั้ง มูลค่าความเสียหายมากกว่า 10,000 บาท ซึ่งจากการสืบสวนทำให้ทราบตัวคนร้ายที่เชื่อว่าน่าจะก่อเหตุดังกล่าว คือ นางสาวจริญญาฯ (ผู้ต้องหา) ซึ่งมีหมายจับติดตัวอยู่ ๑ หมายจับ คือ หมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ที่ 217/2562 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2562 ในความผิดฐาน “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายและเป็นผู้ขับรถเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย”

ในวันที่ 13 กรกฎาคม ๒๕64 เวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงทำการจับกุมนางสาวจริญญาฯ ได้ที่หน้าบ้านพัก หมู่ที่ 10 ต.หนองกรด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ซึ่งจากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับว่าเป็นผู้ลักเอาเงินสดที่อยู่ภายในตู้เติมเงินไปจริง ก่อเหตุมาแล้วเป็นจำนวน ๕ ครั้ง โดยจะเติมเงินเข้าไปในตู้เติมเงินก่อน หลังจากนั้นจะใช้อุปกรณ์งัดแงะเอาเงินออกมา แล้วปิดตู้ให้อยู่ในลักษณะเดิม ซึ่งเงินที่ได้จากการลักทรัพย์ผู้ต้องหานำไปใช้จ่ายและเล่นเกมส์ออนไลน์ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครสวรรค์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ช่องทางติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.ภัทรพันธ์ ศิริเพิ่มพูลชัย สว.ชป.4 กก.4 บก.ป. โทร.0955242515

ทลายแอปเงินกู้ดอกโหด ย่านพระราม 3

เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 14 ก.ค. พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร จตร. (สบ 8 ) ปฎิบัติราชการบช.น. พ.ต.อ. ธีระชัย ชำนาญหมอ รอง ผบก.สส.บช.น .พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.ธนศักดิ์ สว่างศรี สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น.สนธิกำลัง พ.ต.ท.ภูวเดช จุลกะเสวี รองผกก.5 บก.ปอศ. นำกำลังบก.สส.บช.น. และบก.ปอศ. พร้อมหมายศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ ค.118/2564 ลงวันที่ 13 ก.ค. เข้าตรวจค้นบริษัทเอ๊กซ์เพียว จำกัด ซึ่งตั้งอยู่อาคารริเวอร์วิว เพลส พระราม 3 ซอย 46 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา หลังสืบทราบว่ามีการลักลอบเปิดใช้เป็นสำนักของเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์ แอปพลิเคชัน แมงโก้โลน (mango loan) และ โคโค่โลน(coco loan)

ที่เกิดเหตุ เป็นอาคารสูง8ชั้น บริเวณชั้นสอง ห้องเลขที่ 1258/31-34 ซึ่งมีลักษณะเป็น 4 ห้องติดกัน ภายในมีการดัดแปลงเป็นสำนักงาน มีกลุ่มพนักงานเป็นชาย 4 คน และหญิง 2 คนกำลังนั่งทำงานอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ไปถึงกลุ่มพนักงานดังกล่าวพยายามวิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามจับกุม ก่อนเข้าตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่กระจายอยู่ตามห้องต่างๆ ได้จำนวน 30 เครื่อง พร้อมกับเอกสารบัญชีรายชื่อลูกค้าที่กู้ยืมเงิน โทรศัพท์มือถือ 10 เครื่อง และซิทโทรศัพท์อีกจำนวนมาก

พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับการตรวจค้นจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากได้รับร้องเรียนมีแก๊งเงินกู้ออนไลน์แอปพลิเคชันดังกล่าว เข้ามาเช่าอาคารพาณิชย์ลักลอบเปิดใช้เป็นสำนักงาน จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสกว่า2- 3 เดือน กระทั่งแน่ชัดแล้วว่ามีการกระทำดังกล่าวจริง จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายค้น เข้าตรวจค้นจับกุมผู้กระทำผิดดังกล่าว

สำหรับพฤติการณ์ของขบวนการดังกล่าว จะเปิดแอปพลิเคชันขึ้นมาเพื่อเป็นช่องทางในการติดต่อกับลูกค้าให้เข้ามาติดต่อกู้เงิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่มีความเดือดร้อนทางการเงิน โดยกู้1700 บาท ต้องผ่อน7 วัน โดยเป็นดอกเบี้ย 2910 บาท ส่งวันละ 415 บาท เฉลี่ยเป็นดอกเบี้ยตกวันละ 10% ต่อเดือน
นอกจากนี้ยังพบว่าขบวนการดังกล่าวมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด รวมถึงมีการติดตามทวงหนี้โดยลักษณะก่อกวนและข่มขู่ หากใครไม่ชำระหนี้ครบตามเวลาก็จะส่งข้อความไปให้กับบุคคลใกล้ชิด เพื่อประจานให้เกิดความอับอาย เนื่องจากในทางเทคนิคพบว่าแอพลิเคชั่นดังกล่าวมีการฝังโปรแกรมสปายเพื่อดูดข้อมูลในโทรศัพท์ และข้อมูลสำคัญด้วย

สอดรับกับพ.ต.อ. ธีระชัย ที่ระบุว่า จากแนวทางสืบสวนพบว่าขบวนการดังกล่าวมีนายทุนเป็นชาวจีน ทำมานานกว่า 1 ปี ที่ผ่านมามีการย้ายสถานที่สำนักงานมาแล้วหลายแห่งเพื่อให้ยากต่อการตรวจสอบ ก่อนจะย้ายมาตั้งออฟฟิศที่พระราม 3 นานกว่า2 เดือน โดยพนักงานส่วนใหญ่ที่จับกุมได้ในวันนี้ จะเป็นพนักงานที่ทำหน้าที่โทรติดตามเร่งรัดหนี้สินจากลูกค้า

จากการสอบสวนนายทศพร ยงเกียรติกานต์ อายุ 38 ปี ผู้จัดการบริษัทให้การว่า ตนมีหน้าที่ในการควบคุมดูแลพนักงานทั้งหมดให้ทวงหนี้ โดยเฉลี่ยต่อคนจะทวงหนี้ลูกค้า 40-50 คนต่อวัน

เบื้องต้นกลุ่มพนักงานที่ถูกจับกุมในวันนี้จะถูกดำเนินคดีในความผิดเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และความผิดประกอบธุรกิจสถาบันการเงิน ปี 2551 ส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตรวจยึดได้นั้น หลังจากนี้จะประสาน บก.ปอศ เข้าตรวจสอบข้อมูล เพื่อนำขยายผลเอาผิดกลุ่มนายทุนที่แท้จริง และผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆต่อไป

ให้กำลังใจตำรวจ 8 นายที่ถูกลอบวางระเบิดที่ยะลา

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ลงพื้นที่ จ.ยะลา ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจตำรวจที่ถูกลอบวางระเบิด ทั้ง 8 นาย

พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9/ผบ.ศปก.ตร.สน.
พล.ต.ต.ดุษฎี ชูสังกิจ รอง ผบช.ภ.9/รอง ผบ.ศปก.ตร.สน.
พล.ต.ต.ปราบพาล มีมงคล รอง ผบช.ภ.9/รอง ผบ.ศปก.ตร.สน. ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจพร้อมมอบกระเช้าสิ่งของเเละเงินช่วยเหลือ เเก่ จนท.ตำรวจ ชุดสืบสวน สภ.สายบุรี

ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์ ในพื้นที่ บ.กูแว ม.2 ต.กะดุนง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี จำนวน 8 นาย ทราบชื่อคือ 1.พ.ต.ท.ประพจน์ ล้อมเขต โดนแรงอัดระเบิด 2.ด.ต.คันธศร ทองรักษ์ โดนสะเด็ดระเบิดลำตัวด้านซ้าย 3.ส.ต.ท.เดชะพล รูปพรรณ ได้รับบาดเจ็บสาหัส 4.ด.ต.อานนท์ กันทอง โดนแรงอัดระเบิด 5 ส.ต.ต.ธีระวิทย์ จรูญแก้ว ถูกสะเด็ดระเบิดที่ไหล่ซ้าย 6.ส.ต.ท.วีระพัฒน์ บัวแก้ว ถูกสะเด็ดระเบิดที่แขนซ้าย 7.ส.ต.ท.ธีระนาถ พัณนุกิจ โดนแรงอัดระเบิด และ 8.ส.ต.อ.ณัจกร กุยรัตน์

 

ตำรวจรวบผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ หลังหลบหนีเกือบสิ้นอายุความ

พ.ต.อ.กฤษฎาพร ปานโปร่ง ผกก.3 บก.รฟ. พ.ต.ต.สถาพร มุสิกพงศ์ สว.ส.รฟ.ทุ่งสง กก.3 บก.รฟ.นำชุดจับกุมหมายจับค้างเก่าของตำรวจรถไฟทุ่งสง เข้าจับกุมตัวนางเพ็ญศรี อายุ 57 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตรัง ที่ จ.781/2550 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2550 คดีอาญา สภ.สิเกา ที่ 161/2550 โดยกล่าวหาว่า “ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้างหรือที่อยู่ในความครอบครองของนายจ้างในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป” เข้าสกัดจับกุมได้ที่สถานีรถไฟชุมทางทุ่งสง ต.ปากแพรก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช

ทั้งนี้ คดีเกิดขึ้นเมื่อปี 2550 ผู้ต้องหารายนี้ได้ทำงานก่อสร้างมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่อำเภอสิเกา แล้วได้ลักลอบนำเอาเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างของนายจ้างออกไปขาย เพื่อมาใช้จ่ายส่วนตัว ทางผู้เสียหายจึงได้แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี จนพนักงานสอบสวนได้ขอออกหมายจับ หลังเกิดเหตุผู้ต้องหาได้กระทำการหลบหนีกลับไปใช้ชีวิตอยู่บ้านทางภาคอีสานจนใกล้จะขาดอายุความ กระทั่งผู้ต้องหารายนี้เดินทางไปเยี่ยมลูกสาวที่อำเภอทุ่งสง จึงถูกตำรวจรถไฟเข้าจับกุมดังกล่าว และนำส่ง พงส.สภ.สิเกา จ.ตรัง ดำเนินคดีต่อไป