ตรัง จัดตั้งสถานที่แยกกักในชุมชนเพิ่ม 10 อำเภอ 1 เทศบาลนคร 1 เทศบาลเมือง

นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในพื้นที่จังหวัดตรังปัจจุบัน มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการเตียงผู้ป่วย ดังนั้น การจัดบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในชุมชน เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาผู้ป่วยและ ลดการแพร่ระบาดในชุมชน จังหวัดตรัง จึงได้เร่งดำเนินการสำรวจสถานที่เตรียมการจัดตั้งสถานที่แยกกักในชุมชน ( Community Isolation ) ใน 10 อำเภอ 1 เทศบาลนคร(เทศบาลนครตรัง) 1 เทศบาลเมือง(เทศบาลเมืองกันตัง)  สำหรับรองรับผู้ป่วย COVID-19 กลุ่มอาการสีเขียว เข้ารับการแยกกักในชุมชน (community isolation)

โดยได้พิจารณาถึงความพร้อม ความเหมาะสม เน้นย้ำสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เบื้องต้นได้ดำเนินการจัดตั้งสถานที่แยกกักในชุมชน (Community Isolation ) นำร่องไปแล้วที่อำเภอปะเหลียน  โดยใช้วิทยาลัยการอาชีพปะเหลีย ขณะที่ อำเภอวังวิเศษ กำหนดใช้ศาลาประชาคมอำเภอวังวิเศษ และอำเภอนาโยง ใช้ค่ายลูกเสือพระยารัษฎานุประดิษฐ์ จัดตั้งเป็นสถานที่แยกกักในชุมชน

ตรัง เตรียมบริการฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มแก่ประชาชนพรุ่งนี้ (2 ส.ค.)

ดร.สัญญา ศรีวิเชียร นายกเทศมนตรีนครตรัง มอบหมายให้เภสัชกร งานบริการการแพทย์ กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครตรัง ลงพื้นที่พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตรัง เพื่อตรวจรับวัคซีนซิโนฟาร์ม จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และตรวจสอบสภาวะการจัดเก็บรักษาวัคซีนให้เป็นไปอย่างถูกต้อง สำหรับวัคซีนซิโนฟาร์ม รอบแรก เทศบาลนครตรังได้รับการจัดสรร จำนวน 9,400 โดส

สำหรับบริการประชาชนจำนวน 4,700 คน จากการจองวัคซีนทั้งสิ้น 22,000 คน โดยได้กำหนดฉีดวัคซีนในวันที่ 2-3 สิงหาคม 2564  ตั้งแต่เวลา 08.30 น.-17.00 น. ณ ห้างโรบินสันตรัง จึงแจ้งไปยังประชาชนที่ลงทะเบียนรับวัคซีนซิโนฟาร์มกับเทศบาลนครตรัง ให้ตรวจเช็ครายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้ารับวัคซีน “ซิโนฟาร์ม” รอบแรก 4,700 คน ที่เพจ PR Nakorntrang หรือลิงค์ http://www.trangcity.go.th/e-vaccine เพื่อเตรียมพร้อมรับการฉีดวัคซีน และในวันฉีดวัคซีน โปรดนำบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง พร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 1 ฉบับ เพื่อใช้ประกอบการจัดทำข้อมูลการฉีดวัคซีน

ขณะที่ล่าสุด ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้จัดสรรวัคซีนซิโนฟาร์มสำหรับหน่วยงานราชการและ อปท.ครั้งที่4 เทศบาลนครตรัง ได้รับการจัดสรรวัคซีนจำนวน 17,300 คน ซึ่งจะประกาศรายชื่อให้ประชาชนได้ทราบในลำดับต่อไป