แนะลงทุน ETF หุ้นกลุ่มวัคซีนและสุขภาพ เมกะเทรนด์โลกทรงพลัง

จิตตะ เวลธ์ ชี้การระบาดของโควิด-19 ยืดเยื้อ กระตุ้นกระแสความต้องการวัคซีนพุ่งแรง แนะลงทุนใน ETF ธุรกิจสุขภาพ และจีโนมิกส์ กลุ่มเมกะเทรนด์โลกทรงพลัง ผ่าน 2 กองทุน ETF ที่มาพร้อมกับผลตอบแทน 1 ปี 38% และ 21% ด้าน ‘ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์’ ซีอีโอ จิตตะ เวลธ์ ย้ำ การลงทุนใน ETF กลุ่มวัคซีนนี้ เป็นโอกาสครั้งสำคัญ ที่จะเสริมทัพพอร์ตลงทุนให้แข็งแกร่ง ล้อไปกับเมกะเทรนด์โลก

นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด (บลจ.) สตาร์ทอัพรายแรกของไทยที่ได้รับอนุญาตบริหารจัดการกองทุนส่วนบุคคล จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และผู้ให้บริการกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยืดเยื้อ และมีการกลายพันธ์ุของไวรัส ทำให้หลายประเทศทั่วโลกต่างเร่งแสวงหาวัคซีนที่จะมาช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันไวรัสที่กลายพันธ์ุจำนวนมากขึ้น จึงเป็นแรงส่งให้บรรดาบริษัทที่ทำวิจัยพัฒนาและผลิตวัคซีน รวมถึงพัฒนาระบบพันธุกรรมของมนุษย์และสัตว์ที่มีปฏิสัมพันธ์ต่อโรคภัยไข้เจ็บ การรักษาและการคิดค้นตัวยาและวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะวัคซีนโควิด-19 รวมถึงอนาคตที่ต้องรับมือการผลิตวัคซีนที่เกิดโรคอุบัติใหม่ขึ้น และเครื่องมือทางการแพทย์อื่นๆ ที่จะมาปฏิวัติการแพทย์ทั่วโลกนั้น ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด ธุรกิจแข็งแกร่งยาวอย่างต่อเนื่อง  ดึงดูดนักลงทุนทั่วโลกแห่เข้ามาลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก เช่น หุ้นของบริษัท Moderna บริษัท Pfizer บริษัท Merck และ บริษัท BioNTech

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงด้วยต้นทุนที่ต่ำ บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด จึงแนะนำการลงทุนในหุ้นกลุ่มธุรกิจวัคซีนและสุขภาพที่จะมาปฏิวัติแวดวงการแพทย์ทั่วโลก ผ่าน ETF (Exchange Traded Fund) ที่ได้คัดสรรมาให้แล้ว นั่นคือ iShares Genomics Immunology and Healthcare ETF (IDNA) และ iShares Global Healthcare ETF (IXJ)

โดย IDNA จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) เป็น Passive Fund ที่อิงไปกับ 2 ดัชนี คือ NYSE FactSet Global Genomics และ Immuno Biopharma Index ลงทุนใน 58 บริษัทชั้นนำทั่วโลกที่ต่อยอดด้านจีโนมิกส์และภูมิคุ้มกันวิทยา มาพัฒนายา วัคซีน เครื่องมือทางการแพทย์ หรือนวัตกรรมการรักษาโรคร้ายแรงต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์ เช่น บริษัท Moderna  บริษัท Merck และ บริษัท BioNTech ที่เป็นกลุ่มบริษัทที่มาแรงมากในยุคโควิด-19  ซึ่งการลงทุนกระจายในหุ้นกลุ่มจีโนมิกส์จะช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดผันผวนระยะสั้น และมีทนทานเหมาะสำหรับลงทุนในระยะยาวได้ดี ด้านผลตอบแทนของ IDNA นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 103.13% ผลตอบแทนในรอบ 1  ปีรวมปันผลอยู่ที่ 38.08% ในขณะที่ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี จนถึงวันที  19 ก.ค. 2564  (YTD) อยู่ที่ 6.23%

ส่วน IXJ นั้น อ้างอิงดัชนี S&P Global 1200 Health Care Index ที่เป็นตัวแทนของ 129 บริษัททั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่มีรากฐานธุรกิจแข็งแกร่งและน่าเชื่อถือ  ในธุรกิจเภสัชกรรม ผลิตภัณฑ์สุขภาพ เทคโนโลยีชีวภาพและเครื่องมือการแพทย์ที่กระจายอยู่ทั่วโลก เช่น บริษัท Johnson & Johnson บริษัท Pfizer บริษัท Roche Novartis บริษัท Abbott และ บริษัท UnitedHealth Group ที่เป็นบริษัทจัดการเกี่ยวกับระบบดูแลสุขภาพให้กับลูกค้าทั่วโลก มีผลตอบแทนนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 354.68% ผลตอบแทนในรอบ 1  ปี รวมปันผลอยู่ที่ 21.69% ในขณะที่ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี จนถึงวันที  19 ก.ค. 2564 (YTD) อยู่ที่ 9.85%

ทั้งนี้ บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด ได้เลือก IDNA เป็นตัวแทนของธีมจีโนมิกส์ (Genomics) และ IXJ เพื่อธุรกิจสุขภาพ (Healthcare) ในบริการกองทุนส่วนบุคคล Thematic ที่นักลงทุนสามารถเลือกจัดพอร์ตผสมกับธีมการลงทุนอื่นๆ ได้สูงสุด 5 ธีม ไม่ว่าจะเป็นพลังงานสะอาดจีน กัญชา เทคโนโลยีท่องเที่ยว อีคอมเมิร์ซ คลาวด์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และอีกนับสิบธีม ซึ่งเน้นการลงทุนในเมกะเทรนด์โลกที่มีการเติบโตสูงในระยะยาว ผ่าน ETF สำหรับแต่ละกลุ่มธุรกิจ คัดสรรโดยเทคโนโลยีระดับโลก มีการจัดสัดส่วนพอร์ตเพื่อลดความผันผวน และดูแลปรับพอร์ตด้วยระบบระบบอัตโนมัติ (Automated Investing) ที่จะคอยดูแลปรับพอร์ตให้สัดส่วนสมดุลอยู่เสมอ โดยไม่ต้องบริหารจัดการด้วยตนเอง แต่ยังสามารถออกแบบพอร์ตให้เข้ากับความต้องการเฉพาะตัวได้ เพื่อให้พอร์ตทำกำไรได้ตามที่ต้องการในระยะยาว

“กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth – Thematic จีโนมิกส์และธุรกิจสุขภาพ คือโอกาสครั้งสำคัญ สำหรับนักลงทุนที่ไม่ควรพลาดในช่วงที่ความต้องการวัคซีนเพิ่มมากขึ้นทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ธุรกิจในกลุ่มนี้มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมีแนวโน้มที่ดีในระยะยาว โดยกองทุนส่วนบุคคล Thematic มีการบริหารและจัดพอร์ตอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยีระดับโลก ทำให้นักลงทุนไม่พลาดการลงทุนในเมกะเทรนด์ที่ทรงพลัง ซึ่งจะเสริมทัพพอร์ตลงทุนในระยะยาว ให้แข็งแกร่ง อย่างสบายใจ” นายตราวุทธิ์ กล่าว 

สำหรับ กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth – Thematic เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง และต้องการลงทุนต่างประเทศโดยที่ไม่ต้องบริหารจัดการด้วยตนเอง แต่ยังสามารถออกแบบพอร์ตให้เข้ากับความต้องการเฉพาะตัวได้ โดยเจาะจงเลือกกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคตมาสร้างพอร์ต สามารถเลือกลงทุนได้สูงสุดถึง 5 ธีมต่อพอร์ต เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง และทำกำไรได้ตามที่ต้องการในระยะยาว ขณะเดียวกันก็ยังควบคุมความผันผวน ด้วยการกระจายความเสี่ยงในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ให้มากที่สุด

กองทุนส่วนบุคคล Thematic ของ บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด เริ่มต้นลงทุนเพียง 100,000 บาท พร้อมค่าธรรมเนียมบริหารจัดการเพียง 0.5% ต่อปีเท่านั้น สามารถเพิ่มทุนได้ขั้นต่ำครั้งละ 10,000 บาท สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/2TscC8R หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  LINE @Jittawealth

Jitta Ranking – เวียดนาม คัดหุ้นหัวกะทิ เน้นลงทุนระยะยาว

จิตตะ เวลธ์ ชูผลตอบแทน Jitta Ranking – เวียดนาม ย้อนหลัง 1   ปี  โตเกือบ 100% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามในช่วงเวลาเดียวกันถึง 37.14% ด้วยแนวทางการคัดเลือกหุ้นหัวกะทิของเทคโนโลยี AI มาบริหารจัดพอร์ตการลงทุน ด้าน ‘ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์’ ซีอีโอ ย้ำ ‘ตลาดหุ้นเวียดนาม’ มีมนต์เสน่ห์ เป็นตลาดหุ้นที่มีศักยภาพ  มีการเติบโตของกำไรสูงในขณะที่มูลค่าหุ้นยังถูก จึงมองว่าเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนไทย ลงทุนเพื่อผลตอบแทนระยะยาว 

นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด สตาร์ทอัพรายแรกของไทย ที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการให้บริการกองทุนส่วนบุคคล เปิดเผยว่า Jitta Ranking – เวียดนาม มีผลตอบแทนที่โดดเด่น โดยตั้งแต่ พ.ค. ปีที่แล้วจนถึง พ.ค. ปีนี้ ทำผลตอบแทนรวมได้สูงถึง 93.47% สูงกว่าดัชนีผลตอบแทนรวมของตลาดหุ้นเวียดนาม (Vietnam Index Total Return – VNINDEXTR) ที่ทำได้ 56.33% หรือมากกว่า 37.14% ในช่วงเวลาเดียวกัน

ทั้งนี้ ผลตอบแทนรวมของ Jitta Ranking – เวียดนาม ที่ชนะผลตอบแทนรวมดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามได้นั้น มาจากการบริหารจัดการที่มี “จุดเด่น” และ “แตกต่าง” ในด้านต่างๆ ดังนี้

  1. ใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นเวียดนามทั้งตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ (HOSE) และตลาดหลักทรัพย์ฮานอย (HNX)  โดยจะวิเคราะห์งบการเงินย้อนหลัง 10 ปี ไม่ว่าจะเป็นรายได้ กำไร งบดุล และงบกระแสเงินสด เพื่อนำมาประเมินความแข็งแกร่ง โอกาสการเติบโต และมูลค่าบริษัทนั้นๆ แล้วนำมาจัดอันดับ Jitta Ranking เพื่อค้นหาสุดยอด ‘หุ้นดีราคาถูก’
  2. เทคโนโลยีการบริหารจัดการพอร์ตฟอลิโอแบบอัตโนมัติ (Automated Management) กระจายความเสี่ยงลงทุนในหุ้นลำดับต้นๆ ของ Jitta Ranking และปรับพอร์ตอย่างสม่ำเสมอทุก 3 เดือน จึงทำให้ผลตอบแทนของ Jitta Ranking เวียดนามชนะดัชนีตลาดได้ไม่ยาก
  3. ผลตอบแทนคาดหวังได้ จากการใช้หลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investment – VI) นั่นคือ เน้นการลงทุนในในหุ้นดีราคาถูก ที่คัดสรรด้วยเทคโนโลยี Jitta Ranking ที่พิสูจน์ผลตอบแทนมาแล้วว่าสามารถชนะดัชนีตลาด เหมาะกับการลงทุนในระยะยาว ที่สร้างการเติบโตทบต้นไปเรื่อยๆ
  4. ค่าธรรมเนียมต่ำและยุติธรรม ค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการกองทุนส่วนบุคคลเพียง 5% ต่อปี เพื่อให้นักลงทุนมีต้นทุนที่ต่ำที่สุด และสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าในระยะยาว

“ข้อดีของเทคโนโลยี AI คือสามารถวิเคราะห์หุ้นได้ทั้งตลาดอย่างมีหลักการและปราศจากอคติ จึงสามารถเลือกหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตจริงๆ สะท้อนจากงบการเงินที่แข็งแกร่ง และการบริหารจัดการของ Jitta Wealth ที่ใช้เทคโนโลยีมาจัดพอร์ตอย่างอัตโนมัติ ลงทุนในหุ้นหัวกะทิอันดับต้นๆ ของ Jitta Ranking และดูแลจัดการปรับพอร์ตให้อย่างสม่ำเสมอนั้น ได้พิสูจน์ผลงานสร้างพอร์ตเติบโตเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก ให้กับนักลงทุนไทยมาแล้ว” นายตราวุทธิ์ กล่าว

ทางด้าน นายฟัน จิ้ ทัน เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย เผยว่า เวียดนามมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2559-2563) เฉลี่ยอยู่ที่ 5.9% สูงที่สุดในโลก ขณะที่กระทรวงวางแผนและการลงทุนเวียดนาม (MPI) ได้รายงานว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2564 นักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในเวียดนามในรูปแบบต่างๆ มีมูลค่าการลงทุนทั้งหมดประมาณ 12,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือพุ่งขึ้น 99.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจของเวียดนามในปี 2564 สดใสเป็นอย่างมาก โดยองค์กรการเงินระหว่างประเทศ เช่น World Bank, International Monetary Fund และ Asian Development Bank คาดการณ์ไว้ว่า GDP จะเติบโตอยู่ที่ 6.5-7.0% เลยทีเดียว

“เวียดนามเป็นตลาดที่มีเสน่ห์ เป็นประเทศที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก เนื่องจากเศรษฐกิจเวียดนามเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ต่อเนื่อง ทำให้หุ้นเวียดนามมีการเติบโตของกำไรสูง ในขณะที่มูลค่าหุ้นยังถูก จึงมองว่าเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนไทยที่จะทำการปรับพอร์ต กระจายความเสี่ยง ลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม เพื่อผลตอบแทนระยะยาว สร้างพอร์ตเติบโตไปพร้อมกับประเทศเวียดนาม” นายตราวุทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth นโยบายการลงทุน Jitta Ranking – เวียดนาม ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด สามารถดูข้อมูลได้ที่ https://jittawealth.com/jitta-ranking/vietnam  หรือปรึกษาผู้แนะนำการลงทุนได้ที่ LINE @JittaWealth